Trigger/Content Warning List:
Abuse (physical, mental, emotional, verbal, sexual)
Excessive or gratuitous violence
ความนิ่งเงียบผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดเหลียงหานก็ลุกขึ้น ร่างโปร่งสูงหนึ่งเมตรแปดสิบห้าเิเบดบังแสงไฟ เงานั้นปกคลุมร่างเล็กของเจี่ยงหยวนทั้งตัว
นัยต์ตาของเขาดำดุจสีหมึก ราวกับไม่ให้แสงใดพาดผ่านเข้าไปได้ เนื่องจากเขาสะกดอารมณ์ตัวเองมากเกินไป ตอนนี้ขมับเขาจึงปรากฏเส้นเืปูดออกมา ดวงตาเห็นเส้นเืฝอยชัด ทำให้ดูดุร้ายขึ้นมากทีเดียว
เขากัดฟันถามทีละคำ จนแทบจะคำราม “แม่บอกว่าเขาไม่ใช่คนหลอกลวง ถ้าอย่างนั้นทำไมตอนที่เขาเห็นแม่ถูกพ่อทำร้ายร่างกาย เขาถึงไม่ยอมออกมาปกป้อง? ทำไมเขาไม่มีความกล้าหาญที่จะพาแม่ออกจากบ้านหลังนี้? ตอนที่แม่ได้รับความเ็ปจากการทารุณ เขาหายหัวไปอยู่ที่ไหน?”
“แม่บอกว่าเขารักแม่? ถ้าเขารักแม่ เขาจะยอมทนดูแม่ทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? หากเขารักแม่จริง ก็น่าจะรวบรวมความกล้ามาแย่งแม่ไปจากพ่อ ออกไปจากที่นี่! ตั้งห้าปีมาแล้ว เขากลับไม่ยอมทำอะไรก็แสดงว่าเขามันก็แค่ไอ้ปลิ้นปล้อน! ไร้ประโยชน์! เขาไม่คู่ควรแม้แต่จะบอกว่ารักแม่ด้วยซ้ำ!”
เพียะ!
เสียงตบดังฉาดก้องห้องรับแขก เหลียงหานถูกเจี่ยงหยวนตบเข้าเต็มๆ เพราะน้ำหนักมือที่แรงมาก ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มจึงแดงและบวมในทันใด
“ฉันไม่ยอมให้แกว่าร้ายพี่เฉินว่าเป็คนปลิ้นปล้อน! เขารักฉัน! เขาบอกว่าเขารักฉัน!” เจี่ยงหยวนถลึงตา หายใจเสียงดัง ปอดขยายเข้าออก ร่างกายสั่นเทา ดูออกว่าโกรธจนตัวสั่น
เหลียงหานกุมหน้าที่ถูกตบ ท่วงท่าหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ หันหัวกลับมา
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ดวงตาของเขาแดงไปทั้งเบ้าแล้ว
ความเ็ปสิบกว่าปีที่ผ่านมาโหมกระพรืออยู่ในใจ เหลียงหานในตอนนี้ถอดเกราะที่แสร้งทำเป็เข้มแข็ง เปิดเผยความเ็ปชอกช้ำทั้งหมดต่อหน้าเจี่ยงหยวน
เขากลืนน้ำลายหลายหน แต่ก็สุดจะกลืนความน้อยเนื้อต่ำใจนี้ลงไปได้
“แม่ฮะ ในสายตาแม่ นอกจากผู้ชายคนนั้นแล้ว ก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้วทั้งนั้นใช่ไหม?”
เสียงของเขาแหบพร่าเจือสะอื้น แต่ยังดึงดันไม่ให้น้ำตาหลั่งรินออกมา “แม่ ผมเป็ลูกแท้ๆ ของแม่นะ ทำไมแม่ไม่ยอมมองมาที่ผมบ้าง เชื่อผมสักครั้งเถอะ”
“ผมรู้ว่าแม่เกลียดผม ผมทำลายชีวิตของแม่ หากไม่มีผม แม่คงไม่ต้องโชคร้ายแบบนี้”
“แต่ว่า ผมก็เป็คนนะ…...แม่ ผมก็เ็ปเป็นะ…...”
