บรรยากาศที่ตึงเครียดแต่เดิมเริ่มผ่อนคลายลงเนื่องจากการมาของกู้ชีฉ่าว แต่คำถามของหลงเฟยเยี่ยนั้นทำให้ทุกคนต่างตึงเครียดอีกครั้ง
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้คิดอะไร มันเป็เพราะการสมรู้ร่วมคิดของฮั่วหยางกับคนทรยศทำให้กลุ่มนักฆ่าสามารถลักพาตัวฉินหวังเฟยไปได้อย่างง่ายดาย
“ฉินอ๋อง...”
ซ่างกวนที่กำลังจะอธิบาย แต่กู่ชีฉ่าวกลับขัดจังหวะด้วยรอยยิ้ม “ฉินอ๋อง ข้าไล่ตามมาั้แ่เขาหนานซานเพื่อให้แน่ใจว่าหวังเฟยไม่ได้รับอันตรายใดๆ ไม่รู้ว่าจะได้ลดโทษหรือไม่?”
ซ่างกวนรีบตอบ “ฉินอ๋อง เมื่อครู่ต้องขอบคุณเ้าของโรงน้ำชาของพวกเราอย่างมาก มิฉะนั้น เราคงช้าไปหนึ่งก้าว”
คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่านี่เป็การฉกฉวยความดีความชอบจากฉินอ๋อง
ปกติแล้วซ่างกวนถือได้ว่าเป็คนฉลาด แต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าฉินอ๋องกลับเต็มไปด้วยความประหม่า และมักจะพูดความจริงเสมอ
ในเวลานี้ การพูดความจริงก็เทียบเท่ากับคำพูดผิดๆ อย่างไม่ต้องสงสัย หลงเฟยเยี่ยไม่ชอบที่จะได้ยินมัน ดวงตาที่เ็าอยู่แล้วของเขาก็เ็าขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าหลงเฟยเยี่ยไม่สามารถหักล้างความจริงได้
อย่างไรก็ตาม เขาสามารถเพิกเฉยต่อมันได้
“เกิดอะไรขึ้นกับแผลที่แขนของนาง?” หลงเฟยเยี่ยถามทันที
หากเขาไม่ได้พูดเตือนนางขึ้นมา หานอวิ๋นซีคงลืมไปแล้วว่าตนเองมีาแที่แขน เมื่อครู่นางถูกกู้ชีฉ่าวตีแล้วก็เป็แส้เส้นนี้ กู้ชีฉ่าวถึงได้มีโอกาสกระชากนางจากชายหน้ากากดำมาได้
แส้เส้นนี้ ช่างคุ้มค่ามากจริงๆ
“ตอนที่ช่วยนาง ข้าบังเอิญตีไปโดนน่ะ” กู้ชีฉ่าวพูดอย่างซื่อสัตย์
“เจ็บก็คือเจ็บ ไม่มีเหตุผล” หลงเฟยเยี่ยปฏิเสธทุกอย่างด้วยประโยคเดียว
กู้ชีฉ่าวไม่สนใจ ยิ้มราวกับว่า ก็แล้วแต่เ้าก็แล้วกัน
อย่างไรก็ตาม ซ่างกวนที่ไม่ยอมก็รีบพูดว่า “ฉินอ๋อง โปรดท่านเห็นแก่เ้านายของข้าที่ช่วยชีวิตไว้ ได้โปรดลดโทษให้กับโรงน้ำชาเทียนเซียงของเราเถิด”
ใบหน้าของกู้ชีฉ่าวเต็มไปด้วยความไม่แยแส ทว่าก็ไม่ได้ห้ามปรามซ่างกวนที่ร้องขอความเมตตาแต่อย่างใด
ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยจะพูดอีกหนึ่งประโยคที่ทำเอาซ่างกวนพูดไม่ออก “การช่วยเหลือฉินหวังเฟยเป็สิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ไม่ถือว่าเป็การได้ความดีความชอบ จะให้ลดโทษได้อย่างไร?”
