นี่ไม่ได้กำลังเล่นตลกหรอกรึ?
ต่อให้มั่นใจแค่ไหนว่าในอนาคตโจวเฉิงจะชอบคุณ แต่ปัจจุบันเขายังไม่ได้ชอบนี่นา
ไม่มีการหมั้นหมาย โจวเฉิงเองก็ไม่เคยสารภาพรัก หนังหน้าหนามาจากไหน ถึงได้อหังการทำตัวราวกับภรรยาหลวงมาจับภรรยาน้อย? เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สร้างปัญหา และไม่กลัวปัญหาด้วย หากขลาดกลัววิตกกังวลมากไป คนพวกนี้จะเคยตัวจนไม่รู้ว่า ‘ความละอาย’ เขียนอย่างไร ดังนั้นความอ่อนแอของเธอ คือการสร้างหายนะให้แก่สังคมน่ะสิ!
เซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนยิ้มแต่มิใช่ สีหน้าเหยียดหยันอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันจะแต่งงานกับโจวเฉิงหรือไม่ เป็ธุระของฉันกับโจวเฉิง แม้ทางบ้านโจวไม่เห็นด้วย ก็ไม่มีทางถึงคราวที่คุณผู้หญิงต่งได้เสนอตัวอยู่ดี คุณทั้งไร้คุณสมบัติและไม่มีสิทธิในการแผลงฤทธิ์ที่นี่... ว่ากันตามตรง คุณผู้หญิงต่งทำฉันผิดหวังไม่น้อย ไม่เหมือนบุตรสาวข้าราชการใหญ่โตแบบที่ฉันนึกไว้สักเท่าไรเลย”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่ดูแล้วกำลังตำหนิต่งลี่ลี่อยู่เป็แน่ กลุ่มคนที่ตามต่งลี่ลี่มา ‘จับภรรยาน้อย’ และชมความครึกครื้นถึงขั้นอับอายไปชั่วครู่ทีเดียว โจวอี๋คือผู้ที่รู้สึกมากที่สุด เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังติเตียนว่าพวกเธอทุกคนล้วนไม่มี ‘เชิง’ ของบุตรหลานคนใหญ่คนโตอย่างชัดเจน ไม่สมเกียรติศักดิ์ น่าขายหน้า!
“เธอ!”
“โจวเฉิง คนรักของนายปากร้ายเหลือเกิน!”
“ให้ตายเถอะ เธอพูดจาดีๆ เป็หรือเปล่า?”
คนทั้งกลุ่มโดนเข็มทิ่มแทงเสียเ็ป จึงไม่สนว่าโจวเฉิงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และเริ่มใช้เสียงเบาวิพากษ์วิจารณ์
โจวเฉิงอยากปรบมือชมเชยให้ภรรยาของเขา คิดว่าภรรยาเขาพูดได้สุดยอดเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานกลับค่อยๆ สลัดมือเขาออก “อาหารมื้อนี้ก็จบเท่านี้เถอะ เห็นคนเยอะแยะขนาดนี้แล้วฉันกินต่อไม่ลง”
หา?
เส้ากวงหรงมองแขกไม่ได้รับเชิญพวกนี้อย่างไม่สบอารมณ์
อาหารญี่ปุ่นถูกรับประทานไปครึ่งเดียว ธุระสำคัญที่เขา้าจะพูดเพิ่งได้เสนอประเด็น คนโง่เง่าพวกนี้ดันโผล่ออกมาเสียแล้ว
“พี่สะใภ้ เธออย่าใส่ใจพวกเขาเลย!”
“พี่สะใภ้ พวกเราเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า”
“เสี่ยวหลาน?”
โจวเฉิงรู้สึกตระหนก อยากจะจับมือของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้อีกรอบ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับหลบอย่างละมุนละม่อม จากนั้นเดินไปยังประตูร้านอาหาร โจวเฉิงรู้ว่าเกิดเื่ใหญ่แล้ว แม้ภรรยาของเขาจะกำลังยิ้มแย้ม แม้แสดงออกว่าไม่ยี่หระโดยสิ้นเชิง แต่เธอโกรธแล้วน่ะสิ!
