ตอนที่ 4
วิสกี้แวะเอาดอกไม้จากร้านคุณเซนต์ซึ่งเป็พาร์ทเนอร์ของเขาอยู่แล้ว แล้วขับรถไปยังสถานีตํารวจทันที
“สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?” เ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งประจำจุดรับเื่ลงบันทึกประจำวันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ จากรูปร่างหน้าตาและช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือ ไม่น่าจะใช่มาเพื่อร้องทุกข์หรือแจ้งความ
“ครับ พอดีผมมาหาสารวัตรภาคภูมิ ไม่ทราบว่าสารวัตรอยู่ไหมครับ” วิสกี้เอ่ยด้วยน้ำหวานและนุ่มนวลชวนหลงไหล
“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ?” เ้าหน้าที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ไม่ได้นัดไว้ครับ” วิสกี้ตอบพร้อมรอยยิ้มสวย เห็นฟันเกือบครบทุกซี่ด้วยความสดใสร่าเริง
“งั้นเชิญนั่งรอก่อนสักครู่ครับ” เ้าหน้าที่ผายมือไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่
“หมวดอ๊อด นั่นคุณวิสกี้ เป็ดีไซน์เนอร์ชื่อดังไม่รู้จักเหรอ ให้เขานั่งตรงนี้ได้ไง เสียมารยาทตาย” เ้าหน้าที่อีกคนเดินเขามากระซิบกระซาบ แต่ด้วยระยะที่ห่างกันไม่มากทำให้วิสกี้ได้ยินทุกถ้อยคำ
“ไม่รู้จักครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปรายงานสารวัตรก่อนนะครับ ผู้กองรับหน้าไปก่อนแล้วกัน” หมวดอ๊อดพูดบอก แล้วเดินตรงไปยังห้องของสารวัตรที่อยู่แยกออกไปอีกฝั่งของสำนักงาน
“เชิญคุณวิสกี้นั่งรอที่ห้องรับรองก่อนครับ” ผู้กองกัสโซ่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มพร้อมเชิญวิสกี้ไปยังห้องรับรองแทน
“จะดีเหรอครับ มันคงดูไม่เหมาะสมเพราะผมมาด้วยเื่ส่วนตัว?” วิสกี้ถามกลับเสียงอ่อนด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็ไรหรอกครับ เชิญนั่งได้ตามสบาย นี่น้ำครับ” ผู้กองกัสโซ่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มหล่อและน้ำเสียงสุภาพนุ่มลึก
“ขอบคุณมากเลยนะครับ เอ่อ” วิสกี้ยกน้ำที่อีกฝ่ายน้ำมาเสิร์ฟขึ้นจบเบาๆพอเป็พิธีเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ
“ผมชื่อผู้กองกัสโซ่ครับ หรือจะเรียกผู้กองกัสก็ได้ครับ ส่วนคนที่คุณวิสกี้เจอเมื่อครู่ชื่ออ๊อดครับ หรือจะเรียกหมวดอ๊อดก็ได้ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” วิสกี้พูดพร้อมรอยยิ้มหวาน
“เป็เกียรติของผมมากๆเลยครับ ที่ได้เจอคุณวิสกี้” ผู้กองกัสโซ่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย
“ผู้กองกัสโซ่ก็พูดเกินไปครับ” วิสกี้ยิ้มเขินนิดๆกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ผมพูดความจริงครับ คุณวิสกี้ดังมาก น้องสาวผมเป็แฟนคลับตัวยงของแบรนด์คุณเลยครับ ถ้าผมจะขอถ่ายรูปคู่ได้หรือเปล่าครับ?” ผู้กองกัสโซ่พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ได้สิครับ ด้วยความยินดี” วิสกี้ตอบกลับอย่างไม่ถือตัว
“เอ่อ ขออนุญาตครับ สารวัตรเชิญคุณวิสกี้ที่ห้องครับ” ยังไม่ทันที่ผู้กองกัสโซ่จะได้ถ่ายรูปกับวิสกี้ หมวดอ๊อดก็เดินเข้ามาในห้องรับรอง
