“ถูกพิษหรือ? เป็ไปไม่ได้ เขาไม่ได้กินด้วยซ้ำ จะถูกวางยาได้อย่างไร” ต่งซินหลันเขย่าร่างลูกชายพลางปฏิเสธการตรวจของหมอหม่า นางเพียงให้คุณชายจูกินยาเิฮั่น มันทำให้เขาหลับลึกเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ก่อนหน้านี้นางก็เคยให้หลัวไป๋เฉียนกินยาเิฮั่นทว่าเขายังสามารถะโและวิ่งได้หลังนอนหลับไปสักพัก เมื่อต่งซื่อเห็นลูกชายอ่อนแอก็เป็ทุกข์ไม่น้อย เมื่อนางหันไปพบเหอตังกุยนอนบนฟูกรองที่ตั่งยาวอีกด้านก็พลันบันดาลโทสะ นางอยากตบหน้าเหอตังกุยสักครั้ง ก่อนสบถด่า “หญิงสารเลวผู้นั้นทำร้ายลูกชายข้า เขาฝันร้ายทุกวันหลังนางตาย การที่นางอยู่ที่นี่คงทำให้เขาใไม่น้อย”
ทันใดนั้นเหล่าไท่ไท่และหยางมามาก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “คุณชายจู…ไม่ได้กินอะไรเลยหรือ?”
ขณะถ่ายทอดลมปราณเจินชี่นั้นไม่สามารถถูกรบกวนได้ มิฉะนั้นไม่เพียงช่วยชีวิตผู้อื่นไม่ได้ แม้แต่ผู้ถ่ายทอดลมปราณก็จะตกอยู่ในอันตราย เมื่อเห็นต่งซื่อจะเข้ามาทำร้ายคนอื่น เฟิงหยางตัวปลอมที่ยืนหลังหนิงยวนก็ถลึงตามองด้วยความเ็า หากเขาไม่สามารถทำให้นางใหนีไปได้ ก็ทำได้เพียงลงไม้ลงมือเท่านั้น ต่งซื่อััได้ถึงอันตรายจากเฟิงหยางตัวปลอมจึงชะลอความเร็วฝีเท้า ก่อนหันไปโจมตีเนี่ยชุน วันนี้นางตั้งใจจะสั่งสอนสุนัขจิ้งจอกเช่นเหอตังกุย มีชีวิตอยู่ก็มีแต่คนรังเกียจ ตายแล้วก็ยังทำร้ายลูกชายของนางอีก
เนี่ยชุนเหลือบมองชายเสื้อต่งซื่อที่กระพืออยู่ด้านหลังพลันดันศอกไปข้างหลังทันทีโดยไม่เอ่ยคำใด จึงสามารถสลัดแขนต่งซื่อและเหวี่ยงนางออกไปได้
ต่งซื่อััได้เพียงแขนขวาของนางชาจนไม่สามารถควบคุมได้ แม้ไม่เ็ปนักแต่ในฐานะสตรีสูงศักดิ์ ไหนเลยจะเคยลิ้มลองรสชาติการถูกสลัดทิ้ง น้ำตาของนางจึงหลั่งเป็สาย ชำระล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าเสียสิ้น หลัวไป๋เฉียนวิ่งไปดึงนางลุกขึ้นพลางเอ่ยถามด้วยความโกรธเกรี้ยว “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดคุณชายจูจึงนอนฝันร้ายทุกคืน? เขาผลักน้องสามตกจากูเาจำลองจริงหรือไม่? เหตุใดเ้ารู้เื่ทุกอย่างแต่ข้ากลับไม่รู้อะไรเลย”
