ตำรวจอายุน้อยนายหนึ่งรีบตรงไปตรวจสอบที่กองหญ้าข้างทาง ก่อนจะพบว่ามีร่องรอยคนมานอนทับไว้ จากนั้นรีบเดินกลับไปรายงานหัวหน้า “มีร่องรอยคนนอนอยู่บนหญ้าจริงๆ ครับ เป็ไปได้ว่าเซี่ยฟู่กุ้ยจะเป็คนอุ้มลูกมาวางที่หน้าบ้านเอง”
เซี่ยโม่นึกชื่นชมตำรวจนายนี้ยิ่งนัก ฉลาดและมีไหวพริบดีมาก
“เปล่านะ ผมไม่ได้เป็คนอุ้มมา” เซี่ยฟู่กุ้ยะโเถียงกลับ
ตำรวจหนุ่มพูดด้วยสีหน้าราบเรียบเ็า “ผมแค่บอกว่ามีความเป็ไปได้ คุณสงสัยคนอื่นได้ คนอื่นจะสงสัยคุณไม่ได้เลยหรือไง?”
หัวหน้าตำรวจกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันแข็งกร้าว “คุณะโไปก็ไม่มีประโยชน์ จริงหรือโกหกพอสุนัขตำรวจมาเดี๋ยวก็รู้เอง ทีนี้ก็จะได้รู้กันว่าคุณเป็คนก่อเหตุหรือผู้บริสุทธิ์”
เซี่ยฟู่กุ้ยมีสีหน้าร้อนรนหวาดกลัว ครั้นหัวหน้าตำรวจเห็นท่าทางเช่นนี้จึงเอ่ยว่า “น่าจะต้องส่งคนไปดูที่บ้านคุณด้วยว่าบนเตียงมีหญ้าตามที่คุณกล่าวอ้างหรือเปล่า แต่จะว่าไปหญ้านี่ก็ติดทนดีจริงๆ คุณมาตั้งไกลขนาดนี้ไม่มีหลุดออกจากตัวเลย”
เซี่ยฟู่กุ้ยพูดอะไรไม่ออก เป็เขาที่เปิดเผยพิรุธเองหรอกหรือ
ตำรวจผู้เป็หัวหน้าถามต่อ “ที่บ้านคุณมีใครอยู่ไหม”
ที่บ้านมีเซี่ยอวิ๋นอยู่ แต่เขาไม่้าให้เ้าหน้าที่ตำรวจไปบ้าน กลอกตาครุ่นคิดครู่หนึ่งถึงค่อยเอ่ยตอบ “คุณตำรวจ ที่บ้านผมไม่มีใครอยู่”
“เสี่ยวหวาง ขับรถพาเขาไปที่บ้าน แล้วก็รีบกลับมาล่ะ” หัวหน้าตำรวจสั่งการลูกน้องทันที คล้ายไม่สนใจคำพูดของเซี่ยฟู่กุ้ย
“ครับ” เสี่ยวหวางพาตัวเซี่ยฟู่กุ้ยที่มีใบหน้าขาวซีดไปขึ้นรถ จากนั้นรถจักรยานยนต์ก็แล่นออกไป
ในใจทุกคนทราบทันทีว่า มีแต่คนที่มีชนักติดหลังเท่านั้นถึงจะใจนหน้าซีดขาวเช่นนี้
ชาวบ้านคิดอย่างทอดถอนใจ เซี่ยฟู่กุ้ยนี่ก็ใจร้ายเหลือเกิน ถึงขนาดใช้ลูกชายวัยสองเดือนมาเป็เครื่องมือใส่ความลูกสาวแท้ๆ กับภรรยาเก่า ไม่ทราบว่าชายผู้นี้โง่หรือบ้ากันแน่
ไม่นานนายตำรวจที่ไปตามครูฝึกและสุนัขตำรวจก็กลับมา
สุนัขตำรวจตัวสูงประมาณหนึ่งเมตร น้ำหนักน่าจะประมาณสามสิบห้าถึงสี่สิบกิโลกรัม เป็สุนัขโตเต็มวัยที่ดูแข็งแรงและสง่างาม
ทั้งตัวของมันเป็สีน้ำตาล มีแค่่หลังเท่านั้นที่เป็สีดำ ท่าทางดูน่าเกรงขามยิ่ง
ชาวบ้านที่กำลังมุงดูบางคนรู้จักสุนัขพันธุ์นี้ มันคือสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด สุนัขที่มีความฉลาดเป็อันดับต้นๆ ของโลก
หัวหน้าตำรวจเดินเข้าไปแจ้งรายละเอียดให้ครูฝึกสุนัขตำรวจฟัง
ครูฝึกจูงสุนัขตำรวจไปดมเศษผ้าตรงหน้าบ้านรวมถึงหญ้าที่วางอยู่ หลังจากดมกลิ่นไม่นานสุนัขตำรวจพลันหูตั้ง แววตาอันคมกริบของมันจ้องไปที่หญ้าข้างทางก่อนจะวิ่งพุ่งตรงไป
หัวหน้าตำรวจเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจในทันที ก่อนะโสั่งการเ้าหน้าที่คนอื่น “รีบตามไป!”
