ถงอันอันถูกาาอสรพิษซัดปลิว แต่แล้วก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
พลังฝีมือของาาอสรพิษอยู่ระหว่างขอบเขตดวงธาตุทองคำขั้นสูงสุดกับทารกแกนิญญา ถ้าหากหวังเค่อเป็ั์ใหญ่ทารกแกนิญญาก็ไม่ควรที่จะหนีตาลีตาเหลือกไปแบบนั้น การหนีตาลีตาเหลือกคือเครื่องพิสูจน์ว่าก่อนหน้านี้หวังเค่อล้วนพ่นวาจาลวงโลกออกมา?
มันไม่ได้เป็ั์ใหญ่ทารกแกนิญญา? ยิ่งไม่ใช่ไส้ศึกระดับเหรียญทองอะไรนั่น?
“สิ่งที่จูเยี่ยนบอกกับข้าเป็ความจริงหรือนี่? ข้าถูกหวังเค่อหลอกเข้าเต็มเปา?” ถงอันอันเบิ่งตาโตอย่างตะลึง
พอนึกย้อนไปถึงคำอธิบายของจูเยี่ยน สีหน้าของถงอันอันก็ยิ่งอัปลักษณ์ขึ้นทุกที แหกตา ทั้งหมดล้วนเป็เื่แหกตา!
“สวะบัดซบ!” ถงอันอันถลึงตาจับจ้องไปทางทิศที่หวังเค่อหนีตายไป
“ปราชญ์พนันทักษิณ พวกเ้าจงมาหาข้าเดี๋ยวนี้!” ถงอันอันตวาด
าาอสรพิษไล่หลังมาแล้ว ถงอันอันสั่งให้คนของตนหยุด
“ผู้ดูแล เหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง! เกรงว่าพี่หวังน่าจะเป็ตัวปลอม!”
“ผู้ดูแล หรือว่าที่จูเยี่ยนพูดมาจะเป็ความจริง?”
“ผู้ดูแล ตอนนี้จะทำยังไงกันดี?”
………
……
…
ไม่จำเป็ต้องให้ถงอันอันชี้แจงแถลงไขทุกคนก็วิเคราะห์ออกมาได้เอง พวกมันถูกต้ม พวกมันทุกคนถูกต้มแล้ว!
“พวกเ้ารู้ตัวกันแล้วสิท่า งั้นข้าอธิบายไปก็เสียเวลาเปล่า ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกหลอกเข้าให้แล้ว เมื่อเป็เช่นนี้แปลว่ามารอริยะไม่ได้อยู่บนเกาะเทพั!” ถงอันอันหรี่ตา
“จริงด้วย หวังเค่อหลอกรูดทรัพย์สินไปจากพวกเรา กระทั่งข้าวของที่อยู่ในคลังก็ด้วย!” มารอีกตนร่ำร้อง
“เงินพวกนั้นหากตามเอากลับมาไม่ได้พวกเราเดือดร้อนแน่! อีกอย่างจูหงอีก็กำลังสืบเื่อุบายลอบสังหารเซิ่งจื่ออย่างละเอียด ไม่นานพวกเราก็คงถูกเปิดโปง ถึงตอนนั้นน่ากลัวว่าพวกเราคง...!” ถงอันอันเอ่ยเสียงต่ำ
“ผู้ดูแล ความหมายของท่านคือ...?” ทุกคนมองมาทางถงอันอัน
“จับปลาตอนน้ำขุ่น!” ั์ตาของถงอันอันส่อแววฆ่าฟัน
“จับปลาตอนน้ำขุ่น?” ทุกคนชะงักไป
“ปราชญ์พนันทักษิณ พวกเ้าแปดดวงธาตุทองคำลงมือให้ไวจบงานให้ว่อง! ฉวยจังหวะชุลมุนลอบสังหารหวังเค่อกับเซิ่งจื่อให้ได้...!” ถงอันอันทำท่าตัดศีรษะ
มารทุกคนหน้าเปลี่ยนสีทันควัน
