นี่… ข่มขู่ข้าหรือ?
เสิ่นม่านหรี่ตาลง ขณะที่กำลังจะะเิอารมณ์ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของบุรุษดังขึ้น
“ข้าว่าพวกเ้าไม่ต้องยืมเงินและมาทำงานที่บ้านสกุลเสิ่นดีกว่า”
คนทั้งหมดหันไปมองอย่างประหลาดใจ เห็นเพียงหนิงโม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูโดยไม่รู้ว่ายืนมานานเพียงใดแล้ว
ใบหน้าของผู้ชายคนนี้หล่อเหลารูปงาม แม้จะสวมใส่ผ้าฝ้ายสีดำที่แสนธรรมดา แต่มองดูแล้วราวกับแฝงไปด้วยกลิ่นอายของเทพเซียนผู้บำเพ็ญตนอย่างไรอย่างนั้น
ไม่รู้เพราะเหตุใด แม้ว่าคำพูดของเขาตอนนี้จะทำให้เสิ่นม่านไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่นางก็ยังหุบปากอย่างว่าง่ายและรอดูว่าชายคนนี้จะทำอย่างไรต่อ
ครอบครัวคังที่เมื่อครู่ยังโวยวายอยู่ ขณะนี้ก็นิ่งเงียบโดยไม่รู้ตัว มีเพียงตาเฒ่าคังที่ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
“อา อาจารย์หนิง ท่านพูดจริงหรือ?”
หนิงโม่หาวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวราวกับเพิ่งตื่นนอน ดวงตาคู่สวยยังมีน้ำตาแห่งความง่วงเล็ดออกมา “แน่นอน พวกเ้า้ามาทำงานบ้านสกุลเสิ่นไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็มา”
“ท่านลุงหนิง ไฉนจึงยอมให้ครอบครัวคัง?!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ต้าเป่าก็อดไม่ได้ที่จะะโออกมา “พวกเขารังแกข้ากับท่านแม่เช่นนั้น ท่านยังให้พวกเขามาทำงาน! นี่เท่ากับตั้งใจทำให้ท่านแม่ข้าไม่สบายใจไม่ใช่หรือ?”
หนิงโม่เหลือบมองเขานิ่งๆ ไม่ได้ตอบ นางหยางดีใจออกนอกหน้าและผลักต้าเป่าไปอีกทาง
“เด็กจะเข้าใจอะไร พวกข้าบอกแล้วว่าก่อนหน้านี้เป็เื่เข้าใจผิดกัน! ขอเพียงพวกเ้าให้เราทำงาน เรายอมทำทุกอย่าง!”
หนิงโม่ที่รอจังหวะอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ส่งสัญญาณให้เยี่ยนชีนำสัญญาที่เตรียมไว้ออกมาทันที จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางหัวเราะเบาๆ
“ในเมื่อพวกเ้าตัดสินใจทำงานที่นี่ เช่นนั้นก็ทำสัญญาขายตัวเสีย”
“สัญญาขายตัว?!”
ไม่เพียงแค่ครอบครัวคังเท่านั้น แม้แต่เสิ่นม่านก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถามโดยไม่รู้ตัว
“สัญญาขายตัวอะไรกัน?” มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ?
หนิงโม่เหลือบมองนางพร้อมส่งสัญญาณให้นางเงียบก่อน ส่วนที่เหลือเขาจะจัดการเอง
เขากระแอมและพูดต่อ “ในเมื่อครอบครัวเ้ายากจนถึงขั้นไม่อาจก่อไฟหุงข้าวได้ เช่นนั้นก็ขายตนเองให้แก่สกุลเสิ่น นับจากนี้ไปครอบครัวคังจะกลายเป็บ่าวของสกุลเสิ่น มีค่าแรงให้ใช้จ่าย นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเ้า้าหรือ?”
คังต้าลี่ขมวดคิ้วและเป็คนแรกที่ส่งเสียง “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อขายตัว...”
