ขโมยเงิน?
เสิ่นม่านนิ่งไม่ไหวติง นางหยางกลับกระชากเงินของนางโดยไม่สนใจและแหกปากะโลั่น
“เร่เข้ามาดูเร็ว สมัยก่อนบ้านนางยากจนอย่างกับอะไร ทั้งหมู่บ้านเราล้วนรู้เห็นกันดี ตอนนี้กลับมีเงินมากมายหล่นจากกระเป๋า เงินนี้ต้องมีที่มาไม่ชัดเจนแน่นอน! หากไม่ใช่นางขโมยมาก็ต้องใช้คาถาปีศาจเสกออกมาแน่!”
น่าจับมาฉีกปากสักทีจริงๆ
เสิ่นม่านกัดฟันกรอด ขณะมองไปยังชาวบ้านที่อยู่รอบบริเวณ สายตาไม่น้อยจดจ้องอยู่ที่เงินบนพื้น ชาวนาที่ลำบากตรากตรำมาครึ่งค่อนชีวิตเช่นพวกเขาไม่สามารถหาเงินจำนวนมากมายเช่นนี้ได้ในหนึ่งปี ขณะนี้จึงอิจฉาตาร้อน
“นั่นสิ เสิ่นม่านเหนียง เ้าต้องไปขโมยเงินบ้านผู้ใดมาแน่ สมัยก่อนบ้านเ้ายากจนข้นแค้น ตอนนี้บ้านยังถูกพี่สะใภ้เ้าขายให้ครอบครัวคัง แล้วเ้าจะมีเงินมากมายกับตัวเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว ่นี้เห็นครอบครัวนางใส่เสื้อใหม่กันทุกคน ได้ยินว่ายังมีเนื้อกินทุกมื้อไม่ขาด พวกเราคนบ้านนอกจะมีเงินมากมายซื้อเนื้อกินได้อย่างไร? เงินนี้ต้องมีที่มาไม่ถูกต้องแน่นอน...”
“โอ้ หรือว่าเสิ่นม่านเหนียงจะพบเจอสมบัติล้ำค่าอะไรเข้า แล้วเห็นแก่ตัวปกปิดเอาไว้ไม่บอกคนในหมู่บ้านแน่ๆ เราต่างก็เป็คนหมู่บ้านเดียวกัน หากจะมั่งคั่งก็ต้องมั่งคั่งไปพร้อมกันสิ อย่าเห็นแก่ตัวเยี่ยงนี้!”
“...” สมบัติล้ำค่าบ้าบอไร้สาระ!
ต้าเป่าโมโหเพราะคำพูดของชาวบ้าน จึงพูดเพื่อปกป้องเสิ่นม่านจนเผลอหลุดพูดถึงเต้าฮวยออกมา
“แม่ของข้าไม่ได้ขโมยอะไร! นี่คือเงินที่นางได้จากการขายเต้าฮวย ที่มาของเงินสะอาดยิ่งนัก!”
เสี่ยวตงและเสี่ยวหลานรีบเสริม “ถูกต้อง!”
เต้าฮวย? เต้าฮวยคือสิ่งใด?
“เต้าฮวยจะขายได้เงินเท่าใดกันเชียว? พวกเ้าคิดว่ากำลังหลอกใคร?” นางหยางกลอกตามองบนอย่างดูแคลน
เสิ่นม่านแสยะยิ้ม จากนั้นนางและเด็กๆ ก็ช่วยกันเก็บเงินที่กระจายอยู่บนพื้น ในนั้นไม่เพียงมีเหรียญอีแปะ แต่ยังมีก้อนเงินย่อยอีกด้วย หลังจากเก็บจนหมด นางถึงเริ่มเอ่ย
“ข้าไม่ได้ขโมยหรือปล้น และไม่ได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าอะไรด้วย! เงินเหล่านี้ข้าได้มาจากการขายเต้าฮวยที่ตำบลในวันนี้ หากพวกเ้าไม่เชื่อก็ไปถามผู้ใหญ่บ้านได้ เพราะข้าไปยืมเกวียนวัวของครอบครัวเขาเพื่อเข้าตำบลทุกวัน หากยังไม่เชื่ออีกก็สามารถเข้าไปสืบถามที่ตำบลได้ว่าเต้าฮวยที่ข้าขายนั้นขายดีเพียงใด!”
คำพูดของนางเรียกสติชาวบ้านบางส่วนได้ จากนั้นมีคนพึมพำเบาๆ
“โอ้ ดูเหมือนว่าเมื่อวานนี้ข้ากลับมาจากในตำบลและได้ยินว่าหน้าร้านบะหมี่โจวจี้มีของกินสดใหม่ที่ทั้งนุ่มลื่นและอร่อย ขายดียิ่งนัก ถ้วยละสามอีแปะ เพียงแค่หนึ่งชั่วยามก็ถูกคนแย่งซื้อจนหมด ที่แท้ก็เป็เสิ่นม่านเหนียงทำขายหรอกหรือ?”