เป็เวลาเดียวกันกับที่เสียงรถจักรยานยนต์ดังแว่วมา ไม่นานรถคันนั้นก็มาจอดที่หน้าบ้านอู๋
สุนัขตำรวจวิ่งไปยังกอหญ้าข้างทาง ดมอยู่สักครู่ก็วิ่งเข้าไปหาเซี่ยฟู่กุ้ยที่เพิ่งลงจากรถจักรยานยนต์ ทั้งยังทำท่าจะกัด โชคดีที่ครูฝึกปฏิกิริยาว่องไว จึงดึงตัวสุนัขตำรวจเอาไว้ได้ทัน
เซี่ยฟู่กุ้ยใจนแทบฉี่ราดกางเกง ใบหน้าเขาซีดเผือด ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความใกลัว
“ภายในบ้านของเซี่ยฟู่กุ้ยไม่มีหญ้าเลยสักต้น เขาโกหกครับ” เสี่ยวหวางที่กลับมาจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่บ้านของเซี่ยฟู่กุ้ยเอ่ยรายงานกับผู้เป็หัวหน้า
“เซี่ยฟู่กุ้ย ยังไม่รีบพูดความจริงอีก?”
เซี่ยฟู่กุ้ยตัวอ่อนยวบล้มลงไปกองกับพื้น “ผมยอมพูดแล้ว ภรรยาบังคับให้ผมทำแบบนี้ บอกให้เอาลูกมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านอู๋ หากคนในบ้านออกมาแล้วอุ้มลูกผมเมื่อไรก็ให้ใส่ร้ายว่าพวกเขาเป็คนขโมยเด็กมา ทำให้บ้านอู๋เสียชื่อเสียง จากนั้นก็ค่อยเรียกร้องค่าเสียหาย”
“เล่าต่อ ใครเป็คนอุ้มเด็กมา”
เซี่ยฟู่กุ้ยอึกอัก “เมื่อคืน ผมเป็คนอุ้มมาเอง…”
ชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์ต่างมองเซี่ยฟู่กุ้ยด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม ผู้ชายคนนี้เลอะเลือนจนหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆ
หัวหน้าตำรวจพูดอะไรบางอย่างกับครูฝึก จากนั้นครูฝึกก็ก้มตัวลงไปลูบศีรษะของสุนัขตำรวจ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูมัน
ใบหูของสุนัขตำรวจชี้ตั้ง แม้แต่ขนบนตัวก็ยังลุกชันขึ้นมา ก่อนมันจะออกวิ่งไปทางูเา
ทุกคนเห็นเช่นนั้นก็คาดเดาอยู่ในใจ หรือว่าเด็กจะถูกสัตว์ร้ายในป่าคาบเอาไปกัน?
ตำรวจหลายนายรีบวิ่งตามไป พอชาวบ้านทุกคนเห็นว่าเวลานี้สายมากแล้ว ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตน
“ทั้งหมดเป็ความผิดพ่อเอง เฉินซี ลูกยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม” เซี่ยฟู่กุ้ยพึมพำอย่างสิ้นหวังแล้วรีบวิ่งตามไปด้วย
เซี่ยโม่คาดเดาในใจ กลางดึกที่ผ่านมาแม่ของเสี่ยวเฮยน่าจะมาที่บ้าน บิดาของเธอก็คงมาที่นี่ด้วยเช่นกัน แม่ของเสี่ยวเฮยคงใที่เห็นคนเลยรีบไปหลบ จากนั้นบิดาเธอก็วางเซี่ยเฉินซีเอาไว้ที่หน้าบ้านแล้วไปแอบแถวพงหญ้าข้างทางก่อนจะเผลอหลับไป แม่เสี่ยวเฮยเห็นมีอะไรบางอย่างวางอยู่ที่หน้าบ้านเลยเดินมาดู กัดผ้าที่ห่อตัวเด็กจนขาดแล้วคาบเอาไป
ครั้นเห็นสุนัขตำรวจวิ่งไปทางูเา เธอก็ยิ่งมั่นใจในสมมุติฐานของตัวเอง กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาตามมา จนถึงตอนนี้มีความเป็ไปได้แปดถึงเก้าส่วนว่าเซี่ยเฉินซีน่าจะไม่อยู่แล้ว
หากไม่ใช่เพราะบิดาของเธอเอาบุตรชายมาวางไว้ที่หน้าบ้าน แม่หมาป่าก็คงไม่คาบไป
ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ
เซี่ยโม่รู้สึกเศร้าเหลือเกิน ถึงแม้เธอไม่ได้เป็คนทำร้ายเซี่ยเฉินซี แต่เด็กคนนั้นก็ต้องมาจากไปเพราะเธอ
