หลังจากอิ๋งเฟิงเดินเข้าไป
ร่างอันบอบบางจนลมสามารถพัดให้ปลิวได้ของโหยวพิงถิงก็เดินเข้ามา น้ำเสียงของนางอ่อนโยน ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเด็กสาวบอบบางเช่นนี้เติบโตขึ้นมาบนหลังม้าที่ชายแดน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝีมือการยิงธนูในวันนั้น ดูไม่เหมือนคนคนเดียวกันจริงๆ
“พี่สะใภ้ ท่านคงมาที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋องเป็ครั้งแรกกระมังเ้าคะ”
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้วอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง “อืม”
‘หวังเฟย’ มาเป็ครั้งแรกนั้นไม่ผิด
ส่วนร่างจิ้งจอกนั้น ไปทั่วทั้งจวนเซ่อเจิ้งอ๋องมาเนิ่นนานแล้ว
“มิน่าเล่า ห้องหนังสือของท่านอ๋องไม่ให้ผู้ใดเข้าไปมาแต่ไหนแต่ไรโดยเฉพาะสตรี ข้าได้ยินว่าตอนแรกมีสตรีแอบเข้าไปในห้องหนังสือของเขา คิดจะทำเื่ไม่ดี ผลลัพธ์คือสตรีนางนั้นกลายเป็ศพในวันต่อมาเ้าค่ะ”
“แล้วอย่างไรเล่า?”
ไป๋เซี่ยเหอไม่เข้าใจเล็กน้อยว่าเหตุใดถึงได้พูดเื่เหล่านี้กับนาง?
“ดังนั้น หากอีกประเดี๋ยวท่านอ๋องปฏิเสธไม่ให้ท่านเข้าไป ท่านก็อย่าได้เสียใจหรือโมโหเลย ข้ามาที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋องนานปานนี้แล้วยังไม่เคยได้เข้าไปเหมือนกันเ้าค่ะ”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอพูดไปอย่างนั้นเอง ทว่าไม่ได้มีความคิดที่จะจากไปแม้แต่น้อย
โหยวพิงถิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ไฝน้ำตามีจิติญญาแห่งสตรีอยู่เต็มเปี่ยม ต้องบอกว่าเป็หญิงสาวที่งดงามจริงๆ
“เพียงแต่ไม่แน่นะเ้าคะ พี่สะใภ้คือคนที่จะต้องแต่งเข้ามา หากถูกท่านอ๋องปฏิเสธต่อหน้าธารกำนัลคงน่าอับอายมาก ท่านอ๋องย่อมปวดใจแน่ ดังนั้นท่านอ๋องคงไม่ปล่อยให้เื่นี้เกิดขึ้น ท่านว่าอย่างไรเ้าคะ?”
“อาจจะ”
บางทีอาจเป็เพราะไป๋เซี่ยเหอดูตอบแบบขอไปทีมากเกินไป
โหยวพิงถิงจึงหน้าซีดลงเล็กน้อย ฟันขาวสะอาดกัดริมฝีปากล่างอย่างแรง นางเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ “พี่สะใภ้ ท่านยังโทษข้าอยู่หรือไม่?”
“วันนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เ้าค่ะ”
นางดูราวกับแกะตัวน้อยไร้พิษภัยที่แสนบริสุทธิ์และไร้เดียงสา
“เื่ผ่านไปแล้ว”
“จริงหรือ? พี่สะใภ้ไม่โทษข้าแล้วจริงหรือเ้าคะ?”
“อืม”
โหยวพิงถิงลูบอกด้วยความโล่งใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “เช่นนั้นก็ดีเ้าค่ะ ข้ายังกลัวว่าพี่สะใภ้จะโทษข้า หากไม่ใช่เพราะข้า คงไม่ทำให้ท่านาเ็ถึงสองครั้งเ้าค่ะ”
“สองครั้ง?”
