ในค่ำคืนเดียวกัน ตระกูลหลี่ได้ถูกลบไปโดยสมบูรณ์ คนจากตระกูลหลี่ทุกคนถูกสังหารสิ้น และตระกูลใต้อาณัติได้ยอมจำนน ตระกูลใต้อาณัติบางตระกูลไม่ยอมจำนนก็ถูกสังหารสิ้นเช่นกัน
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในตอนนี้เมืองชื่อมีผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียว ตระกูลเยี่ยนมีเอกสิทธิ์ในการควบคุมเมืองชื่อ ธุรกิจต่างๆของตระกูลหลี่ได้ตกเป็ของตระกูลเยี่ยน จากนี้ต่อไปตระกูลหลี่จะไม่มีอยู่ในเมืองชื่ออีก หลี่ชางเยว่ได้มีอำนาจกว่ายี่สิบปีได้หายไปในกระแสประวัติศาสตร์เมืองชื่อ
เหตุการณ์ใหญ่ะเืขวัญที่เกิดขึ้นได้สร้างความตกตะลึงแก่ชาวเมือง ไม่สามารถที่จะปกปิดใครได้ และไม่มีผู้ใดเก็บซ่อนมันไว้ ทุกๆคนในเมืองต่างได้ยินข่าวนี้หลังจากตระกูลหลี่ได้หายไป
ข่าวใหญ่เช่นนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสร้างความตกตะลึงในเมืองชื่อขนาดไหน ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะสงบนิ่งได้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้รู้เื่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการสู้รบ ทุกๆคนถอนหายใจอย่างเงียบเชียบในใจ สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วยิ่ง
"เฮ้อ...หนึ่งในพยัคฆ์ได้หายไปเช่นนี้......ต่อจากนี้ตระกูลเยี่ยนจะเป็ผู้คุมกฎของเมืองแห่งนี้เพียงผู้เดียว พวกเขาไร้คู่ต่อสู้"
"พวกเ้ายังจำราชันย์สัตว์อสูรที่ปรากฎขึ้นก่อนการต่อสู้ได้ไหม? ข้าได้ยินว่าเขาจะช่วยตระกูลหลี่สังหารเยี่ยนเจิ้นอวิ๋น แต่ทว่าเขากลับคุกเข่าให้กับหมาแทน เป็หมาตัวเดียวกับเหล่าศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนตามหา! หมานั่นมันแปลกมาก แม้แต่ราชันย์สัตว์อสูรยังฟังที่มันพูด"
"ใช่เลย! ราชันย์สัตว์อสูรขอบเขตแก่นแท้์ที่สนับสนุนตระกูลหลี่ได้ย้ายข้างและสังหารหลี่ชางเยว่! ผู้ใดจะจินตนาการออกว่ามันจะเปลี่ยนไปเหมือนละครเช่นนี้"
"นี่มันยิ่งใหญ่มาก! เ้าหมานั่นย่อมไม่ใช่หมาทั่วๆไป คนที่ได้บอกเื่ราวแก่ข้าได้บอกว่า ราชันย์สัตว์อสูรนั่นได้คุกเข่าต่อหน้าหมาตัวนั้นและเขาไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย!"
หลายๆคนได้พูดถึงเื่าได้หาสถานที่พูดคุยกัน หวงต้ากลายเป็หัวข้อสนทนาของพวกเขา จะมีผู้ใดจินตนาการได้ว่าผลสรุปของาจะถูกกำหนดโดยหมา?
"ในความคิดข้านะ สาเหตุที่ตระกูลหลี่โดนกวาดล้างเพราะเจียงเฉิน! ั้แ่ที่เขามายังเมืองแห่งนี้ ที่นี่ไม่เคยสงบสุขสักวัน!"
"ใช่แล้ว ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเพราะเจียงเฉิน! และเ้าหมานั่นเจียงเฉินก็เป็คนพามาด้วย!"
