บทที่ 10 การตัดสินใจครั้งสำคัญ
การจับมือกันระหว่างหลินชิงซานและหลี่อวิ๋นซีไม่ใช่แค่การเริ่มต้นธุรกิจ แต่เป็การเริ่มต้นของเกมแห่งสติปัญญาที่ลึกซึ้งกว่าที่ใครจะคาดคิด หลินชิงซานไม่ได้คลายมือจากหลี่อวิ๋นซีในทันที นางใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่เพื่อใช้พลังจาก จี้หยกวิเศษ อ่านความคิดของเขาอย่างละเอียดลออ ราวกับกำลังสแกนตำราธุรกิจเล่มสำคัญที่สุดในชีวิต
“นางรู้ได้อย่างไร… เป็ไปไม่ได้… จี้หยกของข้าไม่มีทางให้ใครอ่านความคิดได้นอกจากตัวข้าเอง” ความคิดของหลี่อวิ๋นซีเต็มไปด้วยความประหลาดใจและสับสน
“ช่างเป็ความคิดที่ไร้เดียงสานักท่านจ้าวลั่ว… จี้หยกของท่านมันใช้งานได้จริง แต่เ้าไม่ได้รู้ถึงแก่นแท้ของมัน… ข้าเองก็ไม่ต่างกัน” หลินชิงซานคิดในใจและหัวเราะเบา ๆ นางยังคงจับมือของเขาไว้แน่น พลางสำรวจความทรงจำของเขาอย่างตั้งใจ
นางเห็นภาพของชายหนุ่มในชุดหรูหราที่ยืนอยู่บนระเบียงของหอการค้าที่ใหญ่โตโอฬาร ภาพป้ายชื่อที่แกะสลักอย่างประณีตว่า หอการค้าหงเยี่ย และภาพของบุรุษผู้สูงศักดิ์ที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับเขา
“ท่านคือ จ้าวลั่ว… บุตรชายคนโตของแม่ทัพจ้าว และผู้ดูแลหอการค้าหงเยี่ยที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้… เ้านักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่” หลินชิงซานคิดในใจ
นางค่อยๆ คลายมือออก พลางส่งยิ้มให้เขาอย่างสงบ
“เมื่อครู่… ข้าขออภัยที่เสียมารยาท” หลินชิงซานกล่าว “แต่บางครั้ง… เราก็ต้องแน่ใจว่าหุ้นส่วนของเราไม่มีเจตนาซ่อนเร้น”
หลี่อวิ๋นซีหน้าซีดไปเล็กน้อย เขาพยายามเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่ให้แสดงพิรุธ แต่สายตาที่สั่นไหวของเขาก็ฟ้องทุกอย่าง
“นางรู้… นางรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับข้า”
“คุณชาย… ไม่ทราบว่าท่านจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของท่านได้หรือยังเ้าคะ” หลินชิงซานถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย แต่กลับสร้างความกดดันให้เขาอย่างมหาศาล
หลี่อวิ๋นซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ
“ในเมื่อเ้าล่วงรู้ความลับของข้าแล้ว ข้าก็คงไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป” หลี่อวิ๋นซีกล่าว “ข้าไม่ใช่พ่อค้าธรรมดาที่เ้าคิด… ข้าคือ หลี่อวิ๋นซี หรือ จ้าวลั่ว ผู้ดูแลหอการค้าหงเยี่ยที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้”
หลินชิงซานพยักหน้าอย่างเข้าใจ “นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดไว้”
“แต่ข้าขอถามอะไรเ้าสักอย่าง” หลี่อวิ๋นซีกล่าว “เ้าล่วงรู้ความลับของข้าได้อย่างไร”
“คำตอบอยู่ที่คอของท่าน” หลินชิงซานตอบพร้อมกับชี้ไปที่จี้หยกของเขา “เราต่างมีสิ่งที่คล้ายกัน”
หลี่อวิ๋นซีตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าจะมีคนอื่นที่มีจี้หยกวิเศษเหมือนกับเขา เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็เพียงคนเดียวที่มาจากโลกอื่นที่แตกต่างจากยุคนี้ แต่ในที่สุด… เขาก็ได้พบกับคนที่เหมือนกัน
“ไม่น่าเชื่อ…” เขาพึมพำกับตัวเอง
“โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่เราไม่อาจคาดเดาได้เสมอ” หลินชิงซานกล่าว “ท่านคิดว่าการร่วมมือของเราจะยังคงอยู่หรือไม่”
“ในเมื่อเ้าก็มีจี้หยกวิเศษเหมือนกับข้า” หลี่อวิ๋นซีกล่าว “เช่นนั้นการร่วมมือครั้งนี้ก็มีแต่จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น”
หลินชิงซานพยักหน้าอย่างพอใจ และการเจรจาธุรกิจก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“ในเมื่อท่านคือเ้าของหอการค้าที่ยิ่งใหญ่” หลินชิงซานกล่าว “ข้าขอเสนอเงื่อนไขใหม่”