“ครับ เดี๋ยวเราไว้ถ่ายรูปกันทีหลังนะครับ” วิสกี้ตอบรับคำของหมวดอ๊อดก่อนจะหันมาพูดกับผู้กองกัสโซ่
“ครับคุณวิสกี้ ขอบคุณมาก” ผู้กองกัสโซ่เอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มหล่อ
วิสกี้เดินตามหมวดอ๊อดไปยังห้องของสารวัตรภูมิ เมื่อมาถึงหน้าห้องคนที่เดินนำมาทำหน้าที่เปิดประตู และเดินจากไป เขามองคนตัวโตที่กำลังตั้งใจทำงานด้วยความหลงไหล แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มองมาแต่กลับดึงดูดสายตาอย่าน่าแปลกใจ ภายในห้องก็ดูเหมือนห้องทำงานทั่วๆไป ไม่มีอะไรพิเศษ
“สวัสดีครับสารวัตรภูมิ” เสียงหวานของวิสกี้เอ่ยทักทายเพื่อดึงความสนใจจากคนตัวโตที่กำลังอ่านเอกสารด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจัง ไม่ต้องเดินไปดูวิสกี้ก็พอจะเดาได้ว่าเอกสารพวกนั้นคืออะไร
“คุณมาหาผมถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ?” สารวัตรปิดแฟ้มเอกสารแล้ววางมันลงเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวเล็ก ตอนแรกก็แปลกใจว่าใครกันที่ขอเข้าพบ จำได้ว่าเมื่อวานที่บังเอิญเจอกันเขาไม่ได้เอ่ยบอกแม้แต่ชื่อ เลยค่อนข้างแปลกใจที่ตัวเล็กมาหาเขาที่นี่ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายรู้จักทั้งชื่อ และสถานที่ทำงาน
“ผมตั้งใจเอาช่อดอกไม้มาขอบคุณสารวัตรที่ช่วยผมไว้ครับ” เสียงหวานเอ่ยเอื้อนอีกครั้ง พร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้คนตัวโต
“ผมบอกคุณไปแล้วว่าไม่เป็ไร เื่เล็กน้อย” สารวัตรถอดหายใจเล้กน้อย ยื่นมือหนาไปรับช่อดอกไม้นั้นไว้
“แต่ผมอยากขอบคุณนิครับ” วิสกี้พูดด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่ดูจริงใจ
“ครับ ผมจะรับไว้” สารวัตรเอ่ยเสียงเรียบ วางช่อดอกไม้นั้นลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“เอ่อ คือ”
“ครับ ?” สารวัตรมองใบหน้าสวยของคนตัวเล็กอย่างตั้งคำถาม เขาคิดว่าแค่รับดอกไม้ไว้แล้วอีกฝ่ายจะกลับ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็อย่างนั้น
“คือว่าสารวัตรพอจะมีเวลาไปทานข้าวกับผมไหมครับ?” วิสกี้เอ่ยถาม
“ผมไม่ว่างครับ” สารวัตรเอ่ยปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ตอนนี้งานเขาล้นจนแทบไม่มีเวลาออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยซ้ำ แต่ถึงมีเวลาว่างเขาก็ไม่ไป
“เลิกงานก็ได้ครับ” วิสกี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
“เลิกงานก็ไม่สะดวกครับ พอดีผมมีธุระส่วนตัวที่ต้องทำครับ” สารวัตรตอบกลับเสียงเรียบ
“ขอโทษที่รบกวนเวลางานครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” คำพูดที่ดูแสนธรรมดาแต่กลับแทงใจดำคนฟังสุดๆ วิสกี้เลยเอ่ยขอโทษและขอตัวกลับทันที
วิสกี้ออกไปจากห้องแล้ว สารวัตรภูมินั่งลงทำงานของตัวเองเหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สารวัตร ทำไมคุณวิสกี้ถึงทำหน้าเศร้าเดินออกไปละครับ?” ผู้กองกัสโซ่รีบถามหัวหน้าหน่วยงานของตัวเองขึ้นทันทีเมื่อได้เห็นใบหน้าสวยมีความเศร้าเด่นชัดหลังจากเข้ามาหาสารวัตร
