แผ่นดินกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีแท่นบูชาขนาดั์ตั้งตระหง่านอยู่ รอบๆ มีแปดกระดูกัขนาดั์ที่ยาวเป็หมื่นจั้งวางอยู่ทั้งสี่ทิศรอบแท่นบูชาที่สูงตระหง่านราวกับเป็เทพผู้พิทักษ์
เซียวหลิงอวิ๋นที่ฟื้นคืนสติมา ต้องใที่พบว่าตัวเองยืนอยู่บนแท่นบูชาั์นี้
ที่ด้านหน้ามีบันไดที่ยาวเหยียดประมาณแปดสิบเอ็ดขั้น บนนั้นมีเก้าอี้สีดำและโปร่งใสราวกับหยกดำอยู่ และที่ข้างเก้าอี้ยังมีชั้นวางของที่ทำจากหยกดำชั้นดีเช่นกัน บนชั้นวางนั้นมีดาบยาวสีแดงสดวางอยู่
จากระยะไกลเซียวหลิงอวิ๋นเพียงแค่เหลือบมองดาบสีแดงเล่มนั้น ดวงตาของเขาก็รู้สึกแสบร้อนราวกับถูกไฟเผา
จึงรีบหันสายตาหนีจากดาบนั้นและหันไปมองรอบๆ ทันที แล้วสายตาของเซียวหลิงอวิ๋นก็ถูกัั์ทั้งแปดที่นอนยาวเหยียดอยู่ดึงดูดเข้า
หัวใจของเขาถึงกับสั่นสะท้าน!
แปดั์!
แท่นบูชานี้ถูกล้อมรอบด้วยแปดั์ เช่นนั้นบัลลังก์หยกดำนี้จะเป็ของเทพองค์ใดกัน?
ัถือเป็สัตว์เทพแห่งแดน์ แล้วยิ่งแปดั์ที่มีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับสูงสุดในเผ่าพันธุ์ั นอกเสียจากจะเป็เทพัผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีใครอีกที่จะทำให้แปดั์ยอมสยบได้?
ทันใดนั้นเองข้อมูลที่เขาเคยได้เห็นโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อนก็แวบเข้ามาในหัว
นี่ไม่ใช่ความลับสุดยอดของเผ่าัหรอกหรือ แท่นบูชาที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยเหล่าบรรพบุรุษัที่หายสาบสูญไปเมื่อแปดล้านปีก่อน และแปดั์ที่ล้อมรอบแท่นบูชาลึกลับนี้ก็คือแปดั์ที่หายสาบสูญไปพร้อมกับเขา
เมื่อมองไปที่เก้าอี้หยกดำอีกครั้ง แม้แต่เซียวหลิงอวิ๋นก็ยังอดไม่ได้ที่จะมีประกายปรากฏอยู่ในดวงตา
จริงด้วย นี่น่าจะเป็บัลลังก์สูงสุดของเผ่าัที่สาบสูญไปนานแล้ว ‘บัลลังก์ัหยกโกลาหล’ และดาบสีแดงเล่มนั้นก็น่าจะเป็ ‘ดาบบรรพชนั์เร้นลับ’ ที่เหล่าบรรพบุรุษัได้หลอมขึ้นจากหยกโกลาหล ถือเป็ของวิเศษที่หายากมากของทั่วทั้งแดน์
แม้ว่าเซียวหลิงอวิ๋นจะเคยเป็ถึงราชันเทพในชาติก่อน แต่เขาก็ยังไม่เคยมีของวิเศษในระดับนี้มาก่อน
แม้ว่าหัวใจของเซียวหลิงอวิ๋นจะเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น แต่เขาก็ไม่ได้ขาดสติไป ของวิเศษในระดับนี้ อย่าว่าแต่ระดับพลังยุทธ์ในปัจจุบันของเขาเลย ต่อให้ตัวเขาได้ขึ้นสู่แดน์เบื้องบนได้ แต่หากตัวเขายังไม่บรรลุจนเท่ากับชาติก่อนแล้ว ก็อย่าคิดหวังจะได้แตะของวิเศษในระดับนี้
การปรากฏตัวของดาบบรรพชนั์เร้นลับ และซากแปดั์นี้ก็ได้กระตุ้นความมั่นใจและความทะเยอทะยานของเซียวหลิงอวิ๋นที่อยากจะทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
แล้วตัวเขาก็เริ่มทำการสำรวจบัลลังก์ลึกลับที่อาจเป็ที่ตั้งของบรรพบุรุษั พบว่าพลังิญญาในอากาศของที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก เพียงแค่สูดดมเข้าไปเบาๆ ก็ทั้งรู้สึกปลอดโปร่งและรู้สึกราวกับวังปราณในกายของเขาได้ขยายตัวออกเล็กน้อย ปรากฏการณ์แปลกๆ นี้เกิดจากการที่พลังิญญาในอากาศของที่นี่บริสุทธิ์มากจนแทบไม่ต้องผ่านการชำระล้างใดๆ ไหลเข้าสู่วังปราณในกายได้ทันที!