มู่ชิงอู่ที่กำลังฟังอยู่ข้างๆ ก็มีใจอยากที่จะช่วยซ่างกวน ทว่ากลับไม่กล้าพูด เขารู้สึกอยู่เสมอว่าฉินอ๋องดูเหมือนจะรำคาญกับการพูดความจริงของซ่างกวน และดูอารมณ์ไม่ดีนัก
ในที่สุด ดวงตายิ้มของกู้ชีฉ่าวก็ฉายแววของความชั่วร้ายออกมา ทว่าก็หายไปในพริบตาและเขายังคงยิ้มอย่างสดใส “ท่านอ๋องพูดถูก โรงน้ำชาเทียนเซียง ยินดีที่จะยอมรับบทลงโทษ”
การที่เขาตามหานอวิ๋นซีและช่วยนางไว้ ข้อแรกเป็เพราะเขาสนใจสตรีผู้นี้อย่างมากและ้าเป็เพื่อนกับนาง ข้อที่สองคืออยากจะดูว่าใครกันที่กล้าซุ่มเป็คนทรยศในโรงน้ำชาเทียนเซียงของเขา
ส่วนความดีความชอบนั้น เขาไม่เคยคิดถึงมันเลยและไม่้ามันเช่นกัน
โรงน้ำชาเทียนเซียงเป็สถานที่โปรดแห่งเดียวของเขาท่ามกลางอุตสาหกรรมหลักในอาณาจักรเทียนหนิง หากบอกว่าเขาไม่รู้สึกเสียใจเลย ก็คงเป็เื่โกหก
เพียงแต่ไม่ว่าจะชอบมากแค่ไหน มันก็แค่โรงน้ำชาเท่านั้น เขาคงต้องยอมเสียมันไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่างกวนก็ะโขึ้นมาอีกครั้ง “ฉินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดท่านทรงผ่อนปรนเถิด!”
คนทรยศทำให้ฉินหวังเฟยถูกลักพาตัวไป ความผิดนี้เพียงพอที่จะปิดโรงน้ำชาเทียนเซียง และยึดทุกอย่างในโรงน้ำชาไปเก็บไว้ที่คลังของรัฐ
ทั้งการเป็เ้าของ ซื้อที่ดิน และเงินลงทุน เขาเป็คนทำมันขึ้นมาทั้งหมด ใจของซ่างกวนเ็ปเหลือเกิน
โดยไม่คาดคิด หลงเฟยเยี่ยก็พูดอย่างเ็าว่า “ถือว่าเมตตาก็แล้วกัน ข้าจะไม่เอาผิดพวกเ้าสองคน แต่ข้าจะตรวจสอบทุกอย่างและทุกคนในโรงน้ำชาเทียนเซียงให้ถึงที่สุด!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา กู้ชีฉ่าวก็หรี่ตาลงทั้งสองข้าง หลงเฟยเยี่ยไม่ได้ตรวจสอบเขา แต่กลับตรวจสอบโรงน้ำชาและผู้คนในโรงน้ำชา นี่เป็การตรวจสอบประวัติของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาเกลียดการให้คนอื่นตรวจสอบประวัติของเขาเป็ที่สุด!
กู้ชีฉ่าวที่กำลังจะอ้าปากพูด ทว่าหานอวิ๋นซีกลับพูดแทรกขึ้นมา “ท่านอ๋อง หากกู้ชีฉ่าวมาไม่ทันเวลา ข้าคงตายไปนานแล้ว”
“ข้าไม่โทษแม่ทัพใหญ่ และไม่้าโทษใครในโรงน้ำชาเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น กู้ชีฉ่าวยอมสละชีวิตเพื่อช่วยข้า เขากล้าหาญและไร้ความกลัว ด้วยสิ่งนี้ ข้าเต็มใจที่จะยกโทษให้เขา”
หานอวิ๋นซีเน้นย้ำเป็พิเศษถึงประเด็นที่ว่า “ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตนาง” แววตาที่ชัดเจนสบเข้ากับดวงตาหลงเฟยเยี่ยด้วยท่าทีที่แน่วแน่
ไม่มีใครคาดคิดว่าหานอวิ๋นซีจะเอ่ยปากขอความเมตตา
ไม่สิ ความจริงแล้วนางไม่ได้ร้องขอความเมตตา แต่นางพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า้าจะยกโทษให้
ไม่รู้แน่ชัดว่าหลงเฟยเยี่ยโกรธอะไรกันแน่ รูจมูกของเขาสั่นเล็กน้อยและเขาพูดอย่างเ็าว่า “เ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะยกโทษความผิด”
“ข้ามีสิทธิ์ คนที่ถูกลักพาตัวคือข้า ไม่ใช่ท่าน!”
