หนึ่งกระบี่ฟันส่งๆก็ทำให้ศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งร่างกายาเ็สาหัสแล้ว
ไม่ได้ใช้ปราณกระบี่ ไม่ได้ใช้ปราณแท้เบิกนภาเสวียนเทียนใช้เพียงพละกำลังอย่างเดียว อีกทั้งใช้กำลังเพียงประมาณหนึ่งส่วนสามเท่านั้น
ความสามารถของเสวียนเทียนยังใช้ออกมาไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ไม่อาจต้านทานได้แล้ว
ศิษย์สำนักเทียมเมฆาเหล่านี้ย่อมไม่รู้ว่าเสวียนเทียนใช้แรงออกมากี่ส่วน ใช้ความสามารถออกมากี่ส่วน แต่หนึ่งกระบี่ฟันดาบยาวในมือของศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งหักอีกทั้งทำให้เขาาเ็สาหัส แค่นี้ก็เพียงพอทำให้ศิษย์สำนักเทียมเมฆาเหล่านี้รู้สึกสะพรึงแล้ว
ถึงจะเป็ ‘ศิษย์พี่อู่’ ชั้นเบิกนภาขั้นสามก็ยังอดเหลือบตาไปมองไม่ได้เสวียนเทียนมีพลังวัตรเพียงชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแต่พริบตาก็โจมตีคู่ต่อสู้ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเหมือนกันให้พ่ายแพ้ไปได้ความสามารถระดับนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็สุดยอดของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแทบจะเทียบเคียงได้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสอง
ในระดับชั้นเดียวกันผู้ที่มีความสามารถยืนอยู่แนวหน้า ก้าวโดดเด่นขึ้นมาจากผู้ฝึกยุทธ์เป็จำนวนมากได้ก็เป็อัจฉริยะที่ยอมรับโดยทั่วกันแล้ว
ในระดับชั้นเดียวกัน ผู้ที่อยู่บนจุดสุดยอดนั่นยิ่งเป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งใต้หล้ามีมากเพียงใดกัน? นับไม่ถ้วนผู้ที่มีความสามารถจะยืนบนจุดสูงสุด ในพันคนก็หาไม่ได้ ในหมื่นคนก็หาไม่มี
ยิ่งไปกว่านั้น พลังวัตรของเสวียนเทียนยังไม่ถึงขีดสุดของชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งพลังวัตรของ “ศิษย์พี่อู่”เหนือกว่าเขาอยู่สองระดับขั้น ย่อมมองออก
ศิษย์สำนักเทียมเมฆาเหล่านี้ไม่คิดว่าศิษย์น้องของตนคนนั้นจะถูกเสวียนเทียนโจมตีกระบี่เดียวก็ได้รับาเ็สาหัสจนลุกยังลุกไม่ขึ้นความสนใจพุ่งมาที่ตัวเสวียนเทียนทันที
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
นอกจาก ‘ศิษย์พี่อู่’ แล้ว ศิษย์สำนักเทียมเมฆาอีกสามคนชักอาวุธทันทีะโออกมาข้างหน้า สามคนยืนเรียงหน้ากระดาน อาวุธหันเข้าหาเสวียนเทียนเข้ารุมล้อมประชิด
อาวุธของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองทั้งสองคนคือกระบี่อาวุธของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอีกคนคือดาบยาวอาวุธของทั้งสามคนส่องแสงแวววาว คุณสมบัติไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเป็อาวุธมีชื่อ
ส่วน ‘ศิษย์พี่อู่’ ไม่ได้ลงมือเขาเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในสำนักเทียมเมฆา ย่อมทะนงในฐานะไม่ลงมือกับศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งของสำนักกระบี่์ อีกทั้งในสายตาของเขาลูกน้องสามคนของเขาลงมือต่อกรกับเสวียนเทียนก็เพียงพอแล้ว
‘ศิษย์พี่อู่’ หัวเราะเหยียดหยันขึ้น “ดีมากเ้าหนูสำนักกระบี่์เ้ากล้าทำร้ายศิษย์สำนักเทียมเมฆาของข้าต่อหน้าข้าอู่หยวนจ้าวเดิมทีถ้าเ้ามอบของให้ข้า ข้าอาจพิจารณาไว้ชีวิตสุนัขของเ้า ตอนนี้ดูแล้ว คงไม่จำเป็อีกต่อไปชีวิตไร้ค่าของเ้า วันนี้ถึงคราวตาย ฝังร่างอยู่ที่เทือกเขาดงอสูรตลอดกาล”
เสวียนเทียนยิ้มบาง เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า “ก็แค่สั่งสอนหมาบ้ารนหาที่ตายเท่านั้นอู่หยวนจ้าว เ้าเป็ใคร? กล้ามาชี้นิ้ววางท่าใหญ่โตต่อหน้าข้า”
“สามหาว!”
ศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นสองคนหนึ่งตวาดขึ้นมาเสียงดัง“ศิษย์พี่อู่เป็หนึ่งในสิบอันดับแรกของศิษย์ในสำนักเทียมเมฆาเ้ากบในกะลา”
“สำนักเทียมเมฆาหรือ? ฮึ...!” สายตาของเสวียนเทียนเย็นเยียบเอ่ยเสียงเย็นขึ้น “เช่นนั้นแล้วอย่างไร? ข้ากับพวกเ้าไม่รู้จักกัน พวกเ้ากลับออกมาวางท่าใหญ่โตใส่ข้าจะแย่งข้าวของเงินทองของข้า จะทำร้ายชีวิตข้า ไม่ใช่ฝูงหมาบ้าจะเป็อะไรคุกเข้าโขกหัวยอมรับผิดแล้วขอโทษ วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเ้าไปสักครั้ง ไม่เช่นนั้นในใจพวกเ้าคิดทำอย่างไรกับข้า สิ่งนั้นก็จะเป็จุดจบของพวกเ้า”
คนพูดกันว่า คนชั้นเดียวกันย่อมอยู่ในวงสังคมเดียวกันหากเสวียนเทียนเป็ศิษย์สำนักในของสำนักกระบี่์อู่หยวนจ้าวมีตำแหน่งเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในของสำนักเทียมเมฆาเสวียนเทียนต่อให้ไม่รู้จักกับเ้าตัว แต่ก็ย่อมได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง
ทว่าตอนที่เสวียนเทียนออกจากสำนักกระบี่์มาเขายังคงเป็เพียงศิษย์สำนักนอกขนาดสิบอันดับแรกของศิษย์ในสำนักกระบี่์ยังรู้จักไม่ครบไหนเลยจะรู้จักศิษย์ในของสำนักเทียมเมฆาอย่างอู่หยวนจ้าวกัน?
สำนักกระบี่์กับสำนักเทียมเมฆาเปิดศึกกันอยู่ในเงามืดแม้ว่าศิษย์นอกจะมีโอกาสพบหน้ากับศิษย์สำนักอื่นน้อยแต่เสวียนเทียนก็รู้มาว่าพักนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักกระบี่์กับสำนักเทียมเมฆาเื้ักลายเป็น้ำกับไฟ ต่อสู้กันอย่างรุนแรง ไม่นานมานี้สำนักใหญ่ทั้งสองมีศิษย์ในหายตัวไปไร้ร่องรอยถึงแม้ไม่มีหลักฐาน แต่ก็เดาได้ว่าการต่อสู้ในเงามืดระหว่างทั้งสองสำนักใหญ่ไปถึงขั้นมีคนาเ็ถึงตายแล้ว
เสวียนเทียนตัวคนเดียวเพิ่งพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ถูกศิษย์ในสำนักเทียมเมฆาห้าคนขวางหน้าในนั้นยังมีหนึ่งในสิบอันดับแรกของศิษย์ในอยู่คนหนึ่ง ความคิดในใจของศิษย์สำนักเทียมเมฆาเหล่านี้เสวียนเทียนจะไม่รู้ได้อย่างไร? พวกเขา้าสมบัติของเสวียนเทียน ส่วนชีวิตของเสวียนเทียนเก้าในสิบส่วนพวกเขาก็คง้าเช่นกัน ในเทือกเขาดงอสูรนั้น หากถูกฆ่าปิดปากเื้ัของเสวียนเทียนไม่ได้มีคนใหญ่โตหนุนหลังใครจะมามุ่งมั่นสืบหาความยุติธรรมให้กับเขากัน?
