“คุณน้าคะ เื่นี้ฉันสามารถจัดการได้ค่ะ คุณน้าช่วยฉันมาเยอะมากแล้วจริงๆ!”
กวนฮุ่ยเอ๋อมั่นใจว่าเซี่ยต้าจวินจะไม่มาหาเื่กันอีกเช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานเดาว่ากวนฮุ่ยเอ๋อคงพูดข่มขู่เซี่ยต้าจวินอย่างแน่นอน
เริ่มแรกคนที่ไม่ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานคือกวนฮุ่ยเอ๋อ และตอนนี้คนที่ช่วยปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลานก็คือกวนฮุ่ยเอ๋อเช่นกัน อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกว่ากวนฮุ่ยเอ๋อเป็พวกกลับกลอก ตรงกันข้ามเธอกลับััได้ถึงความจริงใจของครอบครัวโจวเฉิง
ไหนจะคุณย่าโจวผู้เถรตรงและมีน้ำใจ รวมถึงคุณปู่โจวผู้เคร่งขรึมแต่ก็หัวสมัยใหม่
คนในตระกูลโจวไม่มีใครบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานทอดทิ้งการเรียนและธุรกิจ หรือบอกว่าอนาคตควรช่วยดูแลงานที่บ้านแทนโจวเฉิง อย่างมากพวกเขาก็คิดแค่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงเหมาะสมกันหรือไม่ แต่ไม่มีใครที่บังคับเซี่ยเสี่ยวหลานให้ยอมเสียสละการเรียนและธุรกิจเพื่อโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน ได้คบหากับเด็กหนุ่ม แถมครอบครัวของเด็กหนุ่มยังดีเสียขนาดนี้ และตอนนี้เธอได้เลื่อนขั้นเด็กหนุ่มวัยละอ่อนให้กลายเป็ว่าที่คู่ชีวิตของเธอเป็ที่เรียบร้อยแล้ว และเธอคิดว่ากวนฮุ่ยเอ๋อคือผู้ใหญ่ที่น่านับถือจริงๆ
คิดเช่นนั้นแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานจึงตัดสินใจเล่าเื่ที่เซี่ยจื่ออวี้เดินทางมาเผิงเฉิงให้กวนฮุ่ยเอ๋อฟัง
กวนฮุ่ยเอ๋อเงียบไปชั่วอึดใจ “ให้เธอมาหาเซี่ยต้าจวินคนเดียวคงไม่พอ น่าจะพาคนอื่นในตระกูลเซี่ยมาด้วยถึงจะดี”
ยังมีคุณย่าขี้ลำเอียงอยู่อีกคนมิใช่หรือ?
คนยิ่งเยอะยิ่งมากเื่ ถ้ามีคนพวกนี้คอยตามติดเซี่ยต้าจวิน เขาคงไม่ว่างมาหาเื่เสี่ยวหลานอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานก็คิดเื่นี้เช่นกัน เซี่ยจื่ออวี้รู้ว่าเซี่ยต้าจวินอยู่เผิงเฉิง ถ้าอย่างนั้นคนตระกูลเซี่ยจะรู้เื่นี้ด้วยหรือเปล่า ตอนนี้เซี่ยต้าจวินมีเงินแต่ไม่รู้จะใช้ไปกับอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรู้สึกว่า ควรหาคนมาช่วยเขาใช้เงินสักหน่อย
เมื่อไรที่รู้ตัวว่าเงินที่เขามีอยู่ไม่พอเลี้ยงคนตระกูลเซี่ย เซี่ยต้าจวินย่อมต้องคิดหาทางหาเงินให้มากกว่านี้ และไม่ว่างมาเล่นบท ‘พ่อลูกรักกันดี’ ตบตาคนอื่นแน่นอน
หลังส่งโจวเฉิงเสร็จ เซี่ยเสี่ยวหลานก็มาส่งกวนฮุ่ยเอ๋อที่สนามบินต่อทันที
และในเมื่อมาหยางเฉิงทั้งที เธอต้องมาเจอกับเฉินซีเหลียงสักหน่อย
เฉินซีเหลียงยังไม่รู้เื่ที่เธอถูกรถชน ความจริงใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานบวมน้อยลงมากแล้ว แต่เฉินซีเหลียงที่ได้เห็นก็ยังรู้สึกใอยู่ดี
“คะ คุณผู้หญิงเซี่ย นี่เธอ?!”