แล้วดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นสว่างวาบ พลังิญญาในอากาศทั้งหมดที่เขาได้ดูดซับมาก่อนหน้านี้ได้ถูกใช้ไปจนหมดกับการเปิดวังปราณชั้นที่สามในกายของเขาไปแล้ว หมายความว่าตอนที่ตัวเขาเข้ามาสู่พื้นที่แปลกประหลาดนี้ วังปราณทั้งสามชั้นในกายของเขากำลังว่างเปล่า
หาก้าเติมเต็มวังปราณในกายทั้งสามชั้นด้วยพลังิญญา ตามมาตรฐานของอาณาจักรซินโยว หลังจากที่กลายเป็ผู้ใช้พลังิญญาแล้ว ผู้ใดที่สามารถขดพลังิญญาได้ถึงสามขดภายในหนึ่งปี ก็นับเป็อัจฉริยะที่น่าทึ่ง
ดังนั้นฉินหรูเยียนจึงถือเป็อัจฉริยะ เป็อัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในอาณาจักรซินโยว
และในเวลานี้เซียวหลิงอวิ๋นก็มีแนวโน้มว่าจะเป็อัจฉริยะที่เหนือกว่าฉินหรูเยียน
เพราะจากประสบการณ์ของเขา เมื่อพิจารณาจากระดับความอุดมสมบูรณ์และความบริสุทธิ์ของพลังิญญาในอากาศในโลกต่างแดนนี้ ตัวเขาใช้เวลาแค่เพียงสิบวันก็สามารถเติมเต็มวังปราณในกายทั้งสามชั้นด้วยพลังิญญาที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง จากนั้นก็จะสามารถใช้พลังนี้เพื่อเปิดชั้นที่สี่ของวังปราณในกายได้
ตัวเขาที่อยากสำรวจจึงคิดจะออกเดินดูรอบๆ แต่เซียวหลิงอวิ๋นที่เพิ่งก้าวเท้าออกไปได้ไม่ทันไรก็ต้องใที่พบว่าเท้าของเขาดูเหมือนถูกพลังลึกลับบางอย่างเหนี่ยวรั้งเอาไว้ อย่าว่าแต่การก้าวเท้าเลย แม้แต่จะขยับตัวก็ยังทำไม่ได้
ตัวเขารู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันใด พลังิญญาในกายยังคงไหลเวียน และยังใช้พลังิญญาได้ตามปกติ
พลังิญญาที่บริสุทธิ์ถูกกระตุ้นให้ทำงาน เมื่อลองก้าวเท้าอีกครั้ง เท้าก็เหมือนถูกหยั่งรากลึกลงไป แน่นิ่งไม่ไหวติง!
หืม!
ดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นฉายแววประหลาดใจ เปิดใช้พลังกายค้อนสำริดให้ทำงาน ทุ่มพลังทั้งหมดไปที่เท้าขวา
“กรอดดดดดด!” ที่เท้าส่งเสียงดังชวนให้คนที่ได้ยินต้องเสียวฟัน! เข่าค่อยๆ งอได้ แต่ที่ฝ่าเท้ายังดูเหมือนจะยังคงติดแน่นกับแท่นบูชา ไม่สามารถดึงแยกออกมาได้เลย
หลังจากที่พยายามอยู่พักใหญ่ ทั้งกล้ามเนื้อและกระดูกของขาซ้ายและขาขวาแทบจะฉีกขาด เซียวหลิงอวิ๋นก็ยังก้าวเท้าไม่ออก
แต่ที่น่าแปลกคือ นอกจากเท้าทั้งสองข้างที่ขยับไม่ได้แล้ว ทั้งศีรษะ ตา คอ มือ และอวัยวะส่วนอื่นๆ ล้วนสามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด
สถานที่แห่งนี้ช่างน่าประหลาดนัก!
เนื่องจากขยับไปไหนไม่ได้ งั้นมองดูรอบๆ แทนก็ได้!
แปดั์ อ๊ะ ไม่สิ ต้องเป็แปดัที่แท้จริงสิ เพราะหลังจากที่บรรพชนัหายสาบสูญไปพร้อมกับแปดั์เหล่านี้ เผ่าัจึงแต่งตั้งัแปดตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าั ถัดจากั์ให้ขึ้นเป็แปดั์รุ่นต่อมา เพื่อเป็การระลึกถึงบรรพชนจึงถูกเรียกกันว่าั์ หากแต่ไม่ใช่ั์ตัวจริง!