“เงื่อนไขอะไร” หลี่อวิ๋นซีถามอย่างสนใจ
“ข้ายังคง้าส่วนแบ่งกำไร 70% และท่าน 30%” หลินชิงซานกล่าว “แต่ข้า้าให้หอการค้าของท่าน… เป็ผู้ค้ำประกันในเื่การเงินทั้งหมด”
“เ้ากำลังขอให้ข้าเอาชื่อเสียงของหอการค้าหงเยี่ยมาเป็เดิมพันเชียวหรือ” หลี่อวิ๋นซีกล่าว
“ใช่… แต่ท่านจะไม่ขาดทุนแน่นอน” หลินชิงซานตอบกลับด้วยความมั่นใจ “เพราะข้าจะทำให้ธุรกิจของเรา… กลายเป็ตำนานที่ไม่มีใครเทียบได้”
“บ้าไปแล้ว! นางกำลังท้าทายข้าอย่างโจ่งแจ้ง… แต่นางก็มีความสามารถมากพอที่จะทำได้” เสียงความคิดของหลี่อวิ๋นซีดังขึ้นในหูของนาง
หลี่อวิ๋นซีจ้องมองหลินชิงซานอย่างจริงจัง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างถูกใจ
“ตกลง!” เขาตอบกลับอย่างหนักแน่น “ข้าจะค้ำประกันให้เ้าทั้งหมดตามที่เ้า้า!”
จากนั้นทั้งสองคนนัดคุยกันและเริ่มวางแผนธุรกิจร่วมกันในห้องรับรองลับของหอการค้าหงเยี่ย ที่ซึ่งการสนทนาเต็มไปด้วยศัพท์และแิที่ล้ำสมัยเกินกว่าที่คนในยุคนี้จะเข้าใจ หลินชิงซานเสนอแิเื่ “แฟรนไชส์” และ “การตลาดแบบเข้าถึงผู้บริโภค” ที่ทำให้หลี่อวิ๋นซีต้องตะลึงในความฉลาดเฉลียวของนาง
“เราจะเปิดร้านอาหารและขนมแห่งแรกในเมืองซื่อจิง” หลินชิงซานกล่าว “เราจะใช้ชื่อว่า หอมหวานอวลรัก เช่นเดิม แต่จะเพิ่มความหรูหราให้ดูสมกับราคาที่ลูกค้าจะจ่าย”
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับลูกค้าทั่วไป” หลี่อวิ๋นซีถาม “ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีกำลังซื้อมากขนาดนั้น”
“เราจะเปิดร้านในรูปแบบที่แตกต่างกัน” หลินชิงซานอธิบาย “ร้านอาหารจะเน้นลูกค้ากลุ่มผู้มีฐานะ แต่เราจะเปิดร้านขนมเล็กๆ ที่ราคาไม่สูงมากนักกระจายไปทั่วเมือง เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกระดับ”
หลี่อวิ๋นซีทึ่งในความคิดของนางยิ่งนัก
“ยอดเยี่ยม! นางไม่ได้คิดถึงแค่การทำธุรกิจ แต่ยังคิดถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงผู้บริโภคทุกระดับ”
หลินชิงซานรับหน้าที่คิดค้นสูตรขนมและอาหารใหม่ๆ และวางแผนการตลาดทั้งหมด ในขณะที่หลี่อวิ๋นซีดูแลเื่การเงิน การหาทำเลที่ตั้ง และการขยายสาขาในอนาคต ทุกอย่างดูลงตัวและเป็ไปได้ด้วยดี
แต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังวางแผนธุรกิจอย่างมีความสุข หลินชิงซานก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่คุกคามเข้ามา… มันไม่ใช่พลังงานที่มาจากจี้หยกของหลี่อวิ๋นซี แต่มันเป็พลังงานที่มาจากที่อื่น… และมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน
“จงจำไว้… ข้าจะทำให้เ้าหายไปจากโลกนี้…” เสียงแว่วของใครบางคนดังขึ้นในหูของนาง ทำให้หลินชิงซานถึงกับหน้าซีดเผือด
หลี่อวิ๋นซีสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของนางจึงเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“เ้าเป็อะไรหรือเปล่าหลินชิงซาน”
“ไม่… ไม่มีอะไร” หลินชิงซานตอบพร้อมกับปั้นรอยยิ้มที่ฝืนทำขึ้นมา “แค่รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย… เรากลับไปวางแผนกันต่อเถิด”
แต่ในใจของหลินชิงซาน… นางรู้ดีว่าปัญหาที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ในอีกมุมหนึ่งของเมือง ชุยิเซียงได้รับรายงานจากบ่าวรับใช้คนสนิท ซูหลิน และ หลี่กง ถึงการร่วมมือทางธุรกิจระหว่างหลินชิงซานและหลี่อวิ๋นซี ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
“อะไรนะ! นางร่วมมือกับหลี่อวิ๋นซีงั้นหรือ!” ชุยิเซียงตวาดลั่น “บ่าวรับใช้ไร้ประโยชน์! ทำไมถึงไม่รายงานข้าก่อนหน้านี้!”
