วันเวลาผ่านพ้นไปได้นับสิบปีแล้วของมหาพิภพห้วงมิติพิสดาร ยามนี้หนิงอ้ายได้เติบโตใช้ชีวิตตาม่วัยสิบสองสิบสามปีอย่างสมบูรณ์เพียบพร้อมในทุกด้านเป็อย่างยิ่ง ต่อให้เขาไม่ต้องเร่งเร้าดูดซับพลังลมปราณเขาก็เป็ถึงราชทินนามเทวะิญญา ด้วยความล้ำลึกของโอสถหมื่นชีวันอนันต์มหรรณพรวมไปถึงโอสถวิเศษอื่น ๆ มากมายที่ได้รับการบำรุงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งประสานเข้ากับเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาที่ได้รับยกระดับให้เป็ถึงบทเวทย์ระดับาแล้ว ไม่ว่าจะยามนอนหรือยามตื่น ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามร่างกายนี้ยังคงชักนำกระแสพลังลมปราณฟ้าดินโดยรอบไหลเวียนสู่มหาสมุทรทะเลลมปราณอย่างต่อเนื่อง สถานที่แห่งนี้ยังอบอวลไปด้วยกระแสพลังบริสุทธิ์ยิ่งยวดไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า มากไปกว่านั้นสายเืแห่งเผ่าพันธุ์าทั้งสองได้ค่อย ๆ สอดประสานกันอย่างลงตัว จึงยิ่งส่งเสริมให้ศักยภาพในทุกด้านของหนิงอ้ายถูกกระตุ้นอย่างถึงขีดสุดและแน่นอนว่าความทรงจำเดิมทั้งหมดก็หวนคืนกลับมาแล้วเช่นกัน
ย้อนกลับไป่ที่หนิงอ้ายได้รับความทรงจำเดิมทั้งหมด ยอมรับว่าเขานั้นไม่สามารถรับมือตั้งรับได้ทันอย่างแท้จริง ด้วยเพราะว่าครั้งนี้ถือว่าเป็ชีวิตที่สามของเขาแล้ว ความทรงจำเดิมในชีวิตที่หนึ่งและชีวิตที่สองต่างผสมปนเปจนไม่อาจแยกแยะสิ่งใดได้ทั้งสิ้น ยิ่งเป็ร่างของเด็กน้อยที่ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือสิ่งต่าง ๆ ได้ นี่จึงทำให้ใน่สองถึงสามปีแรกนั้นหนิงอ้ายเอาแต่เก็บตัวและพูดคุยสนทนากับทุกคนรอบข้างน้อยครั้งเป็อย่างมาก แม้แต่จักรพรรดินีฟางเยว่กับฟานหลิง สองแม่ลูกแห่งเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์ที่คอยเลี้ยงดูั้แ่เขาจำความได้ก็ยังพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
ความรู้สึกยินดี โศกเศร้า ความคิดถึงคะนึงหาต่าง ๆ มากมายล้วนเข้าถาโถมกดทับลงกลางใจของหนิงอ้ายคงไม่เกินจริงไปนัก ต่อให้ความทรงจำเดิมทั้งหมดจะหวนกลับคืนมา ทว่ากับสภาพร่างกายและห้วงอารมณ์ความนึกคิดที่ไม่ต่างไปจากเด็กน้อยคนหนึ่ง ด้วยสภาพแวดล้อมหรือร่างกายเองที่ยังไม่คุ้นชินเองกล่าวว่ามีผลกระทบไม่น้อยต่อความรู้สึกของหนิงอ้ายเช่นกัน สถานการณ์ความตึงเครียดนี้ทำให้เทพาทั้งสองรวมไปถึงสองแม่ลูกเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์รู้สึกกังวลและเป็ห่วงหนิงอ้ายอยู่ไม่น้อย จนเมื่อเสวี่ยจิงได้หวนกลับคืนมายังเกาะพิศดารแห่งนี้และทราบเื่ราวต่าง ๆ ทั้งหมดจึงเข้ามาพูดคุยบางอย่าง จากนั้นให้หลังไม่นานหนิงอ้ายจึงเริ่มปรับตัวได้ในที่สุดและตั้งใจฝึกฝนเคล็ดวิชาในมหาพิภพพิศดารทุกแขนง ด้วยเพราะรู้ถึงในเื่ที่ว่าในวันหนึ่งเขานั้นสามารถกลับไปยังมหาทวีปบูรพาอันเป็ที่ตั้งของตระกูลหวังได้เช่นกัน