“มาถึงขั้นนี้แล้วยังเหลือทางถอยให้พวกเราเสียที่ไหน! ถ้าหวังเค่อตาย เราก็จะได้ ‘ของโจร’ ทั้งหมดบนตัวมันมา ถึงตอนนั้นเราจะปรักปรำมันยังไงก็ได้!” ถงอันอันตาสาดประกายวาวโรจน์
“ทราบ!” ปราชญ์พนันทักษิณรับคำ
แปดดวงธาตุทองคำลอบปะปนเข้ากับฝูงชนก่อนปกปิดหน้าตา ขณะที่จูหงอีและเนี่ยชิงชิงกำลังต่อกรกับาาอสรพิษ พวกมันก็เห็นหวังเค่อยืนอยู่กับเซิ่งจื่อพอดีจึงลงมือโดยไม่มีลังเล
รอบด้านยังมีศิษย์ลัทธิมารเฝ้าดูอยู่ รีบได้ก็ต้องรีบ เร่งลงมือให้ไวที่สุด
แต่แปดดวงธาตุทองคำไหนเลยจะคาดคิดว่าหวังเค่อเป็พวกมือเติบถึงกับะเิแปดกระบี่บินใส่พวกมัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ต้านรับแรงะเิอย่างกล้ำกลืนฝืนทนพลางต่อยสวนออกไป
ทั้งแปดคิดว่าหวังเค่อต้องตายแน่ จากนั้นพวกมันค่อยรุมต่อยเซิ่งจื่อตายตามไปด้วย เมื่อเสร็จเื่ก็เผ่นหนีทันที
แต่เมื่อหมัดของแปดดวงธาตุทองคำต่อยถูกตัวหวังเค่อกลับยังเกิดเื่พิสดารขึ้นมาอีกครั้ง
หวังเค่อ มันไม่เป็อะไรเลย?
มันไม่เป็ไร? ทำไมกัน?
ไม่ใช่จูเยี่ยนบอกว่าหวังเค่อมีของวิเศษคุ้มกายหรอกหรือ? แต่ทำไมกำปั้นของพวกเราถึงไม่แตะโดนของวิเศษอันใดเลย? หมัดกระทบเนื้อชัดๆ แต่หวังเค่อกลับไม่เป็อะไร?
“อย่าบอกนะว่าพวกเราติดกับ?” คนชุดดำคนหนึ่งหน้าเปลี่ยนสี
“ปง!”
ร่างของหวังเค่อเป่งพองพร้อมปล่อยกระแสอากาศออกมาอีกครั้ง ราวกับทะลวงผ่านด่านฝีมือ แปดดวงธาตุทองคำมองดูภาพนี้อย่างอึดอัดคับข้อง
“เป็เื่โกหก พวกเราติดกับแล้ว หวังเค่อยังคงเป็ั์ใหญ่ทารกแกนิญญา?”
“หวังเค่อคือไส้ศึกระดับเหรียญทอง?”
“จูเยี่ยนหลอกพวกเรา?”
………
“จบเห่แล้วคราวนี้!”
………
…
สภาพจิตใจของคนทั้งแปดปั่นป่วนสุดระงับ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นใน่ขณะนั้นทำให้พวกมันต้องเผยสีหน้าพรั่นพรึงออกมา
ส่วนหวังเค่อเองก็เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมาเหมือนกัน
“ม่ายยย~~~~~~~~~~~!”
ไหม้แล้ว ไหม้แล้ว สัจปราณในร่างไหม้แล้ว ข้ากำลังจะติดไฟแล้ว!
หวังเค่อตีอกชกหัวด้วยความชอกช้ำแสนสาหัส ตนจบเห่แล้วใช่ไหม?
เสียงกรีดร้องเศร้าสร้อยของหวังเค่อทำแปดดวงธาตุทองคำต้องเปลี่ยนสีหน้ากลับกลาย นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? ไม่ใช่ว่าหวังเค่อไม่เป็อะไรหรอกหรือ? งั้นเสียงะโสุดแสนจะสิ้นหวังนี้มันอะไรกัน? คนที่ต้องร้องควรเป็พวกเราต่างหาก!
