เสิ่นม่านหันไปหลุบตาลงและกวาดตามองเด็กอ้วนข้างกายนางหยาง
หึ ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้บวมหรืออ้วนกันแน่ ใบหน้ามีเพียงรอยฟกช้ำหนึ่งแห่ง ดวงตาถูกเบียดจนเหลือเพียงขีดเดียว ใบหน้ามีเพียงรอยฟกช้ำหนึ่งแห่ง
จากนั้นก็เสิ่นม่านเหลือบมองเด็กน้อยทั้งสามของบ้านตนเองที่ยังนิ่งเงียบ ฉับพลันเสี่ยวหลานก็ส่งเสียงขึ้นเป็คนแรก
“ไม่ใช่นะ ท่านอา ฟู่กุ้ยตอนเรียนอยู่ที่โถงบรรพชนสถาบัน เขาบอกว่าท่านอาคือปีปิศาจมาจุติกลับชาติมาเกิดและคิดจะกินดูดกลืนิญญาของคนทั้งหมู่บ้าน เป็ตัวกาลกิณี พวกเราโมโหจนทนไม่ไหว ถึงได้ใช้กำลังกับเขา...”
ต้าเป่าที่เพิ่งถูกฟู่กุ้ยทำร้ายเมื่อครู่เพิ่งดีขึ้น ตอนนี้กำลังดึงชายเสื้อของเสิ่นม่าน จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ท่าน ท่านแม่ ฟู่กุ้ยด่าท่านก่อน ท่านแม่ไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย ข้าไม่ยอมอนุญาตให้พวกเขาพูดถึงท่านเช่นนี้!”
โอ้ ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง เสิ่นม่านมองไปที่เด็กน้อยทั้งสามพลันรู้สึกและซาบซึ้งใจ
ดูสิ เด็กทั้งสามคนปกป้องนาง นางซึ่งเป็ผู้ปกครองช่างรู้สึกภาคภูมิใจเหลือเกิน…
“ขากถุย! แม่เ้าเป็ตัวอะไรพวกเ้าย่อมควรรู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรือ? เด็กผีแต่ละคนก็เหลือเกิน พวกตาต่ำทั้งหลาย สมัยก่อนคงถูกทำร้ายกันไม่มากพอสินะ? ชัดเจนว่าเสิ่นม่านเหนียงถูกปีศาจหมููเาเข้าสิงแล้ว มีผู้หญิงที่ไหนบ้างที่สามารถคว่ำผู้ชายร่างใหญ่ได้? สามีผู้น่าสงสารของข้า ตอนนี้ยังต้องพักฟื้นที่บ้านไม่อาจทำงานได้...”
นางหยางขัดจังหวะพวกเขาทันที หลังพ่นคำด่าจากพูดพล่ามออกมาเป็ชุด จากนั้นก็แสร้งทำเป็ร้องไห้ต่อ
“ทุกคนลองคิดดูสิ ต้าจ้วงของข้าทำอะไรผิด? ทุกคนต่างก็เป็คนบ้านเดียวกัน แต่คนชั้นต่ำนี่กลับลงมือทำกันได้! ชัดเจนว่านาง้าเอาชีวิตของครอบครัวข้าทั้งหมด! โอย…วันนี้หากไม่กำจัดปีศาจตนนี้ หมู่บ้านครอบครัวโม๋ผานของเราคงไม่มีทางสงบสุขแน่!”
คำพูดของนางหยางนำมาซึ่งเสียงกระซิบกระซาบของชาวบ้านที่อยู่รอบบริเวณ ทั้งยังจากนั้นได้ยินเหมือนพวกเขาเองก็คล้อยตามกับสิ่งที่นางหยางพูดเสียอย่างนั้นเช่นเดียวกัน
เสิ่นม่าน “...”
คำพูดความสันนิษฐานสุ่มสี่สุ่มห้าเชื่อไม่ได้ บอกว่านางเป็ปีศาจไม่พอ แต่อย่างน้อยก็ขอเป็ปีศาจจิ้งจอกเ้าเสน่ห์งามล่มเมืองหรืออะไรเทือกผู้ทำลายล้างชาติพันธุ์อะไรเทือกนั้นได้ไหม?
แต่นี่กลับเรียกนางว่าปีศาจหมููเา?
คนเหล่านี้...ก็เหลือเกินจริงๆ มีคนกล่าวหาว่านางเป็ตัวอะไรก็เชื่อเลยหรือจะดีหรือถ้าจะบอกว่านางเหมือนสิ่งใดก็ต้องเป็สิ่งนั้น? นางยังมีศักดิ์ศรีความเป็คนบ้างหรือไม่?!
เสิ่นม่านลุกพรวดขึ้นและพุ่งไปทางนางหยาง จากนั้นะโอย่างโมโห
“หุบปากเดี๋ยวนี้ นางผู้หญิงชั่วร้าย!”
