การพบกันครั้งแรกของกู้หลานอันและเจาเยี่ยในชาติที่แล้ว
ท่ามกลางแสงสีสถานบันเทิงยามค่ำคืน เหล้าหลากสีมอบความเคลิบเคลิ้มให้กับผู้คนกู้หลานอันนั่งอยู่ในบาร์ดาราที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง ในมือจับแก้วไวน์ราคาสูงเขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างามในขณะที่กรอกไวน์เข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า
เมื่อนึกถึงโทรศัพท์ที่แม่เขาโทรหาในวันนี้ เขาก็ยิ้มขึ้นมามองแก้วไวน์พลางส่ายหัว แล้วพูดขึ้นมาว่า “แม่ตอนนี้ผมจะกลับบ้านไปได้ยังไง? ตอนนี้ผมเป็อะไรไปแล้ว? ขยะ แม่ครับ คุณชายแห่งเหิงอันลูกชายคนเดียวของตระกูลกู้ตอนนี้เป็ขยะไปแล้ว ผมกลับไปไม่ได้แล้วั้แ่ตอนที่ผมถูกวางแผนให้เป็ตุ๊กตาของตาเฒ่านั่น ผมก็ไม่มีหน้ากลับไปอีกแล้วตระกูลกู้ พ่อแม่ ผมก็ไม่สามารถสลัดมันออกไปได้ แม่ครับ ผมขอโทษ ขอโทษ แม่ครับผมคิดถึงแม่ ผมอยากกลับบ้านแล้ว! แม่...”
“โตขนาดนี้แล้วยังร้องหาแม่อยู่อีกเหรอ? ” ในขณะที่กู้หลานอันกำลังเสียใจมีเสียงที่แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะลอยมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นน้ำตาของเขาก็หยุดไหลหันกลับไปมองด้วยสายตาเมินเฉยเห็นคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สดใสคนหนึ่งมาพร้อมกับคนที่รูปร่างหน้าตาโดดเด่นอีกกลุ่มหนึ่งดูเหมือนจะเป็หนุ่มวัยละอ่อนหน้าตาดีของสตูดิโอสักแห่ง
“ไม่ต้องร้องหาแม่แล้ว มา เดี๋ยวอาเฮียจะเล่นเป็เพื่อนเธอเองรับรองว่ามีความสุขมากกว่าตอนอยู่กับแม่เธอเสียอีก” คนคนนั้นพูดต่อเพราะรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นสายตาของกู้หลานอัน
“สวะที่ไหนกล้ามาเห่าอยู่ตรงหน้าฉันเนี่ย? ” กู้หลานอันเงยหน้ามองเขา สายตาดูถูก
“แกพูดว่าใครเป็สวะ? แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็ใครถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน? ” คนผู้นั้นได้ยินที่เขาพูดก็โกรธขึ้นมาทันที พลางชี้หน้าด่าทอและถามเขา
“ไม่รู้ และก็ไม่จำเป็ที่จะต้องรู้ กับคนอย่างแกเนี่ย แค่ได้ยินชื่อฉันก็รู้สึกว่ามันจะทำให้หูของฉันสกปรกขึ้นมาทันที” กู้หลานอันฉีกยิ้มโซเซลุกขึ้น กำลังจะเดินออกไป ก็ได้ยินคนคนนั้นพูดขึ้นมาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นแกรูปร่างดีแกนึกว่าคนอย่างฉันจะอยากมาคบค้าสมาคมกับคนที่ดูเหมือนครึ่งผีครึ่งคนอย่างแกเหรอ?(ชาติที่แล้วกู้หลานอันไว้ผมยาว) ยังกล้ามองข้ามความหวังดีของฉันอีกพวกแก ใครก็ได้ กระทืบมันให้หนัก”
สิ้นเสียงคนคนนั้นเขาก็ถูกทุบตีอยู่สักพัก กู้หลานอันมองเท้าของคนเ่าั้ยันลงมาบนร่างของเขาด้วยสายตาเ็าใบหน้านิ่งเฉย แววตานิ่งงัน ตีเลย ถ้าตายได้ก็คงจะดี กู้หลานอันยิ้มอย่างยั่วยวนแม้ว่าเส้นผมยาวจะปิดบังใบหน้า แต่ว่ารอยยิ้มที่เผยออกมานั้นก็ยังคงเจิดจ้า