“ผิดปกติแล้ว ถอนตัว ถอนตัวด่วน!” แปดดวงธาตุทองคำหน้าเปลี่ยนสีร่ำร้องออกมา
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดหวังเค่อถึงได้ร้องะโโวยวาย แต่ศิษย์ลัทธิมารที่เหลือต่างก็กรูกันเข้ามาแล้ว ครั้งนี้ลงมือพลาด หากไม่ถอนตัวจะให้อยู่รอความตายหรือไง?
ถอนตัว?
หวังเค่อยามนี้ระอุไปด้วยเพลิงร้อน หวังเค่ออยากร่ำไห้แต่ไม่มีน้ำตา “กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญ เ้าต้องช่วยข้าดับไฟนะ! ข้ากำลังจะโชติ่ชัชวาลแล้ว! ช่วยด้วย!”
แต่กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญยังคงสงบนิ่ง ราวกับกำลังนั่งมองรอดูหวังเค่อลุกเป็ไฟอยู่ก็มิปาน
“กระบี่เทพมารดาเ้าเถอะ เคล็ดเทวะมารดาเ้าเถอะ ไสหัวไป ไสหัวไป…!” หวังเค่อเร่งขับดันสัจปราณขุ่นออกนอกร่างอย่างสิ้นหวัง
สัจปราณขุ่นกำลังเผาไหม้อยู่ในร่าง ยังกล้ารั้งรออีกหรือ? ต้องเอาออกไปให้หมดให้ได้!
สัจปราณขุ่นรอบนี้ไม่ต้องรอให้มีไม้ขีดมาจุดก็ติดไฟขึ้นเองเพราะสัจปราณขุ่นกลายเป็สีดำโดยสมบูรณ์แล้ว เมื่อเป็สีดำก็จะติดไฟขึ้นมาเอง เหมือนอย่างน้ำมันดิบที่ลุกโชนสว่างไสว หวังเค่อขวัญหนีดีฝ่ออ้าปากขย้อนสัจปราณออกมาอย่างเอาเป็เอาตาย
ต้องใช้วิธีไหนจึงจะขับสัจปราณภายในร่างออกมาได้เร็วที่สุด? ก็ต้องเป็การปล่อยให้พุ่งออกมาทางปากอยู่แล้ว!
“ฟู่!”
จากนั้นภาพที่ปรากฏแก่ทุกสายตาก็คือหวังเค่อที่กำลังอ้าปากพ่นเปลวไฟออกมา เป้าหมายก็คือแปดดวงธาตุทองคำที่กำลังเผ่นหนีอยู่ข้างหน้า
“อะไร?” แปดดวงธาตุทองคำอุทาน
ที่เห็นคือหวังเค่อที่คล้ายกำลังพ่นลำแสงออกจากปาก เป็ลำแสงร้อนลวกที่พุ่งตรงมาหาพวกมัน
“ครืนนนนน~~~~~!”
เปลวเพลิงลามเลียท้องนภา ศิษย์ลัทธิมารนับไม่ถ้วนที่กำลังมองภาพนี้ต่างปากอ้าตาค้างกันเป็แถว
“พี่หวังรั้งยอดวิชาอันใดไว้กันแน่เนี่ย? ถึงได้สุดโต่งขนาดนี้?”
“วิชาอัคคี?”
“แต่ข้าไม่เคยเห็นวิชาอัคคีที่ปล่อยออกมาจากปากมาก่อนเลย!”
………
“พี่หวังพ่นไฟได้?”
……
………
รอบด้านระงมด้วยเสียงเซ็งแซ่ หวังเค่อพ่นสัจปราณขุ่นออกมากลืนกินคนทั้งแปดไปในพริบตา คนปิดหน้าทั้งแปดหันหลังวิ่ง แต่สัจปราณขุ่นก็เข้าพัวพันพวกมันแล้ว ไม่ว่าหนีไปทางไหนก็ล้วนถูกไฟคลอกอยู่ดี
สัจปราณขุ่นนี้ทนทายาดไม่ยอมมอดดับแม้จะผ่านไปเป็เวลานาน ที่สำคัญกว่าคือไม่อาจดับได้ด้วยพลังปราณ ยิ่งไม่อาจตบตีให้ดับลงได้
“นี่มันไฟแบบไหนกัน? ทำไมถึงไม่ยอมดับ!” คนปิดหน้าทั้งแปดร่ำร้อง
เพลิงระอุคลอกตัวคนทั้งแปด เพียงพริบตาเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกมันก็ถูกเผาจนไม่เหลือชิ้นดี
“ปราชญ์พนันทักษิณ? เป็พวกมัน? ทำไมถึง ทำไมพวกมันถึง้าฆ่าเซิ่งจื่อกับพี่หวัง?”
