ิอวี่ยังคิดอยู่เลยว่าเขาทำอะไรผิดหรือเปล่า แต่ดูจากท่าทางของเฮยจีในตอนนี้ เหมือนว่าก่อนหน้านี้นางน่าจะมีอะไรในใจ คิดอยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆ มากกว่า
เขาเลยถามออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ข้าอยากจะถามเ้าว่า เครื่องประดับไม่ก็เสื้อผ้าพวกนี้ เ้าคิดว่าอันไหนดี เ้าบอกมา ข้าจะเลือกดูอีกที”
ถึงแม้เฮยจีจะอยู่ในหยกโบราณ แต่เพราะหยกโบราณมันทำให้จิตสมาธิของพวกเขาสองคนสื่อถึงกัน สิ่งที่ิอวี่เห็นเฮยจีเองก็เห็น ดังนั้น ตอนนี้เฮยจีจึงสามารถมองไปรอบร้าน และพอจะประเมินอะไรได้
“อือ ... ข้าคิดว่าสร้อยคอชิ้นที่สามตรงด้านซ้ายมือของเ้าไม่เลว” เฮยจีมองแล้วก็ถูกใจสร้อยคอเส้นนั้นเลย
ิอวี่มองตามที่เฮยจีบอก เขาเห็นว่าตรงนั้นมันมีสร้อยคอที่ดูเรียบง่ายเส้นหนึ่งวางอยู่ในตู้ใส
สร้อยคอเส้นนี้ทำมาจากเงินแท้ ประดับด้วยจี้อัญมณีสีดำหนึ่งเม็ด แต่ว่าฝีมือการเจียระไนนั้นประณีตอย่างมาก และงดงามเจิดจ้าเมื่ออยู่ภายใต้แสงสว่าง
แม้อยู่ในเวลากลางคืน มันก็ไม่ได้มืดดำ แต่มันเป็มืดบริสุทธิ์ เหมือนน้ำตาที่อยู่ในดวงตา ทำให้คนอยากจะจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
พูดได้เลยว่า มันเป็สร้อยคอที่ดูเรียบง่ายไม่ได้มีการประดับอะไรมากมาย ไม่ได้มีการออกแบบที่ซับซ้อน แต่กลับงดงามบริสุทธิ์อย่างเรียบง่าย
ิอวี่ขยับเข้าไปดูสร้อยเส้นนั้นอย่างละเอียด
ถึงแม้มันจะเป็แค่สร้อยคอธรรมดาไม่มีอะไรเลย แต่การเจียระไนที่ประณีตก็ทำให้สร้อยเส้นนี้ดูไม่ธรรมดา
“สร้อยเส้นนี้ของดีนะเนี่ย”
ิอวี่ลูบคางแล้วคิด แต่ก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แต่ว่ามันไม่ค่อยเหมาะเท่าไร ถ้าให้อาจารย์ นางก็ใส่แต่กี่เพ้า สีส่วนมากก็เป็สีขาวนวล สีเขียวเข้ม แล้วก็สีทองเป็หลัก ถ้าซื้อสีดำอีก คิดว่าคงไม่เหมาะ”
“ถ้าเป็เิหยูเยียน ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะนางชอบสีแดงสด ถึงแม้จะเข้ากับสีดำ แต่ข้ารู้สึกว่าซื้อเป็กำไลให้กับนางน่าจะดีกว่า”
ิอวี่คิดเร็วมาก ความคิดของเขาส่งผ่านไปถึงเฮยจีอย่างละเอียดและชัดเจน
“เ้าว่า ... อะไรนะ?” เสียงของเฮยจีเหมือนจะสั่นๆ นิดหน่อย
“ข้าบอกว่า เ้าลองเลือกตามสิ่งที่ข้า้าเมื่อครู่ให้อีกทีนะ ผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจกันมากกว่า เ้า ... ”
“เ้าไม่ได้จะซื้อให้ข้าหรือ?”
เฮยจีพูดแทรกิอวี่ขึ้นมาเลย “ิอวี่ ... เ้าคิดถึงแต่อาจารย์ คิดถึงแต่ศิษย์น้องคนสวยของเ้า แล้ว ... แล้วข้าล่ะ? ข้าอยู่กับเ้ามานานขนาดนี้ เ้ากลับไม่ได้นึกถึงข้าเลยหรือ ... ”
เฮยจีะเิอารมณ์ออกมาแล้ว
ก่อนหน้านี้ นางพยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ นางเห็นท่าทางเ็าเอาแต่ใจของเิหยูเยียนเปลี่ยนแปลงไปกับตา ใช่ ผู้หญิงด้วยกันก็ต้องเข้าใจกันดี ในใจของเิหยูเยียนคิดอะไร เฮยจีจะไม่รู้ได้อย่างไร?
