“เ้าบังอาจ!” ซ่างกวันเฟยจ้องเขม็งไปที่หลินหยางเขารู้ตัวแล้วว่าตัวเองเสียท่าให้อีกฝ่ายแล้ว
ตอนนี้เขาแทบจะเป็บ้าอยู่แล้วตัวเองเป็ถึงนักการช่างระดับิญญาขั้นสูงมีทั้งทักษะและเคล็ดวิชาอีกมากมายที่ยังไม่ได้เอามาใช้แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ไปก่อนแบบนี้
“ได้ หลินอี้ข้าจำชื่อเ้าเอาไว้แล้ว! วันนี้เ้าไม่ยอมแข่งกับข้าอีกรอบก็ได้ สักวันหนึ่ง ข้าจะต้องกลับมาเอาคืนทั้งเ้าและคนของเลี่ยนเทียนเฮ่าทั้งหมดแน่!!”
พอพูดจบ ซ่างกวันเฟยก็ง้างขวานสั้นขึ้นเหนือหัวอย่างเด็ดเดี่ยวเตรียมที่จะตัดแขนของตัวเองทิ้งตามสัญญา
และในตอนนั้นเองก็มีเสียงะโดังขึ้นจากส่วนนอกของลานประลองแห่งนี้ “หยุดนะ!!”
เฮเฮเฮ
อยู่ดีๆ ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งฝืนใช้กำลังแหวกกลุ่มคนที่อยู่ในเลี่ยนเทียนเฮ่าจนแบ่งออกเป็สองฝั่ง
กลุ่มคนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันเ่าั้เดินฝ่าเข้ามาโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ
พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าสีม่วงเข้มเหมือนกันทุกคนตรงบริเวณอกเสื้อมีสัญลักษณ์รูปเศียรของสมิงที่ดูดุร้ายน่ากลัวเย็บติดเอาไว้
พวกเขาแต่ละคนล้วนมีบรรยากาศที่ดูโเี้ป่าเถื่อนแผ่ซ่านออกมาราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกมาจากพงไพร พวกเขาแค่กวาดสายตามองไปหนึ่งทีเหล่าชาวบ้านของเมืองอวิ๋นเฉิงก็ถอยฉากออกมาอยู่ด้านข้างด้วยความหวาดกลัวทันที
ส่วนคนที่ถูกองครักษ์ที่มีกลิ่นอายคล้ายกับสัตว์ป่าเหล่านี้ล้อมเอาไว้ก็คือสองคนที่มีฐานะสูงที่สุดในบรรดาคนธรรมดาที่ไม่ใช่เหล่าเชื้อพระวงศ์
เฉินเย่เซิงแห่งตระกูลเฉิน
โอวหยางกงแห่งตระกูลโอวหยาง
เฉินเย่เซิงเป็ชายที่มีรูปลักษณ์ที่ดูเป็คนใจดีอบอุ่น มีรอยยิ้มที่ดูสุภาพแต่กลับดูมีเลศนัย โดยเฉพาะหนวดสองเส้นที่ถูกจัดตกแต่งอย่างเป็ระเบียบสวยงามนั่นดูสง่าและมีกลิ่นอายของผู้ดีผู้ที่เคยเห็นเขาครั้งแรกมักจะคิดว่าเขาน่าจะเป็สุภาพบุรุษวิญญูชน
แต่เ้าคนที่ดูน่าจะเป็วิญญูชนเช่นนี้ที่มันร่วมมือกับลูกชายของมันแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของหลินหยางไปถ้าไมใช่เพราะสภาพจิตใจของหลินหยางเปลี่ยนไปจากเดิมมากอันเป็ผลมาจากจักรพรรดิฟ้าจนตอนนี้จิตใจเขาหนักแน่นดั่งขุนเขาแล้วเกรงว่าเขาคงโมโหจนดวงตาแทบจะลุกเป็ไฟไปแล้ว
เฉินเย่เซิงผู้นี้เข้ามาหยุดซ่างกวันเฟยไม่ให้ตัดแขนของตัวเองได้ทันพอดี
จากนั้นก็เดินไปหาเวินติ่งทียนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มมีบรรยากาศที่ดูเป็มิตรราวกับว่าเขาเป็เพื่อนเก่าแก่ที่กลับมาเยี่ยมเวินติ่งเทียนเท่านั้น
“ฮ่าฮ่าพี่น้องเวิน ทำไมถึงเกิดเื่วุ่นวายขนาดนี้ได้เล่า! มีเื่อะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า!”
