“อย่าร้อง”เซียวเหลียงไม่รู้จะทำเช่นไรกับกับตัวเล็กที่กำลังยืนก้มหน้าหลั่งน้ำตาอยู่เงียบๆ หากนางร้องโวยวายเขาก็พอที่จะหาเหตุผลมาเอ็ดได้บ้าง แม่นางน้อยที่กล้าได้กล้าเสียฉลาดหลักแหลมตอนนี้กลับกลายเป็คนขี้แยไปได้
“ท่านรีบเขียนเถิดข้ายังมีสิ่งที่ต้องไปทำอีกมาก”หญิงสาวกัดฟันตอบ แม้ไม่อยากจะสนทนาสักเท่าไหร่แต่ด้วยความจำเป็เธอก็ต้องอดทนให้ผ่านพ้นไป ครอบครัวสกุลเกามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เป็เื่น่ายินดี
แน่นอนเงินทองก็ต้องเร่งหามาอย่าให้ขาด
“นังหนูหนิงซิน ทำใจให้สบายนั่งลงก่อนๆ เอาล่ะเ้าฟังที่หมอแก่ๆอย่างข้าพูดสักหน่อยแม้จะอยากกินสิ่งใดจนไม่อาจหักห้ามใจตนเองได้ แต่เ้าก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กน้อยในครรภ์เ้าบ้าง...เช่นนี้ก็แล้วกันเรามาคุยกันถึงเื่มูลค่าของสมุนไพรที่เ้านำมากัน”ท่านหมอซวีที่เห็นท่าทางจนปัญญาของนายเหนือหัวก็ออกตัวแนะนำในฐานะหมอในทันที และยังเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กสาวไปอีกเื่หนึ่งทันที
“ได้เ้าค่ะ...แล้วท่านหมอซวีคิดมูลค่าคร่าวๆไว้เท่าใด”หญิงสาวนั่งลงข้างท่านหมอซวีพลางเอ่ยถาม แม้น้ำตาจะหยุดไหลแล้วแต่ดวงตาทั้งสองและปลายจมูกเล็กล้วนแดงก่ำ
“เช่นนี้...เดิมสมุนไพรทั้งสามชนิดที่เ้านำมาด้วยอายุของพวกมันทำให้ไม่สามารถประเมินราคาที่แท้จริงได้ แต่เพื่อความสะดวกในการออกหนังสือของทางการข้าจึงได้ตีราคาคร่าวๆไว้ที่ชนิดละหนึ่งล้านตำลึง แน่นอนว่านี่เป็ราคาต่ำสุดที่มีการประมูลไปเมื่อหลายปีก่อน”ท่านหมอซวีอธิบายอย่างใจเย็น แม้เขาจะอยากได้สมุนไพรล้ำค่ามาก็ต้องถามความเห็นของนายท่านเสียก่อน
“เช่นนั้นก็เอาตามที่ท่านว่า ท่านเ้าเมืองคิดเห็นเป็เช่นไรเ้าคะ”เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหลายส่วนอย่างน้อยราคาต่ำสุดของสมุนไพรเหล่านี้เธอจะทำเงินได้ถึงสามล้านตำลึง หญิงสาวมีความมั่นใจว่ามันต้องทำเงินได้มากกว่านั้นเป็แน่ สิ่งสำคัญที่สุดคือการประชาสัมพันธ์ ประกาศออกไปทั่วทั้งต้าโจวคงน้อยไปเห็นทีต้องกระจายข่าวไปยังแคว้นข้างเคียงด้วย จากในบันทึกสมุนไพรวิเศษเหล่านี้ล้วนเป็ที่้า
“เ้าลองตรวจสอบความถูกต้องดู เสร็จแล้วจะได้ลงนามรับรองให้เรียบร้อย”เซียวเหลียงยื่นแผ่นกระดาษให้คนตัวเล็กตรวจสอบในใจพลางนึกสงสัย เมื่อครู่นางยังร้องไห้อย่างคนที่ไม่ได้รับความเป็ธรรมใหญ่หลวง ผ่านไปชั่วพริบตาเ้าตัวน้อยนี่ก็เปลี่ยนสีหน้าไปแล้ว แปลกจริง ตกลงเ้าขุ่นเคืองหรือไม่?