“แม่รู้หรือเปล่า คืนที่พ่อเกือบจะบีบคอผมตาย แม่ออกมาช่วยขวางเขา ผมดีใจแค่ไหนรู้บ้างไหม? ตอนนั้นผมคิดว่า แม่ก็ยังใส่ใจผมอยู่บ้าง ยังยอมรับลูกชายคนนี้ แต่ว่า ตอนนี้…...”
“ฉันไม่มีลูกชายอย่างแก!” เจี่ยงหยวนขัดขึ้น แล้วด่าต่อ “ในสายตาฉัน แกมันเป็ความเสื่อมเสียในชั่วชีวิตของฉัน! วันนั้นฉันคงบ้าไปแล้วที่ไปขวางไอ้คนแซ่เหลียงนั่น พวกแกสองคนสมควรตายไปให้หมด!”
“ฮ่า ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะ!” คิดถึงอะไรนะ ทันใดนั้นเธอก็จับผมตัวเอง กระทืบเท้าแล้วะโอย่างบ้าคลั่ง “ถ้าให้มันบีบคอแกให้ตาย แล้วฉันไปแจ้งความให้ตำรวจวิสามัญมันเสีย เท่านี้ฉันก็จะเป็อิสระอย่างเต็มที่ ทำไมตอนนั้นฉันถึงคิดไม่ได้นะ! อ้า ให้ตายสิ! ฉันจะบ้าตาย!! ”
เห็นทีอาการคลั่งของเธอน่าจะกำเริบอีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำ คว้าคอเสื้อเหลียงหานไว้ แววตาโเี้เหมือนอยากจะจับเหลียงหานฉีกออกเป็ชิ้นๆ
“แก ควร ตาย ไป ซะ! ตายไปพร้อมกับไอ้เฮงซวยนั่น! !”
*
ทันใดนั้น อวี๋มู่ก็รู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง เขาถามระบบ : เ้าระบบ พวกเขาคุยกันอะไร? เหลียงหานเป็ยังไงบ้าง?
ครั้งนี้ระบบเงียบไปนาน ก่อนเอ่ย [พวกเขา…...ทะเลาะกันรุนแรงมากครับ เจี่ยงหยวนบอกให้เหลียงหานไปตาย]
“หา? ” อวี๋มู่ทนนอนอีกต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาลุกขึ้นนั่ง เกาหัวอย่างหงุดหงิด “มารดาประสาทเสีย…...”
พูดได้ครึ่งเดียว ก็นึกขึ้นได้ว่า แต่ก่อนเจี่ยงหยวนก็เคยเป็โรคประสาทมาก่อนจริงๆ สติไม่ได้ครบถ้วนอยู่แล้ว เขาต่อยไปที่หมอน อีกทั้งยังด่าใครเพื่อระบายไม่ได้อีก เขารู้สึกอึดอัดจนจะบ้า
“จึ๊!” เขาเปิดไฟ คว้าบุหรี่ขึ้นมาจุด ดูดเข้าไปเต็มปอด ค่อยข่มอารมณ์หงุดหงิดลงได้บ้าง
“ระบบ ตอนนี้อารมณ์ของเหลียงหานเป็ยังไงบ้าง?”
อวี๋มู่รู้ว่าตอนนี้กำลังใช้ระบบเป็สายสืบข้อมูล เพราะหากจู่ๆ โผล่ไปบ้านเหลียงจะดูเป็เื่แปลก
แต่เขาพอนึกได้ว่าเหลียงหายจะรู้สึกแย่แค่ไหนตอนที่ได้ยินเจี่ยงหยวนพูดแบบนั้น
เหลียงหานศรัทธาแม่เปรียบเสมือนลมหายใจของชีวิต แลกด้วยชีวิตเพื่อปกป้องหล่อน แค่เพราะเจี่ยงหยวนชอบดอกไม้ เขาถึงกับเก็บหอมรอมริบเป็เวลานานกว่าจะซื้อดอกไม้ได้ช่อใหญ่ขนาดนั้น
เขาคาดหวังว่าจะได้รับเศษความรักจากแม่บ้าง ขอเพียงเล็กน้อย ก็สามารถมีความสุขได้เป็เวลานาน
แต่เจี่ยงหยวนล่ะ? หล่อนเคยใส่ใจความรู้สึกของเหลียงหานบ้างหรือเปล่า?