เข้าใจผิด?
คนของตระกูลเวินถึงกับหัวเราะแห้งๆ
มาก่อเื่ไว้เสียขนาดนี้ยังเรียกว่าเข้าใจผิดได้อีกหรือ?
ในขณะเดียวกันโอวหยางกงที่ยืนอยู่ข้างๆ กันนั้นก็ทำให้เวินติ่งเทียนอึ้งไป
“ฮ่าฮ่าพี่น้องเวิน ไม่คิดเลยว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้”
เขากำลังแสยะยิ้มอย่างได้ใจราวกับว่ากำลังรอที่จะได้เห็นสีหน้าใของเวินติ่งเทียนอยู่แล้ว
ทั้งสองคนนี้มันตกลงร่วมมือกันได้ไวขนาดนี้เลยหรือ?
เหตุการณ์พลิกผันกลับตาลปัตรจนสับสนไปหมด
ประมุขจากสองตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นเฉิงกลับรวมหัวกันมากดดันครอบครัวตระกูลเวินแบบนี้แถมดูท่าทางของเฉินเย่เซิงที่ดูไม่กังวลเื่ของซ่างกวันเฟยเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าขอแค่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ละก็ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถทำอันตรายซ่างกวันเฟยได้อย่างแน่นอน!
เวินติ่งเทียนมองไปทางทั้งสองด้วยสายตาเ็าไร้ซึ่งสีหน้าที่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เฉินเย่เซิงโอวหยางกง ตอนนี้เลี่ยนเทียนเฮ่ากำลังมีปัญหาภายในที่ต้องจัดการข้าคงไม่ต้อนรับท่านแล้ว ขอเชิญกลับไปเถอะ”
“ไม่ต้องไม่ต้องต้อนรับหรอก!” เฉินเย่เซิงยิ้มอย่างเป็มิตรไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะเชื่อว่ามันนี่แหละที่อยู่เื้ัการก่อความวุ่นวายในครั้งนี้
เขาค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปหาเวินติ่งเทียนทีละก้าวพร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าเคารพพลางกล่าวว่า
“คุณชายซ่างกวันยังอายุน้อยไม่รู้ความเลยเผลอไปทำให้พี่น้องเวินโกรธเข้า ไม่รู้ว่าพี่น้องเวินจะเห็นแก่หน้าข้าไม่เอาเื่คุณชายซ่างกวัน....”
“ล้อเล่นรึเปล่า?”
เวินติ่งเทียนพิโรธขึ้นมาทันที
เขาไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆอยู่แล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้จบลงไปง่ายๆ แบบนี้แน่เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงเ็าพลางตอบกลับไปว่า
“เฉินเย่เซิงอย่ามาใช้ลูกไม้แบบนี้กับข้า! คนของเ้าแพ้แล้วก็คือแพ้ต่อให้เป็ราชัน์มาเองก็ไม่สามารถปกป้องแขนข้างขวาของมันได้!”
“โอ๋? เป็อย่างนั้นหรือ? อืมอืม....”
ใครจะคิดว่าเฉินเย่เซิงนั่นหลังจากได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธเท่านั้นมันกลับหัวเราะออกมาอีกด้วย จากนั้นเขาก็หันไปสบตากับโอวหยางกงหนึ่งทีบนในหน้าของทั้งสองพลันปรากฏรอยยิ้มที่ดูสนุกสนานขึ้น
โอวหยางกงมองมาที่เวนติ่งเทียนด้วยสีหน้าได้ใจราวกับว่าเขาคิดไว้แล้วว่าเวินติ่งเทียนวันนี้จะต้องถูกเล่นงานหนักแน่เขายิ้มพร้อมกับกล่าวไปว่า “พี่น้องเวินท่านจะตัดสินเด็ดขาดแบบนั้นไม่ได้หากท่านรู้ว่าคุณชายซ่างกวันผู้นี้เป็ใครมาจากไหนละก็ท่านคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แน่”
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
ผู้ทรงอิทธิพลของเมืองอวิ๋นเฉิงทั้งสองคนนี้พลันะเิเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ท่าทางของพวกเขาที่ดูมั่นใจสุดขีดจนน่าหมั่นไส้ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย
แต่ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีคนเดินออกมาจากทางด้านหลังของเวินติ่งเทียนด้วยท่าทางที่ดูเกรี้ยวกราดอี้สิงอวิ๋นนั่นเอง
ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือชายชราอารมณ์ร้อนที่มีนิสัยมุทะลุผู้นี้ ใช้จังหวะที่ผู้คนกำลังเผลออยู่พุ่งเข้าไปประชิดตัวของซ่างกวันเฟย อี้สิงอวิ๋นนั้นเป็ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนที่มีชื่อเสียงมานานนับหลายปีซ่างกวันเฟยที่ถูกประชิดตัวกะทันหันจึงไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ เขาถูกอี้สิงอวิ๋นจับตัวเอาไว้จากนั้นก็ถูกฝ่ามือสับเข้าใส่ท้ายทอยจนหมดสติไป
“ทำอะไรของเ้า!!”
