งานเฉลิมฉลองนี้ มิใช่เพื่อใครอื่นแต่เพื่อ เซี่ยเฟิงจวิ้น บุตรชายคนโตแห่งตระกูลเซี่ยชายหนุ่มผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเกิดมาพร้อมพร์เหนือสามัญอัจฉริยะที่โลกฝึกตนต่างจับตามองั้แ่ยังเยาว์วัยในยามที่เขาก้าวสู่วัย 19 ปีทั่วทั้งลานกว้างของตระกูลล้วนเต็มไปด้วยคำยกยอ
“สมแล้วที่เป็บุตรของเซี่ยเหวินเทียน!”“รูปโฉมสง่างาม พร์เฉียบคม หาใครเทียบเคียงได้ยากยิ่ง!” ชายหนุ่มผู้นี้ยิ้มรับถ้อยคำเ่าั้ด้วยสีหน้าสุขุมและมั่นใจยามเขาหัวเราะ เสียงหัวใจของสตรีทั้งงานก็แทบหยุดเต้นยามเขายกจอก สุราหอมก็คล้ายจะขับเคลื่อนพลังิญญารอบตัวผู้เป็บิดา เซี่ยเหวินเทียน ยืนอยู่เบื้องหน้าบุตรชายใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจถึงขีดสุดในฐานะผู้นำตระกูลผู้แข็งแกร่งเขาไม่ต้องเอ่ยคำใด… แต่เพียงยืนเฉย ๆ ก็ราวกับเป็ศูนย์กลางของฟ้าและดิน
ข้างกายเขาคือ เซี่ยนเยวี่ยหลาน ฮูหยินใหญ่ ผู้เปี่ยมด้วยความงามและบารมีนางคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับสิทธิ์ในการยืนเคียงข้างผู้นำตระกูลทั้งที่จริงแล้วข้างกายเขานั้นมีผู้หญิงมากมาย
"เซี่ยนเยวี่ยหลาน เ้าช่วยทำหน้าดีๆ หน่อยได้ไหม ช่วยรักษาหน้าข้าหน่อย" เสียงกระซิบของ เซี่ยเหวินเทียน ดังเบา ๆ ข้างหูนาง แม้ริมฝีปากของเขายังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม แต่สายตากลับเฉียบคมดั่งคมดาบที่ใช้กรีดคำตำหนิลงบนหัวใจของนางั้แ่งานเริ่มขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าใบหน้าของนางแสดงออกอย่างฝืนฝืนแม้นางจะพยายามยิ้มให้สมบทบาทขอ มารดาผู้ภาคภูมิใจแต่ในทุกครั้งที่เสียงยกยอหลั่งไหลมายังบุตรชายของนางหัวใจของนางกลับยิ่งแน่นตื้อยิ่งเสียงหัวเราะดังขึ้นมากเท่าไหร่เงาอดีต ก็ยิ่งกระซิบสะท้อนกลับมาในจิตใจของนางชัดเจนเท่านั้น
ยี่สิบปีก่อน...นางให้กำเนิดทารกน้อยเพศหญิงใบหน้าของเด็กคนนั้นงดงาม อ่อนโยน และแววตาใสกระจ่างดุจน้ำค้างยามรุ่งแต่ก่อนที่นางจะได้อุ้มลูกนานกว่าสองวันทารกน้อยผู้นั้นกลับถูกตราหน้าว่า ไร้พร์เซี่ยเหวินเทียนเอ่ยคำนั้นกับนางด้วยสีหน้าเฉยชาหากไม่อาจรักษาหน้าของตระกูล ก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อ
นางผู้เป็แม่จำต้องตัดใจ ทอดทิ้งเืเนื้อในอกเพียงเพื่อรักษาความโปรดปรานจากชายคนรักเพียงเพื่อเกียรติของตระกูลที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของใครนาง…ไม่ได้แม้แต่จะตั้งชื่อให้ลูกสาวของตนด้วยซ้ำ
ปีถัดมา นางให้กำเนิด เซี่ยเฟิงจวิ้น ชายหนุ่มรูปงามผู้เปี่ยมพร์ความภาคภูมิใจสูงสุดของเหวินเทียน และกลายเป็โล่กำบังอดีตที่น่าอัปยศของตระกูลแต่โชคชะตากลับโหดร้ายกว่านั้นปีต่อมา เมื่อนางคลอดบุตรอีกครั้งทารกผู้นั้นกลับถูกกำจัด ด้วยน้ำมือพ่อของเขาเอง... เพราะเขาก็ไร้พร์เช่นกัน
