พอถังชิงหรูเห็นน่าหลันหลิงเป็เช่นนี้ ก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจทันที
"ดีเหมือนกัน ท่านก็ทำงานของท่าน" ถังชิงหรูเอ่ย "แต่หากไม่คุ้นชินกับอาหารที่นั่น ก็กลับมา ข้าทำให้ท่านกินได้เสมอ"
น่าหลันหลิงมองดรุณีน้อยผู้แสนอบอุ่นอ่อนโยนตรงหน้า ดวงตาของนางดั่งสายลมละมุนละไมที่พัดพาเอาความร้อนระอุในอก รวมถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของเขาออกไปพร้อมกัน
"ตกลง" น่าหลันหลิงยิ้มน้อยๆ "ข้าคิดว่าอยู่สักสามสี่วันก็คงทนไม่ไหวต้องซมซานกลับมาหาเ้าแล้วล่ะ"
"ปากช่างเลือกอย่างท่าน เกรงว่าแม้แต่สามวันก็ยังไม่ไหว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาหาข้าแล้วล่ะ" ถังชิงหรูโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ "อาหารการกินในบ้านคนสกุลใหญ่จะดีอย่างไร ก็สู้รสมือของข้าไม่ได้หรอก"
น่าหลันหลิงเห็นใบไม้แห้งใบหนึ่งร่วงลงมา บนนั้นมีหนอนเล็กๆ อีกตัวหนึ่ง ตกไปบนศีรษะของถังชิงหรูพอดี น่าหลันหลิงเห็นเช่นนั้นก็รีบไปหยิบออกมา
ถังชิงหรูมองชายหนุ่มรูปงามในระยะประชิด นึกกล่าวในใจ การล่มสลายของตระกูลหาได้เปลี่ยนเขาไปในทางมืดมน เขายังคงบริสุทธิ์สดใสดุจแสงตะวันเจิดจรัส แม้แต่นางยังอดเลื่อมใสศรัทธาในจุดนี้ไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็ตนเอง คงไม่มีทางเปิดใจให้กว้างแบบเขาได้ หากตอนแรกสาเหตุที่นางรั้งอยู่ดูแลน่าหลันหลิงเป็เพราะเ้าของร่างเดิม ทว่าหลังจากได้รับอิทธิพลจากตัวตนที่เขาเป็ บังเกิดความเคารพเลื่อมใส นางจึงยินดีช่วยเหลือเกื้อกูลเขาด้วยความเต็มใจ
"ข้าจะจัดการสัมภาระให้ท่าน" โชคดีที่เขาจัดเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ไว้นานแล้ว ยามนี้แค่เข้าไปหยิบก็สามารถไปได้เลย หลังส่งน่าหลันหลิง ถังชิงหรูก็รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ้าง นางรู้สึกว่าการดูแลที่นี่คนเดียวเป็เื่ลำบากเกินไป จำเป็ต้องซื้อบ่าวรับใช้มาช่วยงานสักสองคน
ครั้นแล้วนางจึงไปยังตลาดนายหน้า เลือกเด็กสาวอายุสิบสามสิบสี่กลับมาสองคน พวกนางล้วนเป็เด็กที่มาจากครอบครัวยากจน คนหนึ่งทางบ้าน้าตบแต่งภรรยาให้บุตรชายคนโต ไม่มีสินสอดทองหมั้น จึงต้องขายนางเพื่อแลกเงิน ส่วนอีกคนมารดาที่บ้านป่วยหนัก เื้ัยังมีน้องสาวน้องชายที่ต้องดูแล บิดาเป็ผีพนัน นอกจากไม่มีความรับผิดชอบแล้วยังสร้างความเดือดร้อนทำให้พวกเขาถูกคนมาตามทวงหนี้ เพื่อปกป้องน้องสาวน้องชาย นางจึงต้องขายตนเอง ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงกลายมาเป็สาวใช้ของถังชิงหรู