เฉินเย่เซิงยิ้มได้ไม่ทันไรรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็บูดบึ้งทันที
พวกเขาเพิ่งคุยโม้ไปได้นิดเดียวอยู่ดีๆ พวกตระกูลเวินก็ลงมือเฉย พฤติกรรมของคนพวกนี้มันไม่เหมือนของคนปกติเลยแม้แต่น้อย
จังหวะนั้นเองหลินหยางก็เดินออกมา
เขาค่อยๆ ก้มลงไปเก็บขวานที่ซ่างกวันเฟยทำตกลงบนพื้นขึ้นมาจากนั้นก็เดินดุ่มๆ ท่ามกลางสายตาของคนนับพันไปยืนอยู่ด้านข้างของซ่างกวันเฟยที่กำลังสลบอยู่เขายกแขนของซ่างกวันเฟยขึ้นมาหนึ่งข้าง จากนั้นก็ยกมืออีกข้างที่ถือขวานเอาไว้ขึ้นเหนือหัวและตวัดขวานฟันลงไปทันที
“หยุดนะ!!!”
เสียงตวาดด้วยความใของเฉินเย่เซิงดังสะท้อนไปทั่วทั้งลานกว้าง
ขวานในมือของหลินหยางหยุดลงอย่างฉิวเฉียดโดยห่างจากท่อนแขนของซ่างกวันเฟยไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตรเท่านั้น
“ทีนี้...”หลินหยางค่อยๆ หันหน้ามามองเฉินเย่เซิงและโอวหยางกงที่ยังยืนมึนๆ อยู่ข้างหลังนั่นช้าๆแล้วจึงพูดต่ออย่างเชื่องช้าว่า “พวกเ้าคิดว่าตระกูลเวินเราใจเด็ดพอหรือยัง?”ทุกถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นถึงจะเชื่องช้าแต่ชัดเจนและทรงพลัง
สีหน้าของเฉินเย่เซิงและโอวหยางกงตอนนี้เหมือนกับคนที่ถูกยัดก้อนอุจจาระเข้าปาก
โอวหยางกงรู้จักกับหลินอี้อยู่ก่อนแล้วเขาเพิ่งถูกเ้าเด็กนี่ขับไล่ออกมาจากคฤหาสน์ของตระกูลเวินเมื่อไม่นานมานี้มาคราวนี้เขาอุตส่าห์วางแผนหาทางจะหักหน้าของเวินติ่งเทียนอย่างยากลำบากแต่สุดท้ายเขาที่เพิ่งจะพูดเยาะเย้ยไปได้แค่ประโยคเดียวก็ถูกขัดขวางจนแผนพังอีกแล้ว
เฉินเย่เซิงเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
ตอนที่เขามองไปที่หลินอี้นั้นเขารู้สึกคุ้นเคยมากๆ เหมือนจะเคยเห็นหน้าหลินอี้มาก่อนแต่ก็ปฏิเสธความคิดนั้นทิ้งแทบจะทันที
อย่างไรพ่อบ้านของตระกูลเฉินเองก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่าเขากำจัดเ้าชายโง่เง่าคนนั้นทิ้งไปแล้วอีกทั้งหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้นั้นมีบรรยากาศที่น่ากลัวกว่ามากจนแม้แต่เขาเองก็ยังแอบหวั่นใจ มันต้องไม่ใช่คนเดียวกับเ้าโง่นั่นแน่ๆ
แต่ถ้าอย่างนั้น เ้าหนูนี่มันเป็ใครกัน!