“ไม่มีอะไรหรอก ถูกรถชาวบ้านชนนิดหน่อยเท่านั้น ถึงจะดูน่ากลัวมากก็จริง แต่ความจริงเป็แค่แผลถลอกเท่านั้น ว่าแต่ร้านของคุณเป็อย่างไรบ้าง”
ร้าน ‘Luna’ ที่ปักกิ่งตกแต่งใกล้เสร็จแล้ว ทว่าที่หยางเฉิงยังมีอีกร้านหนึ่ง หลิวหย่งจึงส่งหลี่ต้งเหลียงมาช่วยดูแล
“อธิบายด้วยคำพูดคงไม่เห็นภาพ คุณผู้หญิงเซี่ย ฉันจะพาเธอไปดู รวมถึงสำนักงานที่บริษัทเช่าไว้ด้วย”
ถ้ากลับซางตูไปแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้มาหยางเฉิงอีกเมื่อไรก็ยังไม่รู้ ทางที่ดีเธอควรจัดการธุระที่หยางเฉิงให้เสร็จในคราวเดียว ถึงอย่างไรเงินลงทุนก็เป็ของโจวเฉิง เธอต้องตรวจดูว่าเฉินซีเหลียงใช้เงินไปกับอะไรบ้าง
สำนักงานของเฉินซีเหลียงอยู่ใกล้กับโรงงานผลิตเสื้อเฉินอวี่มาก เขาช่างมีไหวพริบเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานจึงพยายามกลั้นขำ
“นี่คุณคิดจะแย่งลูกค้าของผู้อำนวยการเหอหรือ”
พวกพ่อค้าแม่ค้าที่มารับสินค้าจากโรงงานผลิตเสื้อเฉินอวี่ แค่เดินเลี้ยวมาไม่ไกลก็ถึงร้านเสื้อผ้าลูน่า นี่เฉินซีเหลียงอยากได้ลูกค้าจากเฉินอวี่อย่างนั้นหรือ?
ที่เ้าเล่ห์ไปกว่านั้นคือ เสื้อผ้าของร้านลูน่าจ้างโรงงานผลิตเสื้อเฉินอวี่เป็คนผลิตให้ เฉินซีเหลียงจึง้าจับตาดูพี่เขยของเขาอย่างใกล้ชิด พวกเสื้อผ้าเลียนแบบอย่าหวังเลยว่าจะได้หลุดลอดออกไปจากโรงงานผลิตเสื้อผ้าเฉินอวี่ ไม่ว่าโรงงานผลิตเสื้อเฉินอวี่จะส่งสินค้าให้ใครล้วนอยู่ในสายตาของเฉินซีเหลียงตลอดเวลา.. มิน่าอนาคตผู้ชายคนนี้ถึงได้ประสบความสำเร็จ
เฉินซีเหลียงหัวเราะ “อย่างไรก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนี่ ฉันอยากให้พี่เขยร่วมหุ้นด้วยซ้ำแต่เขาไม่ยอม เขากลัวว่าแบรนด์ของฉันจะขายไม่ออก”
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเอือมระอาเหลือเกิน คำพูดนี้ช่างแสลงหูยิ่งนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินซีเหลียงมีความสามารถ เธอคงอยากต่อยเขาสักหมัดจริงๆ ได้เงินลงทุนไปแล้วยังจะกล้าสงสัยในตัวผู้ลงทุนอีกหรือ?
