เอ๋! จับปลาได้จริงด้วย เจินจูตื่นใจนอ้าปากกว้าง
“เหมียว”
เสี่ยวเฮยะโหนึ่งที วิ่งมาถึงข้างปลาน้อยที่ดิ้นอยู่ แล้วอ้าปากคาบปลาขึ้น
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนเสี่ยวเฮย อย่าเพิ่งกิน ข้าดูหน่อย” เจินจูรีบวิ่งเข้าไป
แกะปลาน้อยตัวนั้นออกมาจากปากของมัน ผิวละเอียดและอ่อนนุ่มตัวโปร่งใส และมันวาวดั่งสีเงิน ตัวกลมไร้เกล็ด
นี่… เป็ปลาเงิน [1] ใช่หรือไม่?
เจินจูมองเสี่ยวเฮยแวบหนึ่ง เ้านักกินนี่รู้จักกินเกินไปแล้วจริงๆ ปลาเงินไร้เกล็ดไร้ก้าง คุณภาพเนื้อสดและนุ่ม ได้รับชื่ออันไพเราะว่า ’โสมปลา’
มิน่าเล่าเ้าแมวนี่ถึงได้เอาแต่กวนให้นางขึ้นูเา คงอยากให้นางงมปลาขึ้นมาให้มันกินสินะ
“เหมียว” เสี่ยวเฮยกำลังประท้วง ปลาที่มาถึงปากถูกแกะออกไป มันเอาแต่ร้องเหมียวๆ อย่างร้อนใจ ปลาเงินน้อยพวกนี้จับไม่ง่ายเลย พอมันลงมือ ปลาก็ว่ายเข้าไปในที่ลึก ครึ่งค่อนวันก็ไม่ลอยขึ้นมา
“ร้อนใจอะไร ข้าจะแย่งปลาของเ้ามากินได้หรือ บนปลามีแต่ดิน กินแล้วเ้าไม่กลัวท้องเสียหรือ ล้างให้สะอาดก่อน” เจินจูตบกรงเล็บเท้าที่ยื่นออกมาของมันออกไปเบาๆ อย่างไม่พอใจ
เดินมาข้างบึงน้ำมรกต เป็บึงน้ำที่สวยและสงบเงียบ น้ำใสสะอาดจนเห็นก้นบึง ในช่องระหว่างหินมีปลาแหวกว่ายไปมาอยู่ตลอด
มีปลาไม่น้อยเลยนี่ เจินจูดวงตาเป็ประกาย พอดีเลย ล้วนเป็ปลาน้ำจืด รอให้สระน้ำของนางปลูกรากบัวเสร็จดี นางจะมาจับปลาน้อยที่นี่กลับไปเลี้ยงนิดหน่อย
ถือโอกาสเอาปลาเงินจุ่มลงไปในบึงน้ำล้างให้สะอาด ปลายนิ้วััเข้ากับน้ำในบึง นางพบว่าน้ำในบึงเย็นสดชื่นนัก อุณหภูมิต่ำกว่าน้ำในแม่น้ำอยู่หลายส่วน
“เอ๋ น้ำในบึงค่อนข้างเย็นจริงๆ ไม่รู้ว่าปลาในนี้จะเลี้ยงในสระน้ำให้รอดได้หรือไม่?” เจินจูขมวดคิ้วบ่นพึมพำ
คืนปลาให้เสี่ยวเฮย มองมันกินปลาเงินหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่คำ กินเสร็จยังเลียปากอย่างไม่หนำใจอีก
“อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?”
“เหมียว”
“เ้าอยากให้ข้าจับปลาให้เ้า? ข้าต้องจับให้ได้สินะ”
เจินจูกลอกตาอย่างเอือมระอา หนึ่ง... นางไม่มีเครื่องมือ สอง... ว่ายน้ำไม่เป็ ให้นางเอาอะไรจับ?
