ไท้หยูยังไม่ตายทว่าสภาพร่างไม่ต่างจากตายสักเท่าใด ิักล้ามเนื้อเหี่ยวแห้งราวกับซากไม้ที่โต้ลมตากแดดมานานนับปี ผมเผ้าที่ดำขลับยาวสลวยยามนี้เปลี่ยนเป็สีขาว มีบางส่วนแห้งกรังจนขาดครึ่งไป หลังงองุ้มราวกับตาเฒ่าอายุร้อยปีที่เพียงลมแรงพัดผ่านก็จะปลิวตามลมไป
โชคดีที่ยามนี้ไท้หยูหลับใหลไปแล้ว ดังนั้นไม่ได้รับรู้ถึงสารรูปที่น่าสมเพชนี้ของตนเอง หาไม่แล้วคงทั้งปวดใจทั้งโกรธแค้นปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งที่กระทำเื่เช่นนี้
สำหรับปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง ชีวิตของไท้หยูไม่ได้มีความสำคัญมากมาย ทว่าเป็ผลประโยชน์ที่ร่างของไท้หยูสามารถหยิบยื่นให้เขาต่างหากที่มีความสำคัญ ไท้หยูแม้ปากกล่าวว่ายอมรับทว่ายังไม่เริ่มฝึกวิถีตรีภาคา สำหรับตาเฒ่าที่มีชีวิตอยู่เมื่อพันปีก่อนผ่านวันดุจปี ดังนั้นกลายเป็คนใจร้อนไม่ชอบรีรอ
เขารอคอยจังหวะเช่นนี้จึงสามารถกระทำได้ เพราะไท้หยูยกร่างให้เขาควบคุม อีกอย่างหนึ่งที่เขามิได้บอกต่อไท้หยูก็คือ การดึงเส้นปฐีเมื่อใช้อาวุธคู่กายเป็สิ่งบรรจุ สุดท้ายเมื่อนำเส้นปฐีออกจากอาวุธย่อมต้องทำลายดาบทิ้งไป นี่ความจริงเป็แผนการของเขา การดึงเส้นปฐีมาสู่สำนักพันปีไม่ได้เป็จุดประสงค์หลัก ทว่าเป็การทำร้ายไท้หยูให้เขาไม่สามารถควบคุมร่างได้ต่างหากจึงเป็เป้าหมายของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง
ดั่งที่เขากล่าวกับฉงฉง หากการทดลองนี้ไม่สำเร็จไท้หยูจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปล้วนไม่สำคัญแล้ว เพราะต่อให้อยู่ต่อไปได้ทว่าไม่สามารถฝึกวิถีจนสำเร็จ พวกเขาก็ไม่มีความหวังจะได้ร่างกลับคืนสู่โลกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงลงมือโดยอำมหิต
“ยามนั้นเศษเสี้ยวหนึ่งของข้าระหกระเหินทั้งแผ่นดินใกล้จะแตกสลาย พบเจอกลิ่นอายแบบเดียวกับตนเองจึงเข้ามายังที่แห่งนี้ น่าเสียดาย ชิ้นส่วนที่เ้าทิ้งไว้ถูกปิดกั้นด้วยมหาพยุหะที่ร้ายกาจเหล่านี้ ทำให้ข้าได้แต่ดูดซับกลิ่นอายให้ตนเองฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ” ฉงฉงเอ่ยขึ้น
เสียงทรงอำนาจของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งแค่นหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า
“สิ่งที่สำคัญที่สุดข้าย่อมต้องปกป้องเอาไว้อย่างดี มิเช่นนั้นไหนเลยจะมั่นใจว่าจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้”
ยามนั้นแสงเรืองรองบนสลักกลไกพลันเรืองแสงเจิดจ้าสีแดง คล้ายเส้นโลหิตมากมายกำลังขยับเคลื่อนไหว ได้ยินเสียงตุบตับราวกับหัวใจั์ตื่นขึ้น จากนั้นเส้นเืเส้นหนึ่งพลันทะลวงใส่หว่างคิ้วศีรษะของไท้หยู ดวงตาที่หม่นแสงพลันเจิดจ้าทรงพลัง กลิ่นอายราวกับเทพาลงมาสู่โลก
ฉงฉงรับรู้กลิ่นอายทรงพลังพลันกล่าวออกมาว่า
