บทที่ 72 เร่งการเกิดหญ้าวิเศษ
ก็เหมือนกับเคล็ดวิชาระดับสูงส่วนมาก แม้ว่าจะล้ำค่า แต่คัดลอกมาจากคัมภีร์ต้นฉบับที่มีเผยแพร่อยู่ทั่วไป แต่เคล็ดวิชาไม้วิเศษถึงแม้จะเป็พลังวิเศษเล็กๆ แต่คนที่เคยได้ยินชื่อนี้ก็มีน้อยนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการบำเพ็ญฝึกฝน
เริ่มแรกลู่อวี่ก็ทุ่มเทใจไปไม่น้อย ถึงได้รับเคล็ดวิชาฟื้นฟูลับของพลังวิเศษเล็กๆ นี้มา และหลังจากนั้นอีกไม่นาน เพราะเคล็ดวิชาไม้วิเศษสามารถเร่งการงอกของยาวิเศษอันล้ำค่าบางอย่างได้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เขาก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และดำเนินอยู่อย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้นบนเส้นทางปรุงโอสถ
แต่ถึงแม้พลังวิเศษเล็กๆ นี้จะมีระดับไม่สูง แต่ตอนฝึกฝนกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะลู่อวี่ที่ตอนนี้มีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นฟันฝ่าแล้ว ยังสั่งการได้น้อยยิ่งนัก และใช้พลังได้วันละครั้งเท่านั้น ต่อให้ใช้ยาอายุวัฒนะฟื้นฟูพลังลมปราณอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้อีก
แต่เวลานี้กลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะทุกคนกำลังเบิกตากว้างและ จ้องมองไปยังกระถางที่เพิ่งปลูกหญ้าเช้าเย็นด้วยความเหลือเชื่อ
และเห็นเพียงดินสีดำสนิทขยับเล็กน้อย และมีสีเขียวอ่อนๆ ดิ้นรนงอกขึ้นมาในพริบตา เพื่อรับกับแสงตะวันที่สาดส่องลงมายามเช้า และมันก็สูงขึ้นครึ่งนิ้วใน่เวลาสั้น ๆ จากนั้นความเร็วก็ลดช้าลง แต่ทันใดนั้นก็มีใบผลิออกมาและโตขึ้น หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ ก็ผลิใบออกมาอีกสองสามใบ สรุปแล้วมีใบผลิออกมาทั้งหมดหกใบ จากนั้นก็หยุดแตกยอดผลิใบ และความเร็วในการเติบโตก็ช้าลงเช่นกัน
หลังจากลู่อวี่กินยาฟื้นฟูกำลังที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาเองแล้ว ก็จดจ่ออยู่กับหญ้าเช้าเย็น เมื่อเห็นใบไม้ทั้งหกใบในเวลานี้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่ก็ค่อนข้างจะผิดหวังเพราะใบไม้ทั้งหกนั้นไม่ได้หมายถึงอายุของมัน แต่บ่งบอกให้เห็นถึงฤทธิ์ยาที่แฝงอยู่ในนั้น หญ้าเช้าเย็นนั้นผลิใบได้สูงสุดถึงเก้าใบ แบ่งออกเป็ขั้นบน ขั้นกลาง และขั้นล่าง และทุกๆ สามใบก็จะแบ่งออกเป็หนึ่งขั้น ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าหญ้าเช้าเย็นที่ปลูกได้ตอนนี้อยู่เพียงขั้นกลางเท่านั้น แต่โชคดีแล้วเพราะต่อให้จะเป็ขั้นต่ำเขาก็สามารถใช้ได้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปรมาจารย์ปรุงโอสถเช่นเขามากนัก
สาเหตุที่ทำเขาผิดหวัง มันเป็เพียงความคาดหวังที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง แม้ว่าในชาติก่อนเขาจะเคยฝึกฝนเคล็ดวิชาไม้วิเศษมาก่อน และมีคุณสมบัติของพลังต่างกันออกไป แต่จริงๆ แล้วผลที่ได้จากการใช้เคล็ดวิชาไม้วิเศษ เพื่อกระตุ้นการเกิดวัตถุดิบยาวิเศษก็ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะมันขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งเท่านั้น สำหรับคุณภาพ มันนอกเหนือเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้
