แสงแดดอุ่นสาดส่องลงมาปลุกหลิ่วจิ้งให้ตื่นขึ้นหลิ่วจิ้งนอนหลับสนิทไม่ได้ฝันทั้งคืนเมื่อพลิกตัวหันมาทางหน้าต่างและมีแสงแดดจ้าส่องมาที่ใบหน้า นางจึงลืมตาตื่นขึ้น
หลิ่วจิ้งมองแสงแดดจ้าตาข้างนอกห้องจากทางหน้าต่างชั่วอึดใจนั้นนางยังคงงุนงงอยู่แปลกใจนักที่เหตุใดวันนี้นกน้อยไม่มาเล่นที่ริมหน้าต่างแล้ว
พวกของอวี้จิ่นบอกว่านกน้อยเสียงดังเกินไปกลัวจะรบกวนเวลานอนของหลิ่วจิ้ง ก่อนหน้านี้จึงพาคนมาจับพวกมัน ดีที่หลิ่วจิ้งคิดว่านกน้อยเหล่านี้ช่วยนำพาความสุขมาสู่ชีวิตในแต่ละวันของนางได้จึงยับยั้งความปรารถนาดีของอวี้จิ่นไปเสีย
นานวันเข้าหลิ่วจิ้งกลับคุ้นเคยกับการที่มีนกมารายงานตัวตรงตามเวลาและปลุกนางไปพร้อมกันนี่คงไม่ใช่เพราะอวี้จิ่นไปเรียกคนมาจับนกน้อยพวกนี้ไปแล้วกระมัง?
หลิ่วจิ้งหงุดหงิดไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดวันนี้แสงอาทิตย์จึงแรงนักปกติแล้วเวลาที่นางตื่นจะเป็เวลาที่แสงตะวันแรกสาดส่องสู่ผืนดินเป็แสงละมุนไม่เคืองตา ไม่เหมือนกับแสงแดดในยามนี้ที่จ้าจนนางตาพร่าไปหมด
นางหันไปดูเวลา “อุ๊ย! นี่มันยามซื่อ [1] แล้วนี่!” หลิ่วจิ้งร้องขึ้นมาอย่างใ เสียงร้องด้วยความในี้ทำให้อวี้จิ่นที่อยู่นอกประตูรีบเข้ามาดู
อวี้จิ่นเปิดประตูออก พอเห็นหลิ่วจิ้งก็ตบมือพลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม“ ฮูหยินตื่นเสียที หากยังไม่ตื่นบ่าวก็คงต้องเข้ามาดูว่าฮูหยินล้มป่วยหรือไม่แล้วเ้าค่ะ”
“เชอะๆๆ อวี้จิ่น เ้านี่กล้าขึ้นทุกวันแล้วนะมาแช่งให้ข้าป่วยแต่เช้าปานนี้”
ปากหลิ่วจิ้งเอ็ดไป แต่ในใจกลับชอบนักนางหวังว่าอวี้จิ่นจะเป็เช่นในยามนี้ อย่าห่างเหินกับนางมากเกินไปนางหวังให้พวกนางสองคนมีใจจริงต่อกัน ร่วมกันเผชิญกับอุปสรรคนานา
เดิมทีอวี้จิ่นก็ไม่ได้ตั้งใจพูดแต่เมื่อได้ยินคำของหลิ่วจิ้งนางก็ยังรู้สึกว่าไม่ควรพูดจาส่งเดชจะดีกว่าจึงเปลี่ยนมาพูดขึงขังว่า “ฮูหยินคงจะหิวแล้ว จะล้างเนื้อล้างตัวเสียตอนนี้เลยหรือไม่เ้าคะ”
หลิ่วจิ้งถูกอวี้จิ่นมองจนเหงื่ออาบเพราะความอับอายตอนนี้สายมากแล้วจริงๆ หากอยู่ที่บ้านแล้วจนป่านนี้ยังไม่ตื่นก็จะต้องถูกบิดาผู้แสนเคร่งครัดท้วงติงเอาแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของหลิ่วจิ้งก็มีน้ำตารื้นขึ้นมาความคิดของนางกระโจนกลับไปในอดีตอีกแล้วคล้ายว่านางยังคงอยู่ในตระกูลใหญ่โตที่นางพึ่งพาอาศัยและเติบโตมาโดยปราศจากความกังวลใดๆบิดาซึ่งเป็ราชครูกำลังถือไม้เรียว ชี้มาหาพลางตำหนินางว่า คุณธรรมสตรีว่าไว้สตรีควร…
นางจึงรีบไปหลบหลังมารดาอย่างซุกซน แล้วหันมาทำหน้าพิเรนทร์ใส่บิดา