ต่งซื่อยังคงคร่ำครวญด้วยความเ็ป ไม่ยอมตอบคำถามของหลัวไป๋เฉียน เมื่อคุณชายเว่ยเห็นเนี่ยชุนตีแม่ของเขาจนร้องไห้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังเคยฆ่าสัตว์เลี้ยงอันล้ำค่าของเขา คุณชายเว่ยจึงรีบวิ่งไปตบเท้าของเนี่ยชุน ก่อนก่นด่าเสียงดัง “เ้าฆ่าสัตว์เลี้ยงข้า เ้ามันฆาตกร เ้าเป็ปีศาจ” เนี่ยชุนขมวดคิ้วพลางแค่นเสียงเ็าขึ้นจมูก “โง่” จากนั้นก็เตะเด็กชายไปหาหลัวไป๋เฉียน
หลัวไป๋เฉียนรับลูกชายที่ปลิวมา ทว่าไม่ได้พุ่งไปคิดบัญชีกับเนี่ยชุนแต่กลับเอ่ยตำหนิลูกชาย “เด็กโง่ เก็บของแบบนั้นเป็สัตว์เลี้ยงได้อย่างไร?” เมื่อหลัวไป๋เฉียนนึกถึงสิ่งมีชีวิตสีดำที่คลานบนเข็มขัดใต้หมอนเมื่อวานก็อดสั่นเทาไม่ได้ ก่อนจ้องลูกชายด้วยสายตาดุดันพลางเอ่ย “นับแต่นี้ไป เ้าไม่สามารถเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเ่าั้ได้อีก หากข้าเห็น ข้าจะตัดขาเ้าทิ้งเสีย”
คุณชายเว่ยส่ายหัวไม่ยินยอมพลางะโร้องห่มร้องไห้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ฮือ ๆ พ่อเป็พ่อที่แย่มาก ท่านพ่อทำไม่ดีกับท่านแม่ ท่านแม่บอกว่าตราบใดที่ข้าเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ในเรือนคนแซ่เหอก็สามารถเลี้ยงได้ มากเท่าไรก็เลี้ยงได้”
ต่งซื่อหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วพลันง้างแขนซ้ายตบหน้าลูกชาย “เ้าพูดเื่อะไร? ใครให้เ้าเลี้ยงหนูในเรือนของเหอตังกุย?”
ทันใดนั้นคุณชายเว่ยก็ร้องะโเสียงดัง “ท่านแม่ก็เป็แม่ที่แย่เหมือนกัน ท่านไม่ทำตามคำพูด คราวที่แล้วท่านแม่ยังชื่นชมและจะให้รางวัลข้าเพราะเื่นี้อยู่เลย แต่ตอนนี้กลับตีข้า” ต่งซื่อเสียใจจนอยากเอาหัวกระแทกพื้น เหตุใดนางจึงพาปีศาจน้อยปากไม่มีหูรูดตัวนี้มาด้วย? ไม่ว่าเื่ใดก็พูดเสียสิ้น ขณะนี้แขนขวาของต่งซื่อไม่สามารถขยับได้ นางเห็นคุณชายจูนอนชักกระตุกไม่หยุดบนตั่งยาว ทั้งยังเห็นคุณชายเว่ยบ้าคลั่ง ต่งซื่อก็พลันร้องไห้ “ชีวิตข้าช่างน่าสังเวชเสียจริง มักเจอปัญหาตลอดเวลา ไม่มีใครให้ความยุติธรรมแก่ข้าสักคน ท่านป้าสาม เหตุใดท่านไม่มาช่วยข้า ท่านทำให้ข้าดูน่าสมเพชยิ่งนัก”
เหล่าไท่ไท่ทุบตั่งอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ “พอ พอได้แล้ว หุบปากเดี๋ยวนี้ คุณชายจูยังมีชีวิต เหตุใดเ้าจึงร้องไห้จะเป็จะเป็ตาย คุณชายเฉียน รีบอุดปากเมียของเ้าเสีย”