“เหมียว” เสี่ยวเฮยร้องหนึ่งทีอย่างไม่เลิกลา
“ขอร้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ ครั้งหน้าเอาเครื่องมือจับปลามาค่อยว่ากันเถอะ” วันนี้นางพกมาเพียงตะกร้าแบกหลังใบเล็ก ด้านในใส่จอบเล็กหนึ่งเล่ม นางคิดว่าเสี่ยวเฮยจะค้นพบวัตถุดิบยาจำพวกโสมคนและเห็ดหลินจืออีก ผลสุดท้ายกลับเป็มันเองที่เปรี้ยวปากอยากตะกละกิน
เจินจูเงยหน้าสังเกตโดยรอบอย่างละเอียด บึงน้ำมรกตพอตรงไปจะมีส่วนที่เป็โค้งเว้าของกำแพงด้านข้างูเา ข้างในน่าจะเชื่อมต่อกับแหล่งน้ำใต้ดิน ในนั้นมีหินระเกะระกะตั้งสลอนอยู่และมีลมหนาวเย็นบางเบาทะลุผ่านเป็พักๆ ไอชื้นซึมซาบสู่คน สถานที่นี้หนาวเย็นเกินไปแล้ว หากหน้าหนาวพักอยู่ที่นี่หนึ่งวันหรือครึ่งวัน คาดว่าต้องหนาวจนป่วยแน่
ละสายตามาทางช่องว่างตามแนวหินที่เรียงตัวเป็ชั้น ลูกตาของเจินจูหดเกร็งทันที มารดามันเถอะ เงาที่เชื่อมตัดสลับอยู่ระหว่างซอกหินนั่นเป็… ฝูงงูใช่หรือไม่
มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ยี่สิบถึงสามสิบตัว เลื้อยตัดสลับกันเป็แนวตั้งแนวนอนไปมา ไปจนกระทั่งมีบางตัวลอยอยู่บนผิวน้ำตลอดเวลา
ทันใดนั้นเจินจูรู้สึกชาไปทั้งตัว ถลึงตาโเี้ลงไปทางเสี่ยวเฮยที่ท่าทางสุขุมไม่ลุกลี้ลุกลน
นางค่อยๆ นั่งยองลง ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางงอลงไปเคาะหัวมันหนึ่งที หลังจากนั้นกดเสียงต่ำตวาด “เ้าแมวซุกซนนี่ ที่นี่เป็รังงูน้ำ เ้ายังจะกล้าพาข้ามา ทำเอาใหมด เ้าพามาแล้วมีประโยชน์อะไรหะ?”
“เหมียว” เสี่ยวเฮยเหล่ตามองงูน้ำในซอกหินที่สลับกันเป็ชั้น ท่าทางไม่ใส่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไปกัน รีบกลับเถอะ งูมากมายเพียงนี้ โอ๊ย ตอนค่ำต้องฝันร้ายแล้ว” เจินจูลูบแขนไปมา ถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว “รีบเลย ต่อไปห้ามเ้ามาที่นี่แล้ว นั่นเป็รังงูเลยนะ น่ากลัวจริงๆ”
“เหมียว” พอเสี่ยวเฮยได้ฟังเช่นนี้ ขนพองขึ้นทันที มีสิทธิ์อะไรมาห้ามมัน ที่นี่มีปลาเงินตัวน้อยเนื้อััสดและนุ่ม มันชอบมากที่สุดใน่นี้เลยนะ ไม่ใช่แค่กากเดนงูไม่กี่ตัวเองหรือ มีอะไรน่ากลัวกัน
มันหยัดตัวลุกขึ้น ดวงตาเขียวเข้มแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นจนอยากจะทำลายอะไรสักอย่าง มันมองไปทางฝูงงูด้วยความเ็า
เสี่ยวเฮยะโจากพื้นอย่างเต็มแรง วิ่งออกไปไกลมาก ระหว่างะโสามทีห้าทีตรงไปทางขอบบึงน้ำมรกต แล้วปรากฏไปถึงกลางหินระเกะระกะใต้กำแพงหินด้านข้างูเา เห็นเพียงมันกางเล็บเท้าขึ้นมา ชั่วพริบตาเดียวงูน้ำขนาดเท่าแขนหนึ่งตัวปลิวลอยออกไป ปะทะเข้ากับกำแพงหินข้างูเา ร่วงลงมาอยู่ที่พื้นตัวชาและไร้เรี่ยวแรง
เสี่ยวเฮยะโขึ้น ตรงไปตะปบที่หัวงู แล้วะโอีกครั้ง กรงเล็บแหลมคมตวัดหนึ่งทีก็เป็งูอีกหนึ่งตัวร่วงลงมา เป็แบบนี้ไม่หยุดพัก ผ่านไปลมหายใจเดียวก็จัดการเสร็จสิ้น
ตอนนี้บนซอกหินที่ขึ้นสลับซับซ้อนมีเืงูสาดกระเซ็นเต็มไปหมด ซากงูเรียงรายไปทั่ว
เจินจูมองอย่างมึนงง ใอ้าปากตาค้างไปชั่วขณะ เ้าแมวนี่้าจะทำอะไร? ทลายฝูงงูเสร็จแล้วก็ยึดครองอาณาเขตหรือ?
เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเช่นนี้ เสี่ยวเฮยมีอำนาจน่าเกรงขามอย่างมาก พื้นที่ที่กรงเล็บแหลมคมกวาดผ่านพาให้เืสีแดงฉานนองขึ้น บางครั้งมีงูน้ำรัดจับเสี่ยวเฮยไว้มันก็ไม่ร้อนรน หันตัวกลับแล้วข่วนหัวของงูจนแหลกละเอียด ไม่นานก็กำจัดงูน้ำที่อยู่ระหว่างร่องหินนั้นจนหมดเกลี้ยง ส่วนที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่ตัวกำลังลอยอยู่บนผิวน้ำ ต่างหนีเตลิดกันไปสี่ทิศ แต่พอแหวกว่ายไปถึงข้างบึงก็ประสบกับกรงเล็บสีดำของเสี่ยวเฮย
ฝูงกองทัพงูทั้งหมดล่มสลาย
“…”
มองไปที่เสี่ยวเฮยซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเืงู ใบหน้าแมวเชิดหยิ่ง เดินกลับมาอย่างเชื่องช้า มุมปากเจินจูอดกระตุกขึ้นไม่ได้
เ้าจะกละนี่ เพื่อจะได้กินปลาเงินที่รักของมันแล้ว กลับฉีกศีลธรรมที่ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตออกกระจุย กำจัดรังเก่าของงูน้ำทิ้งทั้งหมดเลยทีเดียว
ใช้ความรุนแรงเช่นนี้ ดีแล้วจริงๆ หรือ?
เจินจูมีความรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา โธ่!
“เ้านี่นะ จะว่าเ้าอย่างไรดี ที่บ้านไม่ได้ขาดของให้เ้ากินเสียหน่อย ต้องวิ่งมาถึงในเขาลึกหาปลากิน ปลาเงินนี้อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ? แข็งแกร่งขนาดที่ว่าต้องฆ่าฝูงงูทั้งหมดให้ตาย จุ๊ๆ ดูเ้าสิร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเื จะล้างให้สะอาดได้อย่างไรกันนี่” นางนั่งยองลงแล้วกล่าวไม่หยุด หยิบกระบวยตักน้ำจากมิติช่องว่างออกมา ตักน้ำในบึงมรกตขึ้นมาชะล้างเืงูทั่วร่างของเสี่ยวเฮยให้สะอาด
เสี่ยวเฮยนั่งอยู่บนก้อนหินอย่างว่าง่าย ปล่อยให้นางชำระล้างคราบเืบนร่าง
ใช้กระบวยตักน้ำสิบกว่าครั้ง ถึงอาบตัวเสี่ยวเฮยให้สะอาดได้อย่างพอถูๆ ไถๆ แต่ไม่มีจ้าวเจี่ยวกับป้าหอม กลิ่นคาวเืบนตัวมันขจัดทิ้งได้ยากมาก
เจินจูเข้าใกล้เสี่ยวเฮยและดมกลิ่นอย่างละเอียด ย่นจมูกอย่างรังเกียจ “อื้อ...ไม่ได้ ยังมีกลิ่นคาวเล็ดลอดอยู่เล็กน้อย กลับไปเอาป้าหอมมาอาบให้เ้าสองรอบถึงจะใช้ได้”
ดูสีท้องฟ้าเริ่มเย็นแล้ว เจินจูเก็บกระบวยตักน้ำกลับเข้าไปในมิติช่องว่าง
มองไปยังงูที่ตายเกลื่อนเต็มพื้นนั้น เจินจูขมวดคิ้วขึ้น
งูเหล่านี้จะทำอย่างไรดี? ทิ้งไว้ที่นี่? จะพาสัตว์ป่าตัวอื่นมาหรือไม่?
นางไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ ควักกริชออกมาจากมิติช่องว่าง นี่เป็สิ่งที่นางเตรียมไว้ล่วงหน้านานแล้ว ในมิติช่องว่างของนางตอนนี้มีการเตรียมสิ่งของที่จำเป็ต้องใช้ในชีวิตประจำวันไว้หลายอย่าง สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เช่น หินจุดไฟ กริช กระดาษฟาง แก้วน้ำ...
“เสี่ยวเฮย เ้าไปคาบงูในร่องหินออกมาวางเรียงกันไว้ตรงนี้ ข้าจะไปขยี้หญ้าสองสามเส้นให้เป็เชือกฟาง เนื้องูมากมายเช่นนี้ ทิ้งไว้นี่ก็สิ้นเปลือง เราเอากลับไปยังสามารถทานเนื้อได้หลายมื้อเลย” แม้ที่บ้านจะไม่ขาดเนื้อสัตว์ แต่เนื้องูนับเป็เนื้อที่บำรุงร่างกายอย่างดีเยี่ยม เอากลับไปหากทานไม่หมด ก็นำไปมอบให้ครอบครัวจ้าวหงยู่บำรุงร่างกายสักหน่อยก็ยังดี
หาหญ้าป่าที่มีความเหนียวทนทานมาจำนวนหนึ่ง ถูจนกลายเป็เกลียวเข้าด้วยกันไม่กี่เส้น ออกแรงดึงอย่างแรงเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่คลายออก เสร็จแล้วนางจึงกลับไปข้างบึง
เสี่ยวเฮยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว งูที่ตายแล้วจัดวางอยู่ข้างบึงทีละตัวจนเต็มไปหมด
งูตายเต็มพื้น เจินจูมองแล้วหนังหัวชาขึ้นทันที
สิ่งนี้ ต่อให้ตายไปแล้ว นางก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี
ล้วงกระดาษฟางสองสามแผ่นออกมาจากมิติช่องว่าง นางกัดฟันห่อหางงูไว้ แล้วดึงขึ้นมาวางพาดลงบนเชือกฟาง
หนึ่งตัว สองตัว สามตัว… นับถึงตัวสุดท้าย ไม่นึกเลยว่าจะมีงูน้ำอยู่ถึงยี่สิบเจ็ดตัว
มารดามันเถอะ งูไม่ใช่สัตว์ที่อยู่ร่วมกันเสียหน่อย ทำไมที่นี่ถึงปรากฏงูมากมายขนาดนี้ในเวลาเดียวกัน? หรือว่าตอนนี้อยู่ใน่ฤดูผสมพันธุ์ของงู?