“อืม...เนื้อหาล้วนถูกต้องครบถ้วน”ว้าวโสมคนมีอายุถึงสองพันห้าร้อยปี หลินจือแดงมีอายุสองพันปี และบัวหิมะห้ากลีบอายุของมันนับจากจำนวนกลีบดอกหนึ่งกลีบใช้เวลางอกห้าร้อยปีรวมๆแล้วบัวหิมะดอกนี้อายุสองพันห้าร้อยปี ราคาประเมินอยู่ที่อย่างละหนึ่งล้านตำลึงน้อยไปหรือไม่นะ เอาเถิดคนเราจะตายเพราะความโลภเอาได้
ทั้งสองฝ่ายต่างลงนามในหนังสือรับรองทั้งสามฉบับ แต่ละฉบับแบ่งออกเป็สมุนไพรแต่ละชนิด สุดท้ายก็ประทับตราทางการของลั่วหยางและตราประจำตำแหน่งฉินเซี่ยวกง
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มประทับตราประจำตำแหน่งของตนเพิ่มไปอีกหนึ่งแห่งหญิงสาวก็งุนงงอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะได้สอบถามท่านหมอซวีก็เป็ผู้ไขข้อข้องใจให้ก่อน
“นังหนูหนิงซิน...เ้าคิดว่าตราประทับของขุนนางขั้นหนึ่งชั้นเอกของต้าโจวมีไว้ประดับงั้นหรือเ้าถือครองสิ่งของล้ำค่าจำต้องได้รับความคุ้มครอง”
“เช่นนั้นก็ต้องขอบพระคุณท่านเ้าเมืองเป็อย่างสูงเ้าค่ะ”เกาหนิงซินไม่ได้ขัดศรัทธา เมื่อเก็บหนังสือรับรองเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นยอบกายขอบคุณอีกฝ่ายอย่างอ่อนช้อย
“เื่เล็กน้อย”เซียวเหลียงสบตากับคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ห่างจากเขาอีกฟากหนึ่งของโต๊ะ
“เช่นนั้นข้ารบกวนท่านเ้าเมืองกระจายข่าวเื่การประมูลสมุนไพรล้ำค่าในครั้งนี้ได้หรือไม่เ้าคะ”
เซียวเหลียงไม่ได้ตอบรับในทันที ทำเพียงมองคนตัวเล็กเงียบๆ ใบหน้าอันนิ่งสนิททำให้ไม่มีผู้ใดเดาความคิดของบุรุษผู้นี้ได้
“แน่นอนว่าข้าจะไม่รบกวนท่านเ้าเมืองเปล่าๆ รายได้จากการประมูลในครานี้หลังจากหักภาษีแล้วข้าจะบริจาคให้เมืองลั่วหยางสิบส่วนของจำนวนเงินทั้งหมด”หญิงสาวให้เหตุผลอย่างมีหลักการ
“เก็บเงินของเ้าไว้เถิด ลั่วหยางแห่งนี้ที่ไม่ขาดแคลนก็คือเงินทอง...จำเอาไว้ว่าเ้าติดค้างข้าหนึ่งเื่”กล่าวจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที น้ำเสียงนิ่งๆนั่นบอกไม่ถูกจริงว่าเ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน
แหมทำเป็ไม่้าเงินทอง
ติดค้างก็ติดค้างสิ คิดว่าไม่รู้หรอว่าคิดอะไรอยู่
พ่อคนหน้านิ่ง เื่ที่ให้คนคอยตามเขายังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แค่ให้กระจายข่าวให้แค่นี้ต้องมาทวงบุญคุณ ขี้งก ใจแคบ
“นังหนูเ้าโชคดีแล้วที่นายท่านตอบตกลง”ท่านหมอซวีเห็นเด็กสาวทำหน้าราวกับจะกินหัวคนก็ออกปากแทนเ้านาย ช่วยไม่ได้ก็เ้านายของเขาเป็พวกก้อนหินท่อนไม้ดีๆนี่เอง
“ท่านว่าเ้านายของท่านอยากให้สตรีมีครรภ์อย่างข้าติดหนี้บุญคุณงั้นหรือ”เกาหนิงซินเดินนำหน้าพ่อบ้านลู่และท่านหมอซวีออกไป ปากเล็กก็พร่ำบ่นไม่หยุด
“เอาน่าๆคงไม่ให้เ้าไปหาบน้ำผ่าฟืนที่จวนเ้าเมืองหรอก”ท่าหมอซวีตอบอย่างขำๆ
“ถามท่านสักนิด เขาไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงเลยรึ”เื่ชายพรมจรรย์นั้นพอเข้าใจได้ แต่อยู่มาจนขนาดนี้ก็ต้องมีรักแรกอะไรเทือกนั้นบ้างไม่ใช่หรือ
“เคยสิ ยังมีตั้งสองคน!”