เิหยูเยียนชอบิอวี่
ถึงแม้นางจะไม่ได้พูดออกมา แต่สิ่งที่ทำทุกอย่างมันล้วนแต่เป็ความรู้สึกที่นางมีต่อิอวี่
แล้ววันนี้เฮยจีก็เห็นว่าเิหยูเยียนนั้นยัดแหวนวงหนึ่งให้กับิอวี่ ซึ่งมันจะต้องเป็การแอบบอกความรู้สึกของนางแน่นอน
พอคิดถึงเื่พวกนี้ เฮยจีก็อารมณ์เสียมากแล้ว นางหงุดหงิดอยู่ในหยกโบราณคนเดียวตั้งนาน เมื่อมาถึงเมืองสุขาวดีแล้วเห็นิอวี่เข้าร้านเครื่องประดับ ก็ดูเหมือนว่าจะนึกถึงนางขึ้นมาแล้วอยากจะซื้อของให้นาง ก็เลยรู้สึกดีใจตื่นเต้น
แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็ว่าิอวี่คิดถึงแต่ซ่งหยวนหยวน แล้วยังคิดถึงเิหยูเยียน แต่ไม่ได้คิดถึงนางเลย
พอคิดมาถึงตรงนี้ สายตาของเฮยจีก็โกรธจนถึงขั้นเดือดสุดๆ
นางรู้สึกน้อยใจอย่างมาก หลังจากที่ออกมาจากผนึกห้าร้อยปี นี่เป็ครั้งแรกที่นางรู้สึกเสียใจมากที่สุด!
ิอวี่ััได้เลยว่าเฮยจีอารมณ์แปรปรวนอย่างมากอยู่ในหยกโบราณ เขาก็รู้สึกอึ้งทำอะไรไม่ถูกเลย
“ไม่ใช่นะ เฮยจี เ้าฟังข้าอธิบายก่อนนะ”
ิอวี่เรียบเรียงความคิดแล้วอธิบายว่า “ข้าไม่ได้ไม่คิดถึงเ้า ข้าแค่รู้สึกว่าเ้าเป็ิญญา แล้วข้าก็เห็นว่าเ้าชอบใส่ชุดกระโปรงสีดำ ชอบอะไรเรียบง่าย อาจจะไม่ได้ชอบเครื่องประดับพวกนี้ ข้าเลยไม่ได้คิดถึงตรงจุดนั้น เ้าเข้าใจข้าใช่ไหม? แหะๆ ”
พอพูดแบบนี้ออกมาแล้ว ิอวี่ก็รู้สึกว่าความคิดของเขานั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร
หากเฮยจีใช้ชีวิตอยู่ข้างกายเขา ิอวี่จะต้องซื้อของขวัญให้เฮยจีแน่นอน เพราะเฮยจีเป็เพื่อนที่ดีที่สุดของเขา
“หัวเราะอะไร”
เฮยจีกลับไม่เล่นด้วย “ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ต่อให้เ้ารู้สึกว่าข้าเป็แบบนั้น อย่างน้อยเ้าก็ควรจะถามข้าก่อนไหม!”
ล้อเล่นหรือเปล่า ผู้หญิงคนไหนบ้างไม่รักสวยรักงาม เฮยจีเป็คนที่สวยมากอยู่แล้ว ปกติที่นางไม่ได้ไปสนใจของพวกนั้นเพราะนางไม่มีเวลาก็แค่นั้นเอง
ตอนนี้มีโอกาสได้มาซื้อของ นางเพิ่งจะเริ่มมีอารมณ์อยากจะเที่ยวเล่นกลับมาถูกิอวี่ทำลายลงหมด
“ ... เฮยจี จะคิดเล็กคิดน้อยกับเื่แค่นี้ไปทำไมกัน คราวหน้าข้าถามเ้าตกลงไหม เราเป็เพื่อนกัน ก็ต้องเชื่อใจกันสิ” ิอวี่พูดด้วยความจนใจ
“เพื่อนหรือ ... ”
เฮยจีบ่นพึมพำ
นางอ่อนไหวอยู่แล้วในเวลานี้ คำพูดของิอวี่ยิ่งทำให้นางคิดมากไปอีก
เหมือนว่าหลังจากที่นางหลุดออกจากผนึก คนที่นางได้พบเจอก็มีแค่ิอวี่คนเดียว นางเหมือนไม่เคยรู้จักคนอื่นมาก่อนเลย
ใช่ นางเป็อะไรไปนะ?