ถังชิงหรูเป็คนใจกว้าง ให้ทั้งผ้านวม และอาภรณ์อย่างดีแก่พวกนาง สาวน้อยทั้งสองไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าดีๆ เช่นนี้มาก่อน ต่างพากันร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ
"เมื่อก่อนเสื้อผ้าที่สวมใส่มีแต่ของเก่าของท่านแม่ ตัวไหนที่ท่านสวมไม่ได้แล้ว และไม่อาจซ่อมแซมได้ ก็จะเอามาแก้ให้เล็กลงก่อนยกให้ข้า" สาวใช้นามว่าจิ่นเอ๋อร์กล่าว
"พี่จิ่นเอ๋อร์อย่าเศร้าใจไปเลย ทุกคนก็เป็เช่นนี้กันทั้งนั้น" หวนเอ๋อร์สาวใช้อีกคนอ่อนกว่าจิ่นเอ๋อร์ครึ่งปี
ถังชิงหรูยกอาหารออกมา พูดกับสาวใช้ทั้งสอง "มากินข้าวกันเถอะ"
หวนเอ๋อร์กับจิ่นเอ๋อร์เห็นถังชิงหรูยกอาหารออกมาเอง สีหน้าพลันตื่นตระหนก พวกนางมัวแต่ดูเสื้อผ้าใหม่ของตนเองจนเพลิน แม้แต่การงานล้วนลืมสิ้น
พวกนางรับถ้วยชามมาจากมือของถังชิงหรู หวนเอ๋อร์เอ่ยว่า "แม่นาง ต่อไปให้บ่าวทำกับข้าวเถอะเ้าค่ะ บ่าวทำมาั้แ่เล็กจนโต ฝีมือนับว่าพอใช้ได้"
ถังชิงหรูนึกกล่าวในใจ ในที่สุดข้าก็สามารถใช้ชีวิตแบบมีกินมีใช้อย่างสุขสบายเสียที
ถังชิงหรูมีนิสัยเกียจคร้านตัวเป็ขนอันดับหนึ่ง หากสามารถอู้ได้ ย่อมไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น อย่าเห็นว่านางใช้โหมดสกิลการใช้ชีวิต หยิบจับลงมือทำสิ่งใดได้อย่างง่ายดาย แต่หากเป็ไปได้ นางยังคงอยากเป็เถ้าแก่เนี้ยคอยชี้นิ้วสั่งงานมากกว่า ทว่าอย่างไรก็ตามหน้าที่ของคนเป็หมอคือการช่วยชีวิตคนไข้ ต่อให้มิใช่เพื่อทำมาหากิน นางก็ยังคงยึดมั่นอาชีพเดิม ยามเห็นคนเจ็บป่วยทรมาน นางจะนิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือก็ได้ แต่มันก็สุดจะทานทน ตอนนี้นางพยายามเร่งหาหนทางเอายาที่ถูกล็อกไว้ในระบบเ่าั้ออกมา ไม่เพียงเพื่อช่วยให้ตนเองสะดวกสบาย สำคัญที่สุดคือเพื่อช่วยคนเจ็บป่วยได้มากขึ้น
"แม่นาง พวกเราเป็สาวใช้ ไม่อาจร่วมโต๊ะกับท่าน" แม้ว่าจิ่นเอ๋อร์จะมาจากครอบครัวชาวนา แต่เคยได้ยินว่าบ้านตระกูลใหญ่มีกฎเกณฑ์มากมาย พอเห็นถังชิงหรูหยิบถ้วยและตะเกียบมาสามชุด ก็รีบเอ่ยปาก "บ่าวกับหวนเอ๋อร์ไปกินในครัวก็ได้เ้าค่ะ"
"ที่นี่ไม่มีกฎเกณฑ์อันใด มีแค่พวกเราสามคน ข้าคนเดียวนั่งโต๊ะตัวเบ้อเร่อ แต่เ้าสองคนกลับต้องไปเบียดกันกินในครัว แบบนี้มันน่าสนุกตรงไหน" ถังชิงหรูกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "อีกอย่าง ตอนนี้หากไม่เติมท้องให้อิ่ม เดี๋ยวจะมีแรงช่วยงานข้าได้อย่างไร นั่งกินให้สบายใจเถอะ ข้าเลี้ยงพวกเ้าได้"
"เ้าค่ะ" หวนเอ๋อร์ขานรับด้วยความดีใจ "พี่จิ่นเอ๋อร์ เนื้อนี้อร่อยมากเลย ข้าไม่ได้กินเนื้อมาหลายปีแล้ว หากพวกน้องชายน้องสาวได้กินด้วยก็คงจะดี"
จิ่นเอ๋อร์ลอบเหยียบเท้าหวนเอ๋อร์ใต้โต๊ะ พลางขึงตาใส่ หวนเอ๋อร์ได้สติคืนมา รีบอธิบาย "แม่นางโปรดวางใจ บ่าวแค่คิดถึงน้องๆ ไม่เอาสิ่งใดของแม่นางไปให้พวกเขาหรอกเ้าค่ะ"