“หืม...สองคนก็ใช้ได้นี่ แล้วแม่นางพวกนั้นไปไหนกันหมดแล้ว”หญิงสาวถามอย่างใคร่รู้
“นังหนูเกรงว่าเ้าจะเข้าใจผิดไปนะ สตรีที่ข้าเอ่ยถึงผู้หนึ่งก็มารดาผู้ล่วงลับของนายท่านส่วนอีกผู้หนึ่งก็แม่นมที่ตอนนี้เป็หญิงชราวัยหกสิบ เ้าคิดดูเถิดว่านายท่านที่หล่อเหลาเปี่ยมไปด้วยความสามารถจะมีทักษะการเข้าหาสตรีเหมือนชายหนุ่มทั่วๆไปหรือ....เ้าก็ทนๆหลับตาข้างลืมตาข้างเอาหน่อย”ท่านหมอซวีประสานมือกล่าวอย่างจริงจัง ท่าทางของผู้เฒ่าดูปลดปลง
“เหอๆ”เกาหนิงซินได้แต่หัวเราะอย่างฝืดๆ หากคนอย่างเซียวเหลียงไร้ทักษะดังเช่นแสดงออกเช่นนั้นบุรุษในต้าโจวคงเป็พวกตัดแขนเสื้อไปหมดแล้ว!
หลังจากที่แยกย้ายกันที่หน้าศาลว่าการ เกาหนิงซินและพ่อบ้านลู่ก็ตรงไปยังโรงประมูลทั้งสามทันที แห่งแรกเป็โรงประมูลมู่จิงที่ตอบรับหนังสือนัดหมายก่อนใคร ตามมาด้วยโรงประมูลรั่วอวิ๋นและหลานฮวา หลังจากที่ได้ฟังข้อกำหนดและส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมของโรงประมูลทั้งสามแห่งเกาหนิงซินก็ตัดสินใจเลือกโรงประมูลหลานฮวา
ด้วยข้อกำหนดของโรงประมูลหลานฮวารัดกุมไร้ช่องโหว่สร้างความมั่นใจให้คนที่จะนำของล้ำค่าออกมาประมูล ซ้ำค่าธรรมเนียมที่หักหลังการประมูลคิดเพียงห้าส่วนของราคาที่ขายได้ ใช้เวลาไม่นานก็ทำสัญญาข้อตกลงกันเรียบร้อย เกาหนิงซินกำหนดเวลาประชาสัมพันธ์สินค้าไว้หนึ่งเดือนและวันประมูลคือสิบห้าวันหลังจากการประชาสัมพันธ์สิ้นสุดลง
นับถอยหลังสี่สิบห้าวันกับการค้าครั้งใหญ่
ปิดดีลการค้ามูลค่าหลายล้านตำลึงได้ทั้งที ต้องฉลอง ตอนนี้ก็เลยเที่ยงมานิดหน่อยเพราะเร่งเดินทางไปเจรจากับโรงประมูลหญิงสาวและพ่อบ้านลู่จึงยังไม่ได้กินข้าว
รถม้าแล่นมาหยุดอยู่ด้านหน้าภัตตาคารหรูหราแห่งหนึ่ง
ทั้งสองลงมารถม้าก็มีเสี่ยวเอ้อออกมาต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม ด้วยเลย่เที่ยงไปแล้วผู้คนจึงบางตา
“นายท่านยินดีต้อนรับสู่หอฝูโหลว นายท่าน้าห้องส่วนตัวหรือโต๊ะธรรมดาขอรับ”เสี่ยวเอ้อสอบถามแขกอย่างนอบน้อม
“เอาโต๊ะด้านล่างนี่แหละข้าชอบความครึกครื้น”มองดูคนกินอาหารมันเพลิดเพลินดีออก