“ทำไม?” สารวัตรภูมิละสายตาจากเอกสาร เงยใบหน้าหล่อขึ้นมองลูกน้องในทีม
“ก็เปล่าครับ ดูคุณวิสกี้หงอยๆเศร้าๆต่างจากตอนมา” ผู้กองกัสโซ่พูดอย่างสงสัย ตอนมาวิสกี้สดใสมาก พอตอนกลับคือใบหน้าสวยดูเศร้าสร้อยอย่างชัดเจน
“ไม่มีอะไร” สารวัตรตอบกลับเสียงนิ่งเรียบ
“ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ คุณวิสกี้เป็ถึงดีไซน์เนอร์ชื่อดังเลยนะครับ สารวัตรจะไม่สนใจหน่อยเหรอ?” ผู้กองกัสโซ่ถามยิ้มๆ เหล่ตามองช่อดอกไม้เล็กน้อย
“ไม่ จะเป็ใครผมก็ไม่สน นี่มันเวลางาน ผู้กองก็มีงานของตัวเองไม่ใช่เหรอ?” สารวัตรพูดเสียงนิ่งเรียบแต่เต็มไปด้วยอำนาจ
“ครับ ขอโทษครับ” ผู้กองกัสโซ่รีบก้มหน้ารับคำพูดนั้นทันที
“แยกแยะด้วย เวลางานกับเื่ส่วนตัว” สารวัตรเอ่นเสียงดุ มองอีกฝ่ายอย่างตำหนิ
“รับทราบครับ” กัสโซ่ทำความเคารพแล้วรีบพาตัวเองออกมา เขาได้แต่เกาหัวอย่างงงๆ ไม่เข้าใจสารวัตรภาคภูมิเลยจริงๆ คนที่น่ารักเพรียบพร้อมขนาดนั้นมาหาแต่กลับไม่สนใจสักนิด
หลังจากที่ผู้กองกัสโซ่ออกไปแล้ว สารวัตรภาคภูมิหันมองช่อดอกลิลลี่สีขาวด้วยสายตานิ่งสงบ ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าการที่เขาได้ช่วยคนตัวเล็กไว้จะนำพาให้อีกฝ่าย หอบช่อดอกไม้มาขอบคุณเขาถึงที่นี่ สารวัตรละความสนใจจากช่อดอกไม้แล้วหันมานั่งอ่านเอกสารคดีที่กำลังทำ
@ห้องเสื้อ
วิสกี้กลับห้องเสื้อด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยว ใบหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้เตรียมใจเพื่อฟังคำปฏิเสธของอีกฝ่ายสักนิด ความมั่นใจที่เคยมีลดฮวบ เขามองตัวเองในกระจกบานใหญ่หมุนตัวไปมา
“เราก็หน้ารักนี่ว่า เห้อออออ!” วิสกี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินมายังห้องทำงาน เหมือนเขาอกหักั้แ่ยังไม่เริ่มจีบ เศร้าใจ
“คุณวิสกี้เป็อะไรค่ะ?” จีจี้เอ่ยทักเมื่อเห็นใบหน้าสวยของคุณวิสกี้ดูไม่สู้ดี
“อกหักครับ” วิสกี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“ห๊ะ พูดเป็เล่น ใครกันที่กล้าปฏิเสธคุณวิสกี้?” จีจี้ถึงกับร้องดังลั่นด้วยความใกับสิ่งที่ได้ยิน
“สารวัตรภาคภูมิ”
“จริงเหรอเนี้ย จีจี้ไม่อยากจะเชื่อ?” จีจี้ครางออกมาเบาๆ มองคุณวิสกี้อย่างเอ็นดู
“จริงครับ”
“โอ๋ๆ ไม่ต้องเสียใจค่ะ คนนี้ไม่โอเคก็หาคนใหม่สิค่ะ” จีจี้เอ่ยปลอบพร้อมแนะนำวิธีมูฟออน ถ้าโดนปฏิเสธก็ไม่จำเป็ต้องทน หล่อกว่าสารวัตรเธอเชื่อว่าคุณวิสกี้เอามาเป็แฟนได้แน่นอน
“ถ้าวิสกี้ถูกใจใครหลายคนก็ดีสิครับ วิสกี้ชอบแค่สารวัตรนี่ครับ” วิสกี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
“ชอบเลยเหรอค่ะ เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวเองน่ะ?” จีจี้เอ่ยแย้งเพราะเธอคิดว่ามันเร็วไปสำหรับคำว่าชอบ
“2 ครับ ถ้ารวมวันนี้ด้วยก็ครั้งที่สาม” วิสกี้บอก
“เอ๋ คุณวิสกี้ไปเจอสารวัตรตอนไหนค่ะเนี้ย ทำไมจีจี้ไม่รู้ล่ะ?”