“หนิงอ้ายเ้าจะกลับคืนสู่ดินแดนเดิมของเ้าจริง ๆ อย่างนั้นรึ??” ฟานหลิงถามไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่หลากหลาย ตลอดหลายปีมานี้หนิงอ้ายเป็ทั้งน้อง เป็เพื่อน เป็ทุกสิ่งอย่าง แม้จะเป็เวลาไม่กี่ปีที่พวกเขาได้เติบโตมาด้วยกันย่อมมีความรู้สึกผูกพันกันอย่างแท้จริง การที่ได้รับรู้ว่าในสักวันหนึ่งจะต้องแยกจากกันนั้นจึงอดที่จะเศร้าใจเสียไม่ได้
“ข้าต้องขอโทษท่านพี่กับท่านน้าด้วย อย่างไรข้าก็ต้องกลับไปยังดินแดนเดิมที่ข้าจากมาในสักวัน การที่ข้าตายจากเช่นนี้คงทำให้พวกเขาทุกข์ใจทรมานมากเป็แน่...” หนิงอ้ายถึงกับเงียบไปสักครู่ก่อนจะเรียบเรียงคำตอบกลับไป ตลอดเวลาหลายปีมานี้เขาก็มีความผูกพันกับท่านน้าฟางเยว่กับฟานหลิงไม่น้อย อย่างไรทั้งสองก็คอยเลี้ยงดูเขาั้แ่เด็กจนเติบใหญ่มาถึงทุกวันนี้ การที่ต้องแยกจากในสักวันสิ่งนี้ย่อมทำให้เขารู้สึกเ็ปใจไม่ต่างกัน
“พี่ไม่อาจติดตามเ้ากลับไปยังดินแดนเดิมของเ้าได้ ยามนี้เผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์มีปัญหาเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย คงถึงเวลาหวนกลับคืนในสักวัน...” สายตาของฟานหลิงทอดมองหนิงอ้ายผู้เป็ดั่งน้องชายที่เติบโตมาด้วยกัน จากก้อนซาลาเปาน้อยสีขาวในวันวาน ยามนี้อีกฝ่ายได้กลายเป็เด็กวัยสิบสองสิบสามปีที่มีผิวพรรณขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ ใบหน้านั้นงดงามยิ่งกว่าผู้ใดที่เขาเคยพบเจอเสียด้วยซ้ำ แม้กระทั่งกับเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์ที่ชื่อในรูปลักษณ์งดงามดั่งนางเซียนยังด้อยกว่าหนิงอ้ายไม่รู้กี่เท่า
“จากกันครั้งนี้ใช่ว่าเราจะไม่พบเจอกันอีกในสักวัน ครั้งนี้เป็เพียงอีกหนึ่งแบบทดสอบที่เราต้องแยกย้ายกันไปเติบโตและทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด พี่ฟานหลิงเป็ถึงองค์รัชทายาทเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์ไม่อาจติดตามข้าโดยละทิ้งหน้าที่อันยิ่งใหญ่นะขอรับ” หนิงอ้ายระบายยิ้มตอบกลับไป ทุกคนย่อมมีหน้าที่เป็ของตัวเองทั้งสิ้น แน่นอนว่าเขาก็มีเส้นทางที่ต้องเติบโตเช่นกัน
“ป้ายหยกที่พี่มอบให้เ้าจงเก็บรักษาไว้ให้ดีเล่า ป้ายหยกชิ้นนั้นที่มีจิติญญาประทับอยู่ หากเ้าตกอยู่ในอันตรายหรือ้าความช่วยเหลือให้รีบส่งสัญญาณได้เสมอ ในสักวันเราสองคนพี่น้องต้องได้พบเจอกันอีกครั้งและเ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี เข้าใจหรือไม่??” ฟานหลิงเอ่ยย้ำไปเพื่อความมั่นใจแม้จะรู้ว่าน้องน้อยของเขาคนนี้หาใช่อ่อนแอตามรูปลักษณ์ภายนอกแต่อย่างใด
“เข้าใจแล้วขอรับ”
“ท่านลุงเสวี่ยจิงมอบหมายให้เ้าไปตามหาสมุนไพรให้เวลาทั้งหมดกี่วันอย่างนั้นรึ??”
