เมื่อได้ยินคำพูดแม่นมหนิงต้วนชิงิก็ฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น สายตาของนางจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่างพยายามนึกหน้าตาของไป๋หย่วนฮ่าวน่าเสียดายที่ไม่ว่านางจะพยายามสักแค่ไหนก็เห็นแต่เพียงใบหน้าอันหล่อเหลาที่คลุมเครือของเขาและยังเห็นภาพเืสาดแผ่ขยายออกไป
เมื่อนึกถึงไป๋หย่วนฮ่าวนางก็ไม่มีทางที่จะไม่คิดถึงบุตรสาวบุตรชายที่ตายไปอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถ้าไม่ใช่ว่าไป๋หย่วนฮ่าวรักอนุและ้ากำจัดภรรยาเอกให้ต้วนอวี้หรานทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ นางจะตายได้อย่างไร?
ไป๋หย่วนฮ่าว! ชาตินี้นางจะไม่มีวันแต่งเข้าจวนไป๋เด็ดขาดในเมื่อชาติที่แล้วเ้ารักต้วนอวี้หราน ในชาตินี้ข้าจะให้เ้าทั้งสองได้สมหวังกัน
ต้วนชิงิยังจำได้ดีเมื่อชาติที่แล้วไป๋หย่วนฮ่าวก็เคยมาพักที่จวนต้วนเป็เวลาสั้นๆเพื่อเข้ามาร่ำเรียนหนังสือในเมืองหลวงน่าเสียดายที่ฮูหยินไป๋อนุญาตให้เขาอยู่ได้แค่ระยะเวลาสั้นๆแล้วต้องจำใจจากเมืองหลวงไปอย่างไม่เต็มใจ นางยังจำได้ถึงตอนนี้ว่าตอนที่เขาจะจากไปนางร้องไห้เป็เผาเต่า ต้วนอวี้หรานกลับมองนางว่าไร้สาระถ้าชาตินี้ได้เจอกันอีกครั้งต้วนชิงิคนนี้จะไม่เสียน้ำตาให้คนที่ชื่อไป๋หย่วนฮ่าวแม้แต่หยดเดียว!
แต่นางไม่รู้ว่าการกลับชาติมาเกิดใหม่ในครั้งนี้เื่ราวต่างๆ จะเปลี่ยนไปจากชาติที่แล้วอย่างไรยิ่งไม่รู้ว่าไป๋หย่วนฮ่าวจะเป็เหมือนชาติที่แล้วหรือไม่เขาจะมาอยู่ที่จวนต้วนในระยะเวลาสั้นๆ แล้วต้องจากไปอีกหรือไม่?
ทว่าดูเหมือนไม่ใช่สาระสำคัญที่นางต้องใส่ใจ
ใช่แล้ว! เป็เพราะความปรารถนาสุดท้ายของท่านแม่ ชาติที่แล้วนางจึงยอมแต่งเข้าจวนไป๋แต่ผลที่ได้ไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตนางและน้องชายต้องตายยังทำให้บุตรของนางต้องตายไปด้วยดังนั้นเื่นี้นางไม่มีทางลืมและไม่มีวันให้อภัยรวมทั้งจะไม่กลับไปเลือกทางเดินเหมือนที่ผ่านมา
แม่นมหนิงพูดโน้มน้าวตลอดว่าอยากให้ต้วนชิงิคว้าโอกาสนี้ไว้คว้าโอกาสมัดใจไป๋หย่วนฮ่าวเพื่อที่อนาคตนางแต่งไปจวนไป๋แล้วจะได้รับความรักและชีวิตที่ดี
ทว่าน่าเสียดายต้วนชิงิได้แต่ฟังเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
แม่นมไป๋คิดว่าต้วนชิงิเป็เด็กน้อยที่ขี้อายแต่เมื่อแม่นมหนิงเงยหน้าขึ้นมาเห็นถึงกับชะงักไปเพราะสิ่งที่เห็นคือสายตาของต้วนชิงิมองไปที่ห่างไกลทำเหมือนฟังคำพูดของบ่าวแต่กลับฟังไม่เข้าหู
แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับในฤดูใบไม้ร่วงได้สาดแสงลงมากระทบที่ร่างของนางแต่นางกลับดูเหมือนถูกความเสียใจห้อมล้อมไว้หนาแน่น ในดวงตาฉายแววแห่งความโศกเศร้าราวบุปผามากมายร่วงหล่นจนหมดสิ้น ดุจหิมะที่ตกลงมาจนทำให้คนมองไม่ชัดััได้แต่ความหนาวเหน็บ
ไม่รู้ว่าเหตุใดแม่นมหนิงจึงตากระตุกเมื่อเห็นแววตาของต้วนชิงิ ทำให้นางเอ่ยเรียกเสียงเบา
“คุณหนู… คุณหนูเ้าคะ”
แม่นมหนิงเรียกอยู่หลายครั้งกว่าต้วนชิงิจะได้สติกลับมาใบหน้าเรียวเล็กที่ซีดขาวของนางมองไปยังแม่นมหนิง พลันหัวเราะแห้งขึ้นมา
“แม่นม ถ้าหลิวหรงอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้พวกนางทำไปเถอะข้าจะไม่เข้าไปแย่งด้วย” นางมองเห็นความผิดหวังในดวงตาของแม่นมหนิงนางจึงหัวเราะอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเปลี่ยนไป
นางรู้ว่าแม่นมหนิงดีกับนางทว่านางอยากจะบอกแม่นมเหลือเกินว่าของที่ไม่ได้เป็ของนางต่อให้ไปแย่งไว้กับมือแล้วจะไม่ลื่นหลุดออกจากมืออย่างนั้นหรือ? เช่นเดียวกับสิ่งที่ไม่เคยมีกลับมี สิ่งที่มีกลับมลายหายไปมันจะเป็แบบนี้กลับไปกลับมามิใช่หรือ?
เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนชิงินางถึงกับพูดอะไรไม่ออก อีกทั้งนางยังเป็แม่นมของฮูหยินติงโหรวหลังจากที่ฮูหยินติงโหรวเสียชีวิต แม่นมหนิงก็สงสารต้วนชิงิที่ต้องอยู่อย่างลำพังดังนั้นจึงปฏิเสธความปรารถนาดีที่จวนติงจะรับตัวกลับบ้านเกิดนางเลือกที่จะอยู่ข้างกายต้วนชิงิ
พูดได้ว่านางก็อยู่ข้างกายต้วนชิงิั้แ่อายุห้าขวบจนถึงตอนนี้ก็สี่ปีเต็มแล้ว แต่ก่อนนางคิดว่าตัวเองเข้าใจคุณหนูทุกอย่างไม่ว่าคุณหนูคิดอะไร อยากได้อะไรนางมองแค่ครู่เดียวก็เข้าใจแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ความคิดของคุณหนูเปลี่ยนไป กลับรู้สึกว่าโตขึ้นจากตอนนั้นเป็ต้นมา นับวันนางยิ่งไม่เข้าใจ
“คุณหนู บ่าวมีเื่หนึ่งที่แม้ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจทำไมวันนั้นคุณหนูถึงยอมปล่อยแม่นมเถียนเ้าคะ?” เมื่อถามออกมาแล้วทำให้รู้สึกโล่งใจคำถามนี้อยู่ในใจของแม่นมหนิงมานาน
แม่นมเถียนดูแลเรือนหนิงซูเยี่ยนไม่ใช่แค่วันสองวัน ตอนนี้แม่นมหนิงมองแม่นมเถียนในฐานะของแม่นมของต้วนชิงิจึงยอมมาโดยตลอดแต่แม่นมเถียนกลับใช้เล่ห์เหลี่ยมเ่าั้ นางจึงทำได้เพียงลืมตาข้างหลับตาข้างเพื่อรอวันที่ต้วนชิงิเติบโตอย่างปลอดภัย
แม่นมเถียนมีนิสัยประจบสอพลอทั้งยังเล่ห์เหลี่ยมเ่าั้แม่นมหนิงเหยียดหยามการทำเช่นนั้น แต่นางไม่เข้าใจนางรู้ว่าภายในใจของต้วนชิงิไม่ได้รักใคร่แม่นมเถียนเหมือนที่แสดงออกมาแต่ทำไมครั้งนี้นางกลับให้อภัยและยอมปล่อยแม่นมเถียนไปสิ่งนี้ทำให้แม่นมหนิงไม่เข้าใจเป็อย่างยิ่ง
เมื่อได้ฟังคำพูดของแม่นมหนิงต้วนชิงิจึงหัวเราะออกมา นางมองไปยังแม่นมหนิง
“แม่นมเถียนเป็คนของหลิวหรง ครั้งนี้ยังถูกนางตอกย้ำซ้ำเติมอีกในใจคงเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดในเมื่อแม่นมเถียนเกลียดหลิวหรงถ้าเช่นนั้นก็คงหาวิธีในการแก้แค้นนางชีวิตของแม่นมเถียนไม่ได้มีค่ามาก ถ้าตีให้ตายหลิวหรงจะใช้เป็ข้ออ้างในการทำลายชื่อเสียงข้าข้าจึงปล่อยแม่นมเถียนเอาไว้ให้คอยสร้างปัญหาให้กับหลิวหรงปล่อยให้พวกหมามันกัดกันเองไม่ดีกว่าหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แม่นมหนิงก็ก้มหน้าลงไปพูดด้วยความละอายใจ “เป็คุณหนูที่คิดได้อย่างรอบคอบ” คำพูดจากใจแม้แต่บ่าวอย่างนางก็ยังคาดไม่ถึงเลย