ครั้งแล้วครั้งเล่า…เด็กน้อยผู้ไม่สมบูรณ์แบบสำหรับตระกูล ถูกลบเลือนราวไม่มีตัวตนนับสิบชีวิตบางคนยังไม่ทันได้ร้องไห้ครั้งแรกก็ถูกตัดสินว่าควรตายเพื่อไม่ให้เป็รอยด่างในภาพลักษณ์ของตระกูลเซี่ยบัดนี้... มีลูกเพียง 5 คนที่ยืนอยู่เคียงข้างเซี่ยเหวินเทียนแต่ละคนเกิดจากสตรีต่างมารดาแต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน “พร์อันน่าตื่นตะลึง”พวกเขาคือหมากที่ชายผู้นั้นภาคภูมิใจและในขณะเดียวกัน... ก็เป็รอยมีดที่กรีดลงบนหัวใจของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเซี่ยนเยวี่ยหลานยืนนิ่งใบหน้าสง่างามยังคงแย้มยิ้มบาง ๆ แต่ในดวงตาของนาง… คือมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่าไร้ชีวิต“หากเ้าไม่พอใจก็จงดับลมหายใจของข้าซะ” น้ำเสียงของ เซี่ยนเยวี่ยหลาน เอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็นและเฉียบขาดไร้ซึ่งความสั่นไหว…ไร้ความหวาดกลัวแต่แท้จริงแล้ว คำพูดนั้นไม่ได้เป็เพียงการประชดประชันหากแต่เป็ประโยคที่เปี่ยมด้วยความสิ้นหวังและหมดสิ้นศรัทธา เซี่ยเหวินเทียน หันขวับมามองนาง ใบหน้าของเขายังคงรักษารอยยิ้มไว้แต่ในแววตากลับแผดเงาแห่งความขุ่นเคืองที่กำลังปะทุอยู่ภายใน
“เ้า... เ้านี่มันช่างน่าชังนัก หึ!” เสียงของเขาแม้จะเบา แต่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่สั่นะเือยู่ภายในอกแต่เพราะในยามนี้ แเื่มากมายจากทั่วหล้าเบียดเสียดอยู่รอบกายเขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออกอย่างอัปยศ
บริเวณหนึ่งในมุมมืดของงานเลี้ยง ใต้เงาเสาศิลาและม่านผ้าสีเงินที่พัดไหวตามสายลมยามค่ำหญิงสาวผู้หนึ่งยืนเงียบ... แววตาของนางเ็าและแน่นิ่งไป๋เสวี่ยหรง นางจ้องมองฉากตรงหน้าโดยไม่เอ่ยคำแววตาคู่งามของนางไร้ซึ่งแววสะท้อนใด ๆ ใบหน้าเรียบเฉย ราวกับเทพีแห่งน้ำแข็งที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากความเงียบงันนางมองชายหญิงผู้ให้กำเนิดตนเองหนึ่งคือผู้นำตระกูล ผู้มีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม…แต่มือเปื้อนเือีกหนึ่งคือหญิงที่เคยอุ้มท้องนางไว้…แต่กลับทอดทิ้งนางเพื่อศักดิ์ศรีาแในอดีต...ไม่ต้องเปิดออกก็ยังคงเจ็บ
ฮูหยินใหญ่ เซี่ยนเยวี่ยหลานหญิงงามผู้เป็หน้าเป็ตาของตระกูล...ลุกเดินออกไปจากงาน โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองแผ่นหลังของนางที่ห่างไกลออกไปนั้น สง่างามและเงียบงันแต่สำหรับเซี่ยเหวินเทียนแล้วมันคือฉากแห่งความอัปยศที่ไม่ควรปรากฏในงานเลี้ยงระดับนี้
“ฮูหยิน! กลับมา” เขาเผลอตัวจะะโเรียกนางตามสัญชาตญาณแต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาของแขกนับร้อยจ้องมองอยู่รอบข้างเขาก็กลืนคำพูดนั้นลงไปแทบจะทันทีริมฝีปากที่ฝืนยิ้มใบหน้าที่ถูกปั้นขึ้นด้วยทักษะการแสดงขั้นสูงสุดเขาหัวเราะเบา ๆ พร้อมหันไปกล่าวกับแขกผู้มีเกียรติที่ยืนอยู่ใกล้ตัว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ่นี้ฮูหยินใหญ่ของข้าดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายนัก”“นางอาจต้องพักผ่อนมากขึ้น