“ให้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือนขอรับ ท่านอาจารย์ตั้งใจให้ข้าไปหาสมุนไพรระดับ์มาสักสองสามชนิดเพื่อปรุงโอสถเพิ่มพลังจิติญญาให้เพิ่มพูนมากกว่านี้...” หนิงอ้ายตอบกลับไป สมุนไพรทั้งหมดในมหาพิภพพิศดารแห่งนี้หาหเทียบกับดินแดนเดิมของเขาแล้วกล่าวว่าล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันอยู่บ้าง นี่จึงทำให้เขาต้องเรียนรู้และจดจำทั้งหมด แต่คล้ายกับว่าหลังจากเกิดใหม่ในครั้งนี้ความทรงจำของเขาจะดีเลิศเป็อย่างมาก ด้วยความสามารถและระดับฝีมือในยามนี้เขาสามารถปรุงโอสถระดับหกออกมาในความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่าแปดส่วนเลยทีเดียว
“ถือว่าเป็การทบทวนวิชายุทธ์ใหม่ที่ท่านลุงม่อเหยียนสอนเสียแล้วกัน ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟานหลิงกล่าวด้วยความรู้สึกขบขันอยู่ไม่น้อย
ตู้ม!!!
เสียงะเิดังสนั่นก้องไปทั่วสารทิศก่อนที่คลื่นพลังปราณอันกล้าแกร่งจะสาดซัดออกกระจายรอบด้าน หางของอสูรวานรที่ไม่ต่างไปจากแส้สีน้ำตาลเข้มได้ฟาดลงจนทำให้บริเวณส่วนนั้นแตกทลายเป็ทางยาว สัตว์อสูรตรงหน้านี้หากเทียบกับดินแดนเดิมแล้วคงไม่ด้อยกว่าระดับมายาขั้นกลางเป็อย่างน้อย อสูรวานรตรงหน้ากำลังะเิขุมพลังอันมหาศาลอีกครั้ง พื้นที่โดยรอบต่างเข้มข้นไปด้วยปราณธาตุลมที่กล้าแกร่งไม่สามัญ ขุมพลังสายนี้เทียบเท่ากับราชทินนามราชันิญญาที่ไม่อ่อนด้อยผู้หนึ่งเลยทีเดียว ความแปลกประหลาดของเผ่าพันธ์ในมหาพิภพนี้นอกจากจะมีความแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าสัตว์อสูรทั่วไปแล้ว ยังคงเต็มไปด้วยความลี้ลับของสายเืที่ซ่อนเร้นอีกด้วย
“หนิงอ้ายเ้าระวังตัวด้วยเล่า” ฟานหลิงกล่าวขึ้นเสียงดังด้วยเพราะการรับการโจมตีเมื่อครู่
“ข้าไม่เป็ไรท่านพี่ ทำตามแผนการเดิมนะขอรับ!!!” หนิงอ้ายะโตอบกลับไปหลังจากปราดร่างด้วยวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ที่ได้รับการยกระดับถึงขีดสุด ใบหน้างามเผยความเคร่งเครียดออกมาเล็กน้อยก่อนจะประสานมือเป็ท่วงท่าหนึ่งอย่างฉับไว
มหาบุปผชาติอัคคีจำเเลงลักษณ์!!