“ข้าน่ะหรือคือปีศาจหมููเา? พูดจามั่วซั่วมั่วนิ่มเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่มีพละกำลังลรังเยอะกว่าผู้ชาย เกิดมารูปร่างใหญ่โต พวกเ้าก็บอกว่าข้าคือปีศาจหมููเา เช่นนั้นเ้าหน้าตาเหมือนกับหนูเ้าเล่ห์ ข้าก็คงต้องบอกว่าเ้าคือปีศาจหนููเาสินะ!”
นางหยางถูกนางตะคอกใส่จนตัวสั่นและหน้าแดง ผ่านไปค่อนวันกว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ “เ้าผายลม!”
“ข้าผายลม?” เสิ่นม่านกระชากนางขึ้นมาและพูดรัวเป็ชุด
“ในเมื่อเ้าบอกว่าข้าคือปีศาจ เช่นนั้นก็นำหลักฐานออกมา วันนี้หากไม่มีหลักฐาน ข้าไม่จบกับเ้าง่ายๆ แน่!”
นางหยางจะไปเอามีหลักฐานมาจากที่ไหน? นางเองก็แค่ได้ยินชาวบ้านพูดคุยกัน แล้วจึงพูดให้ฟู่กุ้ยฟัง พอถูกจี้เช่นนี้ นางก็ร้อนใจจนปากสั่น
“เ้า ปีศาจอย่างเ้าทำร้ายคน ไหนเลยจะต้องใช้หลักฐาน? ชาวบ้านเก็บเ้าไว้มีแต่จะเป็ภัยร้าย ไม่แน่ว่าต่อไปเ้าคงกินพวกเราทั้งหมู่บ้านก็เป็ได้!”
ไร้สาระ!
เสิ่นม่านเห็นแก่ว่ายังมีชาวบ้านดูอยู่ไม่น้อย จึงอดใจไม่ฟาดหน้านางสักฉาด
“ข้าทำร้ายคน? ข้าทำร้ายใคร? ผู้ชายของเ้าขโมยหยกมรดกของบ้านข้า ข้าไม่ควรนำกลับคืนมาหรือ? เขาลงมือทำร้ายข้าก่อน แล้วข้าควรยอมรับแต่โดยดีหรือ? เื่อะไร? นางหยาง ข้าจะบอกเ้าให้ อย่าเห็นว่าบ้านข้าอ่อนแอไม่มีที่พึ่งแล้วคิดจะรังแกกันได้ง่ายๆ พี่ชายข้าเคยสอนหมัดมวยกังฟูให้ข้า! สามีของเ้าถูกทำร้าย ก็เพราะเขาทำตัวเอง ขืนยังมีครั้งหน้าอีก ข้าจะจัดการอัดพวกเ้าทั้งคู่และส่งไปที่ว่าการแจ้งความ!”
“เ้า...” เสิ่นม่านด่ารัวเป็ชุด ทำให้นางหยางไร้ซึ่งคำโต้ตอบ ได้แต่ชี้หน้านาง แต่กลับไม่กล้าลงมือทำอะไรจริงๆ
ขณะนั้นนี้เอง หนิงโม่ก็กลับมาพอดี เมื่อเห็นตรงประตูมีคนล้อมวงดูความคึกคักมากมาย เขาจึงมีปั้นสีหน้าบึ้งตึง ยิ่งพอเข้ามาและเห็นเด็กน้อยสามคนที่าเ็ ใบหน้าของเขาก็มืดมนยิ่งกว่าเดิม
“อาจารย์หนิงมาแล้ว!”
ไม่รู้ว่าผู้ใดะโ ชาวบ้านก็พร้อมใจหลีกทางให้หนิงโม่ทันทีอัตโนมัติ แม้ว่าหนิงโม่จะไม่ได้อยู่ที่นี่นานนักมาก แต่กลับได้รับความเคารพจากชาวบ้านอย่างมาก ทุกคนต่างรู้สึกว่าชายหนุ่มที่ผู้มีความสง่าและอ่อนโยนอย่างอาจารย์หนิงนั้น มีความน่าเกรงขามอย่างไม่อาจบรรยายได้
ทันทีที่หนิงโม่เดินเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นคือสตรีร่างอวบกำลังเอามือเท้าสะเอว ดูจากท่าทีเช่นนี้แล้ว เมื่อครู่นางคงโมโหไม่เบา
เขาเป็คนที่รักความเงียบสงบ แต่ที่ก็น่าแปลกอย่างยิ่งคือ ทุกครั้งที่เห็นเสิ่นม่านทะเลาะกับผู้อื่นอย่างกระฟัดกระเฟียด ท่าทางที่ยืนหยัดออกมาต่อสู้เพื่อครอบครัวอย่างกล้าหาญของนาง เขากลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย
ส่วนสตรีผู้นั้นที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังผู้นั้น ขณะนี้กำลังปัดนิ้วของนางหยางที่ชี้นางออกและย่นจมูกด้วยความรำคาญ
“เ้าอะไร? เมื่อครู่ที่ต่อว่าเ้าเพราะเ้าหาว่าข้าคือปีศาจหมููเา ตอนนี้ข้าจะขอถกกับเ้าให้ดี พวกเ้าสองแม่ลูกเห็นว่าที่บ้านข้าไม่มีผู้ใหญ่อยู่ จึงบุกมาทำร้ายเด็กๆ บ้านข้า! ความแค้นนี้ เ้าคิดจะหักล้างบัญชีอย่างไร?”
