ในเขตชานเมืองตะวันตกของเมืองจิ้นหยางมีูเาฉางซางอยู่ลูกหนึ่ง ภายในูเามีหุบเขาลึกที่ไม่มีใครรู้จัก
ทั่วทุกสารทิศของหุบเขาลึกล้วนเต็มไปด้วยหน้าผาสูงชัน ทางเข้าแห่งนี้ทำได้เพียงลอดผ่านถ้ำที่อำพรางอยู่เข้ามา ถ้ำแห่งนี้อยู่เหนือผิวน้ำภายใต้หน้าผาสูงชันและอำพรางอยู่ในช่องแคบ การที่จะผ่านถ้ำแห่งนี้ไปทำได้เพียงนอนราบบนเรือลำเล็กแล้วค่อยๆ พายเข้าไป
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไป๋หลี่ิชวนมาว่ายน้ำในลำธารลึกแห่งนี้แล้วพบกับถ้ำแห่งนี้โดยบังเอิญ เขาว่ายน้ำมาแล้วค้นพบถึงการมีอยู่ของหุบเขาลึก ใน่เวลานั้นตรงกับเดือนสี่ ทั่วทั้งโลกมนุษย์ต่างก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของบุปผา ทว่าเขากลับพบว่าภายในหุบเขาลึกแห่งนี้มีดอกท้อที่เบ่งบานสะพรั่งราวกับทุ่งบุปผาในดินแดน์
เขาจึงตั้งชื่อหุบเขาลึกแห่งนี้ว่าหุบเขาเถาเยา
สองปีมานี้เขาได้ปลูกดอกท้อมากมายไว้ภายในหุบเขาเพื่อให้ทั้งหุบเขากลายมาเป็ทุ่งบุปผาดั่งนามที่ตั้งไว้ นอกจากนี้คือบริเวณใจกลางทุ่งบุปผายังได้สร้างบ้านไม้เอาไว้อีกด้วย ที่จริงแล้ว่ระยะเวลาที่ดักซุ่มอยู่ในเทียนเหยียน เขาไม่ค่อยได้อาศัยอยู่ที่ร้านขายสมุนไพรเสินหนงเท่าไหร่นัก ระยะเวลาส่วนใหญ่เขาล้วนอาศัยอยู่ภายในหุบเขาเถาเยาแห่งนี้
ตระกูลไป๋หลี่เหมือนกันกับตระกูลจวินตรงที่เป็ตระกูลซ่อนเร้นที่ลึกลับและทรงพลังของดินแดนเสวียนคง โดยตระกูลทั้งสองนี้มีรากฐานที่แน่นแฟ้นและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมื่อสิบปีก่อน หลังจากที่ปิงไห่เกิดการเปลี่ยนแปลง ตระกูลไป๋หลี่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วไล่ตามอำนาจบนสังคมโลก เพื่อควบคุมดินแดนทางทิศตะวันออกของเสวียนคงจากนั้นจึงก่อตั้งอาณาจักรว่านจิ้นขึ้นมา
ในบรรดาองค์ชายแห่งราชวงศ์ไป๋หลี่ ไป๋หลี่ิชวนนับได้ว่าเป็ผู้ที่ไร้จิตสำนึกและสุรุ่ยสุร่ายไม่มีที่สิ้นสุด เขาคือคนที่ยึดมั่นในการกระทำของตนเองโดยไม่สนใจความคิดของผู้อื่น
เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาหลังจากที่หลบหนีออกมาจากป่ามืดมิด เขาก็ได้พาตัวกูเฟยเยี่ยนมาหลบซ่อนในหุบเขาเถาเยา
บัดนี้เขากำลังนั่งไขว่ห้างเผชิญหน้าอยู่กับกูเฟยเยี่ยนภายในบ้านไม้ โต๊ะยาวที่คั่นกลางระหว่างบุคคลทั้งสองล้วนปกคลุมไปด้วยกลีบดอกท้อสีชมพู ้ามีเครื่องลายครามสีขาววางไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็ จาน ชาม แก้ว และถ้วย ทุกชิ้นล้วนประณีตงดงามเป็อย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ไม่ว่าจะเป็รูป รสชาติ กลิ่น หรือสีล้วนเลิศเลอไปหมด
อาหารอันโอชะและสุราชั้นยอดทั่วทั้งโต๊ะนี้ราวกับเป็ของประดับตกแต่งที่ให้ความรู้สึกงดงาม จนไม่อยากจะััและรับประทานมันลงไป
ไป๋หลี่ิชวนมีรูปโฉมที่หล่อเหลาก็จริง แต่ท่าทางนั้นงดงามยิ่งกว่า ภายใต้ความสง่างามสูงศักดิ์ปรากฏถึงความเอื่อยเฉื่อยและความเหนื่อยหน่าย เมื่อไม่มองไปที่ความงดงามบนโต๊ะนี้แล้วมองไปที่ท่าทางรับประทานอาหารของเขาก็ถือได้ว่าเป็ความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง!