เมื่อหลัวไป๋เฉียนได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเป็ประกาย เขาแทบกราบขอบคุณแล้วบอกว่า “บ่าวรับบัญชา” ทันที จากนั้นหลัวไป๋เฉียนก็ถอดสายรัดเอว มือหนึ่งจับผมต่งซื่อ อีกมือหนึ่งพันสายรัดเอวรอบศีรษะและปากของนางสามสี่รอบอย่างแ่า ต่งซื่อพยายามดิ้นรนจนปิ่นปักผมสีทองและเครื่องประดับผมสีเงินของนางตกพื้น ทั้งยังข่วนลำคอหลัวไป๋เฉียนด้วยมือซ้าย ทำให้มีเืซึมสองสามจุด หลัวไป๋เฉียนเดือดดาลมากพลันสะบัดแขนต่งซื่อทันที ทว่าเขาไม่ชำนาญเท่าเนี่ยชุน ส่งผลให้แขนเกือบเคล็ด ด้านต่งซื่อก็เ็ปจนน้ำตาไหลพรากไม่หยุด
หลังจัดการต่งซื่อ หลัวไป๋เฉียนก็จ้องมองลูกชาย คุณชายเว่ยหวาดกลัวจนหยุดร้องไห้ทันที บรรยากาศภายในห้องจึงเข้าสู่ความเงียบอย่างรวดเร็ว
หยางมามาส่ายหัวพลางถอนหายใจ เพียงเวลาสั้น ๆ แต่กลับเกิดเหตุปั่นป่วนน่าใ มิหนำซ้ำตระกูลหลัวยังเสียหน้าต่อหน้าแขกจนไม่เหลือชิ้นดี หยางมามาหันมองทางซ้ายก็พบคุณชายจูนอนน้ำลายฟูมปากบนตั่งยาว โดยมีหมอหม่า หมออูและเหล่าไท่ไท่ตรวจอาการอย่างใกล้ชิด ทางขวาก็มีร่างคุณหนูสามนอนอยู่โดยมีเนี่ยชุนและแขกที่ป่วยผู้นั้นทำให้มือของนางอบอุ่น… หยางมามาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ภัยพิบัตินองเื” เกิดขึ้นจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณหนูสามจะสิ้นใจตาย
“มีคนตาย เหล่าไท่ไท่ แย่แล้วเ้าค่ะ มีคนตาย...” สื่อหลิวและผู่กงอิ๋งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนกพลางร้องะโ
หยางมามากระทืบเท้าพลันะโ “พูดเื่อะไร? เหล่าไท่ไท่ยังอยู่ดี พวกเ้ามาที่นี่เพื่อสร้างความวุ่นวายหรือ? หากคุณหนูสามเสียชีวิตก็ควรบอกว่า “ประสบเคราะห์ร้าย” หรือ “ได้ขึ้น์” พูดว่า “มีคนตาย” ได้อย่างไร”
ผู่กงอิ๋งเอ่ยตอบด้วยร่างสั่นเทา “มีคนตายจริง ๆ เ้าค่ะมามา ทุกคนล้วนเห็น มี...ผีดิบในสวนดอกไม้เ้าค่ะ”
“ผีดิบ?” เนี่ยชุนเอ่ย “ผีดิบมีรูปร่างอย่างไร?”
ผู่กงอิ๋งสั่นไปทั้งตัวพลางจับไหล่สื่อหลิวเพื่อประคองตัวลุกขึ้น ก่อนอธิบายด้วยท่าทีหวาดกลัว “ลำคอมีรูเืแต่ไม่มีเืที่พื้นสักหยด ใบหน้าขาวซีด ทุกคนต่างบอกว่ามันเป็ผีดิบดูดเืเ้าค่ะ”
เนี่ยชุนครุ่นคิดก่อนเอ่ยถาม “หน้าผีดิบเป็สีขาวบริสุทธิ์หรือไม่? มีสิ่งแปลกประหลาดบนใบหน้าหรือไม่?”