เพราะนางรู้จักิอวี่ที่เป็เพื่อนแค่คนเดียว เลยเป็ห่วงและสนใจแค่เขาคนเดียวอย่างนั้นหรือ? นางมองเห็นแค่ิอวี่ แต่คนอื่น นางกลับไม่รู้จักเลย
ถึงแม้ิอวี่จะเคยทำให้นางรู้สึกปลอดภัย และทำให้นางรู้สึกโดดเด่น แต่โลกตั้งกว้างใหญ่ ใครจะรู้ว่านางจะเจออะไรอีกบ้าง ไม่แน่ว่าสังคมของนางนั้นอาจจะแคบเกินไป ถึงได้ให้ความสำคัญกับิอวี่มากขนาดนี้ก็เป็ได้?
ดังนั้นท่าทางที่นางมีต่อิอวี่ อาจเป็แค่เื่ที่คิดไปเอง นางต้องเปิดใจไปสู่โลกกว้าง มันอาจจะทำให้นางเจออะไรที่มากขึ้นก็ได้
เมื่อระดับพลังของนางเพิ่มสูงขึ้น ร่างิญญาของเฮยจีก็สามารถอยู่ได้นานขึ้น
ถ้าอย่างนั้น นางก็ควรไปเผชิญหน้ากับโลกใบใหญ่ ทำไมจะต้องมาตายอยู่กับต้นไม้ต้นเดียวด้วย?
อย่างเช่นฉินฟ่าน ลู่เจี้ยนที่มาด้วยในคราวนี้ พลังฝีมือไม่แน่ว่าอาจจะเหนือกว่าิอวี่ก็ได้ แค่นางยังไม่รู้เท่านั้นเอง
เฮยจีพยายามคิดปลอบใจตัวเองอย่างมีสติ ถึงแม้นางยังคงอารมณ์ไม่ดีเหมือนเดิม แต่ว่า ในใจของนางเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างไว้แล้ว
ครั้งนี้ นางจะไม่มีทางถูกกระทำฝ่ายเดียว!
“อือ เราเป็เพื่อนกัน”
เสียงของเฮยจีนั้นดูนิ่งขึ้นมาก น้ำเสียงของนางเหมือนจะอ่อนโยนขึ้น “ครั้งนี้จะไม่เอาเื่ คราวหน้าระวังตัวให้ดีเถอะ”
ิอวี่เองก็ยิ้ม “เชื่อข้าน่ะถูกแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเ้าซื้อเสื้อผ้าให้ข้าสักชุดสิ ข้าอยากได้ชุดที่อยู่ห่างจากตรงหน้าเ้าไปสิบเมตรนั่น เ้าจ่ายไปก่อน ไว้ข้ามีจะคืนให้” เฮยจีพูด
ิอวี่หันไปมองชุดที่แขวนอยู่บนผนัง มันเป็ชุดเสื้อแขนสั้นกระโปรงสั้น แล้วก็มีรองเท้าหนังสีน้ำตาล ดูโดยรวมแล้วเป็ชุดที่เรียบร้อยดี แต่เพราะทำมาจากไหมสีดำที่มีราคา และรองเท้าทำมาจากหนังลา เลยเอามาแขวนตรงนี้
“เงินไม่ใช่ปัญหา ข้าซื้อให้เ้าเอง แต่เ้าอยากจะได้อะไรอย่างอื่นอีกไหม ชุดนี้เหมือนจะราคาถูกไปหน่อยนะ”
ิอวี่เห็นว่าชุดมันราคาแค่ยาจูหยวนตันสองร้อยแปดสิบแปดเม็ดเท่านั้น คิดว่าในเมื่อจะซื้อให้เฮยจีแล้วก็อยากจะซื้อแพงกว่านี้อีกหน่อย
แต่เฮยจีกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ข้าจะเอาชุดนี้ ซื้อเสร็จรีบไปหาที่พักกันเถอะ”
“ ... ก็ได้”
ิอวี่เองก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว เขารีบไปจ่ายยาจูหยวนตันสองร้อยแปดสิบแปดเม็ดให้กับเถ้าแก่ร้าน หรือเท่ากับสองล้านแปดสิบแปดล้านเหรียญหยกดำ ก็ซื้อชุดเก็บเข้ากระเป๋าได้แล้ว