พริบตานั้นกระแสพลังปราณสุริยะธาตุได้พวยพุ่งออกมาก่อนจะผนึกขึ้นเป็บุปผาอัคคีดอกหนึ่ง ก่อนที่สะเก็ดเพลิงสีรุ้งโดยรอบจะแปรเปลี่ยนเป็สะเก็ดเพลิงน้อยใหญ่ที่มีเปลวเพลิงสีแดงทองลุกโหมรุนแรง เพียงบัญชาการในใจเท่านั้นบุปผาอัคคีพร้อมกับสะเก็ดเพลิงเหล่านี้ต่างพวยพุ่งออกไปโจมตีอสูรวานรตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ
ตู้ม!!
อย่างไรก็ตามอสูรวานรตัวนี้ก็สมกับเป็ตัวตนที่อาศัยอยู่ในพิภพพิสดารแห่งนี้จึงไม่อาจเพลี่ยงพล้ำได้โดยง่าย ปราการวายุสีน้ำตาลเข้มได้ปรากฏขึ้นต้านรับการโจมตีของหนิงอ้าย กลายเป็วังวนวายุที่ตรึงบุปผาเพลิงเหล่านี้ไว้กลางอากาศ เมื่ออสูรวานรตนนี้ได้ถูกแย่งชิงความสนใจโดยหนิงอ้ายแล้ว ฟานหลิงไม่รอช้าปราดร่างเข้ามาด้วยสุดยอดวิชาตัวเบาเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว หนึ่งหมัดไร้ลีลาอันเกิดจากิญญายุทธ์ได้ถูกชกออกไปด้วยพละกำลังมหาศาลของสายเืเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยปราณธาตุเหมันต์ที่ลึกล้ำเข้ากระแทกใส่กลางลำตัวของอสูรวานรอย่างเต็มแรง
โฮก!!
อสูรวานรร้องดังออกมาอย่างเ็ป ด้วยเพราะหนึ่งหมัดอันไร้ลีลาเมื่อครู่นอกจากจะเต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาลแล้ว ยังแฝงเร้นไปด้วยปราณเหมันต์แปลกประหลาด ดังนั้นการโจมตีเมื่อครู่หากจะกล่าวว่าไม่สร้างความเสียหายใดย่อมเป็ไปไม่ได้ ฟานหลิงถอยห่างออกมาได้ทัน ก่อนที่ส่วนหางของวานรนั่นจะเข้าฟาดตีโต้กลับอย่างหนักหน่วง
ไม่รอช้าหนิงอ้ายะเิพลังปราณของราชทินนามเทวะิญญาออกมา แรงกดดันมหาศาลที่เกินกว่าเขตขั้นเดียวกันไม่รู้กี่ร้อยพันเท่าได้ถาโถมกระหน่ำถึงขีดสุด และด้วยจิติญญาของนักปรุงโอสถที่ลึกล้ำที่อยู่ได้สะกดข่มตรึงอสูรวานรตรงหน้าให้ชะงักงันสั่นสะท้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทักษะิญญาที่หนึ่ง สรรพธาตุหมื่นเทวะโลหิตอัคคีมายา!!