“ฮะ! จริงหรือ? เต้าฮวยนั่นทำกำไรได้มากมายเพียงนี้เชียวหรือ?”
“เช่นนั้นเสิ่นม่านเหนียงคงขายได้เงินไม่น้อยทีเดียว? ดูจากถุงเงินนั่นแล้ว อย่างไรก็ต้องมีเจ็ดถึงแปดตำลึง”
“ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ เฮ้อ… ดูไม่ออกเลยว่าเสิ่นม่านเหนียงจะแอบร่ำรวยเงียบๆ”
ชาวบ้านรอบข้างเริ่มถกกันขึ้นมา ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นางหยางที่ยืนอึ้งไป นางคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเงินนั่นมาจากการขายเต้าฮวย!
ประเด็นคือเสิ่นม่านเหนียงขายเต้าฮวยจริงๆ แล้วยังขายได้เงินมากมายเพียงนี้เชียวหรือ?! นั่นมากกว่าเงินที่ต้าจ้วงของนางหามาได้อย่างยากลำบากทั้งปีด้วยซ้ำ!
เสิ่นม่านคร้านจะตอแยกับคนเหล่านี้ จึงจูงเด็กๆ กลับเข้าบ้าน นางหยางกลับไม่ยอมปล่อยนางไป จากนั้นกระชากแขนเสื้อของนางและเริ่มเล่นแง่
“เ้า... ห้ามไป เด็กบ้านเ้าทำร้ายฟู่กุ้ยของข้า บ้านข้ามีลูกชายเพียงคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นจะทำเช่นไร? เ้าต้องจ่ายเงินชดเชย!”
ยังกล้าคิดจะเอาเงินชดเชยอีกหรือ? เสิ่นม่านปรายหางตามองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็สาธยายเป็ข้อๆ
“จ่ายเงินชดเชย? เ้าคงไม่ได้ลืมหรอกนะว่า ฟู่กุ้ยของเ้าเที่ยวพูดจาให้ร้ายข้าต่อหน้าผู้อื่น? หรือไม่ก็เอาเช่นนี้ เราไปที่ที่ว่าการอำเภอพร้อมกันทั้งหมด จากนั้นดูสิว่าท่านนายอำเภอจะสั่งให้คนตัดลิ้นลูกชายของเ้าหรือไม่!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าอวบอิ่มของฟู่กุ้ยก็เริ่มซีดเผือด เขากอดขาของนางหยางไว้ด้วยความหวาดกลัว
“ท่านแม่ ข้าไม่อยากถูกตัดลิ้น...”
เมื่อเห็นว่าการข่มขู่เช่นนี้เปล่าประโยชน์ ทั้งยังเริ่มกลัวเสียเอง จึงทำได้เพียงพาลูกน้อยกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
เื่ราวสนุกสนานจบลงเพียงเท่านี้ ชาวบ้านที่มามุงก็สลายกันไปไม่น้อย เหลือเพียงไม่กี่คนที่เดินตามนางเข้าบ้านไป
คนที่กระตือรือร้นที่สุดเห็นจะเป็นางจางที่อยู่ข้างบ้านนาง หลังจากเข้าบ้านมาก็สอดส่ายสายตาไปรอบบ้าน ไม่รู้ว่ากำลังมีจุดประสงค์ใด
เสิ่นม่านจงใจให้เด็กๆ ไม่ต้องสนใจนาง ส่วนหนิงโม่ หลังจากเข้าบ้านมาก็เข้าห้องตนเองปิดประตูขลุกอยู่แต่ในนั้นไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง
ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ของตนเองต้องทำ เสิ่นม่านจึงเดินเข้าครัวเพื่อทำกับข้าว ส่วนคนด้านนอกก็เดินวนอยู่ในลานบ้านนานสักพักใหญ่ ในที่สุดก็อดทนรอไม่ไหว จึงเดินตามเสิ่นม่านเข้าครัวไปด้วย
ทันทีที่นางจางเข้ามาก็ถือวิสาสะเปิดฝาหม้อในครัวนางท่าทางกำลังเหมือนค้นหาบางสิ่งบางอย่างโดยแทบทนรอไม่ได้ พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“น้องเสิ่น ยุ่งกับการทำอาหารหรือ? นี่กำลังจะทำของอร่อยอะไรกัน? เต้าฮวยใช่หรือไม่?”
เต้าฮวย? เสิ่นม่านที่กำลังก่อไฟอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
ที่แท้ก็มาด้วยจุดประสงค์นี้นี่เอง
เสิ่นม่านหรี่ตาลงโดยไม่ส่งเสียง จากนั้นมองนางจางด้วยใบหน้าคลุมเครือ
“ป้าจาง นี่ก็ถึงเวลาอาหารแล้ว พวกเ้าไม่กลับบ้านกลับช่องไปทำอาหารให้ลูกๆ แต่กลับวิ่งโร่มาทำอะไรในครัวของข้ากัน?”