"เจียงเฉินเป็คนโหดร้าย ไม่เพียงแค่สังหารบุตรชายทั้งสามของหลี่ชางเยว่ เขายังกล้าสังหารศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยน! เขาเหี้ยมโหดมาก โอ้์ ข้าไม่เห็นคนที่มีความกล้าเช่นเขามาก่อน"
แม้ว่าตระกูลเยี่ยนจะเป็ผู้ที่จัดการตระกูลหลี่ แต่ทุกคนมุ่งเน้นเจียงเฉินและหวงต้า ชายผู้นี้และเ้าหมาเป็กุญแจสำคัญของการล่มสลายของตระกูลหลี่
ค่ำคืนนี้ก็เป็อีกคืนที่มีผู้ไม่หลับไม่นอนอยู่ เจียงเฉินมีสมาธิกับการดูดซับดวงจิตอสูรเหยี่ยวปีกโลหิต
หลังจากใช้เวลาไปกว่าชั่วโมงครึ่ง เจียงเฉินได้ปรับปรุงรูปแบบของเขาจนสมบูรณ์ ตราประทับัทั้งสิบในทะเลลมปราณต่างสั่นะเืไม่หยุด บนหัวของเขามีเงาัสีแดงเืลอยอยู่ โลหิตและปราณของเขาทรงพลังยิ่งนักหลังจากได้รับโลหิตของหวงต้า เขาสามารถปลดปล่อยร่างแปลงัได้ในเวลาสั้นๆ
เจียงเฉินอ้าปากกว้างและกลืนดวงจิตอสูรสีแดงที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขาเข้าไปทันที แสงสีแดงสองเส้นปรากฎขึ้นที่ดวงตาของเจียงเฉิน ระลอกคลื่นพลันเกิดขึ้นบนอากาศ
เปรี๊ยะ.......
เมื่อดวงจิตอสูรเข้าไปยังร่างกายของเจียงเฉิน ร่างกายเขาได้มีเสียงเปรี๊ยะๆ เกิดขึ้น และพลังหยวนของเขาก็สั่นะเื เจียงเฉินเริ่มโคจรทักษะร่างแปลงัด้วยความสามารถที่ดีที่สุดของเขา ดูดซับดวงจิตอสูรไปทีละเล็กน้อย
"ช่างเป็พลังที่มหาศาล! หากข้าสามารถดูดซับดวงจิตอสูรนี่ได้สมบูรณ์ล่ะก็... อีกทั้งหากตัวข้าดูดซับสายโลหิตของเหยี่ยวปีกโลหิตเข้าสู่ร่างกาย พละกำลังของข้าจะเพิ่มทวีคูณ! นอกจากนี้ข้าสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ได้อีกด้วย!"
ใบหน้าของเจียงเฉินเต็มไปด้วยความปิติยินดี ดวงจิตอสูรแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายเป็แก่นแท้ที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาในการดูดซับในขณะนี้
ภายใต้การควบคุมของทักษะร่างแปลงั ตราประทับัสีแดงโลหิตได้แสดงออกเหมือนัตัวน้อยโค้งตัวไปพันรอบๆิญญาอสูรสีแดง
ในด้านประสบการณ์ของเจียงเฉินนั้นไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นได้ การควบคุมทักษะร่างแปลงัของเขาสามารถรับประกันได้ว่าพลังงานในดวงจิตอสูรปลดปล่อยอย่างช้าๆให้เขาได้ดูดซับทีละเล็กน้อยและตรวจสอบให้แน่ใจว่าพลังงานไม่ได้ไหลออกมาอย่างเร็วหรือร่างกายไม่สามารถทนรับไหว ไม่มีพลังงานเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์
เวลาผ่านไป เจียงเฉินตกอยู่ในภวังค์ หวงต้าได้นอนบนหินสีเขียวก้อนใหญ่ ทันใดนั้นแสงสีทองได้ออกมาจากร่างกายของมัน แสงสีทองในด้านพลังนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็รังไหมห่อหุ้มหวงต้าไว้ด้านใน
เมื่อเวลาผ่านไป พลังของหวงต้ากล้าแข็งมากขึ้น เหมือนมีบางสิ่งภายในร่างกายมันได้ตื่นขึ้น มันได้มีการพัฒนาการจากรากฐาน
หากเจียงเฉินอยู่ที่นี่แล้วเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคงเริ่มก่นด่าไปแล้ว เ้าหมานี่มันตกอยู่ในภวังค์ขณะที่มันกำลังนอนอยู่ และมันได้เข้าสู่กระบวนการปลุกสายโลหิตและความสามารถดั้งเดิม หากกระบวนการเสร็จสมบูรณ์เ้าหมานี่จะอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์
ในฐานะที่เป็ลูกหลานของกิเลน การปลุกความสามารถดั้งเดิมนั้นเป็เื่ปกติ สายพันธุ์หายากเช่นนี้ไม่ได้มีสามารถที่สืบทอดมานั้นแค่หนึ่ง สิ่งที่คนต่างไม่พอใจคือกิเลนสามารถที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้โดยการไม่ได้ทำอะไรเลย พวกมันสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ขณะที่มันนอนหลับ นี่มันเหมือนตบหน้าทุกๆคน ขณะที่ทุกๆคนต่างสู้แทบเป็แทบตายเพื่อที่จะให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และดูล้มเหลวที่สุดเมื่อเวลาที่เ้านี่สามารถที่จะเลื่อนระดับได้โดยที่ไม่จำเป็ต้องตื่น ไม่มีสิ่งใดสามารถเปรียบกับมันได้
