ห้องประชุมตระกูลจิ่ง
“รายงานท่านผู้เฒ่าทุกท่าน ท่านผู้าุโทุกท่าน นายน้อย” หัวหน้าหน่วยหน่วยหนึ่งของห้องข่าวไว...จิ่งหง ไม่รอให้พ่อบ้านรายงานก็รีบพุ่งเข้ามาในห้องประชุมอย่างรีบร้อน มองบรรดานายท่านทั้งหลายบนเก้าอี้ด้วยแววตาร้อนรน “ด้านล่างูเาส่งสารมาขอรับ! บอกว่า...บอกว่าของที่เราจัดซื้อทั้งหมดถูกคนของตระกูลเฉินชิงไปแล้ว!” !!!
หลังจากความเงียบสงัดผ่านไป...
ปัง...
จิ่งเฟิงกั๋วตบมือลงบนโต๊ะ ยืนขึ้นกะทันหัน สีหน้าดำคล้ำราวกับก้นกระทะ ชี้นิ้วไปที่จิ่งหงแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราด “เ้าว่าอะไรนะ? เ้า...เ้าแน่ใจหรือ?!”
จิ่งหงต้องรองรับสายตาอันน่าหวาดหวั่นจากทุกคน จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นแล้วก้มหน้าลง “เป็เช่นนี้จริงๆ ลูกหลานที่ไปคุ้มกันสัมภาระล้วนถูกทำร้ายสาหัส”
นิ้วที่ชี้อยู่กลางอากาศของจิ่งเฟิงกั๋วสั่นเทาอยู่เป็นาน ดวงตามีไฟลุกไหม้ด้วยความโกรธ กดน้ำเสียงลงแล้วพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ตระกูลเฉินคนใดที่ทำ?”
จิ่งหงเป็ลูกหลานตระกูลจิ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่สายหลัก แต่ในกายก็ยังมีสายเืตระกูลจิ่งไหลเวียนอยู่ เขาทำงานอยู่ในห้องข่าวไวมาหลายปี วันนี้ดำรงตำแหน่งเป็หัวหน้าหน่วยแยกของห้องข่าวไวก็ถือได้ว่าเป็คนที่พบเจอเื่ราวต่างๆ มามากมาย แต่ตอนนี้กลับถูกท่าทางเกรี้ยวกราดเช่นนั้นของจิ่งเฟิงกั๋วทำให้ตัวสั่นสะท้าน ลอบกลืนน้ำลายฝืนทำตัวสงบนิ่ง “ตอบนายท่านผู้เฒ่า เป็...เป็เฉินเปิ่นหวา!”
ถึงแม้จะบอกว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ในฐานะที่เป็คนมารายงานข่าวก็ยังคงต้องรองรับความโกรธของเบื้องบนอยู่ดี
“เฉินเปิ่นหวา?!”
“เฉินเปิ่นหวา!”
“...”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หากเป็ผู้อื่นยังพอว่า แต่นี่เป็เฉินเปิ่นหวาคงต้องลำบากแล้ว
ความสับสนวุ่นวายภายในของตระกูลเฉินนั้นแท้จริงแล้วก็ไม่ค่อยต่างกับที่คนภายนอกมองสักเท่าไร ถือเป็แหล่งรวมความโสมมขนาดใหญ่
ผู้นำตระกูลตระกูลเฉิน...เฉินเค่อ เป็คนบ้ากามมักมาก ไปที่ใดกางเกงหลุดที่นั่น ขอแค่เขาชอบไม่ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ เขาล้วนพาตัวไปไว้ใต้ผ้าห่มเขาได้ทั้งสิ้น เล่นด้วยอยู่สักสองสามวันก็สลัดทิ้งไปราวกับนางเป็รองเท้าเก่าๆ ไม่แม้แต่จะชายตาแลอีก
อีกทั้งเ้าเฉินเค่อนี้ยังเป็คนที่ลูกดกอีกด้วย สตรีที่เคยขึ้นเตียงกับเขามีครึ่งหนึ่งที่ตั้งท้อง จนถึงตอนนี้ลูกของเฉินเค่อมีมากมายเสียจนนับไม่หวาดไม่ไหว แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ค่อยสนใจลูกๆ เท่าไรนัก แล้วก็ไม่ได้รักคนใดเป็พิเศษ เมื่อเกิดออกมาแล้วเขาก็แทบไม่ชายตามองแม้แต่น้อย ปล่อยปละละเลยให้พวกเขาช่วยเหลือตัวเอง จะอยู่หรือตายก็ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเขาทั้งสิ้น