หนิงอ้ายประสานมืออย่างรวดเร็วพร้อมกับบัญชาการทักษะิญญาที่หนึ่งของิญญายุทธ์ปราณสุริยะธาตุออกมาเกิดเป็เขตแดนอัคคีคลอบคลุมพื้นที่หนึ่งลี้โดยรอบ เปลวเพลิงสีแดงประกายทองแปรเปลี่ยนเป็หยาดฝนโลหิตที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในเขตแดนนี้ไม่ต่างไปจากถูกแผดเผาไปถึงระดับจิติญญา แน่นอนว่าอสูรวานรในยามนี้ต่างร้องโหยหวนทรมานดังลั่นทุรนทุรายยิ่ง
ทักษะิญญาที่หนึ่ง ลิ่มหยกห้ามัจจุราชเงามรณะ!!
หนิงอ้ายใช้จังหวะนี้บัญชาการอีกหนึ่งิญญายุทธ์ในทันที ปรากฏเป็มีดบินเก้าเล่มที่อาบย้อมไปด้วยปราณธาตุพิษที่กล้าแกร่งพร้อมกับกลิ่นคาวเลี่ยนแห่งพิษแผ่ซ่านกำจายไปโดยรอบ ก่อนที่มีดบินทั้งเก้าจะพุ่งเข้าตัดส่วนลำตัวและศีรษะของอสูรวานรตรงหน้าจนล้มลงและสิ้นใจไปในที่สุด
“ฝีมือของเ้าช่างลึกล้ำเฉียบขาดเสียจริงน้องพี่...” หลังจากที่หนิงอ้ายสลายิญญายุทธ์ทั้งสองแล้วเขาจึงปราดร่างพุ่งทะยานเข้ามาในทันที อสูรวานรตรงหน้านี้สมกับเป็สัตว์อสูรระดับมายาที่มีความแข็งแกร่งไม่น้อย กับพวกเขาที่ร่วมมือยังตั้งรับปะทะได้อย่างไม่ง่ายเท่าไหร่นัก แม้ว่าพวกเขาก็ลงมือได้สำเร็จในท้ายที่สุด
“เ้าได้รับาเ็ตรงที่ใดหรือไม่ หากเป็เช่นนั้นท่านแม่คงต้องลงโทษพี่อีกแน่” ฟานหลิงเอ่ยเสริมขึ้นอย่างเสียไม่ได้ มารดาของเขาเลี้ยงอีกฝ่ายมาั้แ่เด็กน้อย ใบหน้างามล้ำของหนิงอ้ายนั่นชวนให้ผู้คนเอ็นดูได้อย่างไม่ยากแล้ว แม้จะรู้ว่าเด็กหนุ่มมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งเป็อย่างมากด้วยการสอนสั่งจากท่านม่อเหยียนผู้เป็ถึงเทพาาก็ตาม
“พี่ฟานหลิงเป็กังวลมากไปแล้ว การเสาะหาสมุนไพรและวัตถุดิบในการปรุงโอสถนี้ไม่ต่างจากการฝึกฝนให้มีความเชี่ยวชาญในทุกด้าน อีกทั้งยังมีท่านพี่ที่ช่วยเหลือข้าในครั้งนี้ ฝีมือของท่านกล่าวว่าเหนือล้ำไม่ธรรมดาสามัญ หากนับจากดินแดนเดิมของข้าแล้วท่านพี่ย่อมเป็อีกหนึ่งสุดยอดรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยพร์ระดับแนวหน้าอย่างแน่นอนขอรับ...” หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับจัดเก็บร่างไร้ิญญาของอีกฝ่ายไว้ในแหวนมิติ โดยตั้งใจว่าจะมอบให้แก่เจียวซิ่นเพื่อดูดซับภายหลัง แน่นอนว่ายามนี้จิติญญาแห่งปราณธาตุทั้งสี่ของหนิงอ้ายล้วนได้รับการรักษาเยียวยาจนกลับมาเป็ปกติแล้วทั้งสิ้น ไม่เพียงเท่านั้นยามนี้ถึงกับหวนคืนสู่ระดับต้นกำเนิดเสียด้วยซ้ำ ส่วนเจียวซิ่นนั้นพึ่งตื่นจากการหลับใหลในมหาสมุทรทะเลลมปราณใน่สามถึงสี่ปีมานี้ ทางฝั่งของม่อเหยียนได้ขอตัวอีกฝ่ายไปฝึกฝนในแดนลับที่อีกไม่นานคงถึงกำหนดกลับแล้วเช่นกัน