เจาเยี่ยที่ถูกเพื่อนเชิญมาบังเอิญเดินเข้ามาเห็นฉากนี้พอดีมันแทงเข้าหัวใจที่ไร้ความรู้สึกมาั้แ่ไหนแต่ไรของเขา ช่างคุ้นเคยเหลือเกินรอยยิ้มแบบนี้เขามักแขวนไว้บนใบหน้าตอนที่เขาถูกพ่อแม่ทุบตีทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดหย่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้” ไม่รู้ว่าเป็เสียงใครที่ดังลอดออกมากลุ่มคนที่กำลังทุบตีเขาอยู่ก็หยุดชะงักกู้หลานอันเงยหน้าก็เห็นร่างคนที่คุ้นตาเดินมาหาตัวเอง เจาเยี่ยก็ยังคงดูเจิดจรัสเหมือนกับตอนที่ตัวเองเข้าร่วมประกวดการแข่งขันรายการพรุ่งนี้ฉันจะเป็ซุปเปอร์สตาร์ยังไงยังงั้นรูปร่างหน้าตาดุจภาพวาด สง่างามดั่งเทพหนุ่ม
เห็นเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น จู่ๆ กู้หลานอันก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อยพยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้น แต่เจ็บจนลุกไม่ขึ้น เขาจึงหดตัวลงเหมือนเดิม
“ยังทนไหวไหม? ” เสียงอ่อนโยนของคนนั้นลอยมาจากตรงหน้าทันใดนั้นกู้หลานอันก็รู้สึกอยากร้องไห้ หันศีรษะกลับมาแล้วผงกหัวหงึกๆ
“ยังทนไหวก็ดีแล้ว งั้นอดทนอีกหน่อยนะ อีกเดี๋ยวฉันจะพานายไปโรงพยาบาล” เมื่อพูดจบเจาเยี่ยก็จะลุกขึ้นแต่แขนเสื้อกลับถูกดึงไว้
“นายจะช่วยฉันแก้แค้นเหรอ? ” กู้หลานอันพูดด้วยเสียงอ่อนแรงจนเกือบจะไม่ได้ยิน แต่เจาเยี่ยกลับฟังออกอย่างชัดเจน
“อืม” เจาเยี่ยมองร่างผอมแห้งของเขาคนที่ผอมจนเกือบเหลือแต่กระดูกแบบนี้ยังกล้าให้คนรุมตีเยอะขนาดนี้สวะแบบนี้ถ้าไม่จัดการก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม
“ถ้านายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันก็ไม่ต้องมาช่วยถ้าหากนายไม่ได้ตั้งใจจะข้องเกี่ยวกับฉัน ก็อย่ามายุ่งเื่นี้” กู้หลานอันจับพลัดจับผลูพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวความอ่อนโยนของเจาเยี่ยก็เหมือนกับยาพิษ ค่อยๆ มอมเมาจนเขาสามารถกระทำความผิดทำให้เขาทำเื่ที่แปลกประหลาดจนตัวเองก็ไม่มีทางเข้าใจได้
เจาเยี่ยไม่ได้พูดอะไร กู้หลานอันยิ้มอย่างประชดทันใดก็เพราะตัวเองเป็แบบนี้ แล้วยังมีหน้าอยากไปข้องเกี่ยวกับเขาอีกเริ่มแรกอาจจะรักมากมาย แต่พอผ่านไปความรู้สึกก็เปลี่ยนแปลงความรักทั้งหมดล้วนเป็ลักษณะนี้ไม่ใช่หรือ? พอคิดแบบนี้เขาก็ปล่อยมือที่ดึงแขนเสื้อของเจาเยี่ยอยู่ แต่กลับถูกเจาเยี่ยคว้าไว้ระหว่างนั้น “ได้ ั้แ่นี้ต่อไปฉันจะเป็คนของนาย” เสียงเจาเยี่ยลอยมาจากตรงหน้าอย่างแ่เบาแม้ว่าเสียงจะไม่ดังแต่กับกู้หลานอันเมื่อฟังแล้วกลับดังก้องจนหูจะหนวก
เมื่อพูดจบ เจาเยี่ยก็ดึงมือของกู้หลานอันแล้วประคองเขาให้ลุกขึ้นมาพิงในอ้อมแขนและเดินเข้าไปหาคนพวกนั้น
“เจา ซุปเปอร์สตาร์เจา คุณมาได้ยังไงเนี่ย? คุณพวกคุณรู้จักกันเหรอ? ” เมื่อเห็นเจาเยี่ยคนที่มีชื่อเสียงเื่อนามัยจัดในวงการบันเทิงกำลังกอดคนที่ถูกรุมตีอยู่เมื่อสักครู่บุคคลผู้นั้นก็ตกตะลึงจนพูดติดอ่างขึ้นมาทันที
“อืม เขาเป็แฟนของผมเอง” เจาเยี่ยพูดออกไปตรงๆด้วยน้ำเสียงเ็า
“อะ...ไรนะ?! ” เขาคนนั้นใจนหน้าซีด รีบกล่าวคำขอโทษ “ซุปเปอร์สตาร์เจาขอโทษด้วยผมไม่ได้ตั้งใจ ผมดูไม่ออกจริงๆ ว่าสเปกคุณจะโดดเด่นขนาดนี้ ขอโทษด้วยขอโทษด้วยผมมีตาแต่หามีแววไม่ ผมสำนึกผิดแล้วขอให้คนสูงส่งอย่างคุณอย่าถือสาคนต่ำต้อยอย่างผมเลย ให้อภัยผม...”
เจาเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองดูเขา รอเขาพูดจนเหนื่อยแล้วก็มองไปยังคนที่อยู่บริเวณรอบๆ “พวกคุณเอาขาข้างไหนเตะเขา”
เห็นคนหนึ่งร้อนตัวรีบหดเท้าขวาของเขา เจาเยี่ยปล่อยกู้หลานอันแล้วเข้าไปตรงหน้าเขาที่ตัวสั่นไม่หยุดเงื้อมือปล่อยหมัดใส่หน้าเขา และยกเท้าขึ้นมาเหยียบลงไปบนขาของเขาอย่างแรง
“อ๊าก...” ครู่เดียวเสียงร้องอย่างเ็ปก็ลอยออกมาเจาเยี่ยไม่ได้มองดูเขาเลยสักนิด ประคองกู้หลานอันแล้วออกไปทันที
กู้หลานอันไม่พูดอะไรเลยตลอดทางและไม่ได้มองเจาเยี่ย ส่วนเจาเยี่ยก็มองาแของเขาเท่านั้นและไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน
“นี่คือ? ” เห็นเจาเยี่ยประคองคนคนหนึ่งมาแต่ไกลเหวินเซินเท่อรีบลงจากรถแล้ววิ่งออกไปช่วยประคองขึ้นมาในรถแล้วถามเขา
“คนของฉัน” เจาเยี่ยพูดเบาๆ แต่อ่อนโยน “ขับรถไปโรงพยาบาลก่อนแล้วฉันค่อยอธิบายให้นายฟัง”
“ได้” เหวินเซินเท่อผงกหัว
เมื่อเริ่มออกเดินทาง เจาเยี่ยมองไปทางกู้หลานอันมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างอยู่ในใจ จู่ๆ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าเมื่อสักครู่ทำไมถึงได้พูดอะไรแบบนั้นแม้ว่าจะเห็นใจเขา แต่คนอย่างเจาเยี่ยคนนี้ ก็ไม่ใช่คนที่ยอมเสียสละตัวเองง่ายๆเพียงเพราะความเห็นใจ เขารู้แค่ว่า ตัวเองทนเห็นท่าทางสิ้นหวังของเขาไม่ได้
“เจ็บมากไหม? ” พอบรรยากาศเงียบลงเจาเยี่ยก็หาเื่ชวนคุย
“ไม่เจ็บ” กู้หลานอันพูดเสียงแหบ
“อืม” เจาเยี่ยตอบเอื้อมมือออกไปปัดผมเขาขึ้นโดยไม่รู้ตัวมองดูอย่างประหลาดใจเล็กน้อยที่ใบหน้าต่อให้เปียกไปด้วยเหงื่อและเืก็ไม่มีผลต่อความสุนทรีย์ในความงามของใบหน้าเลยสักนิดแล้วสายตาพลันเปลี่ยนไปมองมือของกู้หลานอันที่จับตะเข็บกางเกงไว้แน่นเจาเยี่ยส่งกระดาษทิชชูให้เขาเช็ดหน้า เหน็บผมของเขาไว้หลังหูแล้วโอบเขาไว้ในอ้อมกอดพลางพูดว่า “ในเมื่อเป็คนของฉันแล้วก็ไม่ต้องประหม่าขนาดนั้น ฉันไม่ใช่คนเลว ฉันจะเป็แฟนในอนาคตของเธอ”
คำพูดนี้แฝงไปด้วยความทีเล่นทีจริง แต่ฟังแล้วก็รู้สึกถึงความจริงจังกู้หลานอันเม้มปากแล้วพูดว่า “ฉันรู้จักนาย ซุปเปอร์สตาร์เจา” พูดจบก็เงียบไปสักครู่แล้วพูดต่อว่า “เมื่อกี้เป็เพราะว่าฉันเฝ้าปรารถนาที่จะมีที่พักพิงมากจึงหุนหันพลันแล่นพูดออกไปแบบนั้นถ้าหากว่า...” กู้หลานอันรู้สึกว่าพูดไม่ออกผ่านไปครู่หนึ่งแล้วก็แข็งใจพูดต่อว่า “ถ้าหากว่านายไม่เต็มใจนายกลับคำได้นะ ไม่จำเป็ต้องลำบากใจเพื่อคนอย่างฉัน” ฉันทนเห็นนายลำบากใจไม่ได้