แต่อย่างไรก็ตามทางด้านของกูเฟยเยี่ยนกลับก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารมื้อใหญ่ด้วยความสุข
หลังจากที่ไป๋หลี่ิชวนสาธยายถึงต้นกำเนิดของหุบเขาเถาเยาแล้ว เขาก็ยกแก้วขึ้นมาจิบเหล้าดอกท้อ “แพทย์หญิงตัวน้อย ชื่อเถาเยานี้ไพเราะหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนสนใจเพียงแค่การรับประทานจึงไม่ละสายตาขึ้นมามอง้า
นางตื่นขึ้นมาเพราะความหิวโหย ์ทราบดีว่าชายคนนี้ใช้ยาพิษชนิดใดกับนาง ปัจจุบันนี้พิษถูกถอนไปแล้ว แต่นางกลับมีความหิวโหยเป็อย่างยิ่ง
ชายคนนี้น่าจะทราบผลที่จะตามมาของยาพิษชนิดนั้นดี เพราะเขาได้จัดเตรียมอาหารอันโอชะไว้บนโต๊ะแล้วกล่าวเชิญนางทานอาหารเพื่อเป็การขอโทษ ทันทีที่นางมั่นใจแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีพิษจึงนั่งลงแล้วเริ่มรับประทาน นางต้องทานให้อิ่มถึงจะมีเรี่ยวแรงในการหลบหนีออกไป!
นางไม่ทราบว่าตกลงแล้วเขาเป็ใครกันแน่ แต่มั่นใจได้ว่าเขาคือจิ้งจอกเฒ่า
กูเฟยเยี่ยนคาดไม่ถึงจริงๆ เดิมทีคิดว่าจิ้งจอกเฒ่าน่าจะเป็ชายที่ค่อนข้างจะมีอายุ คิดไม่ถึงเลยว่าจะอายุน้อยและรูปหล่อเช่นนี้
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจไยดีเขา ไป๋หลี่ิชวนจึงไม่สนใจเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีมาก เพราะเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางท่องบทกวีนิพนธ์ขึ้นมา
“ดอกท้อบานสะพรั่ง เบ่งบานวาวสดใส ดรุณีวิวาห์ไป ผาสุกใจในเหย้าเรือน ดอกท้อบานสะพรั่ง ก้านท้อบานมั่งมี ดรุณีวิวาห์ไป ผาสุกใจในนิวาส ดอกท้อบานสะพรั่ง ใบชอุ่มบานแ่า ดรุณีวิวาห์ไป ผาสุกใจในคู่ชีวิต…”
เขาจี้ชิงตัวนางมาแต่ไม่มัดไม่ดุไม่บังคับไม่ซักถาม จากนั้นก็เชิญนางทานอาหาร แนะนำสถานที่หลบซ่อนอย่างถี่ถ้วน และท่องบทกวีนิพนธ์ให้นางฟัง ตกลงแล้วชายคนนี้้าจะทำอะไรกัน? สมอง…ไม่ได้มีปัญหาใช่หรือไม่?