“เร็วเข้า รีบไปจับพวกมันไว้!”
.........
“ไม่ว่าพวกมันจะเป็ใครแต่ถ้ากล้าเอาชีวิตเซิ่งจื่อก็มีแต่ต้องรับโทษตายสถานเดียว อย่าให้มันหนีไปได้!”
......
.........
ศิษย์ลัทธิมารมืดฟ้ามัวดินร่อนตัวลงมาหาคนปิดหน้าทั้งแปด
“ไม่ ทำไมไฟพวกนี้ถึงไม่ยอมดับ ทำไมกัน!?” คนทั้งแปดร่ำร้องอย่างตื่นกลัว
ิัของคนทั้งแปดถูกไฟร้อนลวกจนเหวอะหวะ เมื่อเห็นแม่น้ำทอดตัวอยู่ไกลออกไปก็รีบกระโจนลงไปตั้งใจว่าจะซ่อนตัวหลบหนี แต่ไฟประหลาดพวกนี้แม้อยู่ในน้ำก็ยังเผาได้เผาดี
หนี? หากไม่มีไฟพวกนี้ติดอยู่ตามตัวพวกตนย่อมสามารถหาที่ซ่อนตัวในเกาะเทพัที่กำลังโกลาหลวุ่นวายได้โดยไม่ถูกใครพบ
แต่ตอนนี้พวกมันกำลังลุกโชนโชติ่ชัชวาล ต่อให้ตาบอดก็ยังตามพวกมันเจอด้วยซ้ำ!
ขอบเขตดวงธาตุทองคำแล้วอย่างไร? กระบี่บินห่าใหญ่ทิ้งตัวลงมา แปดคนปิดหน้าพลันถูกเล่นงานอย่างที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน
ถงอันอันที่เฝ้าดูอยู่ในเงามืดเห็นลูกสมุนทั้งแปดกำลังจะถูกจับก็หน้าเปลี่ยนสี
“ข้าเข้าใจผิดไป? หวังเค่อไม่ได้หลอกข้า? คนที่หลอกข้าก็คือไอ้ลูกตัวบัดซบจูเยี่ยนนั่น?” ถงอันอันเผยสีหน้าสิ้นหวัง
หากสมุนทั้งแปดถูกจับ ตนย่อมถูกเปิดโปงแน่!
ที่สำคัญกว่านั้นคือถงอันอันเห็นแล้วว่า้าเหนือศึกาาอสรพิษมีคนชุดดำลอยตัวอยู่คนหนึ่ง คนชุดดำผู้นั้นสวมหน้ากากิญญาร้าย ทอดตามองทุกสิ่งอย่างผู้อยู่เหนือกว่า ลอยตัวอยู่บนฟ้าสูงจับจ้องการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ด้านล่าง
“มะ มะ มารอริยะ? มารอริยะมาถึงแล้ว? จบแล้ว จบเห่แล้วคราวนี้!” ถงอันอันตัวสั่นเยือกรีบมุดหายไปในเงามืดก่อนอันตรธานไปจากตรงนั้น
ปากทางเข้าตำหนักของจูหงอี
“หวังเค่อ เ้าเป็อย่างไรบ้าง!? ทำไมถึงมีไฟคลอกไปทั่วตัวเลยเล่า!?” องค์หญิงโยวเยว่กรีดร้องอย่างเสียขวัญ
หวังเค่ออยากร่ำไห้ทว่าไม่มีน้ำตา ไอ้วิชากลบฝังบิดานี่! ทั้งที่ตนพ่นเอาสัจปราณขุ่นทั้งหมดออกไปแล้ว แต่ความสามารถด้านการฟื้นตัวของเคล็ดเทพมหาสุริยันมิดับสูญกลับโดดเด่นเกินไป ตอนนี้ก็เลยผลิตสัจปราณขุ่นขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง ซ้ำร้ายยังติดไฟแถมมาให้เสร็จสรรพ
หวังเค่อรู้สึกว่ารูขุมขนทั่วร่างกำลังลุกเป็ไฟ สัจปราณขุ่นติดไฟได้เป็อย่างดี คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานก่อนที่ตนจะถูกเผาจนเหลือแต่เถ้าธุลีไป
“ข้ากำลังจะตาย ข้ากำลังจะถูกย่างสด โยวเยว่! พวกเราเพิ่งจะจุมพิตกันแค่ครั้งเดียวเองนะ! ข้าไม่ยอมม!” หวังเค่อที่รอรับความตายอยากร่ำไห้ทว่าไม่มีน้ำตา
กว่าจะจีบหญิงผู้เป็ที่รักติดนั้นไม่ง่ายเลย แต่กลับต้องมาจบลงเพียงเท่านี้?