“ที่สวนสาธารณะครับ ตอนวิสกี้ไปวิ่ง”
“อ้อ เช้าของเมื่อวานที่จีจี้ตื่นสายใช่ไหมค่ะ?” จีจี้ถึงกับเข้าใจเื่ทั้งหมดได้ทันที แสดงว่าเมื่อวานต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
“ครับ”
“ว่าแต่คุณวิสกี้ชอบสารวัตรจริงๆเหรอค่ะ แน่ใจแล้วใช่ไหม?” จีจี้ถามย้ำเพื่อความชัวร์ คืออาจจะแค่หลงเสน่ห์ความหล่อของอีกฝ่ายเข้าก็ได้
“วิสกี้ชอบสารวัตรจริงๆครับ” วิสกี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงและแววตาที่จริงจัง แต่กลับประกายความเศร้าหมองออกมา
“งั้นก็อย่าเศร้าค่ะ เราตื้อค่ะ ต้องชนเท่านั้น เขาไม่สนใจ เราก็ไม่จำเป็ต้องแคร์ค่ะ ทั้งสวย รวย ทำงานเก่ง น่ารักครบเครื่องแบบคุณวิสกี้ จีจี้เชื่อว่าคุณสารวัตรต้องพ่ายแพ้” จีจี้เอ่ยเชียร์อย่างให้กำลังใจ
“วิสกี้ก็ไม่ได้บอกว่าจะถอยนี่ครับ” วิสกี้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย มองสบตากับเลขาสาวอย่างเ้าเล่ห์
“อ่าว แล้วทำไมเศร้า” จีจี้รู้ได้ทันทีว่าเธอโดนคุณวิสกี้หลอกเต็มๆ
“ขอเศร้านิดนึงครับ ก็วิสกี้ไม่เคยโดนปฏิเสธ ไม่เคยโดนเมิน และที่สำคัญวิสกี้ไม่เคยโดนไล่นี่ครับ” วิสกี้บอกอย่างสุดเซ็ง ถอนหายใจแรงเมื่อนึกถึงคำพูดของสารวัตรเมื่อ่บ่าย
“ไล่เลยเหรอค่ะ? สารวัตรใจร้ายจัง” จีจี้ถ่มอย่างใ ก่อนจะต่อว่าสารวัตรเล็กน้อย
“เขาไม่ได้เอ่ยปากไล่ครับ แต่การกระทำของเขาบอกให้รู้ว่า วิสกี้กำลังรบกวนการทำงานของเขา” วิสกี้เอ่บบอกเลขาสาว
“โอ้ยยยยย ! จีจี้จะบ้าตาย” จีจี้อุทานขึ้นอย่างไม่เข้าใจ อะไรทำให้คุณสารวัตรไล่เ้านายของเธอ ในเมื่อคุณวิสกี้สมบูรณ์พร้อม จะว่าเื่เพศก็ไม่น่าใช่
“อย่ารีบตายครับ ช่วยวิสกี้ก่อน!” วิสกี้พูดขึ้นพร้อมขำ
“จีจี้แค่บ่นค่ะ ก็คุณวิสกี้อ่ะ คนจีบเป็หมื่นไม่ถูกใจสักคน แค่กลับชอบคนที่เมินตัวเองซะงั้น”
“ก็เขาน่าสนใจนิครับ” วิสกี้ตอบไปตามตรง ยิ่งสารวัตรไม่อยากเข้าใกล้เขามันยิ่งน่าสนใจ ยิ่งสารวัตรปฏิเสธเขายิ่งอยากเอาชนะ
“ค่ะๆ จีจี้เข้าใจ ความหล่อมันบังตาหมดแล้ว” จีจี้เอ่ยแซวยิ้มๆ
“ชิ !” วิสกี้จิปากทำแก้มพองอย่างขัดใจ
“อ่าว งอนอะไรจีจี้ค่ะ ไม่เอาไม่งอนนะค่ะ เดี๋ยวช่วยคิดแผนมัดใจคุณสารวัตรให้ค่ะ”
“จริงน่ะ จีจี้ห้ามโกหก” ั์ตาคู่สวยเป็ประกายขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเลขาสาวจะช่วยเขาคิด
“ค่ะ แต่ตอนนี้เราทำงานกันดีกว่าเน้อะ”
“ครับๆ”
เราทั้งคู่นั่งทำงานด้วยกันจนถึง่เย็น จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน วิสกี้เข้าห้องส่วนตัวเพื่อไปอาบน้ำให้ตัวเองผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามภาพใบหน้าหล่อ นิ่งขรึมของสารวัตรภูมิก็ยังติดตาตรึงใจเขาเหลือเกิน อยากจับอีกฝ่ายล็อกแล้วจูบแรงๆให้หายหมั่นเขี้ยว แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะเขาไม่อยากให้สารวัตรกลัว ดูจากวันนี้แล้วสารวัตรคงเป็คนที่บ้างานคนหนึ่งซึ่งเขาเองก็เป็คนแบบนั้น
“พรุ่งนี้เจอกันครับคุณสารวัตรภูมิสุดหล่อ”
วิสกี้เอ่ยขึ้นเสียงเบา หยิบเทียนหอมกลิ่นโปรดขึ้นมาจุด แล้วนั่งลงแช่น้ำอุ่นมองเปลวเทียนจิบไวน์เบาๆ
………………………………………………..
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้