กูเฟยเยี่ยนทนไม่ไหวแล้ว นางลอบเงยหน้าขึ้นมาพินิจพิเคราะห์ไป๋หลี่ิชวนด้วยความจริงจัง
ต้องบอกว่าใบหน้าของชายคนนี้งดงามเสียจริง มองแวบแรกงามเพริศพริ้งน่าตกตะลึง แต่เมื่อมองด้วยความจริงจังแล้วงามเพริศพริ้งน่าตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะดวงตาเฉี่ยวที่เปล่งประกายแฝงไปด้วยรอยยิ้มและเสน่ห์อันลึกลับที่ให้ความรู้สึกเสน่หามากมีที่ไร้เทียมทาน
กูเฟยเยี่ยนไม่ชอบชายหนุ่มที่งดงามกว่าหญิงสาวมาโดยตลอด ทว่าความงามของชายหนุ่มตรงหน้านางไม่ใช่ความงามละมุนละไมเฉกเช่นสตรี กล่าวให้ถูกต้องคืองามแบบสมบูรณ์แบบ
นางพินิจพิเคราะห์อยู่นานแต่ก็ไม่สามารถสรรหาจุดตำหนิได้ แม้นางจะคิดว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนดีก็ตาม
นางไม่เข้าใจเอาเสียเลย!
ตกลงแล้วหมอนี่จับตัวนางมาทำไมกัน?
ไป๋หลี่ิชวนสังเกตเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนแอบมองตนมาั้แ่แรกแล้ว เขาท่องไปท่องมา ก่อนจะค่อยๆ หันหน้าไปมองกูเฟยเยี่ยนพร้อมกับเอ่ยถาม “อยากทานหรือไม่? ” กูเฟยเยี่ยนมองข้ามความอึดอัดภายในใจแล้วสงบสติอารมณ์พินิจพิเคราะห์เขาอีกครั้งจากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความเคือง “ทานอะไร? ” ไป๋หลี่ิชวนยิ้มบางเบาพร้อมกับส่งสายตาปรือของเขาที่เรียกว่ามีเสน่ห์มากออกไป “ทานข้าไง”
แค่ก!
แค่กๆ ๆ …
กูเฟยเยี่ยนไอเสียงดังออกมาทันทีและเกือบจะสำลักน้ำลายตนเองตายเสียแล้ว นางคิดมาโดยตลอดว่านายก้อนน้ำแข็งเหม็นคนนั้นเป็คนที่ไร้ยางอายมากที่สุดในโลก แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ายังจะมีคนที่ไร้ยางอายยิ่งกว่า
หญิงสาวยิ้มเยาะ “สิ้นเปลืองเสียจริง! ”
ในคราวนี้เปลี่ยนมาเป็ไป๋หลี่ิชวนที่ไม่เข้าใจแทน “หมายความว่าอย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับไป “ใบหน้าที่งดงามเช่นนี้กลับไม่รักษาเอาไว้ ถ้าไม่ใช่สิ้นเปลืองแล้วจะเป็อะไร? ”
แบบนี้เรียกว่าด่าเขาว่าไร้ยางอายนี่นา!