“ขออภัยเพคะพระสนม” ซูหลินและหลี่กงก้มหน้าลงแทบเท้า “การร่วมมือของทั้งสองเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเราไม่ทันได้ตั้งตัว”
“ในเมื่อพวกเ้าไร้ประโยชน์เช่นนี้… ก็ไม่ต้องทำงานให้ข้าอีกต่อไป!” ชุยิเซียงตวาดลั่นด้วยความโกรธ
“พระสนมโปรดให้อภัยด้วยเพคะ!” ซูหลินและหลี่กงร้องขอชีวิต
ชุยิเซียงไม่ได้สนใจคำขอของพวกเขา แต่นางกลับยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“ข้ารู้มาว่าเหมือนว่าหลินชิงซานจะมีของดี ของวิเศษอยู่อย่าง คือจี้หยกในเมื่อข้าไม่สามารถทำร้ายนางได้โดยตรง… ข้าก็จะใช้ สิ่งของ ของนางมาทำร้ายนางเอง” ชุยิเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เ็า “ข้าจะส่งคนไปขโมย จี้หยก ของนางมา! และเมื่อนั้น… นางก็จะกลายเป็คนธรรมดาที่ไร้พลัง และเมื่อนั้น… ข้าจะกำจัดนางได้อย่างง่ายดาย!พวกเ้าคอยดูก็แล้วกัน รับรองว่ามันจะไม่มีดีมากกว่าข้าแน่นอน”
"เ้าสองคนก็คงรู้แล้วสินะว่าจะต้องทำอย่างไร" นางถามบ่าวทั้งสองคน
"พวกเราทราบแล้วเพคะพระสนม พวกเราจะหาทางแก้ไขความผิดพลาดในครั้งนี้ให้เร็วที่สุด" ซูหลินก้มโขกหน้าผากกับพื้น
"ความผิดพลาดน่ะมันแก้ไม่ได้ แต่สิ่งที่เ้าทำได้...คือการหาคนที่จะมาช่วยข้าแก้แค้น"
"พระสนม้าคนประเภทไหนพะยะค่ะ" หลี่กงถาม
"ข้า้าคนที่ไม่มีใครเคยรู้จัก...คนที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้า...แต่ต้องมีความสามารถที่จะทำลายทุกอย่างของนางได้"
"พวกเราจะพยายามตามหาให้เร็วที่สุดเพคะ" ซูหลินรับคำนาง
"ไม่ต้องพยายาม...แต่ต้องสำเร็จ! ถ้าหากพวกเ้ายังทำตัวไร้ประโยชน์อีกครั้ง...ชีวิตของพวกเ้าก็คงจะไร้ค่าเช่นกัน" ชุยิเซียงกล่างเสียงกร้าว
ซูหลินและหลี่กงก้มลงกราบ
"ข้าน้อยจะรีบไปจัดการให้เรียบร้อยพะยะค่ะ"
จี้หยกของหลินชิงซานไม่ได้แค่ช่วยให้นางฉลาดและเก่งขึ้น แต่มันยังทำให้เธอตกเป็เป้าหมายของคนที่้าทำลายมัน การที่ชุยิเซียงวางแผนจะขโมยจี้หยกไป ทำให้หลินชิงซานตกอยู่ในอันตรายที่แท้จริง
***///***