เรือนที่พักเงียบสนิท เจียงเฉินได้ดูดซับดวงจิตอสูรเหยี่ยวปีกโลหิต หวงต้าก็นอนอยู่บนหินสีเขียวก้อนใหญ่และด้านนอก ชายแก่ได้นั่งคุ้มกัน ในเมืองแห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้สถานที่นี่ได้ได้รับการคุ้มกันจากราชันย์สัตว์อสูรแก่นแท้์
ชายแก่ยังคงยืนอยู่ ดวงตาของเขาดูเหมือนกับเขากำลังหมกมุ่นกับบางอย่างและร่างกายเขาเป็ดั่งรูปปั้นที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาได้มุ่งความสนใจกับทักษะปีศาจ์ ทักษะระดับนักบุญ หากเขาสามารถใช้มันได้อย่างถูกต้อง มันจะทำให้เขาไปถึงระดับราชันย์ปีศาจได้ตามที่เจียงเฉินบอก
มีเงาสองร่างกำลังมาแต่ไกล เป็ชายหนึ่งและหญิงสาวหนึ่ง พวกเขาคือเยี่ยนเฉินหยวี่และเยี่ยนหยาง ที่เพิ่งกลับมาจากใจกลางจตุรัส
เยี่ยนเฉินหยวี่กำลังอารมณ์ไม่ดีและนางได้คิดเื่เกี่ยวกับท่านพี่เจียงเฉิน
"หยุดอยู่ตรงนั้น!"
ชายแก่ชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเ็าขณะที่จ้องมองไปยังทั้งสอง
"ท่านพี่เจียงเฉินอยู่ที่ไหนกัน? ข้า้าพบเขา!"
เยี่ยนเฉินหยวี่กล่าว ท่าทางที่นางและเยี่ยนหยางจ้องมองไปยังชายแก่นั้นดูหวาดกลัว ชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นเป็สิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายมาก พวกเขายังจำได้ชัดเจนว่าชายผู้นี้ได้สังหารหลี่ชางเย่ว์เช่นไร
"นายท่านกำลังทำการปิดประตูบ่มเพาะอยู่ ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ไปรบกวนเขา"
ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงเ็า เขาสามารถที่จะสุภาพกับหวงต้าและเจียงเฉินแต่เมื่อเขาพบคนอื่นๆ เขาเป็เหยี่ยวที่ดุร้าย ราชันย์สัตว์อสูรแก่นแท้์
"ไปเถอะ หยวี่น้อย อย่าไปรบกวนน้องเจียงเฉินยามปิดด่านฝึกตนเลย"
เยี่ยนหยาง กล่าว
"เข้าใจแล้วเ้าค่ะ"
เยี่ยนเฉินหยวี่ผงกหัวและหันกลับออกไป การฝึกพลังของเจียงเฉินนั้นเป็เื่สำคัญยิ่ง แน่นอนเขาจะถูกรบกวนไม่ได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ยามค่ำคืนได้มาเยือน เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นและเหล่าคนระดับสูงในตระกูลเยี่ยนต่างเสร็จสิ้นกิจธุระของพวกเขา และตอนนี้พวกเขาได้กลับไปยังเยี่ยนหยวี่โหรวด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือแวะไปเยี่ยมเยียนเจียงเฉินและหวงต้าเพื่อแสดงความชื่นชม แต่เยี่ยนหยางได้หยุดพวกเขาเอาไว้
"ท่านผู้นำขอรับ น้องเจียงเฉินปิดประตูบ่มเพาะอยู่ พวกเราไม่สามารถรบกวนได้ขอรับ"
เยี่ยนหยางกล่าว
"ดูท่าทางน้องจะเจียงเฉินจะได้เรียนรู้อะไรใหม่! บางทีเขาอาจจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ก็เป็ได้ขณะที่ปิดประตูบ่มเพาะ"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นเอ่ยออกมาพร้อมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
"เทียบกับน้องเจียงเฉินแล้ว ข้าไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะได้อีก.... ด้วยอายุของเขา ความสามารถของเขา มารยาทของเขาและความรวดเร็วในการบ่มเพาะอีก...... คนประเภทนี้เป็ประเภทที่หายากอย่างแท้จริง"
ทุกๆคนต่างถอนหายใจเมื่อคิดเกี่ยวกับเจียงเฉิน
"เยี่ยนหยางเ้าควรที่จะให้เจียงเฉินเป็เป้าหมาย! ข้าไม่คิดว่าเ้าสามารถเทียบกับเขาได้แต่ให้เขามาเป็เป้าหมายหรือบุคคลที่ชื่นชมก็ยังดี"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋น กล่าวพลางวางมือไว้บนไหล่ของเยี่ยนหยาง
"ข้าต้องทำมันแน่ ข้าจะพยายามไปให้ถึงระดับเดียวกับเขา!"