เฉินซีเหลียงถูกเซี่ยเสี่ยวหลานมองหน้าจนเริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เขากระแอมเล็กน้อย ก่อนจะพาเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นไปสำรวจชั้นบน
เฉินซีเหลียงจ้างคนทำป้ายชื่อบริษัทติดไว้หน้าตึกแล้ว สถานที่ที่เขาเช่าคือส่วนหนึ่งของโรงงานผลิตเสื้อเฉินอวี่ คือตึกแถวสองชั้นหน้าทางเข้าโรงงาน
“ห้องแถวนี้เป็ของโรงงานเฉินอวี่ ฉันจ่ายเงินค่าเช่าให้พวกเขา สะดวกทั้งงานออฟฟิศและงานผลิต ครอบคลุมมากใช่ไหมล่ะ”
สะดวกมากจริงๆ นั่นแล
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินตามเขาไปรอบๆ สำนักงาน และพบว่าที่นี่ผ่านการตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ทำอย่างขอไปทีเพื่อประหยัดเงิน
เฉินซีเหลียงเกาศีรษะ “ตอนแรกฉันก็ไม่อยากตกแต่งหรอก แต่กลัวพวกลูกค้ามาถึงแล้วจะใน่ะ”
ถึงอย่างไร Luna ก็ตั้งตัวว่าเป็สินค้าระดับกลาง คงปล่อยให้บริษัทดูทรุดโทรมไม่ได้ใช่ไหมเล่า
เดิมทีเฉินซีเหลียงเป็คนตระหนี่กับเื่ธุรกิจ ต่อมาหลี่ต้งเหลียงถูกส่งตัวเพื่อมารับผิดชอบงานตกแต่งร้าน Luna ที่หยางเฉิง เฉินซีเหลียงจึงขอให้เขาช่วยทาสีสำนักงานแห่งนี้ด้วยเสียเลย ส่วนเครื่องใช้ต่างๆ เขาซื้อมาจากตลาดมือสองแล้วนำมาทาสีใหม่ บนพื้นปูกระเบื้อง ดูแล้วช่างสะอาดสะอ้านยิ่งนัก
ในยุค 80 ตกแต่งสำนักงานเช่นนี้ย่อมไม่ขายหน้าใคร
เถ้าแก่เฉินเตรียมห้องทำงานส่วนตัวให้ตัวเองหนึ่งห้อง โดยห้องทำงานของเขาสามารถใช้ต้อนรับแขกได้ บนผนังห้องมีภาพเขียนพู่กันรูปม้าศึกแขวนเอาไว้ ช่างเป็การตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสง่างาม
รสนิยมเป็เื่ของพร์ เฉินซีเหลียงชื่นชอบงานด้านแฟชั่น ดังนั้นเขาย่อมมีรสนิยมที่ดี ไม่ใช่พวกชอบเอาสิ่งของหน้าตาแปลกประหลาดมาประดับประดา
แน่นอนว่ามันอาจจะเป็เพราะเถ้าแก่เฉินค่อนข้างตระหนี่ เขาเพิ่งสร้างธุรกิจ จึงยังไม่อยากใช้เงินฟุ่มเฟือย
นอกจากสำนักงานแล้ว เฉินซีเหลียงก็ได้สร้างสตูดิโอเอาไว้หลายห้อง โดยเขาสามารถดึงตัวนักออกแบบจากโรงงานอื่นมาได้สองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง อีกทั้งอายุยังไม่เกินสามสิบด้วย
“นี่คือเถ้าแก่อีกคนของบริษัท เรียกประธานเซี่ยก็ได้”
สองนักออกแบบทำสีหน้าแปลกประหลาด เจอกับประธานเซี่ยครั้งแรก แต่สภาพของประธานดูย่ำแย่ไปหน่อยรึเปล่า
ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานยังบวมอยู่ไม่หาย เธอไม่สนใจว่าลูกจ้างของเฉินซีเหลียงจะคิดกับเธออย่างไร แต่เธอสนใจความคืบหน้าในงานของพวกเขามากกว่า “ตอนนี้บริษัทมีสินค้ามากแค่ไหนแล้ว”
