"แน่นอน ตราบใดที่เนื้อหาการเดิมพันครั้งที่สองน่าดึงดูดมากพอ ฉันจะแบกรับความเสี่ยงเพื่อเซ็นสัญญา!"
ผู้เฒ่าหวังพูดขณะที่หยิบสัญญาการโอนหุ้นที่เตรียมไว้ล่วงหน้าจากกระเป๋าเอกสารของตัวเอง
เฉินเฟิงไม่รีรอ เขาอ่านข้อตกลงการโอนหุ้นอย่างรวดเร็ว และกวาดตาอ่านจุดสำคัญทั้งหมด เมื่อตรวจจนแน่ใจแล้วว่าเป็หุ้นของเฉียนต๋ากรุ๊ปจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์จริง เขาจึงลงชื่อในเอกสารสัญญา
เขาไม่เสียเวลาอ่านสัญญาอีกสิบหน้าที่เหลืออย่างละเอียด เพราะเขาเชื่อว่าผู้เฒ่าหวังไม่มีทางโกงในข้อตกลงการโอนหุ้น
ไม่อย่างนั้น หากผู้เฒ่าหวังโกงเฉินเฟิงจริง ก็ไม่ต่างจากการวางหินทับเท้าตนเอง
ผู้เฒ่าหวังค่อนข้างประหลาดใจมากพอสมควร เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงลงนามโดยไม่ได้อ่านสัญญาสิบหน้าที่เหลืออย่างละเอียด
โดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะเชื่อใจใครมากแค่ไหน แต่ตอนลงนามอะไรสักอย่างก็ควรตรวจสอบอย่างละเอียด
"เอาละ ในเมื่อผมเซ็นสัญญากับผู้เฒ่าหวังเป็ที่เรียบร้อยแล้ว ั้แ่วินาทีนี้ ผมคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับสองของเฉียนต๋ากรุ๊ป ถึงเวลาที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการเดิมพันกับปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปของพวกคุณแล้ว"
เฉินเฟิงเก็บสำเนาไว้กับตัวแล้วหันมาพูดกับพ่อลูกสกุลหยาง
ได้ยินดังนั้น พ่อลูกสกุลหยางต่างจ้องมองเฉินเฟิงด้วยสายตาเปล่งประกาย และรอฟังว่าเขาจะพูดถึงการเดิมพันแบบไหน
เฉินเฟิงหาได้ลังเลไม่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
"สำหรับการเดิมพันระหว่างพวกเรานั้นเรียบง่ายมาก อย่างที่ผมเคยพูดไว้ ผมมั่นใจว่าลูกสาวของคุณ หยางฮุ่ยเยี่ยนจะกลายเป็เศรษฐินีอันดับหนึ่งของเหยียนหวงภายในปี 2007 ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่เธอจะกลายเป็เศรษฐินี เธอจะตกลงปลงใจแต่งงานกับชายหนุ่มมากความสามารถสกุลเฉิน!"
เฉินเฟิงพูดด้วยท่าทางมั่นใจและชัดถ้อยชัดคำ
เขาพูดเป็ครั้งที่สองว่าเด็กสาวอายุ 14 ปี หยางฮุ่ยเยี่ยนคนนี้ จะกลายเป็เศรษฐินีอันดับหนึ่งในปี 2007 ซึ่งก็คืออีก 12 ปีข้างหน้า
นี่จึงเริ่มทำให้พ่อลูกสกุลหยางคู่นี้เริ่มเชื่อว่าเฉินเฟิงไม่ได้กำลังเพ้อเจ้อ
เขาต้องมีความสามารถพิเศษบางอย่างที่ทำให้เขารู้ว่า เด็กสาวคนนี้จะกลายเป็มหาเศรษฐินีในอนาคต
"แล้วข้อเรียกร้องของคุณคืออะไร? คงไม่ได้จะขอหุ้นสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์จากปี้หลงเยี่ยนของเราหรอกนะ!"
หยางกั๋วเฉียงถามตรงๆ
"เอ๊ย ผมดูเป็คนเลวร้ายขนาดนั้นในสายตาคุณเลยเหรอ ผมจะเอาหุ้นของปี้หลงเยี่ยนตั้งสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ไปทำอะไร? ในมือผมตอนนี้มีแค่หุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ป นี่จึงเป็สิ่งเดียวที่ผมใช้เดิมพันได้ ผม้าหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป ตอนนี้เลย! แล้วเราจะรู้ผลกันในปี 2007 ถ้าปีนั้นลูกสาวของคุณไม่ได้เป็เศรษฐินีอันดับหนึ่ง ผมจะคืนหุ้นให้คุณทันที และยกหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปให้คุณด้วย แต่ถ้าปีนั้นลูกสาวของคุณประสบความสำเร็จจนกลายเป็เศรษฐินีจริงๆ หุ้นส่วนนั้นจะกลายเป็ของผมอย่างเป็ทางการ!"
เฉินเฟิงพูดช้าๆ ในที่สุดก็พูดเกี่ยวกับเป้าหมายที่แท้จริงออกมาเสียที
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ หนังสือสัญญาการโอนหุ้นที่ผู้เฒ่าหวังเซ็นกับเฉินเฟิงระบุไว้ว่า
’ก่อนที่ผู้เฒ่าหวัง ประธานแห่งเฉียนต๋ากรุ๊ปจะกลายเป็บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงในปี 2016 เฉินเฟิงไม่สามารถทำการโอน ย้าย ขาย หรือถอนหุ้นจำนวนนี้ได้ก่อนเวลากำหนด’
เฉินเฟิงสังเกตเห็นข้อตกลงข้อนี้แล้ว
แต่เขาไม่ได้คิดจะถอนหุ้นก่อนกำหนดอยู่แล้ว
เขาจะถอนหุ้นหลังจากผู้เฒ่าหวังและหยางฮุ่ยเหยียนกลายเป็มหาเศรษฐีและมหาเศรษฐินีอันดับหนึ่ง
เพราะหลังจากขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว บริษัทั์ใหญ่ทั้งสองนี้จะเข้าสู่การถดถอย
่เวลาหลังจากนั้นจะเป็ยุคของอินเทอร์เน็ต
ในเวลานั้นตลาดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตจะลุกเป็ไฟ ซึ่งสวนทางกับหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ทำได้เพียงพยายามรักษาเสถียรภาพไว้เท่านั้น