“ไฟ? เร็วเข้า รีบสวมกำไลข้าก่อน!” องค์หญิงโยวเยว่รีบถอดกำไลให้หวังเค่อ
“เ้าเก็บไว้เถอะ ข้ากำลังจะกลายเป็จุณในอีกไม่ช้านี้แล้ว! จำไว้นะ ช่วยข้าเลือกโกศดีๆ หน่อย! เพราะนั่นคือบ้านนิจนิรันดรของข้า!” หวังเค่อเว้าวอนอย่างสิ้นหวัง
“ผนึกเหมันต์ชือกุ่ย!” องค์หญิงโยวเยว่ะโคราหนึ่ง
“เปรี๊ยะ!”
กำไลของนางส่งไอเย็นสุดคณานับเข้าสู่ภายในร่างหวังเค่อในพริบตา ไอเย็นพวกนี้ทันทีที่เข้ามาในร่างของหวังเค่อแล้วก็ช่วยชายหนุ่มสะกดเพลิงอัคคีที่อยู่ภายใน
เพลิงอัคคีค่อยๆ ถูกแช่เย็นไปทีละเล็กละน้อย เพลิงที่ลุกท่วมตัวหวังเค่อเองก็ค่อยๆ ถูกแช่แข็ง
หวังเค่อถูกแช่แข็งจนใบหน้ามีแต่เกล็ดน้ำแข็งปกคลุม คนเผยสีหน้าตื่นตะลึง ถูกแช่? เพลิงถูกแช่แล้ว?
“เสด็จแม่บอกว่าแมลงโหยหาคือแมลงเทวะเหมันต์า ไม่ว่าพวกมันผ่านไปทางใดสถานที่นั่นก็จะกลายเป็แดนเหมันต์! ช่วยเ้าผนึกเพลิงในร่างได้ผลหรือไม่?” องค์หญิงโยวเยว่ถามอย่างร้อนใจ
“ได้ผล ได้ผลชะงัดเลย!” หวังเค่อดีใจจนแทบคลั่ง
“แคร่ก!”
แต่แล้วลูกปัดคำนึงที่มีอยู่สิบแปดลูกกลับปรากฏรอยร้าวขึ้นมา
“แย่แล้ว คงยากที่จะสะกดไว้ได้อีก หวังเค่อ ผนึกเหมันต์ชือกุ่ยของข้าอย่างมากก็อยู่ได้อีกแค่ครึ่งเดือน ไม่อาจช่วยเ้าแช่เพลิงในร่างได้ถาวร!” องค์หญิงโยวเยว่เอ่ยอย่างวิตก
“ไม่เป็ไรเลย ไม่เป็ไร อยู่ได้แค่ไม่กี่วันก็พอถมเถแล้ว!” หวังเค่อยิ้มไม่หุบ
ครึ่งเดือน? ในเวลาครึ่งเดือนข้าย่อมสามารถกลับพรรคเทพหมาป่า์ใช้กุศลที่อยู่ในกระจกสะกดแสงช่วยเหลือตัวเองจากเภทภัยนี้ได้อยู่แล้ว!