ขณะนั้นผู่กงอิ๋งรีบวิ่งหนีจึงเห็นผีดิบเพียงแวบเดียว ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ พลันหันไปหาสื่อหลิว สื่อหลิวเอียงศีรษะตอบอย่างเรียบเฉยด้วยรอยยิ้ม “แม้ใบหน้าของมันจะขาวซีด แต่เมื่อมองอย่างละเอียดจะพบว่ามีเส้นสีเขียวจำนวนมากใต้ิั เส้นเ่าั้เป็แนวนอนและแนวตั้ง...รูปร่างเหมือนรังผึ้ง”
เนี่ยชุนและหนิงยวนอุทานพร้อมกัน “รังผึ้ง? เส้นสีเขียวเหมือนรังผึ้งหรือ?” ทั้งสองไม่เคยพบกันมาก่อน ทว่าตอนนี้กลับต้องถ่ายทอดลมปราณเจินชี่ด้วยกันจึงกระอักกระอ่วนไม่น้อย อีกทั้งพวกเขายังพูดคำเดียวกันอีกยิ่งทำให้อึดอัดใจมากขึ้น ทันใดนั้นก็อุทานพร้อมกันอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “หรือเขาจะรู้วิชาเหมียวชื่อ? เขาเป็ใครกัน?”
สื่อหลิวพยักหน้าพลางถอนหายใจ “เป็คนอยู่ดี ๆ ผ่านไปเพียงคืนเดียวก็กลับกลายเป็ผีดิบ เมื่อคืนขณะไฟไหม้ป่าไผ่ขม เขายังถามทางข้าอยู่เลย” ผู่กงอิ๋งพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ยามกลางคืนเขาต้องถูกสัตว์ประหลาดจับตัวไป ทำให้กลายร่างเป็ผีดิบแน่นอน”
แสงเย็นะเืส่องประกายออกจากแววตาของเนี่ยชุนตามคำอธิบายของพวกนาง... ลำคอคนตายมีรู เืถูกดูดจนหมดตัว มีเส้นสีเขียวเหมือนรังผึ้งบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาถูกใช้เป็ยาสำหรับฝึกฝนวิชาเหมียวชื่อซึ่งเป็หนึ่งในสี่วิชาชั่วร้าย วิชาเหมียวชื่อนั้นร้ายกาจและไร้ความปรานี มีข้อจำกัดมากมายในการบ่มเพาะพลัง หากเกิดปัญหา ผู้บ่มเพาะจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก จึงมีไม่กี่คนในแผ่นดินที่สามารถบ่มเพาะวิชานี้ได้ ทว่าตอนนี้ในตระกูลหลัวกลับมีคนหมกมุ่นวิชาเหมียวชื่อ เนี่ยชุนกัดฟันกรอดด้วยความเดือดดาล สมควรตายยิ่งนัก ทั้งที่เกิ่งปิ่งซิ่วสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคนในตระกูลหลัวแต่เขากลับผิดคำพูด
“ใครตาย?” เหอตังกุยเบิกตาโพลงพลันเอ่ยถาม
ผู่กงอิ๋งที่เพิ่งเข้ามาไม่รู้ว่าคุณหนูสามหมดลมหายใจแล้วจึงไม่ใเหมือนคนอื่น นางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนถามกลับ “คุณหนูสาม สาวใช้ตัวน้อยอายุมากกว่าสิบปีของท่านคือฉานอีใช่หรือไม่?”