ฤดูใบไม้ผลิเป็่แตกหน่อของสรรพสิ่งจริงๆ ด้วย
แบ่งงูเป็สองกองแต่ละกองมัดด้วยเชือกฟางสองเส้น เจินจูออกแรงดึงหนึ่งที ค่อนข้างหนักมาก แต่ละกองคาดว่าน้ำหนักน่าจะประมาณสี่สิบถึงห้าสิบชั่งได้
เอาไม้ตะบองหนึ่งด้ามหนาออกมาจากมิติช่องว่าง ผูกเชือกไว้ด้านซ้ายทีขวาทีให้เรียบร้อย หาบขึ้นบนบ่าแล้วลุกขึ้น
“ไอ๊หยา~” เจินจูเดินไปข้างหน้าเซไปเซมา นางไม่เคยแบกของหนักมาก่อน เลยควบคุมสมดุลไว้ได้ไม่ดี จึงเดินอย่างโยกไปโยกมาตลอดทาง
“เสี่ยวเฮย เ้านำทางข้างหน้าให้ช้าหน่อยนะ ข้าหาบของพวกนี้อยู่ เดินได้ไม่เร็วเท่าไร” ไม่ใช่ว่านางไม่เคยคิด... แค่นำของโยนเข้าไปในมิติช่องว่างก็พอ แต่งูตายอาบเื ให้นางใส่เข้าไปในมิติช่องว่าง อย่างไรก็ล้วนรู้สึกว่าน่าสะอิดสะเอียนจนน่าขนลุก
ให้ตัวเองหาบขึ้นบ่าแล้วเดินเหนื่อยยากลำบากหน่อยก็ไม่เป็ไร
เจินจูตามอยู่ข้างหลังเสี่ยวเฮย ถนนหนทางของูเาสูงเตี้ยไม่เท่ากัน เหงื่อบนหน้าผากหยดลงมา
ปู่มันสิ เข้าูเามาหนึ่งรอบ หาบงูหลายสิบตัวกลับไป ไปถึงต้องอย่าทำให้มารดาของนางใ
หลัวจิ่งรอคนเข้าไปในูเาอยู่ตรงก้อนหินที่เดิมมาโดยตลอด
ยามพบค่ำของฤดูใบไม้ผลิ ดวงตะวันเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
ระหว่างคิ้วของหลัวจิ่งขมวดแน่น มองไปบนเส้นทางูเาที่คดเคี้ยว รู้สึกเดือดดาลไม่หยุด เขาไม่น่าให้นางเข้าูเาไปคนเดียวเลย
ขณะที่เขากำลังลังเลใจว่าต้องเข้าูเาไปหาคนหรือไม่ บนเส้นทางูเาก็มีเงาสีดำหนึ่งสายะโออกมา
“เสี่ยวเฮย!” หลัวจิ่งดวงตาสว่างวาบ อดะโเรียกออกไปไม่ได้
เดินเข้าไปสองสามก้าว กำลังจะเดินไปรับข้างหน้า
แต่เมื่อเห็นคนข้างหลังเสี่ยวเฮยชัดๆ จึงหยุดชะงักเท้าลง
“…”
เขาไม่ได้ตาลายไปใช่ไหม?
ที่หาบอยู่บนไหล่เด็กสาวผู้นั้นเป็… งู?
งู… หนึ่งไม้หาบ?
ใบหน้าของหลัวจิ่งปรากฏร่องรอยไม่น่ามองออกมาอย่างไม่เป็ธรรมชาติ
“โอ๊ย เหนื่อยจะตายแล้ว เสี่ยวเฮย พักก่อนสักเดี๋ยว” เจินจูหาบงูอยู่ เดินเข้าใกล้หลัวจิ่งด้วยความยากลำบาก
“ตุบ” ทิ้งงูไว้บนหิน
“พวกเ้า นี่คือ… บุกเข้าไปในรังงูมา?” หลัวจิ่งถามอย่างฝืนกลั้นความรู้สึกเส้นดำเต็มหัวไว้
งูสั้นยาวไม่เท่ากันมัดจนกลายเป็กลุ่มและกองอยู่บนหิน ส่วนใหญ่ล้วนมีรอยแยกที่หัว เห็นรอยแผลนั่นก็รู้ได้เลยว่าเป็ผลงานชั้นยอดของเสี่ยวเฮย
“โทษเสี่ยวเฮยที่เป็สาเหตุทั้งหมดเลย” แบกงูตายเดินบนเส้นทางูเามาครึ่งค่อนวัน เจินจูเดือดดาลเช่นกัน ปัดเส้นผมที่ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนยุ่งเหยิง นำเื่ราวทั้งหมดบอกแก่เขา
แมวหนึ่งตัวทลายงูทั้งรัง!