ถังชิงหรูมองหวนเอ๋อร์ พลางเช็ดริมฝีปาก กล่าวเสียงเรียบ "พวกเ้าเหยียบเข้าประตูบ้านข้า ต่อไปก็เป็คนของข้า ข้าไม่นำพาว่าพวกเ้าจะห่วงใยคนในครอบครัวหรือไม่ แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์กินบนเรือนขี้บนหลังคา ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ รู้กันหรือเปล่าว่าเ้านายสามารถจัดการกับบ่าวอย่างไรได้บ้าง จะฆ่าจะแกงเป็เื่ปรกติ บ่าวตายไปไม่กี่คน ทางการไม่มาสนใจอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าคิดหาญมาทดสอบความอดทนของข้า ข้าซื้อพวกเ้ามาก็เพราะไม่อยากให้เด็กสาวๆ อย่างพวกเ้าต้องตกไปอยู่ในสถานที่อโคจร เมื่อครู่นี้ก็น่าจะเห็นแล้ว หากข้าไม่ซื้อพวกเ้ามา ไม่ช้าก็ต้องถูกแม่เล้าหอนางโลมมาซื้อตัวไป"
เมื่อครู่นี้หวนเอ๋อร์เพียงแค่เป็ห่วงคนในครอบครัว จึงลืมตระหนักถึงสถานะของตนเองไปชั่วขณะ ดังนั้นพอถูกถังชิงหรูตำหนิสองสามประโยค ยามนี้มานึกทบทวนดู ก็นึกเสียใจแทบตาย
จิ่นเอ๋อร์เฉลียวฉลาดกว่าหวนเอ๋อร์ รู้ว่าวาจาบางอย่างไม่ควรพูด แม่นางถังผู้นี้แม้ดูเป็คนคุยง่าย แต่แท้จริงแล้วเป็คนซ่อนเร้นปิดบังตัวตนพอสมควร นี่คือสิ่งที่นางรู้สึก แต่ตนเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะเหตุใดถึงคิดเยี่ยงนี้ ยามเห็นแม่นางถังครั้งแรก ใจของนางมีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า อยากจะเปลี่ยนชะตาชีวิตหรือไม่ คนผู้นี้คือผู้สูงส่งของเ้า ต้องติดตามนางให้ได้ ครั้นแล้วจึงทำตามความคิดในใจ วางตัวอย่างดีขณะที่แม่นางถังกำลังเลือกคน ทั้งยังใช้เื่ราวของตนสร้างความประทับใจให้นางอีกด้วย ผลลัพธ์ก็ออกมาดียิ่ง นางได้รับเลือกจริงๆ
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว ถังชิงหรูไม่นำพาของเหลือบนโต๊ะอาหาร การที่นางปฏิบัติต่อสาวใช้อย่างดี หาได้หมายความว่าพวกนางมิต้องคำนึงถึงสถานะ ถึงอย่างไรก็ต้องทำงานเป็สาวใช้ที่ดี หากวันๆ รู้แต่ห่วงใยคนทางบ้าน คิดจะส่งของของนางไปช่วยเหลือ ก็อย่ามาโทษว่าตนเองใจร้าย นางไม่ได้เปิดโรงทานเพื่อการกุศล
เมื่อครู่ถังชิงหรูยังปฏิบัติต่อสาวใช้ทั้งสองอย่างปรานีปราศรัย แต่เหตุผลที่เปลี่ยนสีหน้ากะทันหันเพราะรู้สึกว่าหวนเอ๋อร์คนนี้ซื่อบื้อเกินไป พี่ชายคนโตจะแต่งงาน คนที่บ้านถึงขายนายแลกมาแลกกับเงินสินสอด ไม่นึกว่านางยังเป็ห่วงว่าพวกเขาจะอยู่ดีหรือไม่ หากคนที่บ้านใส่ใจนางจริง เหตุใดถึงเลือกขายนางมาแลกกับสินสอดทองหมั้นเล่า บุตรสาวมีค่าสู้สะใภ้มิได้หรือไร หากนางต้องเกิดมาในครอบครัวแบบนี้ อย่าว่าแต่ใช้ตนเองไปแลกเป็เงินสินสอด ต่อให้หนีไปเฉยๆ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็การเอาเปรียบ ดังนั้นนางถึงได้เตือนต่อหน้า