ต่อให้เป็วัตถุดิบยาวิเศษที่จำเป็ต้องใช้เวลาเ่าั้ก็ตาม หากเร่งการงอกหลายๆ ครั้งก็จะได้ผลเช่นกัน แต่สำหรับยาวิเศษจำพวกที่เติบโตในสภาพแวดล้อมเฉพาะเ่าั้ คงรับประกันได้เพียงเร่งให้งอกออกมาได้เท่านั้น ส่วนสุดท้ายแล้วมันจะโตอย่างไร ก็คงต้องคอยลุ้นกันอีกทีหนึ่ง เื่นี้ลู่อวี่ก็จนใจมากเช่นกัน
แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ เมื่อตอนที่ทุกคนในห้องโถงเห็นหญ้าเช้าเย็นงอกและโตขึ้นจนโตเต็มวัยได้ ใน่เวลาสั้นๆ จริงๆ แต่ละคนก็ใจนอ้าปากค้างและยากที่จะเชื่อได้ เพราะขั้นตอนนี้เหมือนกับลู่อวี่ได้รับพลังมาจาก์ มันทำให้พวกเขาตื่นเต้นไม่น้อย และในเวลาเดียวกันก็ยิ่งใกับวิธีการที่ลึกลับมาก จนไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจรายละเอียดของลู่อวี่ได้เช่นนี้
ในแง่พลังยุทธ์ ในที่นี้ย่อมต้องเป็หลิงหวาฮูหยินอยู่แล้วที่มีพลังยุทธ์สูงสุด และมีความรอบรู้กว้างไกลมากที่สุด ถึงแม้ในอดีตจะเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังวิเศษที่สามารถเร่งการเติบโตของยาวิเศษได้ในเวลาอันสั้นมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ได้มาเห็นกับตาจริงๆ ก็ในครั้งนี้ถือเป็ครั้งแรก และลู่อวี่ที่มีพลังวิเศษนี้อยู่ใน ย่อมดูลึกลับในสายตาของนางขึ้นมาทันทีเช่นกัน
หากเป็ไปตามที่นางรู้มา พลังวิเศษที่สามารถเร่งการงอกของวัตถุดิบยาวิเศษชนิดนี้มีอยู่น้อยยิ่งนัก และคนที่มีพลังวิเศษเช่นนี้อยู่ ก็ถ่ายทอดมันให้กับบุรุษที่มีอายุไม่ถึงยี่สิบปีคนหนึ่งโดยไม่ลังเลนั้น เพียงคิดก็รู้แล้วว่าผู้ที่อยู่เื้ันายน้อยตระกูลลู่ผู้นั้น ย่อมต้องเป็ยอดฝีมือผู้หนึ่ง
นายหญิงตระกูลหลินและผู้เฒ่าใหญ่ต่างใเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะได้สติ หันมาสบตากันโดยพูดไม่ออก และต่างก็เห็นความตื่นเต้นและดีใจในสายตาของอีกฝ่าย แต่กลับไม่แสดงออกใดๆ
ตรงกันข้ามกับลูกศิษย์ของเกาะหลิงหวาเซียนรวมถึงหลินเหยาด้วย เพราะแต่ละคนกำลังตกตะลึงพูดไม่ออก มองดูหญ้าเช้าเย็นที่กำลังเติบโตอยู่
“พลังวิเศษนำโชคนี้นับว่ายอดเยี่ยมไม่น้อย นายน้อยลู่ต้องได้รับการถ่ายทอดมาจากใครสักคนแน่ ช่างน่าอิจฉาเสียจริง!” เมื่อกู้จงเสวียนเห็นว่าลู่อวี่ มีความสามารถเช่นนี้ ก็แสดงความคิดเห็นอย่างยุติธรรมเพราะเขาเป็คนตรงไปตรงมา และไม่มีทางดูถูกผู้อื่นเพราะเื่ของศิษย์น้องของเขาแน่ โดยเฉพาะบุรุษผู้นี้ที่มาปรุงโอสถเพื่อรักษาอาการาเ็ให้เขา
“ั้แ่หญ้าเช้าเย็นงอกขึ้นมาและเติบโตจนต้นใหญ่ เวลาก็ผ่านไปเพียงต้มกาให้ร้อนใบเดียวเท่านั้น ต่อให้เป็คนจากเขาหนิงชุยเฟิงย่อมไม่มีทางทำได้แน่ แต่ไม่รู้ว่านายน้อยลู่ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์หรือเคล็ดวิชาลับใดกันแน่ ถึงได้มหัศจรรย์เช่นนี้!” จุดสนใจของหลายๆ คนไม่ได้อยู่ที่เสน่ห์ตามธรรมชาติของหญ้าวิเศษเมื่อมันโตขึ้น แต่กลับสนใจทางอื่นมากกว่า
