ฉันที่ยังคงจำเหตุการณ์วันนั้นได้เป็อย่างดี เพราะหลังจากนั้นฉันก็รีบตรงดิ่งกลับมาบ้านป้านีที่ได้ยืนรอฉันอยู่ก่อนแล้วก็ได้บอกว่าถึงข่าวร้ายที่เกิดขึ้นว่าตอนนี้พ่อของฉันท่านถูกส่งไปที่โรงพยาบาลแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยป้านีที่เป็ห่วงความรู้สึกของฉัน แกก็ได้ให้เหตุผลว่าตอนที่โทรไปที่ยังไม่ยอมบอกกับฉันทางโทรศัพท์ในตอนนั้น เพราะแกไม่อยากให้ฉันใจนเป็อันตรายไปจึงได้บอกให้ฉันมาเจอกันที่บ้านก่อน จากนั้นค่อยไปโรงพยาบาลพร้อมกันกับแก ส่วนฉันหลังจากที่ได้ฟังข่าวเกี่ยวกับพ่อของตัวเองแล้วนั้น ตัวฉันก็ถึงกับเกิดอาการช็อกจนสมองขาวโพลนตาลายแทบจะเป็ลมล้มลงไป โชคยังดีที่วินาทีนั้นฉันได้ป้านีปรี่เข้ามาประคองเรียกสติไม่ให้ดับวูบได้ทัน ไม่อย่างนั้นฉันคงได้เป็ลมหัวฟาดพื้นไปอย่างแน่นอน
จากนั้นป้านีก็รีบพาฉันไปยังโรงพยาบาลที่ส่งพ่อของฉันไปรักษาทันที แม้ว่าทั้งฉันและป้านีจะยังไม่รู้สถานการณ์ของพ่อที่แน่ชัดว่าตอนนี้อาการของท่านว่าเป็อย่างไรบ้าง แต่ทว่า...ด้วยสายใยระหว่างพ่อลูกบางอย่าง อีกทั้งความรู้สึกข้างในที่มันวูบโหวงแปลก ๆ มันทำให้ฉันอดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้ เมื่อความรู้สึกนั้นมันช่างไปคล้ายเหมือนเมื่อคราวที่แม่ของฉันท่านได้ทิ้งฉันไปเมื่อหลายปีก่อน
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามข่มใจและความคิดอกุศลเอาไว้ไม่ให้ฟุ้งซ่าน ก่อนจะพาร่างวิ่งถลาไปตามทางเดินโรงพยาบาลที่ชี้ทางไปยังห้องฉุกเฉิน
‘คะ...คุณหมอค่ะ พะ...พ่อของหนู พ่อของหนูเป็ยังไงบ้างคะ ฮึก...ฮึก...’ ฉันตรงเข้าไปเขย่าแขนของคุณหมอสูงวัยที่เพิ่งออกมาจากประตูห้องที่อยู่ตรงหน้า
และด้วยห้องฉุกเฉินที่มีเพียงผู้ป่วยชายวัยกลางคนที่เพิ่งถูกส่งตัวมารักษาด้วยอาการเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้คุณหมอที่ถูกถามจากญาติผู้ป่วยอย่างฉันรับรู้ได้ทันทีเลยว่าคนตรงหน้าถามถึงอาการของผู้ป่วยคนไหน อีกทั้งสีหน้าที่แสดงถึงความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจของคุณหมอก็เป็คำตอบได้ดีเลยว่า...ไอ้ความคิดอกุศลเมื่อครู่นี้มันได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
‘หมอเสียใจด้วยนะครับ’ คุณหมอพูดเพียงสั้น ๆ ก่อนจะโค้งหัวเล็กน้อยเพื่อแสดงความเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น ส่วนฉันที่เมื่อความรู้สึกจุกอกได้ทะลักตีตื้นมาคลอที่เบ้าตาแล้วนั้น ก็ไม่อาจจะต้านทานหยาดน้ำตาเ่าั้ได้อีกต่อไป
‘ฮึก ฮึก ฮือออออ ~~’ ฉันปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร พร้อมกับร่างบางที่ทรุดกายลงไปนั่งกับพื้นอย่างคนที่หมดแล้วซึ่งความหวังทุกอย่าง นั่นก็เพราะว่า...นับจากวินาทีนี้ฉันได้เหลือแค่เพียงตัวคนเดียวบนโลกใบนี้อย่างเป็ทางการแล้ว...
