หลังจากไล่เซียวเจวี๋ยออกไปแล้ว ชิงอีก็นอนลงบนเตียงราวกับคนไร้ค่า
“วันนี้ที่เ้าเดินไปรอบๆ จวนเซ่อเจิ้งอ๋องเจออะไรบ้างหรือไม่?” ชิงอีลูบขนนุ่มๆ บนตัวเ้าแมวอ้วน ในขณะที่ดวงตาคู่สวยซึ่งเปิดเพียงครึ่งหนึ่งนั้นกำลังเหม่อลอย
“จวนอ๋องของเขาผิดปกติมาก ว่ากันตามจริงแล้ว ใต้เท้าของโอรส์จะมีปราณซวนหวงที่สะกดเอาไว้ ซึ่งควรจะมีกลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้าสิถึงจะถูก ไม่ใช่แผ่พลังชั่วร้ายออกมาเช่นนี้” เมื่อกล่าวถึงสิ่งนี้ แมวอ้วนก็โกรธขึ้นมา และร้องเหมียวเหมียว “นายหญิง ข้าเคยมองดูอย่างละเอียดแล้ว ที่นั่นไม่ใช่ดวงตาหยิน[1] ในจวนเองก็ไม่มีอะไรที่รวบรวมิญญาชั่วร้ายได้ ิญญาชั่วร้ายเหล่านี้แปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ถูก ทว่า ที่แปลกที่สุดคือข้าไม่เคยเห็นิญญาชั่วร้ายที่สะอาดบริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อน!”
“พวกมันบริสุทธิ์เกินไปจริงๆ” ชิงอีลืมตาที่สวยงามของเธอ เผยให้เห็นถึงการครุ่นคิด “ิญญาร้ายบริสุทธิ์เ่าั้ ทำให้ข้ารู้สึกสบายใจมากกว่า เมื่อเทียบกับความร้ายกาจของพญามัจจุราชสาวชิงอีเตี้ยนของพวกเรา ด้วยเหตุนี้ หากิญญาชั่วร้ายที่มาจากแหล่งกำเนิดปรากฏตัวขึ้น โลกมนุษย์ก็จะมีปัญหา แปลกจริงที่คนในจวนเซ่อเจิ้งอ๋องไม่ได้รับผลกระทบจากิญญาชั่วร้ายเลย”
เ้าแมวอ้วนยังคงพยักหน้า “ิญญาร้ายบริสุทธิ์เช่นนี้ ผีธรรมดายังรับไม่ไหว นับประสาอะไรกับมนุษย์ล่ะ? ทว่า ในจวนเซ่อเจิ้งอ๋องนั้น ก็มีคนที่มีความสามารถอยู่เยอะเลยนะ!”
เมื่อพูดจบเ้าแมวตัวอวบก็รู้สึกเย็นๆ ที่คอ มันถูกอุ้มขึ้นมาเผชิญกับหน้าทรงเสน่ห์ของหญิงสาว ดวงตาคู่งามฉายแววรังเกียจ “เ้าเป็ถึงยมทูต มีิญญาอยู่ในมือมากมายนับไม่ถ้วน เ้ายังจะ้ามันไปเพื่ออะไรกัน?”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ เ้าแมวก็กระตือรือร้นขึ้นมา และตอบกลับว่า “จะว่าไป ดูเหมือนอุบายของท่านจะมีผลกับเขานะ ทว่า ในรถม้าเมื่อครู่ เวทของท่านกลับใช้กับเขาไม่ได้เสียงั้น!”
ซิงอีโยนมันลงบนเตียงอย่างแรง แล้วยิ้มเศร้า “นั่นน่ะสิ ในเมื่อเ้าเป็ทาสรับใช้ตัวแรกที่อยู่ในอ้อมอกของข้า ก็ควรแบ่งปันความกังวลกับเ้านายไม่ใช่หรือไง?”