“ในตอนที่อยู่จุดสูงสุดเ้าอาจจะเทียบกับข้าได้ แปดในสิบ”
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งแค่นเสียงดังเหอะกล่าวเย้ยหยันว่า
“เ้าเป็แค่สัตว์ยังกล้าเทียบกล้าข้าที่เป็มนุษย์ชั้นสูงหรือ ข้ายัง้าดูหากอยู่ใน่เวลาเดียวกันเ้าจะสามารถสร้างาแให้แก่ข้าได้หรือไม่”
ยามนั้นเส้นเืทะลวงเข้ามาภายใน ราวกับลูกหนังถูกเป่าลมเข้าไป ร่างที่เหี่ยวแฟ่บไปแล้วพลันค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ร่างกายกลับสูงขึ้นทีละน้อยเส้นผมที่แห้งกรังขาดครึ่งกลับมาเป็สีนิลให้ความรู้สึกลี้ลับอยู่บ้าง ร่างกายกลับมากำยำทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งควบคุมร่าง ก้มมองสองมือกำแล้วปล่อยอยู่หลายครา กล่าวว่า
“การมีร่างกายจึงเป็เื่ประเสริฐที่สุด ในตอนนั้นข้ามิน่าหลงเชื่อตาเฒ่านั้น”
แกรก แกรก แกรก
สลักกลไกที่ใต้เท้าพลันหยุดลงจากนั้นที่ใกล้แท่นใสใจกลางห้องปรากฏช่องว่างสีดำเปิดออก ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งโบกมือกล่าวว่า” มา” ในความมืดมิดมีแสงสีแดงเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวันพุ่งออกมา แสงเจิดจ้าจนลืมตาไม่ขึ้นจุดกำเนิดแสงกลับเล็กจิ๋วเท่าเม็ดถั่ว
“เืหนึ่งหยดยามสมบูรณ์ที่สุดของข้า”
เม็ดสีแดงเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวันที่แท้เป็เืหนึ่งหยดของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งยามแข็งแกร่งสมบูรณ์ที่สุด กลิ่นอายทรงพลังน่าสะพรึงแม้แต่เส้นปฐียังมิอาจให้ความรู้สึกกดดันพรั่นพรึงได้เท่า โชคดีที่เืหยดนี้อยู่ในห้องลับพยุหะ ถูกสะกดปิดกั้นเอาไว้ภายในห้อง
หยดเืหยดนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็สมบัติล้ำค่าสูงสุด กวาดตาทั้งเจ็ดดินแดนยังหาสิ่งอื่นเทียบได้ยาก นี้มิใช่เพียงหยดเืของเซียนนิรันดร์ ทว่าเป็หยดเืของปรมาจารย์สำนักพันปีที่ฝึกมรรคาทั้งเจ็ดเป็มนุษย์ที่มีสามร่าง ตัวตนที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งหมด ความสมบูรณ์ของพลังย่อมเหนือกว่าระดับเซียนนิรันดร์ด้วยกันเอง
หากหยดเืนี้ปรากฏสู่โลกภายนอก มิต้องสงสัยเลยว่าจะก่อาขึ้นอย่างแน่นอน และผู้ที่แย่งชิงกันจะเป็ระดับเซียนนิรันดร์ด้วยกันเองเท่านั้น
แม้แต่ฉงฉงที่สังเกตอยู่ยังจ้องมองหยดเืด้วยน้ำลายสอ หากได้กลืนกินเืหยดนี้อย่างน้อยสามารถคืนร่างต้นของตนเองได้แน่นอน ทว่าแม้จะได้รับผลประโยชน์มากมายปานนั้นเขายังไม่ทำทั้งยังไม่กล้า
ยามนี้มิเพียงไท้หยูยึดถือปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งเป็ตาเฒ่าเ้าเลห์ แม้แต่ฉงฉงก็จัดว่าอีกฝ่ายเป็คนที่เชื่อไม่ได้กลอกกลิ้งที่สุด