หานอวิ๋นซีร้องเรียก ณ จุดนั้น มู่ชิงอู่และซ่างกวนต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยิน ในขณะที่มุมปากของกู้ชีฉ่าวยกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
แม้แต่ฮ่องเต้เทียนฮุยก็ไม่เคยท้าทายหลงเฟยเยี่ยด้วยตนเองเช่นนี้มาก่อน หานอวิ๋นซีดึงเคราัและแตะเกล็ดัในที่สาธารณะเช่นนี้เลยอย่างนั้นหรือ?
ช่างกล้าหาญจริงๆ!
หากตั้งใจฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงกำปั้นที่กำแน่นในแขนเสื้อของหลงเฟยเยี่ยแน่นอน
เขายังคงไม่แสดงสีหน้าและพูดเตือนออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “หานอวิ๋นซี ทุกอย่างเกี่ยวกับเ้าเป็เื่ของข้า และอำนาจของเ้าก็เป็ของข้าเช่นกัน ต่อหน้าข้า เ้าไม่มีสิทธิ์ใดๆ ทั้งนั้น!”
หานอวิ๋นซีกลัวหลงเฟยเยี่ย แต่เมื่อใดก็ตามที่โกรธเกรี้ยวขึ้นมา นางจะลืมความกลัวไปหมดทั้งสิ้น นางไม่ยอมแม้แต่น้อย เผชิญหน้ากันและโต้กลับคำต่อคำ “ข้าไม่ยอม! เื่นี้ข้าจะต้องเข้าวัง ให้ฮ่องเต้เป็ผู้ตัดสิน!”
พระเ้า!
ถ้านี่ไม่ใช่คำขู่ แล้วจะเป็อะไรได้อีก?
มู่ชิงอู่กับซ่างกวนถึงกับอ้าปากค้างเป็เวลานาน และอดไม่ได้ที่จะกังวลว่าสตรีผู้นี้จะตายก่อนได้เข้าวัง หรือจะตายั้แ่ยังไม่ทันจะเดินออกจากูเานี้เลยหรือไม่?
นี่มันกล้าหาญเกินไปหรือไม่? นางถูกไท่เฮาจัดแจงการอภิเษกให้ และฮ่องเต้ก็บังคับให้อภิเษกกับฉินอ๋อง แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าใช้ฮ่องเต้มาขู่ฉินอ๋อง
สตรีผู้นี้บ้าไปแล้วหรือไม่?
ต้องบอกว่า แม้แต่กู้ชีฉ่าวที่มองอยู่ด้านข้างก็เลิกคิ้วและมองไปที่หานอวิ๋นซีด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
สตรีผู้นี้ต่อสู้อย่างหนักจริงๆ ในใจของนางรู้สึกซาบซึ้งต่อเขามากขนาดนั้นเลยหรือ?
ในที่สุด เส้นเืสีน้ำเงินบนหน้าผากของหลงเฟยเยี่ยก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ใบหน้านั้นมืดมนราวกับท้องฟ้ามืดครึ้มที่กำลังจะมีฝนตกลงมา
ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขากำลังโกรธ เขาก็คว้าหานอวิ๋นซีไปโดยไม่พูดไม่จาและจากไปในพริบตา
ความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของกู้ชีฉ่าว เมื่อกำลังจะตามไป มู่ชิงอู่ก็กลับหยุดเขาไว้ “กู้ชีฉ่าว ท่านอ๋องกำลังโกรธ เ้าสนใจเื่ตัวเองก่อนจะดีกว่า”
กู้ชีฉ่าวหัวเราะเบาๆ และพูดประชดประชันว่า “ทำไมล่ะ? แม่ทัพใหญ่ได้รับการอภัยโทษแล้ว ก็เลยพูดได้เต็มปากสินะ?”