แม่มันเถอะ เ้านี่มันทำตัวอย่างกับอันธพาลเลยไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะหาเื่นองเืกันอย่างเดียว และที่โชคร้ายคือซ่างกวันเฟยผู้นี้เป็คนสำคัญที่ตระกูลเฉินจะปล่อยให้ได้รับาเ็ไม่ได้เด็ดขาด
ตอนแรกเฉินเย่เซิงคิดไว้ว่าจะใช้คำพูดกดดันพวกเวินติ่งเทียนก่อนรอให้สามารถประชิดตัวของซ่างกวันเฟย จนสามารถชิงตัวกลับมาได้ก่อนค่อยว่ากันว่าจะทำอย่างไรกับพวกตระกูลเวินดีขอแค่ซ่างกวันเฟยไม่ได้ถูกตระกูลเวินจับตัวเอาไว้แล้วเขาก็จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของซ่างกวันเฟยให้ทุกคนรู้เอง
แต่สุดท้ายกลับถูกเ้าหนูนี่ขัดขวางเอาไว้จนเสียแผนในพริบตาและยังเสียโอกาสในการชิงตัวประกันกลับมาด้วย
ตามจริงแล้ววันนี้เฉินเย่เซิงควรจะเป็ฝ่ายที่ได้ยิ้มเยาะอย่างมีความสุข
ั้แ่ที่ลูกชายของเขาอย่างเฉินเฉาเกอได้ขึ้นเป็เ้าชายของอาณาจักรนี้แล้วความโลภในจิตใจของเขาก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่อยากเป็แค่หนึ่งในสามผู้มีอิทธิพลสูงสุดของเมืองอวิ๋นเฉิงอีกต่อไปเข้า้าที่จะขึ้นเป็องค์จักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว และตระกูลเวินก็เป็อุปสรรคแรกที่ต้องกำจัด
และด้วยอำนาจของเ้าชายตัวปลอมทำให้เฉินเย่เซิงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มของนักการช่างสุดทรงพลังกลุ่มหนึ่งที่มาจากอาณาจักรอื่นซึ่งซ่างกวันเฟยก็คือหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดของนักการช่างกลุ่มนี้
แผนการในวันนี้ถูกวางเอาไว้ั้แ่วันที่เข้าเฝ้าในราชสำนักแล้วโดยเริ่มจากการให้ซ่างกวันเฟยใช้ทักษะด้านการช่างกดดันเวินติ่งเทียนก่อนหลังจากนั้นก็ให้ตามมาทำลายป้ายชื่อของเลี่ยนเทียนเฮ่าในทันที ภายในหนึ่งเดือนเฉินเย่เซิงจะทำให้เ้าพวกตระกูลเวินต้องอับอายในฐานะนักการช่าง และจะทำให้พวกมันละทิ้งความคิดที่จะต่อต้านพวกเขาในงานเทศกาลขุมทรัพย์สมบัติิญญาโดยสิ้นเชิง
และการที่โอวหยางกงมาขอเข้าร่วมเป็พันธมิตรยิ่งทำให้เขารู้สึกยินดีมากขึ้นไปอีกส่วนสาเหตุที่มันมาขอเข้าร่วมก็คงจะรู้กันอยู่แล้วซึ่งสัตว์จอมโลภทั้งสองตัวก่อนหน้านี้ก็กำลังนั่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเลี่ยนเทียนเฮ่าจากในภัตตาคารที่ตั้งอยู่ใกล้ๆด้วยสายตาหิวกระหาย พวกเขากำลังรอให้ซ่างกวันเฟยบดขยี้ชื่อเสียงของเลี่ยนเทียนเฮ่าให้ย่อยยับ
แต่ว่าแผนการทุกอย่างก็พังครืนลง ด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อหลินอี้
ซ่างกวันเฟยพ่ายแพ้ในการประลองแถมยังเป็การแพ้แบบหมดท่า และยังต้องตัดแขนทิ้งข้างหนึ่งอีกด้วย
เฉินเย่เซิงจึงรีบดึงโอวหยางกงมาช่วยโดยด่วนแต่เดิมเขาคิดจะใช้ฐานะของซ่างกวันเฟยในการกดดันให้อีกฝ่ายปล่อยตัวแต่ผลสุดท้ายคือ ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกหลินหยางเข้ามาขัดขวางเสียก่อน
ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึกของเฉินเย่เซิงตอนนี้ในประโยคเดียวคงต้องใช้ประโยคว่า: วาดฝันไว้สวยหรูแต่ความจริงพังเละอย่างกับขี้!!!