ถ้าอยากวางขายใน่ฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ ก็ควรมีสินค้าให้ทดลองขายเสียก่อน
เฉินซีเหลียงเดินนำหน้านักออกแบบสองคนและเซี่ยเสี่ยวหลานไปที่ชั้นหนึ่งทันที
ที่แท้ชั้นหนึ่งคือห้องแสดงสินค้า หลังเปิดไฟเซี่ยเสี่ยวหลานก็พบกับเสื้อผ้าคอลแลกชันแรกของแบรนด์ที่อยู่บนตัวหุ่นพลาสติก มันถูกรีดเป็อย่างดี เมื่อกวาดตามองดูแล้วก็พบว่ามีจำนวนหลายสิบแบบ แม้เสื้อผ้าจะมีจำนวนไม่มาก แต่นี่คือเสื้อผ้าต้นแบบทั้งสิ้น และเมื่อมีต้นแบบก็จะสามารถสั่งผลิตได้
เฉินซีเหลียงกับนักออกแบบทั้งสองคนต่างพากันทำงานหามรุ่งหามค่ำ ถึงคลอดเสื้อผ้าต้นแบบออกมาได้มากมายขนาดนี้ก่อนวันตรุษจีน
เฉินซีเหลียง้าการยอมรับจากเซี่ยเสี่ยวหลานมากเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานเดินชุดดูทีละชุด ั้แ่รูปแบบของเสื้อผ้าจนถึงเนื้อผ้า รวมถึงการเลือกสีสัน ความจริงเดิมทีเฉินซีเหลียงก็ออกมาทำธุรกิจเองคนเดียวั้แ่เมื่อก่อน หลายปีที่ผ่านมานี้มีเสื้อผ้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่เฉินซีเหลียงเคยนำมาขายส่ง ดังนั้นการที่เขาพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาเดินดูเสื้อผ้าพวกนี้ ก็แสดงว่ามันผ่านมาตรฐานของเขาแล้วนั่นเอง
สวยมากจริงๆ สีสันสดใสสวยงาม เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิที่มีสีสว่างเป็องค์ประกอบเช่นนี้ แม้จะดูสะดุดตาแต่ก็ไม่แสบตาแต่อย่างใด
เฉินซีเหลียงไม่เพียงแต่พาเซี่ยเสี่ยวหลานดูห้องแสดงสินค้าเท่านั้น เขายังให้เซี่ยเสี่ยวหลานดูบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านอีกด้วย จนถึงตอนนี้เขาใช้เงินของบริษัทไปเท่าไร เงินเดือนของพนักงานคือเท่าไร เฉินซีเหลียงย่อมอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นรายละเอียดของบัญชีอย่างชัดเจน
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด เพื่อเป็การป้องกันความขัดแย้งในอนาคต สู้ทำให้เป็ธรรมเนียมปฏิบัติเสียั้แ่ตอนนี้คงดีกว่า
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ได้ดูแลเื่งานบริหารทั่วไป แต่บัญชีรายรับรายจ่ายก็ควรได้เห็นจริงหรือไม่?
ประตูห้องจัดแสดงสินค้ายังคงเปิดอยู่ เธอเพิ่งเปิดสมุดบัญชีได้เพียงไม่กี่หน้าก็มีคนหลายคนพุ่งเข้ามา ผู้หญิงคนหนึ่งยื่นมือหวังจะกระชากตัวเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานถอยหลบตามสัญชาตญาณได้อย่างหวุดหวิด
“นังจิ้งจอก แกยังมีหน้าไปไหนมาไหนกับเฉินซีเหลียงอีกรึ!”