นอกจากนี้ ตายในเทือกเขาดงอสูรยังจะสืบหาอะไรได้ ต่อให้สำนักกระบี่์สืบได้ว่าพวกอู่หยวนจ้าวทั้งห้าคนเคยมาที่เทือกเขาดงอสูรแต่ก็ทำได้เพียงสงสัย ไม่มีหลักฐานย่อมไม่อาจตัดสินได้
นอกจากนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้ามาในเทือกเขาดงอสูรก็ไม่ใช่เพียงพวกอู่หยวนจ้าวทั้งห้าคน ยิ่งสืบหาความจริงยากเข้าไปอีก
จะสังหารคนทั้งห้าปิดปาก ตอนนี้เสวียนเทียนยังไม่มีความคิดเช่นนั้นในเมื่ออู่หยวนจ้าวเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในของสำนักเทียมเมฆาย่อมต้องมีผู้าุโสำนักในรับเขาเป็ศิษย์ส่วนตัวหากอู่หยวนจ้าวเกิดเื่อะไรขึ้น สำนักเทียมเมฆาย่อมไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ เป็แน่
นอกจากนั้น มีศิษย์ในหายไปคราวเดียวห้าคน อีกทั้งในนั้นยังมีหนึ่งในสิบศิษย์เอกของสำนักในคนหนึ่งสำนักเทียมเมฆาย่อมต้องตรวจสอบ ถ้าหากตรวจสอบขึ้นมาจริงๆเสวียนเทียนก็อาจตกเป็ผู้ต้องสงสัยได้
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้หายนะตกใส่หัว เสวียนเทียนไม่มีความจำเป็ต้องเด็ดชีวิตของทั้งห้าคนเสวียนเทียนไม่ใช่คนชอบฆ่าเพื่อนมนุษย์ ไม่อาจเพลิดเพลินกับการสังหารคนได้
กลับกัน ในใจของเสวียนเทียนหวังให้คนในใต้หล้าทุกคนมีชีวิตที่ดีทุกข์น้อย สุขมาก
เห็นผู้อื่นมีความสุข เบิกบานเสวียนเทียนไม่อิจฉา ในใจรู้สึกยินดี
เห็นผู้อื่นโศกเศร้า ทนทุกข์เสวียนเทียนไม่สุขไปกับทุกข์ของผู้อื่น ในใจรู้สึกอดรนทนไม่ได้
แน่นอนว่าความคิดเหล่านี้สำหรับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเสวียนเทียน มีเงื่อนไขว่าต้องไม่หาเื่เสวียนเทียนก่อน
เสวียนเทียนมองว่าตนเองไม่ใช่คนดีอะไร หากมีคนมาหาเื่เขานั่นย่อมเป็ศัตรูของเขา กับศัตรูเขาไม่มีความเมตตา มีแต่จะถอนรากถอนโคนเหยียบอีกฝ่ายให้ตาย ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายสวนกลับแม้เพียงนิด ศัตรูจะโศกเศร้าหรือจะทุกข์ทนอย่างไรเสวียนเทียนไม่มีหัวใจมารู้สึกเห็นใจศัตรู