โหยวพิงถิงเบิกตาโตอย่างไร้เดียงสา ท่าทีดูเสียใจเมื่อรู้ว่าไป๋เซี่ยเหอยังไม่รู้เื่ “ที่แท้พี่สะใภ้ยังไม่ทราบสินะเ้าคะ”
“วันนั้นที่พี่สะใภ้กับท่านอ๋องตกหน้าผา สาวใช้ของท่านวิ่งมาหาท่านอ๋อง ทว่ากลับถูกข้าขวางเอาไว้ ถึงอย่างไรข้างกระโจมของท่านอ๋องก็คือกระโจมของฝ่าา เมื่อข้าเห็นคนบุกรุกย่อมไม่อาจปิดตาลงข้างหนึ่ง นอกจากนี้ ในตอนนั้นข้าไม่รู้ว่านางคือสาวใช้ของพี่สะใภ้เ้าค่ะ”
“สาวใช้ตัวน้อยยังพูดจาคลุมเครือ บุกรุกจะเข้าไปให้ได้ ข้าจึงคิดว่านางเป็มือสังหาร...”
“พอได้แล้ว!”
ดวงตาดำขลับอันสงบนิ่งคู่นั้นของไป๋เซี่ยเหอ ในที่สุดก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นมาเล็กน้อย
นึกไม่ถึงว่านางจะไม่รู้ นึกไม่ถึงว่าเด็กโง่อย่างฝูเอ๋อร์จะถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้
“อันหนิงจวิ้นจู่ ไม่ว่าเ้าจะตั้งใจก็ดี หรือไม่ตั้งใจก็ช่าง เื่พรรค์นี้ เกิดขึ้นครั้งเดียวก็เกินพอ!”
น้ำเสียงของนางเฉยเมยและห่างเหิน ใบหน้าดูเ็าราวกับน้ำค้างแข็ง
“ตลอดมาคนอย่างข้าไม่มีดีอะไร แต่ก็มีนิสัยปกป้องพวกพ้อง”
โหยวพิงถิงคิดไม่ถึงว่าตอนที่ไป๋เซี่ยเหอได้รับาเ็ นางยังไม่โมโหปานนี้ ทว่าเมื่อได้ยินว่าสาวใช้ของตนเองได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจก็เกิดโทสะขึ้นมาทันที
โหยวพิงถิงใ ใบหน้าดูน่าสงสาร “ขออภัยเ้าค่ะพี่สะใภ้ ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้วเ้าค่ะ”
น้ำเสียงของนางเจือเสียงสะอื้นไม่ดังไม่เบา ทว่าหากคนข้างในตั้งใจฟังก็สามารถได้ยิน
ประตูถูกผลักออกมาจนเกิดเสียง
ผู้ที่เดินออกมาคืออิ๋งเฟิง แววตาของโหยวพิงถิงเผยความผิดหวังเล็กน้อยอย่างปิดไม่อยู่ ทว่าก็จัดการอารมณ์กับของตนเองอย่างรวดเร็ว
นางกำกล่องอาหารในมือแน่น ก่อนจะก้าวเท้าออกไปถามอิ๋งเฟิงด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ
“ข้านำกล่องสำรับเข้าไปให้ท่านอ๋องได้แล้วใช่หรือไม่?”
พี่เยี่ยนไหวคงไม่หักหน้านางต่อหน้าคนมากมายปานนี้หรอกกระมัง
เมื่อเห็นแววตาเจิดจรัสที่เต็มไปด้วยความหวังของโหยวพิงถิง อิ๋งเฟิงก็อดรนทนไม่ไหวเล็กน้อย ทว่ายังคงกระแอมเสียงดังออกมาสองที
“ท่านอ๋องแจ้งว่าอนุญาตให้แม่นางไป๋เข้าไปในห้องหนังสือได้คนเดียวขอรับ”
ประโยคนั้นถูกกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำอย่างยิ่ง
โหยวพิงถิงไม่ได้มีเพียงความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับท่านอ๋อง นี่คือสิ่งที่ผู้มีสติปัญญาทุกคนดูออก
ผู้อื่นอาจไม่รู้ ทว่าเขาที่เป็องครักษ์ที่สนิทสนมกับท่านอ๋องมากที่สุดจะยังไม่รู้ได้หรือ? ท่านอ๋องเพียงแสดงความรับผิดชอบต่ออันหนิงจวิ้นจู่เท่านั้น
อันที่จริงในสายตาของท่านอ๋องแล้ว แม้แต่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ
ทว่าหวังเฟยนั้นไม่เหมือนกัน ท่านอ๋องทั้งอุ้มร่างของนางเอาไว้ในอ้อมแขน ทั้งยังอนุญาตให้นางเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว...
นับได้ว่าต้นไม้เหล็กหมื่นปีอย่างท่านอ๋องออกดอกแล้ว พวกเขาที่เป็ลูกน้องต้องรักษาดอกไม้ตูมดอกนี้ให้ดี
ความหวังในแววตาของโหยวพิงถิงมลายหายไป สีหน้าของนางดูเศร้าโศกขึ้นมาทันที
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ปั้ก!