“ความสามารถของเ้าเองก็ไม่แตกต่างไปจากพี่ไปเสียเมื่อไหร่กล่าวว่าอาจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้เ้าที่อายุเพียงสิบสองสิบสามปี แต่กลับเป็ถึงราชทินนามเทวะิญญาที่หากเปรียบเทียบไปแล้วย่อมไม่ต่างไปจากราชทินนามราชันิญญาขั้นต้นเสียด้วยซ้ำ ไม่นับรวมถึงความสามารถในการปรุงโอสถที่ก้าวหน้าเป็อย่างมากสมกับเป็ศิษย์คนสุดท้ายของเทพโอสถาเสวี่ยจิง และเ้ายังเป็ศิษย์สายตรงของเทพแห่งโชคชะตาาห่าวหรานที่ ได้รับสิทธิวิชามหาจักษุ์อนันตมายาที่สามารถทำนายดวงชะตาและมองเห็นทุกสรรพสิ่ง มากไปกว่านั้นยังเป็บุตรบุญธรรมของเทพแห่งาาม่อเหยียน เ้าดูเอาเถิดว่าเื้ัสนับสนุนเ้านั้นเป็ตัวตนระดับใดกัน...”
“ข้าเพียงได้รับความเมตตาเอ็นดูจากท่านเทพาทั้งสามและมารดาของท่านเพียงเท่านั้น หลังจากที่ข้ากลับดินแดนเดิมและจัดการเหล่ามารที่เป็ภัยร้ายของมหาพิภพได้สำเร็จ ข้าจะตอบแทนพวกท่านในสักวันอย่างแน่นอนขอรับ”
“พี่เชื่อว่าท่านเทพาทั้งสามรวมไปถึงท่านแม่คงไม่้าสิ่งใดทั้งสิ้น หวังแต่เพียงเ้าเติบโตไปอย่างมั่นคงแข็งแกร่งให้ดีที่สุดและทุกคนจะอยู่คอยช่วยสนับสนุนเ้าเอง เอาละ! พวกเรายังต้องเดินทางกันต่อ ยังเหลือสมุนไพรอีกสองสามชนิดและวัตถุในการหลอมสร้างศาตราวุธอีกส่วนหนึ่ง ที่ตั้งของสิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ตรงมหาสมุทรทางทิศใต้และอยู่ห่างกันพอสมควร หากไม่รีบเร่งออกเดินทางในตอนนี้คงไม่ทันตามกำหนดการณ์เป็แน่...” ฟานหลิงเอ่ยสรุปขึ้นก่อนจะตวัดเรียกเอาเรือเหาะขนาดเล็กออกมาจากห้วงมิติเก็บของ
เพียงปรากฏขึ้นในฝ่ามือนั้นกลิ่นอายของสมบัติวิเศษระดับตำนานได้แผ่ซ่านออกด้วยกระแสพลังแปลกประหลาด หนิงอ้ายพยักหน้าตอบรับฟานหลิงผู้ที่ตนยอมรับว่าเป็ดั่งพี่ชาย เมื่อถ่ายเทพลังลมปราณลงไป เรือเหาะดังกล่าวจึงขยายใหญ่ขึ้นพรวดพราดก่อนที่หนิงอ้ายกับฟางหลิงจะปราดร่างเหาะเข้าไปด้านใน จากนั้นเรือเหาะก็แล่นออกไปด้วยพลังปราณควบคุมออกไปอย่างรวดเร็วด้วยเพราะตอนนี้หนิงอ้ายต้องเติบโตและเรียนรู้เกี่ยวเกี่ยวประสบการณ์ของมหาพิภพนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองให้ได้มากที่สุด...