ทันใด ที่แขนซ้ายของไท้หยูพลันนูนขึ้นจากนั้นปรากฏร่างหนอนของฉงฉงออกมา สองจุดที่หน้าเจิดจ้าจากนั้นปรากฏปากและเขี้ยวแยกออก ปากที่ดำมืดยิ่งกว่าก้นหุบเหวคายหยดน้ำสีดำออกมาหยดหนึ่งลอยออกไปอยู่กลางอากาศ เป็เืที่ฉงฉงใช้เวลานับร้อยปีหล่อเลี้ยงขึ้นมา
ทันทีที่หยดเืถูกพ่นออก ร่างหนอนของฉงฉงพลันแฟ่บลงสีสันิักลายเป็หม่นหมองไร้พลัง น้ำเสียงก็แ่เบาลงกล่าวว่า
“รีบทำเถอะ ปล่อยไว้อีกไม่นานร่างนี้จะสูญสลายแล้ว” ยามนั้นิัชั้นนอกคล้ายเป็แผ่นเปลือกไม้ค่อยๆ ร่นออก คล้ายกับหนอนแมลงกำลังลอกคราบ
บนร่างของไท้หยูพลันมีอักขระเรืองแสงออกมา หากไท้หยูตื่นอยู่จะสังเกตเห็นว่าอักขระที่เรืองแสงนี้เป็ลักษณะเดียวกับที่ปรากฏบนแท่นใสและสลักกลไกที่เคยเห็น หยดเืสองหยดลอยมาที่ด้านหน้าร่างของไท้หยูอ้าปากขึ้น ปล่อยให้หยดเืแดงเจิดจ้าราวตะวันและหยดเืดำมืดมิดยิ่งกว่าน้ำหมึกเข้าไป เสียงอึกดังเบาๆ เืถูกกลืนลงไป
ทันใดนั้นทั้งร่างพลันเจิดจ้าขึ้นมา ความเ็ปนี้ปลุกให้ไท้หยูตื่นขึ้นมา เขาตัวงอด้วยความทรมานสองมือกุมท้องล้มฟุบกับพื้น องคาพยพหลั่งโลหิตออกมา ความรุนแรงของหยดเืทั้งสองแทบจะทำให้ร่างกายของเขาะเิออก
ิัของเขาปริแตกฉีกขาดเห็นชั้นไขมัน จากนั้นร่างกายพลันร้อนขึ้นทั้งร่างเริ่มแดงฉานชั้นไขมันถูกความร้อนจากภายในเผาไหม้จนละลาย เผยชั้นกล้ามเนื้อสีแดงและเส้นเืที่กำลังเต้นตุบตับราวกับหนอนปรสิตที่ดิ้นไปมา
ในท้องปวดแสบจนต้องเกลือกกลิ้งไปมา กลิ่นไหม้พลุ่งจากภายในขึ้นมาถึงลำคอและช่องปาก เสียงกร๊อบกร๊อบดังต่อเนื่อง กระดูกของเขาแตกละเอียดเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนทั้งร่างกลายเป็ก้อนเนื้อที่ถูกเผาจนละลายหัวใจเต้นช้าลง ครรลองจักษุเริ่มเปลี่ยนเป็มืดมิด
“ดูท่าทั้งเ้าและข้าไม่มีดวงดีอันใด เฮ้อ ดวงสุนัข” ฉงฉงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงคล้ายจะแตกดับได้ทุกขณะ การพนันของพวกมันคล้ายล้มเหลวแล้ว อีกไม่นานไท้หยูก็จะตาย เมื่อไท้หยูตายทั้งมันและปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งก็จะดับสูญไปเช่นกัน แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งก็เห็นด้วยได้แต่ทอดถอนใจออกมา
ยามนั้นเสียงตุบตุบพลันดังขึ้นจากภายในร่าง บังเกิดพลังไร้รูปแผ่ออกจากภายในร่าง คล้ายกับหยดเืทั้งสองทว่าเป็สีขาวใสราวกับแสงที่ไม่มี แผ่ปกคลุมอวัยวะภายในทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายที่ถูกพลังเผาไหม้ หัวใจของไท้หยูกลับมาเต้นอีกครั้ง พลังอันร้อนแรงของหยดเืทั้งสอง ภายใต้การแผ่คลุมของพลังปริศนาค่อยๆ สงบลงจากนั้นซึมซับเข้าสู่ร่างของไท้หยู
“เอ๊ะ” ฉงฉงอุทานด้วยความใ
“มิเคยพบกลิ่นอายเช่นนี้มาก่อน” ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งมั่นใจว่าตนเองเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ในโลกั้แ่อดีตกาล พลังที่ปรากฏในยามนี้กลับไม่เคยพบมาก่อน ยามกะทันหันคิดว่าเป็พลังโคจรแห่งฟ้าไม่ได้ตั้งใจัักลิ่นอาย เพียงควบคุมขวัญิญญาของตนเองเข้ารวมกับหยดเืและร่างของไท้หยู