“เช่นนั้นเชิญนายท่านเลือกที่นั่งได้ตามสบายขอรับ”
เกาหนิงซินเดินไปนั่งโต๊ะกลางร้านอย่างสง่าผ่าเผย
“เชิญนายท่านสั่งอาหารขอรับ”เสี่ยวเอ้อนำรายการอาหารมาให้คนทั้งสองได้เลือกสรร
เกาหนิงซินกวาดตามองรายการอาหารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว สายตาหวานซึ้งหยุดชะงักจ้องมองรายการเนื้อพิเศษของวันนี้ เธอห้ามตนเองไม่ให้กลืนน้ำลายไม่ได้
ตอนที่นั่งรถม้ามายังนึกไม่ได้ว่าจะกินสิ่งใด
ทำไมพอเห็นเพียงชื่อก็อยากกินถึงขนาดนี้
“เอาน้ำแกงงูมาชามใหญ่เอางูทั้งตัวไปต้มเลยนะไม่ต้องหั่นข้าจะกินเช่นนั้น เอาเนื้องูผัดเครื่องเทศมาหนึ่งจาน เนื้องูผัดพริกมาหนึ่งจาน เท่านี้ก่อน…พ่อบ้านลู่ท่านสั่งได้เต็มที่เลยนะ”
“นายท่านนั่นเนื้องูนะขอรับ”เสี่ยวเอ้อถามอย่างไม่มั่นใจ
“ข้ารู้ เ้าช่วยบอกพ่อครัวให้เร่งมือให้ข้าด้วย ตอนนี้ข้าหิวมาก”
“ขอรับๆ”เสี่ยวเอ้อที่รับรายการอาหารเสร็จรีบเดินตัวปลิวไปทันที
เกาหนิงซินเอนตัวพิงพนักเก้าอี้รอคอยอย่างใจเย็น
“อี๋...หน้าตาก็ใช้ได้แต่ดันกินของชั้นต่ำเพียงนั้น แหวะท่านพี่เซียวเหลียงข้าว่าเราไปกินข้าวที่อื่นกันเถิด”
น้ำเสียงแหลมเล็กที่เปล่งออกมาอย่างขยะแขยง ทำให้คนที่ถูกพาดพิงถึงอย่างเกาหนิงซินต้องเหลียวหลังกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ เป็สตรีที่แต่งกายอย่างหรูหรากำลังหยุดยืนอยู่ข้างกายคนร่างสูงที่เธอพึ่งเจอมาไม่นานนี้
จะเรียกว่าทั้งสองยืนเคียงข้างกันไม่ได้ เพราะดูเหมือนฝ่ายหญิงจะยืนห่างจากฝ่ายชายอยู่ในระยะห้าก้าวใหญ่ๆ หากสังเกตดีๆยัยหน้าขาวปากเปราะที่พูดจาหาเื่เธอนั้นพยายามจะเดินเข้าไปใกล้ชิดอีกฝ่ายแต่ทำไม่ได้
ว้าวว...นี่กำลังภายในที่ล่ำลือกันหรือ
เมื่อเห็นว่าเื่ราวตรงหน้าเป็เช่นไรแล้วเกาหนิงซินก็เลิกให้ความสนใจ นี่มันไอดอลกับซาแซงดีๆนี่เอง ดูอดีตผู้ชายของเธอสิถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็สตรีคงซัดเ้าหล่อนให้หมอบไปแล้ว
เกาหนิงซินหันกลับมาตั้งสมาธิรออาหารต่ออย่างใจเย็น
น้ำแกงงู
เนื้องูผัดเครื่องเทศ
เนื้องูผัดพริก
นี่เนื้อสัตว์กินได้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้