หลังจากคลื่นพลังรุนแรงพัดผ่านป่าท้อไป ดวงตาค่ายกลก็ถูกทำลายทั้งหมด
ผู้เฒ่าจี๋เล่อลองควบคุมค่ายกลอีกครั้ง กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
กล่าวได้ว่าค่ายกลถูกทำลายไปแล้วด้วยหมัดเดียวของเสิ่นเสวียน!
ครู่หนึ่งผ่านไป ผู้เฒ่าจี๋เล่อเพิ่งตั้งสติขึ้นมาได้ จึงหันมองเสิ่นเสวียนราวกับเห็นตัวประหลาด
เสิ่นเสวียนทำให้เขารู้สึกถึงความลึกลับ ทั้งยังเป็คนรุ่นราวคราวเดียวกับเสวียนหลิงเอ่อร์อีกด้วย แต่ในสายตาของผู้เฒ่าจี๋เล่อ เสิ่นเสวียนยังคงเป็ผู้อ่อนแอ เพราะพลังก็เห็นๆ กันอยู่ หากตนเองยังมีชีวิตอยู่ คิดสังหารเสิ่นเสวียนคงเป็เื่ง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่ง
กระทั่งถึงเมื่อครู่นี้ เขาถึงได้เข้าใจอย่างแท้จริง
พลังของเสิ่นเสวียนแข็งแกร่งอยู่เหมือนกัน เขามั่นใจว่าตนเองไม่มีพลังทำลายค่ายกลในหมัดเดียว
แต่เสิ่นเสวียนทำได้ และเขาทำไปแล้ว
เสิ่นเสวียนในตอนนี้ ระดับความแข็งแกร่งของร่างกายพุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว หยวนก่อกำเนิดหลอมรวมเข้ากับร่างกายทำให้ฟันแทงไม่เข้า
เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นผู้เฒ่าจี๋เล่อที่ยังตื่นตะลึงอยู่บนท้องฟ้า เขาจึงยิ้มให้อีกฝ่ายเพื่อบอกให้รู้ว่าค่ายกลถูกทำลายไปแล้ว
จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังศิลาก้อนนั้น
แล้วก็เป็อย่างที่คิดไว้ หลังจากเดินผ่านต้นท้อไปเพียงไม่กี่ต้น เขาก็มาถึงตรงหน้าศิลาก้อนนั้นแล้ว
ศิลาก้อนนี้คือกองหินที่ทับถมกันเป็ูเาสูงประมาณสามจั้ง นี่คือูเาเทียมที่ผู้เฒ่าจี๋เล่อสร้างขึ้น และเนื่องจากมันอยู่ในป่าท้อ จึงถูกเรียกว่าศิลาดอกท้อ
หลังจากเสิ่นเสวียนมาถึงตรงนี้ เขาเดินเข้าไประหว่างศิลาสองก้อนโดยไม่กล่าวอะไรเลย
และตรงนั้นมีร่างโครงกระดูกอยู่ร่างหนึ่งจริงๆ
ร่างโครงกระดูกนี้ความจริงแล้วเหมือนกองกระดูกมากกว่า มีเสื้อผ้าสีครามกองไม่เป็ทรงอยู่ด้วย แต่สีซีดลงไปมากจนเกือบเป็สีขาวอยู่แล้ว ภายใต้เสื้อผ้าชุดนั้นมีหัวกะโหลกและชิ้นกระดูกที่แตกหักอยู่อีกเล็กน้อย อาจเป็เพราะสายลมพัดผ่านทำให้กระดูกส่วนใหญ่แตกสลายไปแล้ว เหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
โชคดีที่บนเสื้อผ้ามีหินทับอยู่ก้อนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีอะไรเหลือ
่เวลาสามสิบปี หลายๆ อย่างอาจถูกทำลายไปแล้ว
เสิ่นเสวียนยืนมองหินก้อนใหญ่นั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก้มตัวลงเก็บกระดูกเ่าั้ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้อาจเป็ความคิดถึงสุดท้ายของาามารตะวันตก
ทว่าขณะที่มือของเขาััโดนกระดูกเ่าั้ เขาพลันหยุดมือลง เขาในตอนนี้มีทักษะบางอย่างที่สามารถช่วยให้อีกฝ่ายฟื้นคืนกลับมาได้ชั่วขณะ แน่นอนว่าเป็่เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น อีกทั้งกระดูกเหล่านี้ผุมากแล้ว หากหยิบขึ้นมาอาจไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีกเลย
เพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงมาก อาจทำให้พลังจิติญญาของเขาหมดสิ้นไป และพลังอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เสิ่นเสวียนยังตัดสินใจที่จะช่วยเหลืออีกฝ่ายให้ฟื้นขึ้นมา
เขาและาามารตะวันตกเป็สหายกัน ในฐานะสหายแม้ต้องเสียพลังไปก็เป็สิ่งที่ควรทำ
จากนั้นจิติญญาพลันพวยพุ่งออกมาราวกับเส้นใย ปกคลุมโครงกระดูกเบื้องหน้าเอาไว้
หลังจากคนตายไปแล้ว หากมีความโกรธแค้นอย่างรุนแรงก่อนตาย อาจกลายเป็ิญญาร้ายได้ง่าย ในขณะเดียวกันิญญาบางส่วนตามหาสถานที่ไปเกิดไม่ได้ จนกลายเป็ิญญาเร่ร่อนโดดเดี่ยว
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าก็เป็เช่นนี้เหมือนกัน นางกลายเป็ิญญาเร่ร่อนที่โดดเดี่ยวมานานกว่าสิบปี จากนั้นพลังจิติญญาของนางแตกสลายไป นางทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ภายในกระดูกของตนเอง แต่ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว กระดูกโดนพลังมิติกดทับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และยังผ่านกาลเวลาอีก ทำให้นางตายไปแล้วจริงๆ
เมื่อครู่เสิ่นเสวียนััดู รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายยังหลงเหลือจิติญญาอยู่เล็กน้อย
จิติญญาไหลผ่านกระดูกเป็เหมือนเส้นทางเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเพื่อปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นและเดินออกมา
เสิ่นเสวียนทาบฝ่ามือสองข้างลงไปบนกระดูก จากนั้นคลื่นพลังรุนแรงก็พุ่งออกจากฝ่ามือของเขาห่อหุ้มกระดูกเ่าั้เอาไว้ กลายเป็มิติปิดผนึกที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง พลังนี้คือพลังชีวิตของเสิ่นเสวียน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงได้หากพลังหมดลง
และถ้าใช้พลังมากเกินไปจะทำให้พลังของเขาลดลงไปจากเดิมมาก
“เ้าช่างเป็คนยอมเสียสละตัวเอง”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังออกมาจากในมิติ น้ำเสียงทอดถอนใจ
เสิ่นเสวียนในตอนนี้ยิ้มออกมาน้อยๆ หากสามารถใช้ความสูญเสียเหล่านี้แลกกับที่อีกฝ่ายจะไม่เสียใจ เขาคิดว่ามันคุ้มค่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว กระดูกเ่าั้เริ่มมีกลุ่มจิติญญาใหม่ปรากฏขึ้น จิติญญาเหล่านี้ไม่ใช่ของเสิ่นเสวียน แต่แฝงอยู่ภายในกระดูก
“ออกมาเถอะ ข้าไม่ทำร้ายเ้าหรอก”
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นจึงกล่าวกับอีกฝ่ายขณะควบคุมพลัง
จากนั้นกลุ่มจิติญญาค่อยๆ เดินออกมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา กลายเป็ร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง
นางสวมเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อน เกล้าผมมวย เหมือนมาจากตระกูลที่ร่ำรวย
“เ้าคือ?”
หลังจากเด็กสาวปรากฏตัวขึ้น นางมองเสิ่นเสวียนด้วยความรู้สึกแปลกใจ ชีวิตนี้ของนางหมดสิ้นอายุขัยไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะถูกปลุกขึ้นมาอีก และอีกฝ่ายยังดูไม่มีเจตนาร้ายด้วย
“ข้าคือสหายของาามารตะวันตก” เสิ่นเสวียนกล่าว
“าามารตะวันตก? ข้าไม่รู้จัก”
นางส่ายหัวพลางบอกเสิ่นเสวียนว่าไม่รู้จัก
“หืม? ไม่รู้จัก?”