ด้วยความเป็ห่วงน้องชายกับเสี่ยวเฮย เธอเดินกลับเข้าไปในบ้าน หนึ่งคนกับหนึ่งตัวตื่นนอนแล้ว กำลังเล่นด้วยกันอยู่
เซี่ยโม่หยิบนมออกมาจากโกดังสินค้า เจาะหลอดแล้วส่งให้น้องชาย จากนั้นก็เทใส่ถ้วยให้เสี่ยวเฮย ก่อนจะหยิบออกมาดื่มเองอีกหนึ่งกล่อง
จากนั้นเธอเดินเข้าไปในห้องครัว นำนมออกมาผสมกับแป้งเพื่อทำเส้นบะหมี่ นวดให้แป้งได้ที่แล้วนำไปต้ม ไม่นานก็ได้บะหมี่น้ำมาหนึ่งหม้อ
เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเรียกทุกคนให้มากินมื้อเช้า เธอเห็นคุณตา คุณยาย และอาจารย์กำลังหารืออะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าบ้าน
เมื่อทั้งสามคนได้ยินเสียงเรียก ก็พากันเข้ามาในบ้านเพื่อรับประทานอาหารเช้า
ทุกคนนั่งลงบนโต๊ะ ต่างคนต่างลงมือกินบะหมี่น้ำร้อนๆ ตรงหน้า
“เส้นบะหมี่วันนี้เหนียวนุ่มดีจริงๆ นับวันฝีมือการทำอาหารของหลานก็ยิ่งพัฒนา” คุณตากินเข้าไปหนึ่งคำก่อนจะเอ่ยชม
เซี่ยโม่ลองชิมหนึ่งคำ ไม่มีกลิ่นนม มีแต่กลิ่นหอมของบะหมี่น้ำ
“หากทุกคนชอบ เดี๋ยววันหลังหนูรับผิดชอบพวกงานนวดแป้งเองค่ะ” เธอยิ้มมุมปาก
คุณยายยิ้มพลางเอ่ย “ดีเหมือนกัน ยายอายุเยอะแล้ว ไม่ค่อยจะมีแรงนวดแป้งแล้ว”
เด็กสาวตัดสินใจแน่วแน่ ต่อไปเวลานวดแป้งเธอจะใส่นมให้มากกว่านี้ ร่างกายของผู้ใหญ่ทั้งสามคนในบ้านจะได้แข็งแรง
เซี่ยเฉินเฟิงรู้ว่าตอนที่พี่สาวนวดแป้งได้ใส่นมลงไปด้วย แล้วก็รู้ด้วยว่าเื่นี้จะบอกใครไม่ได้ เขาแอบขยิบตาให้พี่สาว ก่อนจะเอ่ยชมออกมาเช่นกัน “พี่ไม่ได้ทำอร่อยแค่บะหมี่อย่างเดียว อาหารอย่างอื่นก็ทำอร่อยครับ”
เธอลูบหัวเซี่ยเฉินเฟิงด้วยความเอ็นดู น้องชายเธอเข้าใจพูดดีจริงๆ
เนื่องจากยังเศร้าเสียใจกับเื่ที่เกิดขึ้น เซี่ยโม่เลยกินได้ไม่มากนัก เธอถอนหายใจก่อนจะเอ่ยว่า “ตอนแรกเช้านี้หนูกะว่าจะไปตัดหญ้าแห้วหมูสักหน่อย แต่คงต้องรอให้ตำรวจกลับไปก่อนถึงจะไปได้”
เธอกังวลว่าหากออกจากบ้านไปตอนนี้ เกิดตำรวจที่ไปตามหาเซี่ยเฉินซีกลับมา สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป
“โม่โม่ วันนี้อย่าไปเลยดีไหม อีกอย่างอากาศก็ร้อนมากด้วย” คุณยายทักท้วง
“หนูไม่ล้มเลิกความคิดง่ายๆ หรอกค่ะ ในเมื่อออกปากไว้ว่าจะไปตัดหญ้าแห้วหมูทุกวัน หนูก็ต้องทำให้ได้ค่ะ” เซี่ยโม่ส่ายหน้าปฏิเสธ
เมื่อได้ยินคำยืนกราน ผู้ใหญ่ทั้งสามคนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
กระทั่งรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จแล้ว ตำรวจที่ไปทำการค้นหาบนเขาก็ยังไม่กลับลงมา
คุณปู่จ้าวดึงแขนเธอเข้าไปในห้องที่ไม่มีคน ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่คิดไว้ “โม่โม่ รีบหาเวลาเอาเสี่ยวเฮยไปปล่อยเถอะ”
เด็กสาวตะลึงงัน หรืออาจารย์จะเดาเื่ทั้งหมดออกแล้ว?
ชายชราเอ่ยต่อ “ฉันปรึกษากับคุณตาคุณยายเธอแล้ว พวกเราคิดว่าแม่ของมันน่าจะมาตามหา่กลางดึก พอมาเจอเด็กที่หน้าบ้านก็เลยคาบเอาไป”
ผู้ใหญ่ทั้งสามคนสมกับเป็คนที่มีประสบการณ์การใช้ชีวิตมายาวนาน คาดเดาเื่ทั้งหมดออกอย่างง่ายดาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้