เมื่อก่อนนางจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นได้ฟังจากหูเท่านั้น แต่ตอนนี้นางพบว่านั่นเป็สิ่งที่อาจไม่ถูกต้องเสมอไปบางครั้งสิ่งที่เห็นอาจไม่จริง ส่วนสิ่งที่ได้ยินก็อาจเป็สิ่งที่คนอื่นตั้งใจทำไว้มีเพียงหัวใจของตัวเองที่จะไม่หลอกตัวเอง
เมื่อคิดถึงชาติที่แล้วที่ใช้ชีวิตอย่างไร้สาระไปมากกว่าครึ่งต้วนชิงิจึงถอนหายใจมองไปยังแม่นมหนิง พูดนิ่งๆ
“ดังนั้นนางในตอนนี้เมื่อมีทางให้เดินก็เดินตามทางเมื่อใดที่ไม่มีทางเดินแล้วก็จะเดินตามเสียงของหัวใจตนเอง”
มีทางก็เดินตามทางไม่มีทางก็เดินตามเสียงของหัวใจ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นแม่นมหนิงจึงหันมองต้วนชิงิด้วยความไม่คุ้นพลางถอนหายใจยาวด้วยความเข้าใจในทันทีว่าคุณหนูของนางโตแล้ว
โตเป็ผู้ใหญ่ไม่ได้หมายถึงอายุที่มากขึ้นและส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นเสมอไป กลับเป็การมองโลกอย่างเข้าใจทะลุปรุโปร่งรวมทั้งอีกสิ่งก็คือไม่ว่าจะพบเจออะไรตอนไหน จิตใจจะมีความแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ถ้าถามจากใจคุณหนูที่อายุเพิ่งจะครบเก้าปีสามารถที่จะเข้าใจโลกได้อย่างชัดเจนเช่นนี้เป็สิ่งที่ดีแน่หรือ?
แม่นมหนิงมีความเสียใจความเข้าใจ และความละอายใจ ได้แต่ก้มหน้าลงไปหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดที่หางตา
“คุณหนู เื่ทั้งหมดเป็ความผิดของบ่าวที่ไม่สามารถปกป้องคุณหนูได้”เป็เพราะนางปกป้องคุณหนูไม่ดีทำให้คุณหนูต้องเสียแรงกายแรงใจไปเพียงนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นมหนิงทางด้านต้วนชิงิฝืนยิ้ม
“เช่นนั้นแม่นมโปรดจำไว้ว่า ขอเพียงแม่นมดูแลตัวเองดีๆก็ถือว่าเป็การช่วยที่ดีมากแล้ว!” แม่นมหนิงรู้หรือไม่ว่าเมื่อชาติที่แล้วเป็นางที่ไปฟังคำพูดเลวร้ายของแม่นมเถียนจึงทำร้ายท่าน เช่นนั้นในชาตินี้นางจะให้เป็แบบเดิมไม่ได้ ขอเพียงแม่นมอยู่อย่างสบายให้นางได้ชดใช้ในสิ่งที่ชาติที่แล้วติดค้างไว้ ถือว่านี่เป็ความสุขที่สุดของนาง
ต้วนชิงิได้รับบัตรเชิญจากตำหนักติ่งกั๋วกงนางถึงกับใทำอะไรไม่ถูกเห็นเพียง้าที่เขียนชัดเจนว่าเชิญคุณหนูใหญ่จวนต้วนเข้าร่วมงานชมบุปผาที่ตำหนักติ้งกั๋วกง
ติ้งกั๋วกงเป็ที่พำนักของเสิ่นกุ้ยเฟย
เสิ่นกุ้ยเฟยเป็ตำแหน่งสนมเอกหนึ่งในสี่รองจากฮองเฮา ได้ยินมาว่าเมื่อนางอายุยังน้อยได้ชื่อว่ามีความสามารถหลังจากเข้าวังก็เป็คนโปรดมากที่สุดเพียงคนเดียวในวังหลัง
นามนี้ต้วนชิงิได้รับคำเชิญไปจวนติ้งกั๋วกงไม่พูดก็เข้าใจได้ว่าที่นั่นต้องมีอะไรให้ประหลาดใจ