กล่องอาหารหล่นจากมือของนางก่อนจะกระแทกกับพื้น อาหารที่ดูน่ากินหกกระจายเต็มไปหมด
ไป๋เซี่ยเหอเหลือบมองโหยวพิงถิงอย่างเฉยเมย แล้วตามอิ๋งเฟิงเข้าไปในห้องหนังสือ
โหยวพิงถิงกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาแดงก่ำ มองสตรีที่เดินตามอิ๋งเฟิงเข้าไปด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดา
หัวใจของนางราวกับถูกควักออกมาทั้งเป็ จากนั้นใส่ลงไปในหม้อที่มีน้ำมันเดือด นางเจ็บเสียจนหายใจไม่ออก
ข้างกายของเขามีคนเคียงข้างแล้ว ทว่าคนผู้นั้นไม่ใช่นาง...
เมื่อไป๋เซี่ยเหอก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ
นางก็เห็นการตกแต่งที่คุ้นเคย กลิ่นหอมของสะระแหน่ที่คุ้นเคย
ฮั่วเยี่ยนไหวเอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากไว้ เรือนผมยาวมัดเพียงครึ่ง ที่เหลือแผ่สยายอย่างลวกๆ ปกเสื้อชุดคลุมผ้าดิ้นสีน้ำเงินเข้มเผยออกครึ่งหนึ่ง ดูเย้ายวนอย่างอธิบายไม่ได้
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมอง ริมฝีปากบางสีแดงยกขึ้นเล็กน้อย “ฟื้นแล้วหรือ?”
“อืม”
ไป๋เซี่ยเหอไม่รู้ว่าจะถามเื่ราวหลังจากที่นางสลบไปในวันนั้นอย่างไรดี
ความสับสนในแววตาของนางไม่อาจเล็ดรอดสายตาของฮั่วเยี่ยนไหวได้
ริมฝีปากของเขายิ่งยกสูงขึ้น นี่นับได้ว่าเป็ความลับระหว่างพวกเขาหรือไม่?
“เ้าสลบไปสองวันเช่นนี้ ข้ายังกังวลอยู่ว่าจะให้คำอธิบายกับจวนสกุลไป๋อย่างไรดี”
ดวงตางดงามเป็ประกายขึ้นมาทันที ไป๋เซี่ยเหอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะหนังสืออย่างชำนาญทาง “ข้าเพียงสลบไปเช่นนี้หรือ?”
ฮั่วเยี่ยนไหวเล่นพู่กันขนหมาป่าในมือ ก่อนจะมองนางอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แล้วจะมีอะไรอีกเล่า?”
“ไม่มีอะไร”
หัวใจของไป๋เซี่ยเหอตกลงไปในท้อง แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดการพบกันคราวนี้ถึงแตกต่างจากเมื่อก่อน ทว่าก็ดี
ไม่ใช่ว่านางไม่สงสัย ทว่าการที่คนผู้หนึ่งไม่ใช่ทั้งคนไม่ใช่ทั้งจิ้งจอกนั้น อยู่ที่ใดก็นับได้ว่าเป็สัตว์ประหลาด หากฮั่วเยี่ยนไหวรู้ความจริง ย่อมไม่มีท่าทีเฉยเมยเช่นนี้แน่
“มือสังหารในครั้งนี้...”
“ข้าจะให้คำอธิบายกับเ้าเอง”
แววตาของฮั่วเยี่ยนไหวมืดมนลงเล็กน้อย สีหน้าดูไม่ดีนัก
“กล่าวเช่นนี้ท่านรู้ว่าเป็ผู้ใดแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่คนจากแคว้นเทียนเช่อของเรา”
ในยุคนี้ แผ่นดินใหญ่แบ่งออกเป็สามส่วนหลักๆ
นอกจากแคว้นเทียนเช่อที่ไป๋เซี่ยเหออาศัยอยู่แล้ว ยังมีแคว้นตงอูกับแคว้นซีฉวีอีกสองแคว้น
พลังอำนาจของสามแคว้นใหญ่แทบจะทัดเทียมกัน ส่วนแคว้นที่เหลือล้วนมีอำนาจน้อยนิด ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
“เช่นนั้นเป็คนจากที่ใดเล่า?”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้