ขณะเดียวกันเปลือกผิวชั้นนอกของฉงฉงพลันแตกออกจนหมดสิ้น ด้านในเป็หนอนสีแดงคล้ายกล้ามเนื้อของมนุษย์มุดกลับเข้าไปในชั้นิั ควบคุมผสานตนเองเข้ากับร่างเนื้อของไท้หยู
กล้ามเนื้อที่ถูกเผาไหม้ของไท้หยูพลันเริ่มฟื้นฟู เริ่มจากชั้นไขมันจากนั้นมีิัปกคลุม เมื่อิัขาวซีดยิ่งกว่าหิมะปกคลุม ก็บังเกิดเกล็ดแข็งสีดำทะมึนปกคลุม ภายใต้ชั้นเกล็ดที่ปรากฏขึ้นทั้งร่างมีขนสีดำงอกออกมา ร่างของไท้หยูคล้ายกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของบรรพชนก่อนชีวิตทั้งหมดจะวิวัฒนาการ
จากนั้นได้ยินเสียงหัวเราะด้วยความยินดีของฉงฉงและปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งดังขึ้นจากภายในอย่างรางเลือน ไท้หยูโกรธแค้นถึงขีดสุดทว่าแม้แต่แรงจะด่าทอยังไม่มีได้แต่กล้ำกลืนโทสะทั้งหมดเอาไว้ ทนรับความเ็ปที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ผ่านไปเนิ่นนานขนสีดำที่งอกจนยาวเฟื้อยก็หลุดออก เกล็ดสีดำนั้นที่ตะปุ่มตะป่ำค่อยๆ เปลี่ยนเป็ราบเรียบ จากแข็งเป็อ่อนหยุ่น แปรเปลี่ยนเป็ิัชั้นนอกของมนุษย์ดุจเดิม
ิัชั้นนอกทั้งหมดกลับเป็สภาพเดิมทว่าเรียบลื่นราวกับผิวเด็กทารกแรกเกิด ทว่าไท้หยูยังไม่มีกะจิตกะใจจะลูบคลำ ความเ็ปอีกระลอกพลันโพล่งออกมา เสียงกระดูกลั่นดังอย่างต่อเนื่องกระดูกที่แตกก่อนหน้าเชื่อมประสานติดกัน ทั้งร่างกลับยืดยาวขึ้นกล้ามเนื้อขยายใหญ่ เห็นเส้นเืภายใต้ิัที่ขาวเนียนปูดโปนราวกับอสรพิษสีม่วงกำลังชอนไชอยู่ด้านใน
ไท้หยูพลันกระอักโลหิตสีดำเข้มออกมากองหนึ่ง หลังจากกระอักโลหิตแล้วค่อยรู้สึกว่าภายในร่างกายความเ็ปเริ่มทุเลาลง พลังลมปราณทั้งร่างไหลเวียนอย่างปรุโปร่งในห้วงความคิดกลับมองเห็นปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งและร่างของฉงฉงสร้างความตระหนกแก่เขาอย่างยิ่ง
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งร่างใหญ่ผิวสีข้าวสาลีเป็ประกายระยิบระยับ มวยผมเหมือนนักพรต มัดกล้ามเนื้อเต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต ิัทั้งร่างโปร่งใส่ราวกับผลึกหยกเนื้อดี สองตาหลับพริ้มอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิทำท่าปางมือดอกบัววางไว้บนหัวเข่า ให้ความรู้สึกราวกับเทพเซียนเหนือโลกิยะหลุดพ้นจากความเป็มนุษย์จนหมดสิ้น
ที่ด้านข้างเป็สัตว์ประหลาดท่อนร่างเป็ร่างมนุษย์ มีหกแขน สามหน้าเขี้ยวใหญ่สีดำแทงออกนอกริมฝีปาก หนึ่งใบหน้าดุร้ายตาถมึงทึงสีแดงฉาน หนึ่งใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์กำลังหลับตา อีกหนึ่งใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนเปี่ยมความเมตตาราวกับโพธิสัตว์โปรดสรรพชีวิตในโลก ทุกใบหน้ามีดวงตาหกดวง