ทว่าลู่อวี่กลับไม่สนใจสายตาของผู้คนที่จ้องมองมาด้วยความแปลกใจและชื่นชม แต่ลงมือเก็บหญ้าเช้าเย็นทันที คอยจัดการอย่างคล่องแคล่วว่องไว และแล้วเวลานี้ทุกอย่างก็เตรียมพร้อม ตอนนี้จึงเหลือเพียงโชคชะตานำพาแล้ว
เดิมทีทุกคนคิดว่า ถึงแม้จะปรุงยาในห้องโถงเรือนี้ แต่คงมีเตาหลอมยาอะไรจำพวกนี้อยู่ แต่กลับเห็นเพียงลู่อวี่ยื่นมือซ้ายออกมาเล็กน้อยในเวลานี้ และท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน เขาก็จุดเปลวไฟสีน้ำเงินอ่อนขึ้นมา มันกำลังควบแน่นลุกไหม้อยู่ห่างจากตรงหน้าไปเกือบสองฉื่ออย่างเงียบๆ
นี่คือไฟแท้สมาธิที่ลู่อวี่ควบแน่นขึ้นมาด้วยพลังเวทของเขาเอง แต่เนื่องจากทักษะของเขายังมีไม่เพียงพอ พลังของไฟแท้สมาธินี้จึงอ่อนแอเป็ธรรมดา
ในฐานะคนปรุงโอสถแล้ว ถือว่าไฟแท้สมาธิสำคัญที่สุด และแน่นอนว่าทุกคนที่นี่รู้ดี แต่กลับไม่รู้ว่าลู่อวี่้าทำสิ่งใด เมื่อเห็นลู่อวี่ประสานนิ้วดรรชนี จากนั้นวัตถุดิบยาต่างๆ ที่เตรียมไว้ก็ลอยขึ้นกลางอากาศและทยอยกันลงไปในเปลวไฟ ก็มีหลายคนอดร้องอุทานออกมาไม่ได้
ไม่ใช่เื่น่าแปลกใจที่คนเหล่านี้จะมีท่าทีตอบสนอง แม้ว่าปกติทุกคนจะฝึกบำเพ็ญเพียรและฝึกฝนเคล็ดวิชากันมา เมื่อดูจากภายนอกพวกเขาล้วนเป็คนจริงจัง มีคุณธรรม แต่ลึกๆ แล้วกลับไม่ได้เป็อย่างนั้น ท่าทีสุขุมเยือกเย็น เป็เพียงเปลือกนอกเท่านั้น แต่นิสัยเดิมกลับไม่เคยเปลี่ยน หากเกิดเื่อะไรขึ้นมากะทันหัน ย่อมแสดงท่าทีออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ลู่อวี่ เ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ นี่คือวัตถุดิบยาที่มีไว้สำหรับปรุงโอสถให้ศิษย์พี่ใหญ่ของข้า เ้าทำไม่ได้ก็ทำลายได้เช่นนั้นหรือ!!” หลินเหยาอดใจพูดโพล่งออกมาไม่ได้ แต่แล้วก็ตระหนักได้ว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่โง่เขลาลงไป
มีผู้คนมากมายอยู่ในนี้ ไม่ว่าพลังยุทธ์หรือความรอบรู้ที่มี หากลู่อวี่คิดจะทำเช่นนั้นจริง มีหรือที่นางจะทันหยุดเขา แต่เมื่อพูดไปแล้ว ย่อมนำคำพูดกลับคืนมาไม่ได้
แต่โชคดีที่เวลานี้ผู้คนให้ความสนใจอยู่กับลู่อวี่ แม้ว่านางจะพูดออกมาในเวลาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ หลิงหวาฮูหยินชำเลืองมองลูกศิษย์ด้วยสายตาตำหนิ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก จึงทำให้หลินเหยาโล่งใจไปบ้าง
ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่า ลู่อวี่ทำเื่ไร้สาระเช่นนี้แล้วแต่เหตุใดทุกคนถึงไม่ถือสาเขา ในทางตรงกันข้าม กลับพากันกลั้นหายใจมุงดู แต่ก็รู้ว่าเวลานี้นายน้อยตระกูลลู่ผู้นั้นคงจะทำอะไรที่เกินคาดเดาอีกแล้ว ถึงมีผลลัพธ์เช่นนี้
แต่เมื่อตั้งใจดูตอนนี้ ก็เห็นว่าหลังจากโยนวัตถุดิบยาที่เตรียมไว้เข้าไปในเปลวไฟ วัตถุดิบยาวิเศษนั้นก็หลอมละลาย และถูกชำระล้างจนรวมตัวกัน และกลายเป็น้ำสีน้ำตาลแดง