เ้าแมวอ้วนที่ถูกขย้ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา และกว่าที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของแม่มดมาได้นั้นไม่ใช่เื่ง่าย มันจึงรีบพูดว่า “เื่ของหนุ่มน้อยผู้นั้นยังไม่สายเกินไปที่จะตรวจสอบ ท่านคิดหาวิธีกำจัดแม่มดเฒ่าทั้งสองในวันนี้ก่อนจะดีกว่า” เ้าแมวอ้วนหยุดไปครู่หนึ่ง และพูดอย่างจริงจังว่า
“ข้าขอเตือนท่านอีกครั้ง ปรโลกมีกฎระเบียบของปรโลก โลกมนุษย์เองก็มีกฎระเบียบอยู่ และกฎบางอย่างก็จับต้องไม่ได้ สามัญชนเ่าั้ ท่านจะฆ่าก็ฆ่าไป ฮองเฮาที่เป็มนุษย์ผู้นก็เช่นกัน ชะตากรรมของพวกเขาล้วนแต่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่แตกต่างกันไป กล่าวคือหลังจากตายไปแล้ว ก็ต้องไปที่ยมโลกของาาเป่ยอินแทนที่จะเป็ปรโลก หากทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ผลที่ตามมานั้นต่อให้เป็ท่านก็ทนรับมันไม่ไหวหรอก!”
เ้าแมวอ้วนรู้นิสัยใจคอของนางอย่างดี เวลาที่นางคลั่งขึ้นมา ก็จะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ทว่า ความจริงแล้วยิ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงเท่าไร ยิ่งถูกผูกมัดไว้กับระเบียบและกฎเกณฑ์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น หากนางฝ่าฝืนกฎ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะน่าอนาถยิ่งกว่าผีใดๆ
“ไม่ต้องเตือนข้าแล้ว” ชิงอีหลับตาลงแล้วเอนหลังลงไป เ้าแมวอ้วนที่กำลังจะถอนหายใจ ก็ได้ยินเสียงนางหัวเราะคิกคักขึ้นมา “ข้าฆ่าไม่ได้หรอก แต่มีใครบางคนสามารถฆ่าได้ มันคุ้มหรือไงที่ข้าจะต้องลงมือด้วยตัวเอง?”
เ้าแมวอ้วนรู้สึกเพียงความสิ้นหวังในชีวิตของแมว แน่นอนว่า เขาไม่อาจคาดหวังกับหญิงสาวผู้นี้จะเรียนรู้ที่จะทำให้ตนเองอยู่รอดปลอดภัย
“เอาละ ข้าเดาว่าหลังจากที่ท่านบีบให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ แล้วคงได้ใช้เวลาอย่างสงบสุขไปอีกสองวัน เผือกร้อนก็คงถูกโยนไปให้ทางฝั่งราชสำนัก หนุ่มน้อยผู้นั้นก็คงเป็ฝ่ายมานั่งปวด ทว่า ไทเฮาเฒ่านั่น...นางเกลียดชังท่านมากเลยนะ!” เ้าแมวอ้วนหมอบลงตรงหน้านาง “เื่อภิเษกสมรสของท่านกับเซียวเจวี๋ย ดูท่าว่านางจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง”
“มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?” ชิงอีถอนลมหายใจดังฮึ เสียงของนางค่อยๆ แ่ลง เพราะความง่วง “หนุ่มน้อยผู้นั้น อยากแต่งงานกับใครก็ไปแต่งกับคนนั้นสิ อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ชอบเขาอยู่แล้ว”
แมวอ้วนเลียอุ้งเท้า และแอบบ่นอยู่ในใจ เป็เพราะไม่ชอบเขา หรือเพราะเขาชอบทำให้เสียหน้ากันแน่ ถึงจะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยากที่จะพูดออกมาอยู่ดี
ในตำหนักเริ่มเงียบสงบ หญิงสาวที่อยู่บนเตียงเหยียดกายด้วยท่วงท่าที่ดูน่ามอง นางพลิกตัวอย่างสะลึมสะลือ และพึมพำเบาๆ “หรือที่จวนของหนุ่มน้อยผู้นั้นจะนอนหลับสบายมากกว่า...”
...