แปดั์ตัวจริงนั้น ทั้งลักษณะ และท่าทางล้วนแตกต่างกัน!
เมื่อมองไปยังัั์ทั้งแปดตัวที่สูญสิ้นชีวิตไปแล้วและเหลือเพียงโครงกระดูกขนาดใหญ่ ดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นไปอีก
หลังจากผ่านไปเป็เวลานาน เขาก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่าทางจะแตกต่างกัน และแต่ละท่าทางก็ล้วนมีความหมายลึกซึ้งในตัวมันเอง เดิมทีัั์ทั้งแปดตัวนี้ได้ใช้จิติญญาที่ไม่ยอมแพ้ของพวกมัน ทำให้กระดูกของพวกมันยังคงสามารถสืบทอดความลับของเผ่าัต่อไปได้ ‘เคล็ดวิชาแปดัแท้’
เมื่อคำว่า ‘เคล็ดวิชาแปดัแท้’ ปรากฏขึ้นในหัวของเซียวหลิงอวิ๋น!
พลันเกิดเสียงดังสนั่น!
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งในหัวของเซียวหลิงอวิ๋น!
เมื่อเซียวหลิงอวิ๋นได้สติคืนกลับมาอีกครั้ง ตัวเขาก็พบว่าตัวเองได้ออกมาจากพื้นที่แปลกประหลาดแห่งนั้นแล้ว แต่ในหัวของเขากลับมีพลังพิเศษหนึ่งปรากฏขึ้น ‘หัตถ์ัฟ้า’!
เซียวหลิงอวิ๋นรับรู้โดยสัญชาตญาณว่านั่นคือสิ่งที่แปดัแท้จริงตัวแรก ที่ปกป้องแท่นบูชาอยู่ทางด้านซ้ายเป็คนมอบให้!
‘หัตถ์ัฟ้า’ มีทั้งหมดสามระดับ
ระดับที่หนึ่ง: หัตถ์ภูผา
ระดับที่สอง: หัตถ์ัซ่อนเร้น
ระดับที่สาม: หัตถ์ัฟ้า
แต่ละระดับจะแบ่งออกเป็สี่ขั้นได้แก่ ขั้นต้น ขั้นสำเร็จเล็กน้อย ขั้นสำเร็จมาก และขั้นสมบูรณ์!
‘หัตถ์ัฟ้า’ นี้มีทั้งหมดสามระดับสิบสองขั้น สามารถใช้ฝึกได้ั้แ่ระดับผู้ใช้พลังิญญาไปจนถึงระดับจ้าวิญญาเลย!
‘เคล็ดวิชาแปดัแท้’ มีทั้งหมดแปดกระบวนท่า และแต่ละกระบวนท่าจะมีหนึ่งถึงสามระดับ และ ‘หัตถ์ัฟ้า’ นี้เป็แค่เพียงกระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชาแปดัแท้ ที่ยิ่งฝึกฝนก็ยิ่งทรงพลัง! เป็วิชาลับสุดยอดของเผ่าั
ตอนที่ได้เข้าสู่แดนลึกลับเป็ครั้งแรก เซียวหลิงอวิ๋นก็ได้รับพลังพิเศษที่น่าทึ่งอย่างหัตถ์ัฟ้ามา ที่สำคัญที่สุดคือยังมีอีกเจ็ดกระบวนท่าที่ทรงพลังยิ่งกว่า ทำให้เซียวหลิงอวิ๋นลืมจนรู้สึกเสียดายไปเลยว่าวังปราณในกายของเขามีพลังิญญาเหลือแค่เพียงหนึ่งในสามของความจุในชั้นแรกเท่านั้น!
เมื่อจิตใต้สำนึกของเซียวหลิงอวิ๋นออกมาจากพื้นที่แปลกประหลาดนั้น พลังิญญาในอากาศที่ดึงดูดมาก่อนหน้าก็ค่อยๆ กระจัดกระจายหายไป ก้อนเมฆก็จางหายไปด้วย ทำให้แสงแดดอันสดใสในยามเช้าแผ่เข้าปกคลุมสำนักิญญาเมฆาอีกครั้ง
ฟิ่ว!
ทั้งสี่คนก็ปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ในแทบจะเวลาเดียวกัน ลงมาอยู่ข้างๆ เซียวหลิงอวิ๋นราวกับมีความคิดแบบเดียวกัน เมื่อเซียวหลิงอวิ๋นลืมตาขึ้นก็พบกับดวงตาสี่คู่ที่เปล่งประกายราวกับเพชร