ข้าคงต้องขออภัยแทนนางด้วยจริง ๆ” น้ำเสียงของเขานั้นอ่อนโยนและเป็มิตร จนแขกหลายคนพยักหน้าเข้าใจทว่า... หากมีผู้ใดได้ยินเสียงในใจของเขาในยามนี้พวกเขาจะได้ยินเพียงแค่คำรามของเปลวเพลิงแห่งความขุ่นเคืองเนื้อตัวของเซี่ยเหวินเทียน... กำลังสั่นเทาไม่ใช่เพราะความอ่อนแอแต่เป็เพราะความโกรธที่ถูกตอกย้ำกลางงานเลี้ยงต่อหน้าสายตาของบุคคลสำคัญทั่วทั้งเมืองหลวงเขาเค้นยิ้มต่อไป...แต่ภายในนั้นกำลังปะทุและสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตไม่ใช่ “ความล้มเหลว” แต่คือ “การเสียหน้า”
ใต้แสงจันทร์ที่ทอดผ่านผิวน้ำอันเงียบสงบของทะเลสาบในเขตหลังจวน สายลมยามราตรีพัดแ่พาเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็จังหวะเบา ๆ ทว่าไม่อาจกลบเสียงสะอื้นที่สั่นไหวอยู่ภายในเงามืดนั้นได้เลยฮูหยินใหญ่ เซี่ยนเยวี่ยหลานอดีตสาวงามแห่งยุคผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็ดั่งอัญมณีล้ำค่าในหมู่สตรีทั้งแผ่นดินในค่ำคืนนี้... กลับกลายเป็เพียงเงาร่างของหญิงคนหนึ่งที่สวมมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีด้วยหัวใจที่แตกร้าวร่างของนางยืนสั่นเทาอยู่ริมทะเลสาบเสียงสะอื้นขาดเป็ห้วงหยาดน้ำตาไหลอาบลงบนแก้มงามที่เคยเชิดสูงอย่างหาญกล้าบัดนี้ช่างดูบอบบาง… เปราะบางจนแทบจะพังทลายได้เพียงปลายนิ้วัั
“ลูกแม่… แม่ขอโทษ...”“แม่ขอโทษ...ที่เคยเลือกรักคนผิด ขอโทษ...ที่ละทิ้งเ้า...”
นางยกมือขึ้นปิดหน้า ราวกับไม่กล้าจะมองแม้แต่เงาสะท้อนของตนเองในผืนน้ำเพราะสิ่งที่สะท้อนกลับมา ไม่ใช่หญิงงามผู้สูงศักดิ์แต่เป็แม่ผู้ทอดทิ้งบุตรของตน…ด้วยน้ำมือของความกลัวและศักดิ์ศรีในยามที่จิตใจถูกกรีดลึกด้วยความสำนึกเสียงหนึ่ง…เสียงที่เย็นเยียบประหนึ่งน้ำแข็งพันปีดังขึ้นจากด้านหลังของนาง
“ท่านมีหัวใจกับเขาด้วยอย่างงั้นเหรอ?” เสียงนั้นนิ่ง… เยือกเย็น… และกรีดแทงดุจมีดที่ไม่ต้องเปื้อนเืก็ทำให้คนฟังขาดใจได้ เซี่ยนเยวี่ยหลานสะดุ้งเฮือกนางรีบเช็ดคราบน้ำตาอย่างลวก ๆ หันหลังกลับมาด้วยความตื่นตระหนกแววตาที่เคยเฉียบคมและสงบนิ่ง บัดนี้อาบไปด้วยความสับสนและใสิ่งที่นางเห็น…คือหญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างอรชร ผิวพรรณขาวซีดเยือกเย็นดุจหยกน้ำแข็งเรือนผมดำสนิทปลิวไหวใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากากสีเงินที่แวววาวราวกับจันทรานางไม่เคยเห็นสาวน้อยผู้นี้มาก่อนแต่เหตุใด…
เพียงแค่สบตากันผ่านช่องหน้ากากนั้นหัวใจของนางกลับสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ราวกับอะไรบางอย่างที่ลึกสุดในจิตใต้สำนึก… กำลังกระซิบเรียก
“เ้าเป็ใคร...” เซี่ยนเยวี่ยหลานถามออกมาอย่างแ่เบา แม้น้ำเสียงจะสั่น แต่ก็เปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดจากความรู้สึกบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้