แต่เขากลับชอบให้สตรีคลอดลูกให้เขา เพราะคิดว่าเด็กเป็สินาจากความเ้าชู้ของเขา
นิสัยที่ไม่รักใคร่ลูกๆ นี้บางทีอาจจะเป็สันดานลึกๆ อยู่ในกระดูกดำที่เป็นิสัยดั้งเดิมมาแต่เกิดของเขา เขาผู้นี้ภายนอกดูเหมือนเป็คนยิ้มแย้ม แต่นิสัยแท้จริงกลับเป็คนเืเย็นและเห็นแก่ตัว รวมถึงเฉินเปิ่นฉีและเฉินเปิ่นหวาสองพี่น้องที่เกิดจากภรรยาเอกนี้ด้วย เฉินเค่อเองก็ไม่นับว่าสนใจสักเท่าไร
แต่ไม่ว่าจะรักใคร่หรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ตำแหน่งนายน้อยนี้จนถึงตอนนี้เฉินเปิ่นฉีถือว่านั่งอยู่อย่างค่อนข้างมั่นคง หนึ่งเพราะถึงแม้เฉินเปิ่นฉีจะไม่ใช่คนที่มีพร์จนหาตัวจับยากและมารดาที่เป็ภรรยาเอกเองก็ไม่ได้รับความโปรดปรานอันใด แต่ถึงอย่างไรก็ยังถือเป็ภรรยาเอกเกี้ยวแปดคนหามที่แต่งเข้าตระกูลมา อีกอย่างอำนาจของบ้านแม่นางเองก็ไม่น้อย อย่างไรเสียก็ต้องแตกต่างจากพวกที่ถูกชิงตัวมาหรือเก็บมาอย่างแน่นอน สองเพราะผู้าุโส่วนใหญ่ในตระกูลล้วนยึดติดกับประเพณีดั้งเดิม ยืนหยัดอย่างแรงกล้าว่าต้องแต่งตั้งบุตรชายคนโตสายหลักเป็นายน้อย ด้านหนึ่งเฉินเค่อเองก็คร้านจะไปอะไรกับพวกเขา ส่วนอีกด้านก็เพราะเฉินเค่อหาได้สนใจแม้แต่น้อยว่าบุตรชายคนใดของเขาจะเป็ผู้สืบทอดตำแหน่งเขาไม่
แน่นอนว่าคนที่แอบอยู่ในเงามืดก็ปรารถนาตำแหน่งนายน้อยเช่นกัน ต่างรอคอยให้เฉินเปิ่นฉีตายอยู่ก็มีไม่น้อย
ภรรยาเอกของเฉินเค่อหาได้สนใจไม่ว่าสามีตัวเองจะไปเหลวไหลกับใครที่ไหน แต่สิ่งที่ลูกชายตนควรได้นั้นผู้อื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมอง เื่การจัดการคนที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์พวกนั้นนางนับว่าโหดร้ายเืเย็นจนทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว และนี่ก็เป็เหตุผลที่ว่าเหตุใดเฉินเค่อที่มีลูกมากแต่รอดมาจนโตได้อย่างปลอดภัยนั้นกลับมีไม่มาก หากสามารถมีอายุยืนยาวมาได้จนถึงวัยผู้ใหญ่ก็นับว่าอายุยืนมากแล้ว
เหตุเพราะได้รับผลกระทบจากบิดามารดา ถึงแม้พี่น้องชายหญิงในตระกูลเฉินจะมีนับไม่ถ้วน แต่เฉินเปิ่นฉีกลับรู้สึกว่าพวกนี้ก็เป็แค่พวกชั้นต่ำที่ไม่อาจออกหน้าออกตาได้ มองดูสักครั้งยังรู้สึกรังเกียจ ยิ่งไม่มีทางนับคนพวกนี้เป็พี่น้อง เขามักสนิทสนมรักใคร่กับแค่น้องชายร่วมมารดากับเขาผู้นี้เท่านั้น คาดว่าสองพี่น้องคงจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไม่เลว การตายของเขานี้จึงทำให้ตระกูลเฉินถึงกับสั่นสะท้านมากทีเดียว คนที่ในใจยินดีนั้นมีมากมาย แต่คนที่เสียใจจริงๆ ก็มีแค่มารดาและน้องชายของเขาผู้นี้เท่านั้น