คนที่ฉลาดย่อมรู้ความแตกต่างระหว่างการขายตัวกับขายแรงงาน หากขายตัวให้กับผู้เป็นาย เช่นนั้นชั่วชีวิตของพวกเขาไม่มีทางหลุดพ้นจากชนชั้นทาสได้ ต้องกลายเป็สุนัขรับใช้ของบ้านนั้นไปจนตาย
โดยเฉพาะสกุลเสิ่นที่เดิมทีมีปมขัดแย้งกับครอบครัวคังอยู่แล้ว หากพวกเขาขายตัวเข้ามาอยู่กับสกุลเสิ่น ลำพังคนในหมู่บ้านก็คงสบโอกาสมาแก้แค้น จัดการหักกระดูกสมาชิกทั้งเจ็ดสกุลคังเป็แน่
แม้ว่าตาเฒ่าคังจะรู้สึกผิดแปลกชอบกลในใจ แต่ขอเพียงมีเงินใช้ เขาก็ยังคงหวั่นไหว “แล้วสัญญาขายตัวราคาคนละเท่าใด?”
หนิงโม่มองเขาพร้อมกับรอยยิ้มไร้อารมณ์ “ราคาตามตลาด ผู้ชายห้าตำลึง ผู้หญิงสามตำลึง ส่วนเด็ก สองตำลึง ทว่ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ”
เอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม
“หลังจากขายตัวให้กับสกุลเสิ่น หากพวกเ้าอู้งาน หรือทำสิ่งใดที่เป็โทษต่อสกุลเสิ่น คนสกุลเสิ่นมีสิทธิ์ขายพวกเ้าต่อให้ผู้อื่น หรือจัดการลงโทษเองเป็การส่วนตัว เงินอยู่นี่แล้ว ยินดีรับไว้หรือไม่ก็แล้วแต่พวกเ้า”
ให้ตายเถิด เช่นนี้แล้วผู้ใดเล่าจะกล้ารับ?
ตาเฒ่าคังมองหนิงโม่อย่างลังเล หลังจากกลอกตาสองรอบก็เผยแววตาเ้าเล่ห์คดโกงออกมา
“เ้าเลิกเอาเื่เหล่านี้มาขู่ข้า วันนี้ข้ามาเพราะ้าเงิน! ไม่ได้มาเพื่อขายตนเอง! บอกมาว่าพวกเ้าจะให้เงินหรือไม่!”
ไม้แข็งไม้อ่อนก็ไม่ได้ผลหรือ? เสิ่นม่านม้วนแขนเสื้อเตรียมเปิดศึก
หนิงโม่หมดความอดทนก่อนนางและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“อยากได้เงินแต่ไม่ยอมขายตัว เยี่ยนชี ส่งแขก!”
“เ้าล้อข้าเล่นหรือ?”
ตาเฒ่าคังที่กำลังจะนอนแผ่หลาบนพื้นเพื่อเตรียมตัวแหกปากร้องโอดครวญ
เมื่อหนิงโม่ให้สัญญาณ เยี่ยนชีก็หิ้วตัวตาเฒ่าโยนออกไปนอกประตูบ้านทันที
“โอ๊ย!”
ตาเฒ่าคังถูกโยนตัวปลิวออกมาจนตาพร่ามัว ได้แต่ส่งเสียงโอดโอย
“เ้าทำร้ายข้าได้อย่างไร? ทุกคนมาดูกันเร็ว จะฆ่าคนแล้ว! คนสกุลเสิ่นจะฆ่าคนแล้ว!”
เมื่อเห็นดังนี้ นางหยางก็กรีดเสียงร้องเสียงดัง ปฏิกิริยาแรกคือ้าทำให้เื่ราวใหญ่โต ทว่าทันทีที่นางแหกปากร้องก็ถูกเสิ่นม่านปิดปากไว้แ่า
“เ้ากล้าแตะต้องเมียข้าหรือ?” คังต้าจ้วงจะเข้ามาชิงตัวภรรยา แต่กลับถูกเยี่ยนชีกวาดขาเตะจนล้ม
เสิ่นม่านปิดปากนางหยางพร้อมทั้งข่มขู่เสียงเ็า
“วันนี้ข้าเล่นกับพวกเ้ามานานแล้ว ถึงเวลาเก็บกวาดเสียที ก่อนจะมาหาเื่ก็ควรสืบดูเสียบ้างว่าโรงทำเต้าหู้สกุลเสิ่นมีผู้ใดอยู่เื้ั! หากยังมีครั้งหน้าอีก เกรงว่าคนตระกูลจางคงได้จับครอบครัวพวกเ้าทั้งน้อยใหญ่เข้ากรงขังทั้งหมดแน่! ถึงเวลานั้น…”
นางจงใจหยุดไปเสี้ยววิ ก่อนจะลากเสียงยาว “คงต้องดูว่าพวกเ้าจะมีชีวิตรอดออกมาก่อเื่วุ่นวายได้อีกหรือไม่!”