เฉินเย่เซิงพยายามปั้นหน้าให้ยังดูสงบนิ่งเอาไว้แล้วมองไปที่หลินหยาง“ท่านผู้นี้ก็คือผู้าุโหลินสินะ ท่านต้องระวังให้มากเข้าไว้นะคุณชายซ่างกวันผู้นี้น่ะเป็ถึง...”
หลินหยางไม่รอให้เฉินเย่เซิงพูดจบก็รีบพูดขัดขึ้นก่อนเขาไม่ได้อยากรู้เื่ตัวตนของซ่างกวันเฟยเสียหน่อย “ข้าไม่สนหรอกว่ามันเป็ใครแต่เมื่อมันแพ้พนันกับข้าแล้ว มือข้างขวาของมันก็ต้องเป็ของข้า ข้าี้เีฟังพวกเ้าพูดพล่ามไร้สาระแล้วรอข้าตัดแขนมันออกมาก่อนค่อยว่ากัน”
พูดเสร็จหลินหยางก็ยกขวานขึ้นเหนือหัวอีกครั้ง
“ไม่ได้นะ!!!”
เฉินเย่เซิงแอบด่าหลินหยางไปถึงโคตรเง้าศักราชของมันแล้ว
เ้าหนูนี่ทำไมมันดื้อด้านหัวแข็งขนาดนี้ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเปิดปากพูดเลย
เขาหันไปหาเวินติ่งเทียนที่กำลังยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เงียบๆแล้วรีบพูดว่า “พี่น้องเวิน รีบหยุดผู้าุโหลินเร็ว ซ่างกวันเฟยผู้นั้นน่ะเป็ถึง...”
“ก็บอกแล้วอย่างไรว่าพวกเราไม่สนว่ามันจะเป็ใครมาจากไหน!!”เวินติ่งเทียนเป็คนระดับไหนแล้ว เขาจะมากลับคำตอนนี้ได้อย่างไรเขาหันไปหาหลินหยางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยน้ำโห “ผู้าุโหลินทำไมท่านยังไม่ลงมืออีก!”
“ได้เลยท่านประมุขข้าจะลงมือเดี๋ยวนี้!” หลินหยางชูขวานขึ้นสูงอีกรอบเป็ครั้งที่สาม
“พอได้แล้ว!!”
ใบหน้าที่ดูทรงภูมิของเฉินเย่เซิงตอนนี้ถึงมีเส้นเืปูดโปนขึ้นมาให้เห็นแล้ว
พอมาถึงตอนนี้ไม่ว่าใครก็ดูออกกันแล้วว่าหลินหยางกับเวินติ่งเทียนกำลังจะทำอะไร
พวกเขาไม่ได้คิดที่จะตัดแขนอยู่แล้วนี่มันกำลังข่มขู่กันอยู่ชัดๆ
แขนนี่พวกเ้าจะเอาหรือเปล่า?
คนนี่พวกเ้าจะเอาหรือเปล่า?
ถ้าจะเอาก็เลิกลีลาไร้สาระได้แล้วเราต่างก็อยู่ในวงการกันมาหลายปีแล้ว เข้าเื่กันตรงๆ มาเลยดีกว่า!
“ได้ เวินติ่งเทียนวันนี้ถือว่าข้า เฉินเย่เซิงเสียเชิงให้พวกเ้าแล้ว”
ในที่สุดเฉินเย่เซิงก็เลิกอ้อมค้อมแล้วและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องมองไปที่เวินติ่งเทียนและแน่นอนว่าต้องจ้องเขม็งไปที่ผู้าุโหลินอี้ที่แค่เจอกันครั้งแรกก็ทำให้เขาจำได้แบบไม่มีทางลืมแน่นอน
พอมาลองคิดดูแล้ว ใน่ชีวิตอันรุ่งโรจน์ของเขาในเมืองอวิ๋นเฉิงแห่งนี้ นอกจากพวกผู้ใหญ่ในราชสำนักแล้วไม่มีใครที่เห็นเขาแล้วไม่ก้มหัวให้หลายปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยรู้สึกน่าสมเพชขนาดนี้เลย