หวนเอ๋อร์กับจิ่นเอ๋อร์ช่วยกันเก็บโต๊ะ หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนหนึ่งก็รับหน้าที่ไปตักน้ำ อีกคนก็ซักเสื้อผ้า เมื่อครู่ถังชิงหรูบอกว่าที่นี่ยังมีเ้านายที่เป็บุรุษอีกคนหนึ่ง ให้เรียกว่าคุณชาย
หวนเอ๋อร์กับจิ่นเอ๋อร์หน้าตาสะสวยเกลี้ยงเกลา เมื่อก่อนชีวิตลำเค็ญ ไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าสวยๆ ยามนี้พอเปลี่ยนมาสวมใส่อาภรณ์ที่ถังชิงหรูซื้อมา ไม่เพียงแต่ดูสดใสมีชีวิตชีวา ยังแลดูงามตาเป็พิเศษ เดิมทีหน้าตาก็ช่วยได้สองส่วน ยามนี้ยิ่งดูดีเพิ่มขึ้นมาอีกเป็ห้าส่วน ดวงหน้าน้อยที่แสนจะธรรมดาของตนเองเมื่อมาเทียบกับสองคนนี้ ช่างไม่มีราศีของความเป็คุณหนูตระกูลใหญ่เอาเสียเลย เอาเถิด! เ้าของร่างเดิมก็หาใช่คุณหนูลูกผู้ดีมีเงิน ดังนั้นถึงไม่มีสง่าราศีเยี่ยงนั้นก็ไม่แปลก แต่ปัญหาก็คือ ตัวจริงของนางเป็คุณหนูจากตระกูลผู้ดีน่ะสิ!
ในโรงครัว จิ่นเอ๋อร์พูดกับหวนเอ๋อร์ "เ้าหนอเ้า... ทำไมถึงพลั้งปากหลุดคำพูดต้องห้ามแบบนั้นออกไปได้ สำหรับคนเป็เ้านาย แค่เ้าเข้าประตูจวน ก็นับว่าเป็คนของเขาแล้ว ผู้อื่นซื้อตัวเรามา พวกเราก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับครอบครัวอีกต่อไป อย่าลืมว่าตอนนี้เราสองคนลงนามสัญญาขายตัวไปแล้ว ใช่ว่าตัวเปล่าไร้พันธะ หากแม่นางอยากให้พวกเราเปลี่ยนแซ่ พวกเราก็ไม่อาจปฏิเสธ สมองของเ้านี่ก็ทึ่มเสียจริง ทำไมถึงยังคิดถึงคนทางบ้านเ่าั้อยู่ได้ มิน่าแม่นางถึงบันดาลโทสะ จำไว้ อย่าได้ฝ่าฝืนข้อห้ามเป็อันขาด มิเช่นนั้นเ้าเองนั่นแหละที่จะต้องลำบาก"
หวนเอ๋อร์สำนึกได้นานแล้ว นางดึงมือจิ่นเอ๋อร์มากุมพลางกล่าวว่า "พี่จิ่นเอ๋อร์ แม่นางจะไม่ชังข้าใช่หรือไม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"
"คงไม่หรอก แม่นางหาใช่คนใจแคบ" จิ่นเอ๋อร์คิดก่อนพูด
"ท่านเพิ่งรู้จักนาง ไม่เคยัักันมาก่อน รู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่คนแบบนั้น" หวนเอ๋อร์แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ที่ลานบ้าน ถังชิงหรูะโเรียกสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างใน "หวนเอ๋อร์ จิ่นเอ๋อร์ พวกเ้าออกมาช่วยงานหน่อย"
สาวใช้ทั้งสองสบตากัน หวนเอ๋อร์รีบวิ่งออกไป เช็ดคราบน้ำบนมือกับผ้าพันคอ พลางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "แม่นางมีสิ่งใดรับสั่งหรือเ้าคะ"
บทสนทนาของสาวใช้สองคนในห้องครัวนางล้วนได้ยินทั้งหมด ด้วยความเป็คนหูไว ถึงไม่อยากฟังก็ได้ยินอยู่ดี แต่นางแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็นได้อยู่