“พวกงี่เง่า ผมจำพวกคุณไว้หมดแล้ว!”
โจวเฉิงวิ่งตามออกไป
ต่งลี่ลี่โมโหจนอยากร้องไห้
คนอื่นๆ รู้สึกละอายใจ โจวเฉิงไม่ใช่คนโง่ เขากล้าคิดร้ายตอบโต้ และเวลาจัดการคนอื่นจะไม่มีทางสนใจกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น
เมื่อเป็เช่นนี้แล้ว ทำไมต้องมาดูความครึกครื้นนี้ด้วยเล่า?
ได้ชมจิ้งจอกสาวแล้ว พราวเสน่ห์มากจริงๆ ล่อลวงโจวเฉิงเสียจนจิตใจว้าวุ่น ต่อให้จิ้งจอกสาวไม่จัดการพวกเขา ถ้าบงการโจวเฉิงลงมือแทน ไม่ใช่ว่าจบเห่เหมือนกันหรือ!
คังเหว่ยแสดงความกังวลอย่างเป็จริงเป็จัง
“พี่โจวอี๋ พี่ดูสิว่าเื่นี้มัน... เฮ้อ!”
โจวอี๋หงุดหงิดไม่แพ้กัน
พวกเขาคิดจะมาเพื่อ ‘พบโดยบังเอิญ’ ก่อนแท้ๆ ลองวิเคราะห์ความสำคัญในหัวใจโจวเฉิงของจิ้งจอกสาวสักนิด สำรวจปูมหลังของเธอสักหน่อย หลังจากนั้นค่อยเหยียดหยามและคุกคามลับหลัง ตอนนี้ได้รับทราบถึงน้ำหนักในหัวใจแล้ว ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ให้โอกาสพวกเธอเหยียดหยามคุกคามโดยสิ้นเชิง
อุบายบางอย่างเล่นได้แค่ใต้โต๊ะเท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่วางไพ่ตามกติกา แถมพลิกโต๊ะคว่ำทันที ทุกคนยังจะเล่นต่อได้อย่างไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานโกรธจริงแล้ว
โจวเฉิงทั้งร้อนรนและโมโห โมโหที่โจวอี๋และต่งลี่ลี่ทำราวกับแสดงอุปรากรเื่ยาว พาคนมาก่อความวุ่นวายเช่นนี้ เดิมทีวันนี้ช่างสมบูรณ์แบบขนาดไหน เดินชมเทียนอันเหมินกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ไปไถสเก็ตที่ลานน้ำแข็ง รสชาติอาหารญี่ปุ่นไม่ได้ดีเลิศก็จริง แต่ต้องดูว่ารับประทานกับใครน่ะสิ
เวลาอยู่ด้วยกันที่ได้มาอย่างยากลำบากกลับโดนพวกโง่เง่าทำลายสิ้นแล้ว โจวเฉิงไม่โมโหคงแปลก
เขากระวีกระวาดตามออกมา เนื่องจากรีบร้อนจะไปโอ๋เซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ด้านหน้า โจวเฉิงจึงไปจับมือของเธอไว้
เซี่ยเสี่ยวหลานหลบอยู่หลายหน โจวเฉิงมองเห็นโอกาสเหมาะ จับได้ก็ไม่ยอมปล่อย
เซี่ยเสี่ยวหลานอารมณ์สงบลงจากความหน้าไม่อายของเขา
“ได้ พวกเราคุยกันดีๆ”
“เสี่ยวหลาน ฉันไม่ได้คิดอะไรกับต่งลี่ลี่คนนั้นจริงๆ นะ ผู้หญิงคนนี้สมองมีปัญหา... เธออย่าโกรธฉันได้หรือไม่?”