หล่อนเพียงแต่โกรธเกลียดที่เหลียงหานทำลายอนาคตหล่อน แต่กลับมองไม่เห็นถึงความดีที่ลูกชายทำให้เธอ มองไม่เห็นแม้แต่นิด
*
เหลียงหานเดินออกมาจากบ้าน สวมไว้เพียงเสื้อไหมพรมตัวเดียว ไม่ได้ใส่แจ็คเก็ต
เดิมทีเขาก็ขี้หนาวอยู่แล้ว ยิ่งถึงฤดูหนาวยิ่งทรมาน แต่ตอนนี้เขามึนงงสับสน จำเป็ต้องให้ความหนาวเหน็บปลุกสติเขา
ค่ำคืนในฤดูหนาว เขายืนอยู่ตรงสวน ใบหน้าและมือแทบจะแข็งอยู่แล้ว กระดิกแล้วแทบไม่มีความรู้สึก
เขาไม่อยากร้องไห้ แต่หลังจากเม้มปากอยู่หลายรอบ สุดท้ายน้ำตาก็คลอเบ้า ลมพัดมาทั้งเ็ปทั้งทรมาน
แต่เล็กจนโต เขาคิดมาตลอดว่า : ครอบครัว แท้จริงแล้วเป็เช่นไร?
เขาได้ยินนักเรียนพูดถึงครอบครัว เขารู้ว่าครอบครัวน่าจะต้องมีพ่อที่เข้มงวดแต่รักลูก มีแม่ที่อ่อนโยนอบอุ่น พวกเขาจะรักและเคารพซึ่งกันและกัน มีบางครั้งที่มีขึ้นเสียงบ้าง แต่พวกเขาจะรักอีกฝ่ายเสมอ และยังเอ็นดูให้ความรักกับลูกๆ
แต่ครอบครัวเขาล่ะ?
ครอบครัวของเขาคืออะไร?
เหลียงหานมือกุมหน้าอย่างเ็ปใจ
น้ำตาอุ่นๆ ไหลลงผ่านมือเย็น ราวกับน้ำร้อนที่ลวกมือ แต่ไม่อาจเทียบกับความเ็ปใจของเขาได้ คำพูดเฉือนใจของเจี่ยงหยวนก้องในหู ทุกคำพูดทิ่มแทงจิตใจ ทำให้เหลียงหานเ็ปจนแทบหลงลืมการหายใจ
“อึก….ฮะ….ฮะ...อา...” เสียงที่ออกมานั้นทั้งร้อนรนและสั้น ไหล่ของเหลียงหานสั่นเทา กล้ำกลืนความเ็ป พยายามสะกดมันเอาไว้ แต่ก็สะกดไม่อยู่
เขาเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือที่เย็นจนแข็ง ปาดน้ำตาจนหน้าแดง
ดวงตาที่พร่ามัว เขามองเห็นห้องนอนของอวี๋มู่ยังสว่างอยู่ แต่เขาไม่กล้าไปรบกวน เขากลัวว่าครูจะรู้เื่ชั่วที่แม่ทำแล้วรังเกียจเขา
ครอบครัวของเขา คนที่บ้านเขานั้นล้วนน่ารังเกียจ ล้วนสกปรก
และเขาเองก็เป็เช่นนั้น
แต่แรกเริ่มเขาเป็คนที่ไม่มีใครยินดีให้เกิดมายังโลกใบนี้ ั้แ่เล็กก็ถูกพ่อเฆี่ยนตี แม่ชิงชัง เติบโตมาอย่างยากลำบากสิบกว่าปี ในที่สุดก็ได้เจอครู
ครูยินดีที่จะดูแลเขา ยอมช่วยเหลือ และดึงเขาขึ้นจากหุบเหว แต่เขากลับคิดสกปรกกับครู
สิ่งที่ขัดแย้งกับจริยธรรมแบบนั้น ความรักเสมือนคนโรคจิตที่ไม่มีใครยอมรับได้
เทียบกับครูที่อ่อนโยนมีเมตตา เขาก็เหมือนกับหนูสกปรกในท่อน้ำมืด ทั้งมืดมนและโสโครก เพราะคาดหวังแสงจากตะวันมากไป จึงอยากตะเกียกตะกายขึ้นไปคว้าตะวัน ให้ลงมาอยู่ในท่อด้วยกันและเปล่งแสงตะวันให้เขาผู้เดียว
พอได้แล้ว พอซะที
เขาไม่อยากย้อมให้ครูกลายเป็สีดำอีกแล้ว…….
----------------------------------------------------------------------------------------------