นางจางส่งยิ้มให้นางอย่างไร้ยางอาย “เฮ้อ! ก็เราไม่เคยเห็นว่าเต้าฮวยหน้าตาเป็เช่นไร เมื่อครู่เห็นเงินในถุงเงินของเ้า อย่างน้อยก็ต้องมีสักสิบตำลึงกระมัง? ของสิ่งนี้ทำกำไรได้มากมายเช่นนี้ ตกลงว่ามันทำอย่างไรกันแน่? เ้าสอนพวกข้าด้วยสิ ให้พวกข้าได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
“นั่นสิ ม่านเหนียง ถึงอย่างไรพวกเราก็คือคนหมู่บ้านเดียวกัน เ้าคนเดียวต้องทำเต้าฮวยวันละหลายสิบชั่งเพียงลำพังคงเหนื่อยไม่น้อย ไม่สู้สอนพวกข้า ให้พวกข้าได้แบ่งเบาภาระของเ้าบ้าง คนเราต้องอย่าใจแคบเกินไปนัก...”
ใจแคบ? ช่างน่าขำนัก คิดจะมาแอบขอสูตร พอนางไม่สอนก็หาว่านางใจแคบ?
เสิ่นม่านหัวเราะลั่นออกมาอย่างอดไม่อยู่ จากนั้นมองสำรวจสตรีใจคดเหล่านี้ แล้วเลียริมฝีปาก
“นี่หาใช่เื่ความใจแคบ แต่เต้าฮวยคือสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง พวกเ้า้าเรียนนั้นย่อมได้ จ่ายมาคนละหนึ่งพันตำลึงเป็ค่าเล่าเรียนสิ แล้วข้าจะสอนพวกเ้า”
“หนึ่งพันตำลึง?!”
คางของนางจางห้อยจนแทบแตะพื้น นางถึงกับยั้งคำด่าเอาไว้ไม่อยู่ “เ้าคิดจะปล้นกันหรือ? เสิ่นม่านเหนียง พวกข้ามาขอเล่าเรียนวิธีทำจากเ้า นั่นเพราะให้เกียรติเ้า เ้าคิดว่าตนเองสูงส่งจริงหรือ? ทุกคนต่างก็เป็คนบ้านเดียวกัน เ้ากลับกล้าทำตัวเป็สิงโตอ้าปากกว้างเช่นนี้ ถุย!”
หลังจากถูกด่าไปหนึ่งยก เสิ่นม่านนอกจากไม่โกรธแล้วยังหัวเราะออกมาอีก
“หาว่าข้าปล้น? ข้าจะบอกอะไรให้ ข้าขายเต้าฮวยสามารถหาเงินได้หนึ่งพันตำลึงแน่นอน ถึงขั้นได้มากกว่านั้นอีกด้วย ในเมื่อข้าสามารถหาเงินเ่าั้ได้ด้วยตนเอง เื่อันใดที่ข้าต้องให้พวกเ้ามาช่วยแบ่งเบา? ใครเล่าจะรังเกียจเงินมากมาย?”
แม้คำกล่าวนี้จะถูกต้อง แต่ก็ยังมีคนไม่ยอมแพ้และโต้เถียงกลับไป
“เสิ่นม่านเหนียง พวกข้าเพียง้าให้เ้าช่วยพาพวกข้าหาเงินบ้าง อย่างน้อยครอบครัวเ้าก็อยู่ในหมู่บ้านมานาน ยามปกติเราก็ดูแลครอบครัวเ้าไม่น้อย ถึงอย่างไรเ้าก็ควรช่วยเหลือกันหน่อยไม่ใช่หรือ? หรือว่าพอปีกกล้าขาแข็งก็ลืมผู้ที่เคยช่วยเหลือ?”
แต่ละข้ออ้าง
การหาเงินได้สิบกว่าตำลึงในหนึ่งวันก็กล่าวหาว่านางลืมบุญคุณ ต่อไปหากหาได้มากกว่านี้ ไม่รู้ว่าจะถูกคนก่นด่าว่าอย่างไรบ้าง
เสิ่นม่านเยาะเย้ยอย่างเ็า
“คนอย่างข้า เป็คนคิดเล็กคิดน้อยนัก คนที่ทำดีกับข้า ข้าย่อมตอบแทน แต่พวกเ้าวันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่หาว่าข้าคือปีศาจหมููเาไม่ใช่หรือ? อะไรกัน ตอนนี้ไม่กลัวปีศาจหมููเาดูดสมองพวกเ้าแล้วหรือไร?”
-----