ถังชิงหรูคิดพลางกล่าวว่า "ข้ามิเคยทำการเกษตรมาก่อน ไม่รู้ว่าจะปลูกเมล็ดพืชเหล่านี้อย่างไร พวกเ้าเกิดในครอบครัวชาวนาคงช่วยข้าจัดการได้กระมัง"
หวนเอ๋อร์เห็นเมล็ดพืชเ่าั้ ในที่สุดก็เข้าใจว่าถังชิงหรูกำลังลำบากใจเื่ใด นางย่อตัวลง รับเมล็ดพืชมาจากถังชิงหรู แล้วกล่าวว่า "บ่าวจะจัดการเองเ้าค่ะ"
"ตรงนี้มอบให้พวกเ้าแล้วกัน ข้าจะไปซื้อสมุนไพร" ถังชิงหรูสั่งงาน "ประเภทของสมุนไพรเ่าั้มีเยอะไปหมด คงจัดการไม่เสร็จภายในสองสามวัน พวกเ้าช่วยกันถางหญ้าเตรียมพื้นที่สำหรับสวนสมุนไพร ข้าจะปลูกสมุนไพรที่ใช้บ่อยเหล่านี้ หลังจากนั้นก็เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับปลูกผักอีกแปลง ต่อไปเื่เสบียงของบ้านเราก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของพวกเ้าแล้ว"
"แม่นางวางใจได้ พวกเราสองคนล้วนเป็ลูกหลานชาวนา เื่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเ้าค่ะ" จิ่นเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "แม่นางไปทำธุระเถิด แล้วค่อยกลับมาดูผลงานของพวกเราสองคน"
ถังชิงหรูส่งเมล็ดพันธุ์พืชให้แก่พวกนาง หลังจากมอบหมายงานทั้งหมดในเรือนให้แก่สาวใช้ทั้งสองแล้ว นางก็ไปหาซื้อสมุนไพรมาเตรียมจัดใส่ตู้ยาเพื่อเปิดกิจการ
เป็เวลาสามวันต่อเนื่องที่ไม่มีคนจากจวนชิ่งอ๋องมาตามตัวนาง ในที่สุดถังชิงหรูก็จัดเตรียมร้านค้าเสร็จสิ้น ส่วนน่าหลันหลิงก็ยังอยู่ในจวนสกุลหลี่ได้เป็อย่างดี สองสามวันนี้มิได้กลับมาเลย
ถังชิงรู้จักสถานะของจวนสกุลหลี่ ทั่วทั้งเมืองนี้ มีตระกูลผู้ลากมากดีเช่นสกุลหลี่อยู่ไม่กี่ตระกูล และมีเพียงสกุลหลี่ที่เดียวที่หาอาจารย์ไปสอนหนังสือที่บ้าน นางเป็ห่วงน่าหลันหลิง จึงนำขนมที่ทำเองไปจวนสกุลหลี่ องครักษ์ประจำประตูจวนเห็นแม่นางน้อยหน้าตาธรรมดา จึงทำหมางเมินไม่รู้ไม่ชี้ จนกระทั่งนางยัดเงินใส่มือ พวกเขาถึงยอมเข้าไปเรียกคนให้ ไม่นานนัก ก็พาหลันหลิงออกมา
"อาจารย์หลิน เชิญทางนี้ขอรับ" องครักษ์เอ่ยกับน่าหลันหลิงอย่างสุภาพ "เมื่อครู่ข้าน้อยล่วงเกินมากไปหน่อย ขอท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจ อาจารย์หลินเป็คนมีความสามารถ เพียงไม่นานก็ได้รับความเชื่อถือจากคุณชายทั้งสอง ต่อไปพวกเราพี่น้องคงต้องพึ่งพาท่านแล้ว จริงสิ นี่คือของที่น้องสาวของท่านให้มา ข้าน้อยไหนเลยจะกล้ารับ"
น่าหลันหลิงมององครักษ์เ่าั้ปราดหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย กล่าวว่า "ช่างเถอะ ข้าหาใช่คนใจแคบอันใด เพียงแต่ต่อไปหากน้องสาวมาหาข้าอีก รบกวนพี่ชายทุกท่านโปรดเข้ามาแจ้งด้วย"
"แน่นอนอยู่แล้วๆ" องครักษ์รีบรับคำทันควัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้