ต่อให้เป็เฉินเค่อ เมื่อรู้ข่าวว่าเฉินเปิ่นฉีตายอยู่ที่ตระกูลจิ่งก็แค่เศร้าโศกเสียใจอยู่เพียงครู่เดียว จากนั้นก็เกิดความปีติยินดีขึ้นมา
นี่เหมือนเป็เนื้อที่ยื่นมาถึงปากชัดๆ! หากสามารถกลืนกินตระกูลจิ่งได้ เช่นนั้นตระกูลเฉินก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ถึงตอนนั้นก็จะสามารถเทียบเคียงกับตระกูลหลัว ตระกูลสวีพวกนี้ได้เลยทีเดียว หรือแม้กระทั่งอาจจะยิ่งใหญ่กว่าพวกเขาก็เป็ได้
อีกอย่างได้ยินมาว่าตระกูลจิ่งมีหญิงงามมากมาย หากว่ายึดตระกูลจิ่งได้ก็เท่ากับว่ายึดนางฟ้ากลุ่มใหญ่ได้เลย! เฉินเค่อรู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะข่มไว้ไม่อยู่แล้ว
เพราะผลประโยชน์
เฉินเค่อหาได้สนใจความอาลัยอาวรณ์ของหญิงงามบนเตียงไม่ แล้วเรียกรวมพลคนในตระกูลมาประชุมกันกลางดึก ทุกคนล้วนยินดีปรีดายิ่งนัก แต่หลังจากความยินดีผ่านไปแล้วก็เป็ทุกข์ คนที่ตายอยู่ที่ตระกูลจิ่งนั้นไม่ได้มีแค่เฉินเปิ่นฉีคนเดียว ยังมีเ้าเด็กตระกูลหวางนั่นอีก หากตระกูลหวางและพวกเขายกธงรบขึ้นพร้อมกัน หากทั้งสองตระกูลปะทะแย่งชิงกันขึ้นมาก็ยากที่จะตัดสินแพ้ชนะได้ อย่างมากก็คงกลายเป็ฆ่าศัตรูได้หนึ่งพัน แต่ต้องเสียไพร่พลของตนไปแปดร้อย
ถกเถียงกันอยู่นาน ทุกคนต่างลงความเห็นเดียวกันว่า...ต้องลงมือก่อน!
สิ่งที่ตระกูลเฉินกังวล แน่นอนว่าก็เป็สิ่งที่ตระกูลหวางกังวลด้วยเช่นกัน เฉินหวางทั้งสองตระกูลไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าใคร วันนี้ตระกูลจิ่งที่เป็ดั่งเนื้ออวบอ้วนยื่นมาถึงปากแล้วไม่ว่าผู้ใดก็ไม่คิดจะปฏิเสธ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะโจมตีตระกูลจิ่งเพียงอย่างเดียว เฉินหวางทั้งสองตระกูลเองก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกันได้ สถานการณ์ตอนนี้ผู้ใดเป็ผู้บุกโจมตีก่อน ผู้นั้นก็จะมีแต้มต่อ
ตระกูลเฉินอยู่ใกล้กับตระกูลจิ่งมากกว่า นี่ถือเป็โอกาสของตระกูลเฉินแล้ว ขอแค่เดินทางไปให้ถึงตระกูลจิ่งก่อนเพื่อยึดจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญรอบๆ ตระกูลจิ่งไว้ ให้ดีที่สุดคือควบคุมตัวพวกคนตระกูลจิ่งเอาไว้ให้ได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ตระกูลหวางตามมาถึงแล้วก็ต้องเสียโอกาสไปอยู่ดี
เมื่อได้ข้อสรุป เฉินเค่อไม่รอให้ฟ้าสว่างก็นำทัพคนขนาดมหึมามุ่งหน้าไปยังภาคตะวันออกแล้วตรงไปยังตระกูลจิ่ง ระหว่างทางก็ไม่หลบซ่อนปิดบังใดๆ ป่าวประกาศไปทั่วว่า้าเืคนตระกูลจิ่งมาล้างเื ความทะเยอทะยานและความละโมบของคนผู้นี้แสดงออกอย่างชัดเจนไม่แม้แต่จะปิดบังราวกับว่าตระกูลจิ่งอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว
และเสียงร้องะโป่าวประกาศเช่นนี้ของตระกูลเฉินก็สั่นะเืไปทั้งแผ่นดินใหญ่