ถังซินหวั่นกังวลว่าศิษย์น้องเล็กจะไม่รู้ว่า เวลานี้ลู่อวี่กำลังแสดงฝีมือในการปรุงโอสถอยู่ ในฐานะผู้ดูแลที่แท้จริงของเกาะหลิงหวาเซียนจึงรีบเอ่ยท้วงออกมาทันทีว่า “ศิษย์น้องเล็ก นี่คือศาสตร์เวทในการปรุงโอสถ เรียกว่า ‘เคล็ดวิชาฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์’ ก่อนหน้านี้ข้าเคยอ่านเจอแต่ในตำราที่หอหนังสือ แต่เคล็ดวิชาฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์ในบันทึกนั้น มีไว้เพื่อหลอมอาวุธเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้นายน้อยตระกูลลู่กลับนำเคล็ดวิชาฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์มาใช้ปรุงยาอายุวัฒนะ คิดว่าคงใช้ยากกว่ามาก อีกอย่างสิ่งนี้ยังบ่งบอกได้ว่า เคล็ดวิชาปรุงยาอายุวัฒนะของนายน้อยตระกูลลู่มาถึงจุดสูงสุดของการปรุงโอสถแล้ว คิดว่าต้องไม่ด้อยไปกว่า าาปรุงโอสถแห่งเขาหนิงชุยเฟิงแน่ หรือบางทีอาจจะเหนือชั้นกว่าก็เป็ได้”
ถังซินหวั่นเองก็รู้เคล็ดวิชาฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์นี้มาจากในตำรา นางมีอุปนิสัยสงบเสงี่ยม ชอบอ่านตำรา ดังนั้นจึงมีความรอบรู้มากกว่าคนในวัยเดียวกัน แต่เมื่อเห็นเคล็ดวิชาการปรุงโอสถของลู่อวี่ในตอนนี้ ก็ทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น
แต่ในห้องโถงเรือมีคนจำนวนไม่น้อย ถึงแม้จะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พอจะเดาถูก แต่ก็ล้วนแล้วแต่พิสูจน์ไม่ได้เหมือนถังซินหวั่น แต่มีจุดหนึ่งที่พอจะพิสูจน์ได้ นั่นคือเคล็ดวิชาทั้งหมดที่ลู่อวี่ใช้ มันไม่เหมือนกับที่คนปรุงโอสถทั่วไปใช้กัน ดังนั้นต่างพากันกลั้นหายใจและเพ่งมองดู โดยไม่กล้าเข้าไปรบกวน
จนประมาณครึ่งก้านธูปต่อมา ในระหว่างที่ไฟแท้สมาธิกำลังหลอมรวมกัน น้ำวิเศษลูกหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่ก็ค่อยๆ หดตัวลงมากกว่าหนึ่งเท่าตัว และในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมจางๆ ก็ฟุ้งกระจายออกมา ทุกคนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิดเพียงว่าใกล้ปรุงโอสถเสร็จแล้ว แต่ลู่อวี่ยังคงประสานพลังถ่ายทอดเข้าไปในน้ำยาที่กำลังจะแข็งตัวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก และถอนหายใจเงียบๆ แต่ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อย มิเช่นนั้นภายใต้การควบคุมของเขา กลิ่นหอมจะรั่วไหลออกมาได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าพลังของยาบางตัวรั่วไหลออกมา แต่โชคดีที่ผลกระทบไม่มากนัก ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องกังวลให้มาก
เคล็ดวิชาฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์นี้ เน้นการควบคุมไฟจากความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถควบคุมความเข้มของเปลวไฟได้แม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น ในเวลาเดียวกัน เมื่อประกอบกับเคล็ดวิชาลับการปรุงโอสถอื่น ๆ ไม่เพียงแต่สามารถสกัดยาอายุวัฒนะได้สูงกว่า ทว่ายาอายุวัฒนะที่สกัดออกมาได้จะมีฤทธิ์ยาสูงกว่ายาอายุวัฒนะอื่นๆ อยู่หนึ่งขั้น