ครานั้นในเรือนเต๋อเซิงของนางมักมีแต่เสียงหัวเราะเช่นนี้ที่สุดบิดาก็พูดอะไรไม่ออกและได้แต่มองมารดาปกป้องนาง เขาชี้มาที่นาง กล่าวว่า“วันหน้า ดูซิว่าบ้านสามีเ้าจะยังปกป้องเ้าเช่นนี้หรือไม่จะยอมปล่อยให้เ้ามาตื่นเอาตอนตะวันขึ้นสามข้อไผ่หรือไม่ หากเป็ดังนั้นจริงต่อให้พ่อเข้าไปอยู่ในโลงก็จะปีนออกมาขอบใจที่เขาปฏิบัติต่อบุตรสาวที่รักของพ่อเช่นนี้”
“ท่านพ่อ ท่านพูดแล้วอย่าคืนคำสิเ้าคะยามนี้ลูกก็มีครอบครัวของสามีแล้วทั้งยังนอนอยู่จนตะวันขึ้นสามข้อไผ่ก็ยังไม่ตื่นเช่นในวันวาน ท่านพ่อท่านมาสิเ้าคะ มาขอบใจสามีของลูกสิเ้าคะ…”
หลิ่วจิ้งไม่กล้าเอ่ยปากให้มีเสียงได้แต่ะโร้องเรียกบิดาอยู่ในใจหนแล้วหนเล่า บอกให้เขารีบมา
ความทุกข์ในใจนางกลายเป็หยาดน้ำตาที่ทะลักล้นออกมาจากดวงตาไม่หยุดจนที่สุดก็ควบคุมไว้ไม่ไหวและร้องไห้ลั่นออกมา
“ฮูหยินเป็อะไร เป็อะไรไปเ้าคะ?” ครานี้กลายเป็อวี้จิ่นที่ใจนทำอะไรไม่ถูกไม่ได้สนใจว่าตนจะปล่อยเครื่องใช้ที่เตรียมมาล้างเนื้อล้างตัวให้หลิ่วจิ้งร่วงลงพื้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปกอดหลิ่วจิ้งบนเตียง เอ่ยถามอีกฝ่ายไม่หยุด
ทว่าหลิ่วจิ้งก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ตอบคำนาง นางจึงทำได้เพียงกอดหลิ่วจิ้งเอาไว้แน่นๆหวังว่าวิธีนี้จะช่วยปลอบโยนหลิ่วจิ้งได้บ้าง
นายบ่าวสองคนกอดกันร่ำไห้ จึงไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเสียงฝีเท้าหนักๆดังมาจากนอกประตู
หั่วอี้ตื่นแต่เช้าก็เข้ามาในห้องนอนของหลิ่วจิ้งยืนมองนางยามหลับอย่างลุ่มหลง จนขอบฟ้าเริ่มสว่าง พระอาทิตย์เผยโฉมหน้าเขาจึงออกไปอย่างเงียบๆ
แม้จะบอกว่าเขาและหลิ่วจิ้งสองคนแยกห้องนอนกันแต่ที่นี่เป็อาณาเขตของเขา หากเขา้าไปที่ห้องใด ต่อให้ในห้องลงกลอนเอาไว้ก็ยังไม่มีที่ใดที่เขาเข้าไปไม่ได้อีกประการ หั่วอี้ก็ถือว่าหลิ่วจิ้งเป็สตรีของเขามานานแล้วแล้วจะสนใจเื่ข้อห้ามระหว่างชายหญิงทำสิ่งใด ในขณะที่หลิ่วจิ้งไม่รู้ตัวเขาก็เข้าออกห้องนอนของหลิ่วจิ้งในยามค่ำคืนมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว
วันนี้เป็วันที่หั่วอี้ให้องครักษ์ลับเข้ามาอยู่ในจวนหลังจากเขาตื่นแต่เช้าก็ไปวางแผนกับนายกองเฉินเพิ่มเติมคิดว่าตอนนี้หลิ่วจิ้งน่าจะตื่นแล้ว จึงอยากนัดให้หลิ่วจิ้งไปที่เรือนหน้าเพื่อพบกับองครักษ์ลับที่เขาจะให้เข้ามาอยู่ในจวนด้วยกันแต่นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันมาถึงห้องนอนของหลิ่วจิ้งก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังแว่วมาจากข้างในก่อนแล้ว
หั่วอี้เป็คนหูไวพอได้ยินก็รู้ว่าเป็เสียงร้องไห้ของหลิ่วจิ้งทันที เขาร้อนใจจนไม่สนว่าต้องเดินเหินเช่นสุภาพบุรุษรีบถลันตัวเข้ามาในห้องของหลิ่วจิ้ง
พอเขาเข้ามาในห้องกวาดสายตาไปก็เห็นหลิ่วจิ้งกำลังกุมหัวร้องไห้อย่างเ็ป ส่วนอวี้จิ่นกำลังกอดปลอบนางและคอยสอบถามอยู่
อวี้จิ่นเอาแต่จดจ่ออยู่ที่ตัวหลิ่วจิ้ง จู่ๆก็มีร่างสูงใหญ่มาบังแสงแดดจ้าตรงหน้านาง จึงใยกใหญ่