หากคนห้าคนตรงหน้าไม่ใช่ศิษย์สำนักเทียมเมฆาแต่เป็โจรร้ายแห่งยุทธภพอย่างเช่นพรรคฝูเวย การสังหารพวกเขาไม่ทำให้เสวียนเทียนลำบากมากมายอะไรเสวียนเทียนย่อมไม่ให้โอกาสใดๆ แก่พวกเขา ตวัดกระบี่ ฟันเืสาดกระเด็นให้พวกเขาลงปรภพไปนานแล้ว
“ฆ่า! กระทืบมันกระทืบไอ้หนูนี่ให้แบนติดดิน เอามันให้ตาย”
คำเตือนและการถอยให้ของเสวียนเทียนไม่ได้ทำให้อู่หยวนจ้าววางมืออู่หยวนจ้าวกลับเต้นผางราวกับฟ้าผ่า โกรธเกรี้ยวแค้นเคืองจิตสังหารราวกับน้ำหลากท่วมทะลักออกมา ชี้มาที่เสวียนเทียนร้องะโขึ้นเสียงดัง
อู่หยวนจ้าวโกรธจัดศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งของสำนักกระบี่์ตัวกระจ้อยคนหนึ่ง กลับกล้าดูถูกเขาดูิ่เขา กล้าด่าเขาว่าหมาบ้า ถึงในใจของอู่หยวนจ้าวจะมองว่าเสวียนเทียนเป็อัจฉริยะคนหนึ่งแต่พลังวัตรของเขาเหนือกว่าเสวียนเทียนอยู่สองระดับขั้นจึงไม่เห็นเสวียนเทียนอยู่ในสายตา
“ไอ้หนูกล้าทำตัวสามหาวต่อหน้าศิษย์พี่อู่ สมควรตายร่างอยู่ไม่ครบ ฮ่าๆ!”
“ศิษย์พี่อู่พูดหนึ่งประโยคเ้าก็ลงปรโลกแน่แล้ว ตายไร้สุสานฝังร่าง!”
“วางท่าปากไวครั้งหนึ่งจุดจบถูกกระทืบจนร่างแหลกเหลว ไอ้หนู ชาติหน้ามีสมองหน่อยนะ คนบางคนเ้าหาเื่ไม่ได้ ฮ่าๆ...!”
อู่หยวนจ้าวสั่งลงมาคำหนึ่ง ศิษย์สำนักเทียมเมฆาทั้งสามเบื้องหน้าเสวียนเทียนก็ตวาดเสียงดังขึ้นมาพร้อมกันมองเสวียนเทียนราวกับกำลังมองคนตายคนหนึ่ง
พร้อมกันกับที่ตวาดเสียงดังทั้งสามคนก็ทะยานร่างออกมาข้างหน้า รัศมีกระบี่ รัศมีดาบปรากฏขึ้นในฉับพลันทั้งสามคนโจมตีเสวียนเทียนพร้อมกัน
ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่!
ดาบคลื่นั์กระหน่ำโถม!