หลังจากแน่ใจว่าทุกคนในตระกูลคังได้ยินสิ่งนี้ นางก็ปล่อยนางหยาง
ดั่งที่คาด คนสกุลคังนิ่งเงียบทันใด
วันนี้โรงทำเต้าหู้สกุลเสิ่นเปิดกิจการ คนทั้งหมู่บ้านล้วนได้เห็นว่าสองสามีภรรยาตระกูลจาง ตระกูลใหญ่ในตำบลมาร่วมแสดงความยินดีและนำของขวัญมามากมาย เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าทั้งสองครอบครัวมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ครอบครัวคังกลับมาหาเื่ในเวลาสำคัญเช่นนี้ หากรู้ไปถึงหูของคนตระกูลจางละก็… ผลที่ตามมาคงยากจะคาดเดา!
แม้ว่าวันนี้มาเพื่อเงิน แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่รอดด้วยจึงจะดี
เมื่อนางหยางคิดถึงเื่นี้ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันใด จากนั้นนางกับคังต้าลี่ก็รีบพยุงคังต้าจ้วงที่อยู่บนพื้นให้ลุกขึ้น
หลังดึงคังต้าจ้วงลุกขึ้นเสร็จก็ไปพยุงตาเฒ่าคัง ตาเฒ่ายังคงดื้อรั้นไม่ยินยอม ทว่านางหยางเข้าไปกระซิบข้างหูเขาหลายคำ เขาถึงจากไปอย่างไม่ยินดี
ในที่สุดลานบ้านจึงเหลือเพียงคังต้าลี่กับชุ่ยฮัวภรรยาของเขา คังต้าลี่รู้สึกอับอายขายหน้าและเตรียมพาภรรยาจากไป
ชุ่ยฮัวส่ายหน้าและวางตะกร้าที่มีผ้าขาดๆ ปิดไว้ แล้วเอ่ยพร้อมกับพยุงท้องแก่ “น้องเสิ่น เื่ในวันนี้เป็ความผิดของครอบครัวเราจริงๆ เราสองผัวเมียขอขมาเ้าด้วยมันเทศในตะกร้า เดิมทีคิดอยากนำมาเป็ของขวัญร่วมแสดงความยินดีกับพวกเ้า ตอนนี้ขอมอบให้แทนคำขอขมาก็แล้วกัน”
“ใครจะอยากได้ของขอขมาจากพวกเ้ากัน! คนในครอบครัวคังไม่มีคนดีเลยสักคน!” เสี่ยวหลานฮึดฮัดและโยนตะกร้ามันเทศออกนอกบ้านไป
สามารถทำให้เสี่ยวหลานที่ปกติเป็คนพูดน้อยขี้กลัวโมโหได้ถึงเพียงนี้ เห็นได้ว่าครอบครัวคังล้ำเส้นมากเพียงใด
ชุ่ยฮัวยิ้มอย่างอึดอัด ขณะที่ยังคิดจะพูดอะไรอีกสักหน่อย ทันใดนั้นก็ได้ยินนางหยางที่อยู่ด้านนอกแหกปากะโด่า
“ยังมัวพึมพำอะไรอยู่? คนชั้นต่ำ เ้าคิดว่ามันเทศเน่าหนึ่งตะกร้าของเ้าจะซื้อใจคนเขาได้หรือ? ไว้กลับถึงบ้าน ดูสิว่าข้าจะจัดการเ้าเยี่ยงไร!”
หลังจากถูกดุด่า สองสามีภรรยาก็เผยสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างระอา จากนั้นพากันออกไป
เสิ่นม่านมองไปที่เงาด้านหลังของคังต้าลี่กับภรรยาพลางใคร่ครวญ
“ดูเหมือนว่าคู่ผัวเมียคังต้าลี่จะต่างจากครอบครัวคังต้าจ้วงสินะ?”
-----