‘ฮืออออออ ~~ ทำไมพ่อถึงต้องทิ้งหนูไปอีกคนด้วยล่ะคะ ทำไมไม่รอดูความสำเร็จของหนูก่อน ทำไมกันค่ะ หรือหนูเป็เด็กไม่ดีเหรอ พ่อกับแม่ถึงได้ทิ้งหนูไปกันหมด ฮือออออ ~~’ ฉันพร่ำพรรณนาออกมาอย่างสุดจะอัดอั้น ภาพความทรงจำั้แ่ครั้งพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกกัน ได้ฉายวนมาให้ฉันได้รับรู้ว่าความจริงอันแสนเ็ปอีกครั้ง
‘ฮืออออออ ~~ ลินยังน้อยใจพ่ออยู่นะคะ พ่อต้องกลับมาหาลินซิ กลับมาง้อลินเหมือนเมื่อตอนลินเด็ก ๆ ก่อนซิ กลับมาพาลินไปกินไอติมอร่อย ๆ ก่อนซิค่ะ ฮึก...ฮึก ฮือออออ ~~’ ฉันพรั่งพรูความรู้สึกที่มีข้างในออกมาอย่างไม่สนว่าใครจะมองด้วยสายตาแบบไหน เพราะถึงแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาฉันอาจจะคิดว่าหัวใจของตัวเองด้านชาในเื่ครอบครัวไปแล้ว แต่พอได้มาเจอกับสถานการณ์การสูญเสียพ่อขึ้นมาเข้าจริง ๆ มันก็ทำให้ฉันได้รับรู้ว่าที่แท้จริงแล้วฉันนั้นยังรักพ่อของฉันมาก มากจนเกินกว่าจะทำตัวให้ไร้ความรู้สึกกับการที่ต้องเสียท่านไปได้
ป้านีที่ทอดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยใจที่ปวดร้าว เธอที่เข้าใจถึงสถานการณ์ของเด็กสาวตรงหน้าทุกอย่างถึงกับอดที่จะแสดงความหดหู่ต่อสิ่งที่ได้พบได้เห็นในวันนี้ไม่ได้ นั่นก็เพราะเธอเองก็รับรู้เื่ราวของเด็กสาวมาโดยตลอด นับั้แ่เด็กคนนี้ยังตัวกะเปี๊ยกเล็กนิดเดียวจนบัดนี้เติบใหญ่โตเป็สาว อีกทั้งยังรู้เื่ที่แม่ของเด็กสาวทิ้งไป รวมถึงเื่ราวในรักครั้งใหม่ของคนเป็พ่อที่เกิดขึ้นจนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกห่างเหินกัน
ความรู้สึกสงสารเข้าเกาะกินหัวใจหญิงวัยกลางคนอย่างป้านีทันที นั่นก็เพราะเธอเองรู้ดีถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเื่ราวการสูญเสียในครั้งนี้
ย้อนไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ~~
ป้านีที่ได้ยินเสียงทะเลาะดังออกมาจากบ้านของเด็กสาว ด้วยความอยากรู้บวกกับเป็ห่วงคนในบ้านตามประสาบ้านใกล้เรือนเคียง ทำให้เธอแอบออกมาดูและได้พบกับความจริงที่ว่า ยุพินเมียใหม่ของพ่อเด็กสาวที่เธอรักและเอ็นดูมาั้แ่เล็กแต่น้อยหล่อนแอบ...เล่นชู้ อีกทั้ง ณ เวลานั้นก็ดันประจวบเหมาะกันกับที่พ่อของเด็กสาวกลับมาเห็นพอดี ทำให้เขาที่บันดาลโทสะขับรถไล่ตามชู้ที่ขับมอเตอร์ไซค์หนีออกไป จนตัวเองต้องมาพบกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้
หญิงวัยกลางคนได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างนึกสงสารในชะตากรรมของเด็กสาว ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปประคองร่างอันสั่นเทา แล้วโอบกอดปลอบประโลมให้ความอุ่นใจ
‘ไม่เป็ไรนะหนูลิน...พ่อเขาไปสบายแล้วนะ’ ป้านีเอ่ยปลอบฉันพร้อมกับลูบหัวอย่างแ่เบา แต่ทว่า...คำปลอบนั้นไม่อาจทำให้ความเ็ปในหัวใจของฉันลดน้อยลงไปได้เลย
‘ฮึก ฮึก ป้านีค่ะ ลินไม่ดีตรงไหนเหรอคะ หรือว่าลินยังเป็เด็กดีไม่พอเหรอคะ ทำไมทุกคนถึงทิ้งลินไปกันหมดเลย ฮึก...ฮืออออ ~~’ ฉันที่ยังคงเสียใจและนึกสงสัยในตัวเองว่าฉันมันเป็นังเด็กตัวซวยหรือยังไงกัน เพราะนอกจากความเ็ปจากเหตุการณ์ที่แม่ที่ทิ้งไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ต้องมาเสียพ่อไปอีกคน
‘ไม่คิดแบบนี้นะลูก...หนูลิแพศยา’ ป้านียังคงเอ่ยปลอบด้วยเสียงอันอบอุ่นแต่สั่นเครือพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความสงสารเอาไว้ไม่ให้ไหล เนื่องจากแม้ว่าตัวเองจะรู้สึกสงสารเด็กสาวตรงหน้าจับใจเพียงใด แต่เธอก็จะไม่ร้องไห้ออกมาจนทำให้เด็กสาวต้องเสียขวัญไปมากกว่านี้
จากนั้นไม่นาน ร่างอวบอั๋นของยัยแม่เลี้ยงแพศยาที่แสนจะร้ายกาจคนนั้นก็ได้มาถึงโรงพยาบาลแล้วทำการแสดงทันที
นังแม่เลี้ยงตัวร้ายเริ่มทำการแสดงด้วยท่าทีร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจ เธอแสดงจนใครต่อใครที่ไม่รู้ความจริงต่างมองมาด้วยสายตาสงสาร แต่ทว่า...มารยาที่เธอแสดงออกมานั้น กลับไม่ได้ทำให้ฉันแปลกใจเท่ากับที่ด้านข้างของเธอดันมีผู้ชายหน้าละอ่อนที่ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนกำลังโอบประคองร่างยั่วยวนนั้นอยู่ จากนั้นเสียงของเ้าหน้าที่พยาบาลก็ดังขึ้น...
‘ใครเป็ญาติผู้เสียชีวิตค่ะ’ พยาบาลสาวเอ่ยถามพร้อมกับมองกวาดสายตาไปทั่ว
‘ฉันค่ะ / ฉันค่ะ’ ทั้งฉันและนังผู้หญิงมารยาร้ายกาจต่างพูดออกมาพร้อมกันทันที
และก่อนที่ฉันจะทันได้ชี้แจงอะไรออกไปนั้น ผู้หญิงที่มีฐานะเป็แม่เลี้ยงของฉันก็ได้เผยความจริงที่ทำให้ฉันถึงกับช็อกยิ่งกว่าถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแรงสูง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้