เพลงกระบี่ที่ศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นสองทั้งสองคนใช้ก็คือ ‘ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่’ที่เสวียนเทียนได้ใกล้ชิดมาแล้วจากมือของจางเจ๋อเทาส่วนที่ผู้ฝึกยุทธ์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอีกคนใช้เป็วิทยายุทธ์ชั้นนิลขั้นต้นอีกวิชาหนึ่งของสำนักเทียมเมฆา...ดาบคลื่นั์กระหน่ำโถม
ซ้อนเมฆาสิบสามกระบี่และดาบคลื่นั์กระหน่ำโถมล้วนเป็วิทยายุทธ์โจมตีระยะกว้างการโจมตีตามหลัง ต่อเนื่องไม่ขาดสาย พริบตาที่ใช้ออกมา เงากระบี่ราวกับเมฆซ้อนสลับเป็ชั้นๆ ฟันลงมา เงาดาบราวกับคลื่นั์โหมคลั่ง คลื่นสมุทรโถมโจมตี
บนใบหน้าทะมึนของอู่หยวนจ้าวมุมปากเริ่มขยับยกขึ้นใจที่โกรธกรุ่นเริ่มมีความสะใจบางๆ สายหนึ่งโผล่มา ดวงตาจับจ้องเสวียนเทียนไม่ห่างรอชมพริบตาที่ร่างของเสวียนเทียนถูกแยกเป็ชิ้นๆ
คิดถึงสีหน้าสิ้นหวังและหวาดกลัวที่เสวียนเทียนจะแสดงออกมาตอนตายความสุขสมใจก็ค่อยๆมาแทนที่ไฟโกรธในใจของอู่หยวนจ้าว ใบหน้าแย้มยิ้มเบิกบานขึ้นมา
ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองสองคนชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งหนึ่งคนสามคนร่วมมือกันต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งคนเดียวนั่นยังไม่เรียกว่าร้อยทั้งร้อยไม่มีพลาด ง่ายราวปอกกล้วยเข้าปากได้หรือ?
ถึงแม้ว่าในสายตาของอู่หยวนจ้าวเสวียนเทียนจะเป็อัจฉริยะคนหนึ่ง ในระดับชั้นเดียวกันเป็ผู้อยู่บนจุดสูงสุดแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางต้านทานการโจมตีประสานของคนสามคนได้แม้กระทั่งหนึ่งกระบวนท่าก็ต้านไม่ได้
“ฟ้าเลวทราม ยังอาจรอด คนเลวทรามไม่อาจรอด!”
เสียงเย็นเยียบของเสวียนเทียนฉับพลันก็ดังขึ้นราวกับบทเพลงแห่งความตายประโคมขึ้นมา
เพลงกระบี่ดับเงา...สะบั้นร่าง!
เผชิญหน้ากับการโจมตีประสามของคนสามคนแสงกระบี่แสงดาเต็มฟ้า เสวียนเทียนไม่ถอยแม้สักก้าว สีหน้าไม่เปลี่ยนหลังจากเสียงพูดดังขึ้น กระบี่ขุนเขาหนักในมือฉับพลันก็ฟันรัศมีกระบี่เจิดจ้าบาดตาเส้นหนาออกมาใช้ท่าสังหารอันรุนแรงท่าหนึ่งของเพลงกระบี่ดับเงา
รัศมีกระบี่ปรากฏขึ้นมาราวกับกระบี่ั์ใหญ่โตหาใดเปรียบกวาดท้องฟ้าให้โล่งเตียน สะบั้นอากาศเบื้องหน้าเป็สองแสงดาบเงากระบี่เต็มท้องฟ้าพริบตาก็ถูกฟันสลายไป
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
เสียงกังวานสามเสียงดังขึ้นเงาร่างของศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นสองกระเด็นถอยไปกระบี่มีชื่อในมือหักเป็สองท่อน เืสดไหลรินออกมาจากมุมปาก ได้รับาเ็
ส่วนศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งผู้นั้นเป็เป้าหมายการโจมตีของเสวียนเทียนเขาทันเพียงส่งกรีดร้องออกมาสั้นๆ พร้อมกับดาบยาวที่ถูกสะบั้นเป็สองส่วนร่างกายจากหนึ่งก็แยกเป็สอง ถูกกระบี่ขุนเขาหนักผ่ากลางร่างแยกเป็สองส่วน
เืเนื้อปลิวว่อน หลังจากเสียงกรีดร้องโหยหวนสั้นเพียงชั่วครู่ฉับพลันก็หยุดลง ร่างโชกเืสองซีกลอยปลิวไปไกล
สายตาของเสวียนเทียนเ็าเรียบเฉยกวาดมองคนที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งสามคน เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อพวกเ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตไปเสียให้หมด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้