การตายของตู้ิเยวี่ยก่อความโกลาหลในราชสำนัก ตู้หรูฮุ่ยที่สูญเสียลูกชายไปก็ไม่ยอมวางมือง่ายๆ เขารวบรวมขุนนางเฒ่าในราชสำนักที่อยู่ฝ่ายเดียวกับตน เพื่อมาต่อกรกับเซียวเจวี๋ย
ขุนนางของทั้งสองฝ่ายต่อต้านกันเป็เวลาเกือบหนึ่งเดือน จนกระทั่งได้รับจดหมายด่วนจากฝั่งชายแดนที่อยู่ห่างออกไปสามร้อยแปดสิบลี้จำนวนสามฉบับติดๆ กัน เพื่อแจ้งข่าวเื่การได้รับชัยชนะ นั่นทำให้สถานการณ์หันไปทางฝั่งของเซียวเจวี๋ยโดยสมบูรณ์
หลังจากที่เขากลับมาที่เมืองหลวงมาได้หนึ่งเดือน กองทัพขนปักษาทมิฬภายใต้อำนาจของเขาสามารถเข้ายึดทั้งสามกำแพงเมืองในสิบหกรัฐทางตอนเหนือของแคว้นศัตรูได้ ซึ่งทำให้อาณาเขตของของราชวงศ์เหยียนเปิดกว้างขยายใหญ่ออกไปอีก
ชื่อเสียง อิทธิพล และศักดิ์ศรีอันสูงส่ง ทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง
ในเวลานี้ แม้แต่ตู้หรูฮุ่ยที่้าต่อต้านก็ไม่มีทางเลือก จนท้ายที่สุดแล้ว เพราะความร้ายกาจของเซียวเจวี๋ย การตายของตู้ิเยวี่ยจึงจบลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คนตระกูลตู้ประสบการสูญเสียครั้งใหญ่
ฮองเฮาตู้แอบส่งคนไปที่กรมอาญา เพื่อกำจัดหวังซุ่น กระนั้นก็สายเกินไป เพราะก่อนที่หวังซุ่นจะเสียชีวิต เขาได้สารภาพว่าเขาเล่นชู้กับเสาเหย้าที่เป็นางกำนัล ต่อมา เสาเหย้าก็มีความสัมพันธ์กับตู้ิเยวี่ย ด้วยความอาฆาตแค้น ตอนนั้นเขาจึงวางแผนให้ทั้งสองมาพบกันที่ศาลาชุนชิว และแอบสั่งให้คนวางยาในอาหารของทั้งสอง
สิ่งนี้จึงเป็ต้นเหตุที่ทำให้ทั้งสองจมน้ำตาย ระหว่างที่พวกเขากำลังสนุกกับการเล่นน้ำในสระ
เช่นนี้แล้ว แพะรับบาปจึงถูกโยนกลับไปที่วังหลังอีกครั้ง ทั้งยังพุ่งตรงมาที่ฮองเฮาตู้
เสาเหย้าและหวังซุ่นล้วนแล้วแต่เป็คนที่ออกมาจากวังของนาง ความโกลาหลวุ่นวายในวังครั้งนี้ ยังไปเกี่ยวข้องกับชีวิตคน ซึ่งเป็เื่ที่น่าละอายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของฮองเฮาอย่างนางก็เปื้อนราคีไปโดยปริยาย!
ข่าวนี้ทำให้ชิงอีมีความสุขอยู่นาน และยกยอสรรเสริญว่าช่างเป็สุนัขที่ร้ายกาจเสียจริง
ในส่วนของฮองเฮาตู้ที่ครั้งนี้เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก[2] และเพราะเหตุนี้ จึงถูกไทเฮาลงโทษโดยสั่งให้กักบริเวณเป็เวลาหนึ่งเดือนเต็ม และให้คัดลอกพระคัมภีร์ร้อยรอบ ถึงค่อยปล่อยตัวนางออกไป
“พวกเ้าทำให้ข้าลำบาก ข้าก็จะทำให้พวกเ้าอยู่ไม่สุขเช่นกัน” ฮองเฮาตู้กัดฟันตรัสด้วยความโกรธว่า “ไทเฮานั่น เห็นว่าเซียวเจวี๋ยมีอำนาจคงแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าหาเขาอีกครั้ง คิดจริงๆ หรือว่าข้าจะไม่รู้ว่านางกำลังดีดลูกคิดรางแก้ว[3]อยู่ ไม่ใช่แค่อยากจะให้เซียวเจวี๋ยถอนหมั้น ทว่า ยังคิดที่จะให้องค์หญิงใหญ่จุนหนิง บุตรสาวของตนอภิเษกสมรสกับเขาน่ะสิไม่ว่า!”