นางหยางรู้สึกว่าถูกผู้หญิงคนนี้บีบจนถึงทางตัน ในหมู่บ้านนี้นางทะเลาะวิวาทมามากมายนับครั้งไม่ถ้วนในหมู่บ้านนี้ หาได้เคยแพ้ไม่!
เพียงแต่เสิ่นม่านเหนียงตัวดีผู้นี้ เอะอะก็พร้อมลงไม้จะลงมือ นางจึงหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“หรือไม่ก็แจ้งความเถิด” หนิงโม่ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ขณะนี้จู่ๆ ก็โพล่งออกมาอย่างเชื่องช้า “ตามกฎหมายมาตราข้อที่หนึ่งร้อยสามสิบของราชวงศ์ฮั่นหยวน การทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา ทั้งยังเป็การทำร้ายผู้ที่เด็กกว่า ผู้กระทำผิด โทษเบาต้องถูกโบยยี่สิบไม้”
“โบยยี่สิบไม้?!” นางหยางแทบจะตายให้ได้ตรงนั้น นั่นคงคร่าชีวิตของนางไปครึ่งหนึ่ง!
ยังไม่พอ เห็นเพียงหนิงโม่เอามือไพล่หลังและเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้าอีกครรั้ง “นอกจากนี้ ตามมาตราข้อที่หนึ่งร้อยสามสิบห้า การกล่าวหาผู้อื่นและสร้างความเสียหายทางชื่อเสียง สมควรตัดลิ้น”
“ซี้ด...” รอบข้างมีเสียงฮือฮาดังขึ้น
กระจายข่าวลือเสียหายต้องถูกตัดลิ้น? สิ่งนี้ทําให้ชาวบ้านหวาดกลัวจนเงียบกริบสงัด เดาว่าต่อไปคงไม่กล้านินทาเสิ่นม่านอีก
เสิ่นม่านอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองหนิงโม่ เขายังคงอยู่ในชุดสีดำ กลางวันแสกๆ แต่กลับแต่งกายราวกับโจร
อย่างไรก็ตาม…
เขานี่วันนี้หล่อเหลาชะมัด
เพียงคำพูดไม่กี่คำก็ กลับสกัดต้นตอของการแพร่สะพัดข่าวลือได้ชะงัดสำเร็จ ผลลัพธ์ดีกว่านางแหกปากนานค่อนวันไม่รู้ตั้งเท่าไรหร่!
นางหยางถูกคำพูดของเขาตอกกลับจนนิ่งเงียบ ชั่วขณะนั้นถึงกับลืมโอดครวญ โชคดีที่ฟู่กุ้ยเดินมาพยุงนางลุกขึ้น นางถึงได้สติและรีบเอ่ยอย่างติดๆ ขัดๆ “เ้า… เ้าอย่าคิดว่าเป็ผู้รู้ตำราแล้วจะเที่ยวขู่คนอื่นได้! ทั้งที่เด็กบ้านเ้าทำร้ายคนอื่นก่อนแท้ๆ ...”
“อืม? เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดให้มากความแล้ว ตอนนี้เ้าไปที่ตำบลกับข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปฟ้องร้องทุกข์!” เสิ่นม่านคว้าแขนของนางหยางหมายและคิดจะลากตัวนางไป
ร่างของนางหยางมีปฏิกิริยาต่อต้านทันทีว่าขอปฏิเสธ นางดิ้นรนพลางและถอยหลังหนี เป็ตายร้ายดีก็ไม่ยอมตามอีกฝ่ายออกไป
ระหว่างที่ทั้งสองยื้อยุดกัน ถุงเงินในอกเสื้อของเสิ่นม่านก็ถูกกระชากหล่นออกมา เหรียญอีแปะด้านในร่วงหล่นกระจาย นางหยางชะงัก นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นเงินมากมายเต็มพื้นจนดวงตาพร่ามัว
ชั่วพริบตานั้น นางก็ร้องโวยวายะโขึ้นอีกครั้ง
“เสิ่นม่านเหนียง นี่เ้าขโมยเงินหรือ!”
-----