“ฉานอี?” เหอตังกุยลุกขึ้นนั่งบนตั่งยาวพลันเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกับนาง?” ผู่กงอิ๋งโบกมือแต่ไม่ยอมตอบคำถาม จากนั้นก็มองเฟิงหยางตัวปลอมพลางถามต่อ “ท่านมีผู้ติดตามสองคนชื่อเฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ใช่หรือไม่?” เฟิงหยางตัวปลอมพยักหน้าด้วยความลังเล
ผู่กงอิ๋งชูสามนิ้วก่อนเอ่ย “พวกเขาทั้งสามเป็ผู้พบผีดิบ เฟิงเหยียน เฟิงอวี้ใและหวาดกลัวจนเหยียบย่ำกล้วยไม้ขาวอันล้ำค่าในเรือนพังเสียหายทั้งหมด ตอนนี้ถูกพ่อบ้านหลี่ควบคุมตัวอยู่ พ่อบ้านหลี่้าเงินสิบห้าตำลึงเพื่อชดใช้จึงจะยอมปล่อยตัว เขาให้ข้ามาบอกเ้านายของสองคนนั้น ระยะเวลาคุมขังมีเพียงน้ำชาให้ดื่มแต่ไม่มีอาหาร อย่างไรก็ตาม หลังดื่มชาทั้งสามคนก็บ่นไม่หยุด ทำให้พ่อบ้านหลี่รำคาญยิ่งนัก หวังว่าท่านจะไปไถ่ตัวพวกเขาโดยเร็วที่สุด”
เหอตังกุยลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก มือของนางที่ได้รับการถ่ายทอดลมปราณเจินชี่จากหนิงยวนและเนี่ยชุนสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ก่อนรีบเอ่ยถาม “แล้วฉานอีเล่า? นางทำลายข้าวของจนถูกคุมขังด้วยหรือไม่?”
ผู่กงอิ๋งส่ายหัวพลางพูด “นางไม่ได้ถูกควบคุมตัวเ้าค่ะ แต่ดูเหมือนนางจะกลัวผีดิบจึงเต็มใจตามคนทั้งสองไปด้วย เมื่อครู่ข้าเห็นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยโคลน จึงขอให้นางกลับมาพร้อมข้าเพื่อล้างตัวแต่นางไม่ยอม... นายท่านคิดจะไปไถ่ตัวพวกเขาเมื่อใดหรือเ้าคะ?”
ก่อนเฟิงหยางตัวปลอมจะตอบคำถาม หยางมามาก็เอ่ยขัดจังหวะ “ตาเฒ่าหลี่กินเหล้าจนสมองเลอะเทอะแล้วกระมัง จะให้แขกเอาเงินไปไถ่ตัวได้อย่างไร?” นางหันกลับมาพูดกับเติงเฉ่า “ไปนำตัวพวกเขากลับมา บอกตาเฒ่าหลี่ให้เรียกเก็บเงินจากบัญชีกองกลาง”
หลังเติงเฉ่าจากไป เหอตังกุยก็เอนหลังนอนบนตั่งยาว หนิงยวนและเนี่ยชุนยังคงถ่ายทอดลมปราณเจินชี่ให้แก่นาง
ก่อนหน้านี้เหอตังกุย้าแสดงฉาก “คุณหนูสามผู้อ่อนแอได้รับการกระตุ้นรุนแรงจนความทรงจำกลับมา” เพื่อให้สมจริงจึงแอบใช้เข็มเงินกดชีพจรและการเต้นของหัวใจส่งผลให้หายใจช้าลง ทว่ายังมีสติและหายใจได้ เดิมทีนางไม่ได้วางแผนให้คนอื่นคิดว่า “คุณหนูสามสิ้นใจตาย” แต่หลังจากเหล่าไท่ไท่พูดเช่นนั้น เนี่ยชุน หลัวไป๋เฉียนและหนิงยวนจึงเข้ามาจับชีพจรและการเต้นของหัวใจนาง แต่ไม่มีใครตรวจสอบว่านางยังหายใจหรือไม่