“โยวเยว่ ข้ารักเ้าจะตายอยู่แล้วเนี่ย!” หวังเค่อกอดองค์หญิงโยวเยว่พลางประทับจุมพิตไปทีหนึ่ง
แต่องค์หยิงโยวเยว่กลับคอพับ สลบเหมือดไปก่อน
“โยวเยว่!” หวังเค่อแตกตื่นตระหนก
หลังตรวจดูคร่าวๆ พบว่าองค์หญิงโยวเยว่สลบไปเพราะฝืนตัวเองจนเกินควร เมื่อกี้เพื่อช่วยชีวิตตน นางยอมฝืนอาการาเ็เร่งเร้าพลังทั้งหมดเพื่อเปิดใช้งานลูกปัดคำนึง
“โล่งอกไปที โล่งอกไป เ้าไม่เป็ไรก็ดีแล้ว!” หวังเค่อกอดองค์หญิงโยวเยว่ไว้พลางผ่อนลมออกมายืดยาว
“หวังเค่อ ข้าว่าเ้าสวมอะไรสักหน่อยก่อนจะดีกว่าไหม?” จู่ๆ เซิ่งจื่อที่อยู่ข้างๆ ก็โพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าชอบกล
ที่แท้ตอนที่หวังเค่อถูกไฟคลอกไปทั้งตัว เสื้อผ้าของมันเองก็ถูกเผาไปจนเกือบหมด จะเหลือก็แต่กางเกงในที่ขาดอย่างล่อแหลมกับกำไลมิติแถวใหญ่ที่ห้อยอยู่ตรงแขนเท่านั้น
“ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะเซิ่งจื่อ! เซิ่งจื่อ เ้ายังคงระวังตัวหน่อยจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจมีคนปองร้ายเ้าอีกก็ได้!” หวังเค่อรีบหาชุดมาผลัดเปลี่ยน
“เ้าไม่ต้องห่วง เพราะมารอริยะมาถึงแล้ว เ้าดูสิ!” เซิ่งจื่อยืดอกกล่าว
ที่เห็นคือฝุ่นควันรอบด้านคล้ายถูกพลังขุมใหญ่หอบม้วนไป ศิษย์ลัทธิมารทุกคนััถึงรัศมีพลังแกร่งกล้ากดทับถาโถมเข้าใส่ร่าง ทุกคนคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง บางทีอาจเป็เพราะว่าหวังเค่อยืนอยู่กับเซิ่งจื่อก็เลยััถึงแรงกดดันอันใดไม่ได้
แต่ไม่ใช่กับที่อื่น! ไม่เพียงแค่ศิษย์ลัทธิมาร แม้แต่เหล่าอสรพิษทั้งหมดต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวขึ้นมาทันควัน พวกมันหยุดอยู่กับที่ด้วยความพรั่นพรึง
จูหงอีกับเนี่ยชิงชิงนั่งขัดสมาธิพยายามขับพิษออก
แต่าาอสรพิษนั้นกลับถูกหัตถ์ปราณั์ข้างหนึ่งรวบคอลอยคว้างอยู่กลางเวหา
าาอสรพิษดีดดิ้นอย่างตื่นกลัว แต่ต่อหน้าหัตถ์ปราณข้างนั้นมันไม่อาจสลัดร่างดิ้นหลุดได้
ตรงหน้าาาอสรพิษยืนไว้ด้วยเงาร่างในชุดคลุมดำผู้หนึ่ง คนผู้นั้นสวมหน้ากากิญญาร้าย จับจ้องาาอสรพิษอย่างเ็า
“มารอริยะ?” หวังเค่อมองมารอริยะอย่างครั่นคร้าม
สิบหมื่นมหาบรรพต นายเหนือลัทธิมารจันทรา บุคคลลำดับหนึ่งของฝ่ายอธรรม?
“ข้าเคยบอกว่าอนุญาตให้พวกเ้าปักหลักอยู่ทางชายหาดตอนเหนือเท่านั้น แต่เ้ากลับอุตริข้ามพรมแดนมา? เ้าอยากถูกต้มเป็น้ำแกงหรือย่างถ่านดี?” มารอริยะถามเสียงเย็น
าาอสรพิษแสดงท่าทีหวาดหวั่นพรั่นพรึงขณะกระเสือกกระสนอย่างเอาเป็เอาตาย