นางยังไม่ทันร้องออกมาก็ถูกหั่วอี้ผลักไปข้างๆเหมือนลูกนกถูกจับเสียแล้ว
แต่อวี้จิ่นก็ไม่ได้ขัดเคืองที่หั่วอี้ทำรุนแรงกับนางเพราะที่ท่านแม่ทัพทำเช่นนั้นก็แสดงว่าเขาเป็ห่วงหลิ่วจิ้งนางขยับตัวมายืนให้มั่นคงแล้วมองหลิ่วจิ้งด้วยความร้อนใจ
หลังจากหลิ่วจิ้งร้องไห้ลั่นออกมาพักใหญ่ก็ค่อยๆ ได้สติคืนมานางรู้ว่าสถานการณ์ที่นางเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่อนุญาตให้นางกลับไปจมปลักในอดีตอีกในขณะที่จิตใจสงบลง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าร่างอ่อนนุ่มที่กอดปลอบนางเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนเป็ร่างกำยำไปเสียแล้ว
รูปร่างของอวี้จิ่นคล้ายคลึงกับนางจึงกอดนางได้แค่ครึ่งตัวเท่านั้น แต่เวลานี้นางเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของร่างที่ใหญ่กว้างและสามารถกอดนางไว้ในอกได้ทั้งตัว ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
หลิ่วจิ้งเคยััเนื้อแนบเนื้อกับหั่วอี้มาหลายครั้ง พริบตาที่เขามากอดนางนางก็รู้แล้วว่าคนที่มาคือหั่วอี้
ได้ยินคำพูดแสนร้อนใจและเป็ห่วงของหั่วอี้ดังเข้ามาในหูว่า“ฮูหยิน ผู้ใดรังแกท่านรีบบอกสามีมา สามีจะไปจัดการให้ท่านได้ระบายโทสะ”หลิ่วจิ้งรู้สึกว่าทั้งกายและใจนางล้วนอบอุ่นนัก
นางเอื้อมมือไปกอดตอบหั่วอี้หวังอาศัยทั้งร่างกายและจิตใจของหั่วอี้มาให้ความอบอุ่นแก่ดวงใจที่เย็นะเืของนาง
หั่วอี้ถูกหลิ่วจิ้งเอื้อมมือมาโอบรอบเอว เขาต้องสะท้านไปทั้งตัวััอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขารู้สึกสบายเหลือเกิน หั่วอี้กำลังดื่มด่ำอยู่ในบรรยากาศแห่งเสน่หานี้จนไปลืมว่าหลิ่วจิ้งกำลังร่ำไห้เสียใจอยู่
มองหลิ่วจิ้งและหั่วอี้สองคนโอบกอดกันไม่บ่อยครั้งนักที่อวี้จิ่นจะกลอกตาขาวโดยไม่สนใจเื่ที่ต่ำที่สูงเ้านายทั้งสองคนรู้ว่านี่เป็เวลาใดหรือไม่ มิใช่ว่าตอนนี้ควรสอบถามว่าเหตุใดหลิ่วจิ้งจึงร้องไห้หรอกหรือแต่พวกเขาสองคนกลับดีจริงๆ ยังมากอดกันอยู่ได้
เพียงแต่อวี้จิ่นทำได้แค่สะกดความร้อนใจของตนเอาไว้ไม่กล้าเอ่ยปากรบกวนความสงบในเวลานี้ ดีที่ยามนี้หลิ่วจิ้งหยุดร้องไห้แล้ว เพียงซบตัวนิ่งอยู่ในอ้อมอกของหั่วอี้
ที่สุดแล้วหั่วอี้ก็ดึงสติกลับมาได้ก่อนเขาเอื้อมมือไปประคองใบหน้าของหลิ่วจิ้งขึ้นมา ช่วยเช็ดหยดน้ำตาที่หางตาให้นางแล้วประทับจุมพิตเบาๆ บนหน้าผาก เอ่ยถามเสียงนุ่มว่า “เป็อะไรไปหรือฮูหยินเหตุใดจึงร้องไห้เสียใจเพียงนี้”
หลิ่วจิ้งลดสองตามองต่ำเพื่อปกปิดเื่ในใจนางนางกำลังว้าวุ่นสับสน คิดหาเหตุผลที่จะทำให้หั่วอี้เชื่อเพราะนางไม่อาจบอกถึงสาเหตุแท้จริงที่นางร้องไห้ให้เขารู้ได้
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ยามซื่อ คือ่เวลา 9.00 น. - ถึง 11.00 น.