หลัวจิ่งมองเสี่ยวเฮยที่ไม่สะทกสะท้านด้วยความรู้สึกสับสนยุ่งเหยิง
แมวนี่ กลายเป็ปีศาจแล้วจริงๆ
“เ้าหาบงูเหล่านี้กลับไปทำอะไร?” หลัวจิ่งหาคำตอบไม่ได้ หรือคิดจะทานงูเหล่านี้ทั้งหมดเลยหรือ?
“ทั้งหมดนี้เป็เนื้อทั้งนั้น! เนื้องูบำรุงได้ยอดเยี่ยมมาก ปล่อยทิ้งเสียเปล่าไม่ได้ เอากลับไปทานหรือนำไปให้คน อย่างไหนก็ล้วนคุ้มค่ามากทั้งนั้น” เจินจูย่อมกล่าวอย่างไม่ต้องคิดเลยสักนิด
“…” หลัวจิ่งหางตากระตุก เป็ไปดังคาด จะมองว่านางเป็เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้ นี่เป็นักกินแล้วยังเป็เงินกระปุก [2] นัก
พักเหนื่อยได้ชั่วขณะ เจินจูกัดฟันหาบงูขึ้นมาอีกครั้ง มุ่งเดินลงเขาไป หาบมาถึงนี่แล้วไม่มีเหตุผลให้ต้องล้มเลิกกลางทาง
หลัวจิ่งตามอย่างเงียบๆ มองนางหาบงูหลายสิบตัวอย่างโซเซไม่มั่นคง ในใจอดเคารพเลื่อมใสไม่ได้ เพราะหากเปลี่ยนมาเป็เขา อาจไม่กล้าหาบงูก็ได้กระมัง อย่างไรเสียงูก็เยอะมากเพียงนี้ ดูแล้วช่างน่ากลัวจริงๆ
หน้าูเาซิ่วซีมีเพียงครอบครัวหูฉางกุ้ยครอบครัวเดียว ชาวบ้านน้อยคนที่จะเพ่นพ่านผ่านูเาลูกนี้ เพราะฉะนั้นเจินจูเลยเดินมาข้างหน้าตลอดทาง เร่งตรงไปยังบ้านอย่างไม่หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย
ผู้ที่เปิดประตูให้เป็ผิงอัน เขาเลิกเรียนกลับมาบ้านได้พักหนึ่งแล้ว ได้ยินเสียงของเจินจูจึงวิ่งมาเปิดประตูลานด้วยความกระตือรือร้น
“ท่านพี่ ท่านกลับมาเสียที ท่านแม่ถามถึงท่านอยู่หลายหนแล้ว ท่านพี่… อ๊าก! งูนี่ งูเต็มไปหมดเลย”
ผิงอันที่เดิมทีมาเปิดประตูอย่างยิ้มแย้ม แต่กลับถูกงูหนึ่งไม้หาบของเจินจูทำให้ใจนร้องเสียงแหลม และถอยหลังไปหลายก้าว
เชิงอรรถ
[1] ปลาเงิน คือ ปลาน้ำจืด ตัวมีสีขาวใส สวยงาม มีรสชาติอร่อย อุดมไปด้วยโปรตีนและมีไขมันต่ำ เป็แหล่งของสารบำรุงร่างกายต่างๆ
[2] เงินกระปุก หมายถึง การที่เงินเข้าไม่มีออก หากพูดอธิบายถึงลักษณะของคนแล้วมักเปรียบว่าเป็คนขี้งก สิ่งที่ควรซื้อไม่ยอมซื้อ ดังนั้นในที่นี้จึงหมายถึง เจินจูเป็คนชอบกินแล้วยังเป็คนที่ขี้งกเื่การกินอีกด้วย เพราะเนื้อดีๆ สามารถซื้อทานได้ แต่กลับเสียดายแม้แต่งูที่เหมือนไม่ใช่ของเอาไว้กิน