เสิ่นเสวียนตะลึงไปทันทีที่ได้ยิน เขาคิดว่าไม่น่าจะเป็ไปได้ อาณาเขตที่สาม ข้างๆ ศิลาดอกท้อ นี่คือสัญลักษณ์ที่าามารตะวันตกบอกเอาไว้ แต่ทันใดนั้นเสิ่นเสวียนก็นึกขึ้นได้จึงกล่าวขึ้น
“แล้วเสี่ยวสือโถวล่ะ”
เสี่ยวสือโถวเป็ชื่อเล่นวัยเด็กของาามารตะวันตก น้อยคนที่จะรู้เื่นี้ ก่อนเข้ามาาามารตะวันตกบอกให้เรียกเขาว่าเสี่ยวสือโถวซึ่งมีเพียงนางที่รู้จัก บนกระดูกของนางมีก้อนหินวางอยู่ แสดงว่าเขาปกป้องนางไว้ตลอด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็การทิ้งร่องรอยไว้ให้เขาด้วย คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้จริงๆ
“เ้าเป็สหายของเสี่ยวสือโถวอย่างนั้นหรือ”
แล้วก็เป็ดังคาด หลังจากเสิ่นเสวียนเอ่ยชื่อเสี่ยวสือโถวออกมา เด็กสาวคนนั้นสีหน้ามีความสุขขึ้นมาทันที
ฉายาาามารตะวันตก เป็ชื่อเสียงที่เขาได้มาหลังออกจากสุสานไปแล้ว อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ได้
“ใช่ สามสิบปีที่ผ่านมานี้เขาวางแผนอยู่ตลอดว่าจะพาเ้าออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร ดังนั้นจึงให้ข้าเข้ามาที่นี่ในตอนนี้ เ้าน่าจะรู้แล้วว่าวาระสุดท้ายของตนเองกำลังจะมาถึง มีอะไรอยากบอกเขาไหม ข้าจะไปบอกเขาให้”
“มี”
เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กสาวต่อต้านเสิ่นเสวียนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณเขามากที่ยังจดจำข้าได้ เ้าไปบอกเขา ตอนนั้นข้าเต็มใจที่จะรับพลังเ่าั้แทนเขา เขาอย่าได้โทษตนเอง”
“ได้ตายในอ้อมอกของเขา ข้าไม่เสียใจแล้ว หวังว่าเขาจะปล่อยวางลงได้และใช้ชีวิตต่อไปอย่างเป็สุข”
เสิ่นเสวียนตั้งใจจดจำอยู่ข้างๆ น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีหินภาพเสมือน ไม่อย่างนั้นคงบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปให้าามารตะวันตกเก็บเอาไว้ได้
“ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”
เด็กสาวครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าว
“ไม่มีแล้วหรือ”
เสิ่นเสวียนตะลึง ตนเองต้องเสียพลังไปมากขนาดนี้ นางกลับกล่าวออกมาเพียงสองประโยค จะรีบเกินไปหรือเปล่า!
“เ้ายังมีเวลา ความจริงเ้ายังกล่าวได้อีก ให้เขาจดจำเ้าได้”
“ไม่ต้องแล้ว ขอบคุณเ้ามาก”
เด็กสาวเพียงส่ายหัว ไม่คิดจะกล่าวอะไรอีก
“เช่นนั้น หลังจากเขาได้ยิน...”
“ถึงคราวที่เ้าได้รักใครสักคนจากใจจริง เ้าจะรู้เองว่าขอเพียงอีกฝ่ายมีชีวิตที่ดี ไม่ว่าอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ข้าตายไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์บอกว่าชอบเขาได้อีก มิอาจดึงรั้งเขาไว้ได้อีก ไม่อย่างนั้นเขาคงก้าวต่อไปไม่ได้ทั้งชีวิต เขายังต้องมีชีวิตของเขา ข้าจะเห็นแก่ตัวไม่ได้”
เห็นเสิ่นเสวียนยังไม่เข้าใจ เด็กสาวเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ แล้วอธิบายให้เสิ่นเสวียนฟัง
เสิ่นเสวียนไม่เข้าใจเลยจริงๆ แม้ชาติก่อนเขาจะเป็เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ แต่เื่ความรักระหว่างบุรุษสตรีกลับว่างเปล่า เขาในชาติก่อนมีเป้าหมายเดียวคือการฝึกฝน
“อาจเป็อย่างนั้นก็ได้!”
เสิ่นเสวียนไม่รู้จะกล่าวอะไรดี แต่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของอีกฝ่าย
“ข้ายังพอมีเวลา ข้าเล่าเื่ของพวกเราให้เ้าฟังแล้วกัน!”
ใบหน้าเลือนรางของเด็กสาวส่งยิ้มออกมาน้อยๆ