ถึงแม้ดูเหมือนว่าสรรพคุณระดับนี้จะไม่คุ้มค่าพอให้กล่าวถึง แต่สำหรับผู้ที่้ามัน อยู่ระหว่างความเป็ความตาย ดังนั้นแม้ว่าทุกคนในห้องโถงไม่รู้ว่าลู่อวี่มีวิธีการปรุงโอสถแบบใด แต่ในเมื่อมีความคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์ ในตำนาน ดังนั้นก็ต้องตั้งตารอคอยมากยิ่งขึ้นอยู่แล้ว
แน่นอนว่าจากนั้นไม่นานนัก ก็ตามมาพร้อมกับเสียงแตกเล็กๆ ที่ดังลอดออกมา ยาอายุวัฒนะที่แข็งตัวก็หดตัวลงอีกครั้ง จนควบแน่นเป็ยาอายุวัฒนะสีเหลืองอ่อน ที่มีขนาดเพียงนิ้วก้อยของผู้ใหญ่เท่านั้น จากนั้นถึงได้หยุดนิ่ง และเวลานี้เอง กลิ่นหอมของยาภายในห้องโถงก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
ลู่อวี่รู้ว่าเวลานี้มันดำเนินมาจนถึงวินาทีสุดท้ายแล้ว แม้จะดูเหมือนว่ายาอายุวัฒนะถูกกลั่นออกมาแล้ว แต่ความจริงแล้ว ยาอายุวัฒนะกำลังถูกรายล้อมไปด้วยไฟแท้สมาธิ และถูกแยกออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง เพราะทันทีที่มันัักับโลกภายนอก ก็จะถูกบรรยากาศภายนอกรบกวน ดังนั้นในวินาทีที่ไฟมอด ก็รีบใช้พลังลมปราณแยกยาอายุวัฒนะออกจากอากาศภายนอกทันที จากนั้นก็ห่อหุ้มไว้ มิเช่นนั้นสรรพคุณของยาอายุวัฒนะจะลดลงมาก หากอยู่ในพื้นที่พิเศษบางพื้นที่ อาจทำให้สรรพคุณของยาอายุวัฒนะเปลี่ยนแปลงได้ด้วย ดังนั้นหากคนาเ็ได้รับยานี้เข้าไป ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดเดาได้
ดังนั้น เมื่อลู่อวี่เก็บไฟแท้สมาธิ และหลังจากห่อยาฟื้นกำลังศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วด้วยพลังลมปราณ และใช้ขวดหยกเก็บอีกครั้ง ดูเหมือนง่ายมาก แต่หากไม่สังเกตดูดีๆ ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่ามีขั้นตอนสำคัญในการเก็บยาอยู่ด้วย และลู่อวี่เองก็ไม่คิดเปิดเผยเื่นี้เช่นเดียวกัน
เมื่อลู่อวี่นำขวดหยกที่บรรจุยาฟื้นกำลังศักดิ์สิทธิ์และควบคุมลมปราณเหาะไปหาหลิงหวาฮูหยิน นางเองก็อดตื่นเต้นและซาบซึ้งใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าปัญหาที่รบกวนจิตใจนางจะแก้ไขได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ มันทำให้นางอดคิดไม่ได้ และรู้สึกทึ่งกับเคล็ดวิชาลับการปรุงโอสถอันประณีต รวมถึงการถ่ายทอดสืบสานที่แข็งแกร่งของลู่อวี่ จึงหมายมั่นปั้นมือว่า จะต้องผูกมิตรไมตรีกับตระกูลลู่ในภายภาคหน้าให้จงได้
แม้ว่าเกาะหลิงหวาเซียนจะไม่มีรากฐานและอิทธิพลใดในพื้นแผ่นดินเทียนตู แต่เกาะหลิงหวาเซียนในทะเลตงไห่ ถือเป็ที่ตั้งทางทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาเกือบพันปี จะไม่มีของดีสะสมไว้เลยหรือ และเชื่อว่าตระกูลลู่เองก็น่าจะมองเห็นจุดนี้เช่นเดียวกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้