ครั้งนี้ิอวี่ไม่ได้พูดถึงซ่งหยวนหยวนกับเิหยูเยียนอีก เขาไม่อยากทำให้เฮยจีอารมณ์เสียอีก
เมื่อออกจากร้าน ิอวี่ก็รีบตามหาพวกฉินฟ่าน แล้วเดินอยู่อีกประมาณครึ่งชั่วยาม หวังฮานที่เดินเล่นพอประมาณก็คิดอยากจะไปหาที่พัก
ก่อนหน้านี้ฉินฟ่านนั้นไปซื้อของส่วนตัวที่จำเป็นิดหน่อย หลังจากทั้งสามคนปรึกษากันแล้ว ก็คิดว่าจะขี่อสูรสัตว์ปีกตรงไปยังหอการค้าแดนสุขาวดีเลย
ิอวี่เองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะคนอื่นก็ไม่มีทางมาถามความเห็นเขาแน่นอน ดังนั้น พวกเขาทั้งสี่จึงขี่อสูรสัตว์ปีกตรงไปยังกลางเมืองทันที
บินผ่านถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟ ผ่านเขตป่า แม่น้ำ แล้วก็เขตเล็กๆ ประมาณหนึ่งชั่วยาม ทุกคนก็มาถึงสถานที่ที่รุ่งเรืองที่สุดของเมืองสุขาวดี
เมื่อมองลงมาจากที่สูงกว่าร้อยเมตร ศูนย์กลางของเมืองสุขาวดีนั้นเป็พื้นที่ราบรูปวงกลม มีป้อมปราการสูงตั้งอยู่ไม่น้อย เป็สถานที่รวมพลของผู้กล้าที่แข็งแกร่งจำนวนมาก นักโทษอุกฉกรรจ์ โจรขโมยทั้งหลายก็อาศัยอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้ามีเื่ด้วย
รอบๆ เมืองป้อมปราการขนาดใหญ่นี้ มีสิ่งก่อสร้าง ร้านค้า ร้านเหล้า บ่อนพนัน ... มีทุกอย่างที่ควรมี ขอแค่พวกนักโทษอยากจะออกมา ก็จะสามารถเพลิดเพลินได้กันอย่างเต็มที่
หลายคนออกมาเดินอยู่นอกป้อมปราการที่ว่า อยู่ในร้านเหล้าบ้าง บ่อนพนันบ้าง มีเสียงเอะอะดังขึ้นไม่ขาดสาย ดูคึกคักทีเดียว
“ตรงนั้นน่าจะเป็หอการค้าแดนสุขาวดี”
ิอวี่สายตาดีมาก เขาเห็นว่าทางด้านตะวันตกของป้อมปราการเมืองนั้นมีอาคารสูงประมาณห้าสิบเมตรตั้งอยู่ ้าอาคารมีคำว่า “ดินแดนสุขาวดี” ตัวใหญ่เขียนอยู่
ิอวี่รู้ดีว่า อีกสามวันหลังจากนี้ เขาจะต้องช่วยสาวเผ่าิญญาจากที่นี่!
เมื่อทุกคนยืนยันตำแหน่งที่ตั้งของหอการค้าแดนสุขาวดีแล้วก็สำรวจพื้นที่โดยรอบประมาณหนึ่ง จากนั้นก็เลือกพักที่โรงเตี๊ยมที่ชื่อว่า “เทียนเล่อ” ที่อยู่ใกล้ๆ
เมื่อผูกอสูรสัตว์ปีกเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม
โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีด้วยกันสิบชั้น แต่ละชั้นสูงประมาณห้าเมตร ก่อสร้างได้ดูดีทีเดียว ผนังมีการตกแต่ง มีภาพวาดแขวนอยู่ ดูโบราณและมีความสง่างาม ในโรงเตี๊ยมเหมือนจะมีการวางกำยานหอมชั้นดีด้วย แค่เดินเข้ามาก็จะได้กลิ่นหอมโชยมา ทำให้รู้สึกสบายอารมณ์อย่างมาก