ฮองเฮาตู้ทอดพระเนตรม้วนคัมภีร์เบื้องพระพักตร์ จากนั้นทรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และทรงนั่งลงช้าๆ พระพักตร์ของนางกลับสู่ความสงบ มีเพียงดวงเนตรยังคงเต็มไปด้วยความเ็า
“สั่งให้กองพระราชสำนักเตรียมงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงทันที จากนั้น ให้โหรหลวงเลือกวันมงคลแล้วส่งไปให้ไทเฮาที่วัง”
มามาที่ดูแลอยู่ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร “เหนียงเหนียง[4] เราต้องขัดขวางไม่ให้องค์หญิงใหญ่อภิเษกสมรสกับเซ่อเจิ้งอ๋องไม่ใช่หรือเพคะ? เหตุใดท่านจึงไปช่วยพวกเขาจัดการล่ะเพคะ?”
“เฮอะ เ้าจะไปเข้าใจอะไร” ฮองเฮาตู้ค่อยๆ เริ่มฝนหมึกอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงใหญ่จุนหนิงหลงใหลเซียวเจวี๋ยมาหลายปีแล้ว ไทเฮาก็ทรงรักและทะนุถนอมบุตรสาวคนนี้ของนางยิ่งนัก บวกกับที่นางเกลียดชิงอีอยู่แล้วด้วย ครั้งนี้ ข้าจึงจงใจทำเื่ใหญ่โต เพื่อให้จุนหนิงรู้เื่นี้ เ้าว่าด้วยนิสัยของจุนหนิงผู้นั้น นางจะยอมแพ้หรือไง?”
กูกู[5]ที่ดูแลเมื่อได้ยินคำพูดนั้นตาเป็ประกายขึ้นมา พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา “เหนียงเหนียงทรงฉลาดหลักแหลมมากๆ เลยเพคะ เพื่อที่จะเอาใจองค์หญิงใหญ่จุนหนิงแล้ว ไทเฮาต้องออกมาขัดขวางแน่นอน นั่นช่วยให้เราหลุดพ้นจากปัญหานี้”
“สิ่งที่ข้า้าไม่ใช่หลุดพ้นจากปัญหานี้หรอก” ดวงเนตรของฮองเฮาตู้ทอดพระเนตรไปยังสีหมึกที่เข้มขึ้น พร้อมกับสีพระพักตร์มืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ “ตอนแรกข้าคิดว่าฉู่ชิงอีเป็คนขี้ขลาดและไร้ค่า ซึ่งสามารถควบคุมได้ง่าย ถึงได้สั่งให้ิเยวี่ยเข้าหานาง ทว่า เห็นได้ชัดว่าข้ามองผิดไป นางชั่วนั่นอาจจะเสแสร้งั้แ่ตอนที่กลับมาที่วังแล้วก็ได้”
“ิเยวี่ยเป็ลูกชายของท่านพี่ข้า ิเยวี่ยตายไปแล้ว ส่วนท่านพี่ก็ได้พลาดท่าเสียทีในราชสำนักอีกครา เขาเลยโกรธข้าเป็อย่างมาก ทั้งท่าทีที่มีต่อหลิงเอ๋อร์ก็เ็าอยู่ไม่น้อยเช่นกัน”
ฮองเฮาตู้หยุดฝนแท่งหมึก ก่อนจะเงยพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความอาฆาต “เซียวเจวี๋ยอาจจะฆ่าไม่ง่าย ทว่า ฉู่ชิงอีจะต้องตายเท่านั้น!”
***************************
[1] ดวงตาหยินมาจากดวงตาหยินและหยาง ซึ่งในลัทธิเต๋าดวงตานี้สามารถมองเห็นได้เฉพาะสิ่ง เช่น ภูตผีปีศาจ
[2] เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก หมายถึง การสูญเสียสองอย่างในครั้งเดียว เช่น สูญเสียทั้งชื่อเสียงและเงินทองไปพร้อมๆ กัน
[3] ดีดลูกคิดรางแก้ว หมายถึง การคิดคำนวณทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด
[4] เหนียงเหนียง เป็คำที่ใช้เรียกราชินีหรือสนมเอก หรือหากแปลเป็ไทยคือ ‘ท่านหญิง’
[5] กูกู เป็สรรพนามที่ใช้เรียกนางกำนัลรับใช้าุโที่อยู่ทำงานรับใช้ในวังมานาน กูกูมีหน้าที่อบรมและฝึกฝนนางกำนัลใหม่ทั้งหลายให้เรียนรู้และเป็งาน มีอำนาจเด็ดขาดในนางกำนัลที่ตนฝึกสอน สามารถว่ากล่าวตักเตือนหรือลงโทษได้