นอกจากไป๋หลี่ิชวนจะไม่โกรธแล้ว ตรงกันข้ามกลับหัวเราะพลางเอ่ยออกมา “แพทย์หญิงตัวน้อย จากการที่เ้าน่าสนใจเพียงนี้ ข้าจะไม่คิดบัญชีกับเ้า นับั้แ่ตอนนี้เป็ต้นไปเ้าคอยติดตามข้าเป็อย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนประหลาดใจมาก นางกำลังจะตอบ ทว่าด้านข้างก็มีเสียงหวานหยาดเยิ้มดังขึ้นมา “นายท่าน ท่านนิสัยไม่ดี! เมื่อเดือนที่แล้วท่านเพิ่งจะรับนู๋ปี้เอาไว้ ท่านบอกว่านู๋ปี้น่าสนใจแถมยังบอกว่าจะรักนู๋ปี้เพียงคนเดียว! นี่ท่านเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้เชียวหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนหันกลับไปมองจึงพบว่ามีหญิงรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเหยือกสุรา
หญิงรับใช้คนนี้มีอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี ร่างกายซูบผอมแต่ไม่อ่อนแอ นางมีความงามและนุ่มนวลมาก ท่วงท่าย่างก้าวสะโอดสะองงดงามอ่อนช้อยน่ามองยิ่งนัก นางนำเหยือกสุราวางไว้บนโต๊ะแล้วถือโอกาสอิงไปที่อ้อมอกของไป๋หลี่ิชวนพร้อมกับเทสุราหนึ่งแก้วมาป้อนให้ไป๋หลี่ิชวนดื่ม
ไป๋หลี่ิชวนมีลักษณะท่าทางที่เพลิดเพลินอย่างยิ่ง เขาััไปที่แผ่นมือขาวนุ่มของหญิงสาวพลางดื่มสุราเข้าไปในคำเดียวจากนั้นยิ้มเบาๆ “เด็กดี ลงไปเถอะ” หญิงรับใช้ไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัดเจน สายตาของหญิงสาวชำเลืองมองกูเฟยเยี่ยนแวบหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นถอยออกไป
กูเฟยเยี่ยนเห็นถึงสายตาของความ…เหยียดหยาม!
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้จับนางมาทำไม
หมอนี่คือจิ้งจอกหลายใจที่มักมากในกามชัดๆ ์ทราบดีว่าเขาอาศัยใบหน้างดงามนี้วางยาพิษหญิงสาวที่ “น่าสนใจ” ไปแล้วกี่คน! บางทีคงจะวางยาพิษเดือนละหนึ่งคน?
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนซ่อนความเหยียดหยามเอาไว้ในใจ นางแอบลูบไปที่หวางเป่าติงเพื่อเรียกสมุนไพรสำหรับปรุงยาพิษออกมาสองสามชนิดพลางยิ้มเยาะออกมา “เ้าใส่ร้ายข้า ข้าทำลายแผนการเ้า พวกเราเสมอกันแล้ว ข้าไม่ติดหนี้เ้าแล้วนี่นา? ”
ไป๋หลี่ิชวนตกตะลึงพลันหัวเราะอย่างมีความสุข “แล้วเ้า้าเงื่อนไขอะไร? ”
“เ้าบอกข้ามาก่อนว่าเ้าเป็ใคร? ”
กูเฟยเยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจงใจยั่วอารมณ์ “หากเ้าเทียบได้กับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ข้าสามารถพิจารณาดูได้ หากเ้าเทียบจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ เช่นนั้นน่าเสียดายเสียจริง”
ไป๋หลี่ิชวนแตะไปที่าแบนไหล่โดยไม่รู้ตัว เขายิ้มแต่ไม่พูดอะไรออกมา ไม่ช้าก็ลุกขึ้นเดินไปทางกูเฟยเยี่ยนพร้อมกับพูดด้วยความคลุมเครือ “ไม่ลองดูก่อนแล้วจะเทียบได้อย่างไร? ”
แวบแรกกูเฟยเยี่ยนไม่เข้าใจในความหมายของเขา แต่เมื่อพิจารณาดีๆ ทั่วทั้งใบหน้าก็เปลี่ยนเป็สีแดงก่ำขึ้นมา นางอดไม่ได้ที่จะก่นด่าออกไป “อันธพาล! ”
ในขณะที่หญิงสาวเอ่ยออกมาก็ได้คว้ายาพิษที่หวางเป่าติงปรุงเรียบร้อยแล้วมาเทสะบัดไปที่ไป๋หลี่ิชวนซึ่งๆ หน้า…