ถึงกับมีคนพยากรณ์ว่าความสงบสุขของแผ่นดินใหญ่นี้จะสิ้นสุดลงที่ตระกูลจิ่ง แล้วหลังจากนี้จะต้องเป็ฉากนองเืะเืเลือนลั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่อย่างแน่นอน
แต่ทว่า...การกลืนกินตระกูลจิ่งกลับไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เฉินเค่อคิด
ตระกูลที่มีประวัติความเป็มายาวนานนับพันปีและยังมีรากฐานอันลึกล้ำซับซ้อน ไม่ใช่คิดอยากจะสั่นคลอนก็สั่นคลอนได้ง่ายๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลหวางที่จ้องจะเขมือบเหมือนกันนั้นเพราะไม่ใช่คนโง่งม! นึกถึงตอนนั้นกว่าหวางชวนจะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ก็เปลืองสมองคิดวางแผนไปตั้งเท่าไร แล้วยังต้องปะทะกับผู้อื่นทั้งด้านสติปัญญาความสามารถและความกล้าไปตั้งขนาดไหนถึงจะมีวันนี้ได้ ความเฉลียวฉลาดและความเ้าเล่ห์ของคนผู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มอันธพาลน่าไม่อายเช่นพวกตระกูลเฉินจะมาเทียบได้
ข้อสรุปที่คนตระกูลเฉินคิดกันมาทั้งคืนนั้น หวางชวนคิดออกั้แ่ตอนที่รู้ข่าวว่าเฉินเปิ่นฉีและลูกชายของเขาตายแล้ว เทียบกับความเืเย็นของเฉินเค่อแล้ว หวางชวนนั้นเรียกได้ว่าเศร้าโศกเสียใจอย่างแท้จริง เขามีทายาทเพียงคนเดียว วันนี้กลับต้องมาตายเสียแล้ว เ้าพวกสิงสาราสัตว์ที่ใกล้ตายที่แอบซ่อนอยู่ในนรกพวกนั้นแน่นอนว่าคงไม่คิดอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อไป และคงคิดจะคลานขึ้นมาดื่มเืกินเนื้อเขาอยู่ตลอดเวลา
แต่ว่ามดปลวกพวกนี้...หวางชวนล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตา เขาสนใจแค่ผลกระทบและโอกาสที่สองเื่นี้จะนำมาให้เท่านั้น
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาเย็น หวางชวนก็สามารถข่มอารมณ์ลงได้ ความโศกเศร้าถึงแม้จะมีมาก แต่เทียบกับความโศกเศร้าแล้ว ที่สำคัญว่าก็คือ...เื่นี้จะจัดการอย่างไร? นายน้อยของเฉินหวางทั้งสองตระกูลตายแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็เื่ใหญ่ ทั้งยังเป็เื่ดีที่จะใช้เป็โอกาสได้! ตอนนี้ที่ต้องสนใจก็คือจะใช้ประโยชน์จากเื่นี้เพื่อทำลายความสงบเงียบของแผ่นดินใหญ่นี้อย่างไร และถือโอกาสลากคนมากกว่านี้ลงน้ำ1 ไปด้วย
แววตาของหวางชวนแหลมคมวาววับอย่างประหลาด แฝงไปด้วยความละโมบทะเยอทะยานที่ยากจะกดเอาไว้ได้ ยิ่งทำให้ดูเกรี้ยดกราดมากขึ้น
ตระกูลหวางก็ดี ภาคตะวันตกก็ดี แต่ในสายตาของเขาก็ล้วนเป็เพียงแค่เรือลำน้อยเท่านั้น ที่เขา้ามาตลอดไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่เป็...ทั้งแผ่นดินใหญ่
เขาคิดว่าสติปัญญาความสามารถและความกล้าของเขานั้นล้วนมีไม่แพ้ผู้ใดในแผ่นดินใหญ่นี้แม้แต่คนเดียว เขา้าจะเป็าาของโลกใบนี้และทุกสรรพชีวิตที่นี่!
ลากคนลงน้ำ1(拉人下水)หมายถึงลากผู้อื่นมาทำเื่ชั่วช้าด้วยกัน