โจวเฉิงไม่ฉลาดหรือ?
เขาฉลาดมากต่างหาก
แต่พอละทิ้งความฉลาดหลักแหลมและจุดเด่นอื่นๆ ของเขาไป อันที่จริงเขายังอายุไม่ครบ 21 ปี นี่คือครั้งแรกที่เขาชอบใครสักคน ครั้งแรกที่เขามีความรัก! เขาเป็ชายหนุ่มเืร้อนผู้ตกอยู่ในห้วงรักเช่นกัน เมื่อแฟนสาวโกรธเคือง ระดับสติปัญญาของโจวเฉิงก็สามารถร่วงลงติดลบได้ในชั่วพริบตา! เขาได้แจกแจงความรู้สึกในส่วนลึกของใจตนเอง กุลีกุจอบอกเจตจำนงของเขาต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า
“สิ่งที่ฉันจะพูดไม่ใช่เื่ของต่งลี่ลี่”
เกาเฟยที่เห็นในหน่วยงานโจวเฉิง แล้วยังต่งลี่ลี่ที่โผล่มาโดยไม่ทันตั้งตัว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยินดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่จำเป็ต้องโกรธเคืองจนถึงจุดนี้ แน่นอน เบื้องต้นคือเธอรู้ว่าหญิงสาวเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโจวเฉิง เธอเองก็มีความใจแคบแบบหญิงสาวที่กำลังมีรัก ทว่าเธอยังควบคุมอารมณ์ด้านลบอันไร้เหตุผลพวกนี้ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานจะพูดถึงเื่อื่น ทำให้โจวเฉิงประหม่าขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
เขาเดาได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะพูดอะไร!
เป็ไปตามคาด เซี่ยเสี่ยวหลานเงยหน้ามองเขา สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง “โจวเฉิง ฉันนึกว่าการมีความรักและคบหากันเป็เื่ของคนสองคน เธอตามจีบบ่อย ท่าทีจริงใจมาก และฉันก็ไม่เกลียดเธอ หรือจะบอกว่าชอบเธอก็ได้ เลยสนองความ้าของฉันเองและคบกับเธอ! ก่อนหน้านี้ฉันพอเดาได้ว่าสถานะครอบครัวเธออาจไม่เลว ตอนนี้พบว่าคงดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีก เธอดูสิว่าพื้นเพครอบครัวของพวกเราสองคนแตกต่างกันสุดขั้วเช่นนี้ เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันจริงๆ หรือ?”
ประสบการณ์แสนพิเศษของการได้ใช้ชีวิตอีกหนึ่งชาติ เพิ่มความมั่นใจและประสบการณ์ให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน
แต่ความมั่นใจก็เปลี่ยนแปลงกำพืดของเธอไม่ได้
เธอเลือกเกิดใหม่ได้ไม่เก่ง [1] เท่าโจวเฉิง ชาติก่อนบิดามารดาจากไปเร็วและจำต้องพึ่งใบบุญผู้อื่น ชาตินี้ก็เป็แค่หญิงสาวชนบท เซี่ยเสี่ยวหลานมีความมั่นใจในการอาศัยความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิต แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้นหรือ? เธออยากยืนอยู่บนช่องลม [2] ไขว่คว้าโอกาสของการปฏิรูปเศรษฐกิจพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สร้างธุรกิจออกมามากมาย ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็เื่ในความคาดหมาย
ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยความไม่จีรัง เธอมั่นใจแค่ไหน สุดท้ายก็ยังไม่เป็จริงอยู่ดี
ดังนั้นเธอมิอาจนำความสำเร็จซึ่งมีโอกาสเป็จริงในอนาคตเปลี่ยนเป็เหรียญพนันของวันนี้ คนอื่นเห็นว่าเธอและโจวเฉิงไม่คู่ควรกัน วันนี้เป็พี่สาวโจวเฉิงและหญิงสาวที่ชอบโจวเฉิงออกโรง วันหลังจะกลายเป็คนอื่นจากตระกูลโจวมาหาเื่หรือไม่?