ชายผู้นี้ช่างปากร้ายเสียจริง แค่ประโยคเดียวก็ทำให้มู่ชิงอู่รู้สึกเ็ปได้
เื่นี้ ความจริงแล้วมู่ชิงอู่เป็ตัวต้นเื่ หากเขาไม่ไปขอร้องถึงหน้าประตู และพาหวังเฟยมาที่โรงน้ำชา หวังเฟยก็คงไม่เกี่ยวข้องกับคดีพิษงูหมื่นตัวนี้และนางก็จะไม่ตกเป็เป้าหมายของนักฆ่า
มู่ชิงอู่รู้สึกเสียใจกับตัวเอง ปล่อยมืออย่างรู้สึกผิดและไม่พูดอะไรอีก
อย่างไรก็ตาม กู้ชีฉ่าวไม่ได้ตั้งใจที่จะตามอีกต่อไป เขามองไปที่ซ่างกวน ขยิบตาและพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ซ่างกวน กลับกันเถอะ”
“นายท่าน เราจะทำอย่างไรดี?”
“ถ้าฉินอ๋องเอาผิดโรงน้ำชาจริงๆ ขึ้นมา เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรกันดี?”
“นายท่าน เราจำเป็ต้องหารือเื่นี้หรือไม่?”
“นายท่าน เช่นนั้นท่านตามไปจะดีกว่าหรือไม่?”
…
เขาปล่อยให้ซ่างกวนพูดเกลี้ยกล่อมไปตลอดทาง กู้ชีฉ่าวดูเหมือนจะไม่ได้ฟัง ทว่าที่มุมปากกลับมีรอยยิ้ม หลังจากเดินไปสักพักเขาก็เคาะเท้าแล้วเหาะขึ้นอย่างสง่างาม ชุดสีแดงกว้างกระพือเบาๆ ราวกับม่านตาสีแดงที่ไกลห่างออกไป
“นายท่าน!”
ซ่างกวนรีบตามไปให้ทัน มู่ชิงอู่เฝ้าดูพวกเขาจากไปก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
เื่นี้จะจัดการอย่างไร ใจเขาเองก็ไม่รู้ ตอนนี้เขารู้สึกเป็ห่วงหวังเฟยมากกว่า
หลายวันที่ผ่านมาไม่ได้นับจำนวนูเาที่ตามมาว่าเท่าไร อาจใช้เวลาสองสามวันในการกลับไป มู่ชิงอยากจะไปพบฉินอ๋อง ทว่าสุดท้ายแล้วกลับไม่มีความกล้าหาญ
หลงเฟยเยี่ยที่จับหานอวิ๋นซีมา ก็วิ่งผ่านป่าอย่างรวดเร็ว โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ และไม่พูดไม่จาใดๆ
มือใหญ่ของเขาโอบรอบแผลแส้ที่แขนของหานอวิ๋นซีพอดี หานอวิ๋นซีขมวดคิ้วด้วยความเ็ป ทว่าไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา ใบหน้าของนางซีดกว่าเดิม เปลือกตาหนักอึ้ง ไม่รู้เป็เพราะนางโกรธหรือเพราะไร้เรี่ยวแรงจริงๆ นางเอนกายพิงแขนของหลงเฟยเยี่ย ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวให้เขาแบกรับ
ในที่สุด เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หลงเฟยเยี่ยที่โกรธเกรี้ยวก็รู้สึกถึงบางอย่างๆ ที่มีความเหนียวอยู่ในมือของเขา ดังนั้นเขาจึงชะลอความเร็วและก้มลงมอง จึงได้เห็นว่ามือของเขากดรอยแผลจากแส้ที่แขนของหานอวิ๋นซีไว้แน่น ไม่ว่าจะเป็แขนของนางหรือฝ่ามือของเขาล้วนเต็มไปด้วยเื
“บ้าจริง!”