ทีแรกนางลังเลที่จะแสร้งว่า “จู่ ๆ ก็ตื่นด้วยตัวเอง” แต่เมื่อหนิงยวนและเนี่ยชุนเริ่มถ่ายทอดลมปราณเจินชี่เข้าร่างกาย นางก็ตัดสินใจแกล้งตายต่ออีกสักพัก ก่อนพบว่าหลังได้รับลมปราณเจินชี่ที่เย็นและอบอุ่นทั้งสองชนิด ลมปราณเจินชี่ดื้อด้านในร่างกายของนางก็ค่อย ๆ สงบ พวกมันรวมตัวในจุดตันเถียนอย่างเชื่อฟัง ทำให้ร่างกายอุ่นสบาย ต่อมาเมื่อผู่กงอิ๋งและสื่อหลิวเล่าถึงผีดิบ แม้พวกนางจะไม่ได้เล่าถึงฉานอี แต่เหอตังกุยเป็ห่วงฉานอีตลอดเวลา เมื่อได้ยินคำบางคำ เช่น “คนมีชีวิตกลายเป็ผีดิบหลังผ่านไปเพียงคืนเดียว” ก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาเพื่อสอบถามรายละเอียด แต่ผู่กงอิ๋งอธิบายเื่ราวรวดเร็วและครบถ้วน ทำให้เหอตังกุยใทันที
“แกรก” จู่ ๆ พัดของหนิงยวนก็หล่นลงข้างหมอนของเหอตังกุย เมื่อเขาก้มหยิบพัดก็พลันกระซิบข้างหูอีกฝ่าย “สาวน้อย ที่แท้เ้าก็มีนิสัยห่วงใยผู้อื่น หึ นี่สินะ...จุดอ่อนของเ้า”
เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นเหอตังกุยฟื้นก็ย้ายจากคุณชายจูมาตรวจอาการเหอตังกุยทันที ขณะเห็นว่าเหอตังกุยสบายดีจึงเอ่ยอย่างมีความสุข “ช่างโชคดีจริง ๆ ทวยเทพยังคงปกปักรักษาพวกเรา”
“ต้องขอบคุณท่านลุงเนี่ยและแขกท่านนี้” เหอตังกุยกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “หากพวกเขาไม่มอบลมปราณเจินชี่ที่เป็สิ่งเฉพาะของผู้ฝึกยุทธ์ให้แก่ข้า ข้าคงไม่ฟื้น” นางพูดกับเนี่ยชุนที่มีทีท่าภาคภูมิใจและหนิงยวนที่กำลังยิ้ม “ตังกุยขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านลุงทั้งสองเ้าค่ะ” รอยยิ้มของหนิงยวนแข็งค้างชั่วขณะ
หลังหยางมามาและหลัวไป๋เส่าผู้ไม่รู้วรยุทธ์ได้ฟังต่างก็ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ “ที่แท้ก็เป็การถ่ายทอดลมปราณในตำนาน!”
เนี่ยชุนแค่นเสียงเ็าขึ้นจมูกเอ่ยถาม “ยัง้าอีกหรือไม่?”
เหอตังกุยปรายตามองพลางเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “อันที่จริงข้ายังเวียนหัวนิดหน่อย หากท่านไม่รีบ...ก็ทำต่ออีกสักหน่อยเถอะเ้าค่ะ” เมื่อวานหลังเกิดความผิดปกติของลมปราณเจินชี่ เหอตังกุยก็หวาดกลัวเหตุการณ์เืออกจากทวารทั้งเจ็ดยิ่งนัก จึงตัดสินใจแก้ปัญหาการดูแลลมปราณเจินชี่ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด ขณะนี้เมื่อลมปราณเจินชี่ที่อบอุ่นและเย็นสบายทั้งสองถูกถ่ายทอดสลับไปมา ลมปราณเจินชี่ในร่างกายของนางก็ค่อย ๆ สม่ำเสมอ นางเริ่มเข้าใจวิธีควบคุมลมปราณเจินชี่และการใช้กำลังภายใน จึงไม่อยากพลาดโอกาสดีในการเรียนรู้ไป
เนี่ยชุนแค่นเสียงเ็าด้วยความไม่พอใจทว่าไม่ได้ละมือจากนาง พลางหันกลับไปถามผู่กงอิ๋ง “ใครตาย?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้