เซี่ยเสี่ยวหลานรำคาญสถานการณ์ประเภทนี้ที่สุด การมีความรักคือการชอบพอกันและกัน คือความหวานชื่นสบายใจ หากเหมือนการถ่ายละครที่มีเนื้อหาขมขื่นฝืนทน ทั้งสองฝ่ายจะไม่เหนื่อยหรอกหรือ?
เธอคิดว่าตนเองต้องพูดให้ชัดแจ้ง เหมาะสมก็ไปด้วยกัน ไม่เหมาะสมก็อย่าต่างคนต่างรั้ง ครอบครัวโจวเฉิงสูงส่งเพียงใด ปัจจุบันเธอก็ไม่ได้คิดแต่งงานกับโจวเฉิงอยู่ดี เื่แต่งงานไม่อยู่ในแผนชีวิตขั้นต่อไปของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยซ้ำ จะให้เธอต่อกรกับผู้คนที่มั่นใจว่าจะโผล่มาคัดค้านทีละระลอกหรือ... เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าเหนื่อยใจยิ่งนัก
พอโจวเฉิงฟังก็ร้อนใจ
นี่เสี่ยวหลานหมายความว่าอะไร ไม่คบกันแล้วหรือ?
พวกเขาทั้งสองคนไม่เหมาะกันได้อย่างไรเล่า เขาชอบเธอั้แ่แรกพบเธอ ยิ่งรู้จักกัน ยิ่งรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้เขาประหลาดใจ
เขาไม่ได้ชอบเพียงรูปลักษณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลาน ยังมีทัศนคติของเธอ นิสัยของเธอ ทุกอย่างของเธอ!
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้ชีวิตมุ่งมั่นมาก ไม่ได้อยู่ไปวันๆ อย่างสับสนงุนงง รู้ดีว่าเธอ้าอะไร อีกทั้งวางแผนเพียรพยายามฝ่าฟัน จะใช้ความสามารถของตนจนได้มาในสิ่งที่้า กลับไปมองต่งลี่ลี่ มีครอบครัวดี กลับไม่เคยคิดต่อสู้ด้วยตนเอง ใช้ชีวิตอย่างสับสนงุนงงอยู่ทุกวัน ทั่วทั้งในสมองคือการริษยาศัตรูหัวใจ... โจวเฉิงไม่คิดที่จะแลผู้หญิงแบบนี้
ภรรยาของเขาเสรีก็จริง แต่เสรีจนเกินขอบเขตหรือเปล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานคลางแคลงว่าทั้งสองเหมาะสมกันหรือไม่ โจวเฉิงเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมา
“เสี่ยวหลาน เธอคิดแบบนี้ไม่ยุติธรรมต่อฉันเอาเสียเลย ครอบครัวคือสิ่งที่ฉันเลือกได้หรือ? เธอชอบฉัน ฉันดีใจอย่างสุดซึ้ง แต่ตัวฉันที่เธอชอบ เติบโตมาในสภาพแวดล้อมครอบครัวเช่นนี้ ถึงได้มีโจวเฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ!”
เชิงอรรถ
[1]บางครั้งคนที่เกิดในครอบครัวดีจะเรียกว่า เลือกเกิดใหม่ได้เก่ง แม้ว่าจะไม่ได้เลือกเองจริงๆ ก็ตาม
[2]风口 ช่องลม หมายถึง บริเวณที่ไร้สิ่งกำบังจึงทำให้ลมค่อนข้างแรง ในที่นี้เปรียบเทียบถึงธุรกิจที่มีการแข่งขันดุเดือด ซึ่งมักมีโอกาสจำนวนมาก มีคำกล่าวว่า ‘ยืนอยู่บนช่องลม กระทั่งหมูก็ยังบินขึ้นฟ้าได้’ แปลว่า หากไขว่คว้าโอกาสได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็สามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้