หลงเฟยเยี่ยสบถและหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ทันที เขาปล่อยหานอวิ๋นซีและสั่งด้วยน้ำเสียงเ็า “รีบรักษาแผลสิ”
ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาปล่อยมือ หานอวิ๋นซีก็พิงไปกับลำต้นของต้นไม้ ไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงและค่อยๆ เอนตัวไปด้านข้าง
หลังจากวิ่งไปมาหลายวัน นางง่วงนอนเสียเหลือเกิน ทว่าก็ไม่กล้าที่จะหลับตา บวกกับนางเพิ่งได้รับพิษอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ซึ่งมันสะสมอยู่ในร่างกายของนางและไม่สามารถระบายออกได้ นอกจากนี้ยังมีความเ็ปที่แขนของนางอีก แล้วร่างกายที่อ่อนแอของนางจะทนไหวได้อย่างไร!
นางอาศัยความแข็งแกร่งทางจิตใจของนางเพื่อต่อสู้อย่างดื้อรั้น แต่ตอนนี้นางเหนื่อยมากจริงๆ เวลานี้นางไม่แม้แต่จะสนใจความเ็ปหรือสนใจกู้ชีฉ่าวได้อีกต่อไป นางแค่อยากจะนอนหลับ จะดีที่สุดถ้าไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย
เมื่อเห็นว่าหานอวิ๋นซีเพิกเฉยต่อเขาและค่อยๆ เอนตัวลง หลงเฟยเยี่ยจึงกระตุ้นด้วยความโกรธ “เ้าได้ยินหรือไม่”
ใครจะรู้ว่าทันทีที่พูดจบ หานอวิ๋นซีก็ล้มลงกับพื้น หลงเฟยเยี่ยใอย่างมาก เช่นนี้จึงจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสตรีผู้นี้ เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปจับนาง
หานอวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองเขา รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนริมฝีปากสีซีดของนางที่ดูเหมือนเหยียดหยามตนเอง ซึ่งทำให้หลงเฟยเยี่ยที่มองนั้นไม่สบายใจอย่างมาก
“เ้าเป็อะไรไป?”
หลงเฟยเยี่ยช่วยให้นางนั่งลง ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเ็า หานอวิ๋นซีเอนตัวในอ้อมแขนของเขา เปลือกตาหนักอึ้งจนใกล้จะปิดเต็มทน ปล่อยให้เขาถาม นางไม่มองเขาและไม่พูดอะไร
ไม่รู้ว่าเมินหรือไม่มีเรี่ยวแรงเลยเมินเขากันแน่
“หานอวิ๋นซี เ้าพูดสิ!” น้ำเสียงเ็าของหลงเฟยเยี่ยเผยให้เห็นความกังวลเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีไม่ตอบสนองใดๆ ภายใต้แสงสลัวๆ ใบหน้าของนางซีดราวกับคนกำลังจะตาย
หลงเฟยเยี่ยจับชีพจรของนางอย่างรวดเร็ว เขาพอจะเข้าใจสภาพของชีพจรพื้นฐานอยู่บ้าง หลังจากจับแล้ว จึงรู้ว่าสตรีผู้นี้อ่อนแออย่างมาก
ในกรณีนี้ หากสูญเสียเือีก อาจถึงแก่ชีวิตได้
ความโกรธอันน่าสะพรึงกลัวได้ถูกลืมไปแล้วชั่วคราว เขารีบนำถุงยามาให้นาง
ทันทีที่เปิดมันออก ก็พบว่าไม่ได้มีอะไรมากมายในถุงยาที่ดูเหมือนถุงยาสารพัดประโยชน์นี้ นอกจากยาบางอย่างที่เขาไม่รู้จัก ก็มีเพียงเข็มทองและผ้าพันแผล
โชคดีที่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างเขา พกยาจินฉวงติดตัวมาด้วย
หลงเฟยเยี่ยปล่อยให้หานอวิ๋นซีนั่งพิงไปกับลำต้นของต้นไม้ เพื่อที่จะสามารถพันแผลห้ามเืให้นางได้ ทว่าหานอวิ๋นซีเหนื่อยเกินกว่าจะนั่งอย่างมั่นคงได้ และทันทีที่หลงเฟยเยี่ยปล่อยมือ นางก็ล้มลงไปด้านข้างอีกครั้ง