มันหายากที่เยี่ยนหยางจะเคารพใครสักคน เขานั้นไม่มีอะไรเลยแต่กลับชื่นชม
"ครั้งนี้น้องเจียงเฉินได้ช่วยเหลือพวกเราอย่างดี! ข้าสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาได้ช่วยตระกูลเยี่ยนเอาไว้! ความเมตตาที่เขาแสดงให้เห็นจะไม่มีวันที่จะลืมเลือน! เมื่อน้องเจียงเฉินออกมาจากการปิดด่านพวกเราจะต้องขอบคุณเขา"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋น กล่าว
"ใช่แล้ว หลังจากช่วยหยวี่เอ๋อร์ เขาได้ช่วยทั้งพวกเราทั้งตระกูล! ความเมตตาของน้องเจียงเฉินที่มีต่อตระกูลพวกเรานั้นไม่อาจสรรหาคำใดมาบรรยายได้"
ผู้าุโระดับสูงขั้นแก่นแท้มนุษย์เอ่ยพูด
ทุกๆคนจากตระกูลเยี่ยนต่างชื่นชมเจียงเฉินจากก้นบึงของหัวใจ หากว่ากันจริงๆแล้ว ไม่มีเจียงเฉินอยู่ ตระกูลเยี่ยนคงไม่มีตัวตนอยู่จนถึงตอนนี้
"เยี่ยนหยาง หยวี่เอ๋อร์เป็เช่นไรบ้าง"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋น กล่าวถาม
"นางขังตัวเองไว้ในห้อง นางคง้าเวลาส่วนตัวสักพัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้นส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อนาง ระยะเวลาหลายปีมานี้ หยวี่น้อยไม่เคยออกจากเยี่ยนหยวี่โหรว นางยังเป็เด็กสาวไร้เดียงสา นางไม่เคยเห็นแบบสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้"
เยี่ยนหยาง ตอบ
"นี่เป็สิ่งที่นางต้องเผชิญในอีกไม่นานหรือภายหลัง นางมีชีพจรเก้าหยิน นางต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมายในอนาคต! นอกจากนี้ในการที่จะอยู่กับเจียงเฉินนั้น นางจะต้องไม่เป็ตัวถ่วงเด็ดขาด"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋น กล่าวด้วยรอยยิ้ม ทุกๆคนต่างรู้ดีว่า เยี่ยนเฉินหยวี่ได้เดินทางในเส้นทางที่แตกต่างจากพวกเขา นางได้เดินตามเส้นทางของเจียงเฉิน
ฮู่ม...!
ขณะนั้น ได้มีเสียงดังขึ้นจากส่วนลึกของเขตตระกูลเยี่ยน ทุกๆคนต่างมองไปยังทางที่เกิดเสียง พบว่ามันมาจากทางที่เจียงเฉินอยู่ มีแสงสีแดงพุ่งออกมาทะลุหลังคาและพุ่งสูงเสียดฟ้า พลังที่แข็งแกร่งมากไหลออกมาจากที่นั่น
ซู่ม......
หลังจากนั้นมีพายุปรากฎขึ้นเหนือเขตตระกูลเยี่ยน พลังหยวนธรรมชาติที่อยู่โดยรอบโดนดูดซับทันที และภายในเสาสีโลหิตนั้น มีแสงเล็กๆสีทองโผล่ขึ้นมากระทันหัน แสงเริ่มเปล่งสว่างมากขึ้นก่อนที่จะรวมเป็รูปร่างเป็แก่นสีทองที่มีขนาดเท่ากำปั้น
"ดูนั่น! นั่นแก่นแท้มนุษย์! น้องเจียงเฉินได้สร้างแก่นแท้มนุษย์แล้ว! พลังมหาศาลยิ่งนัก"
"อะไรนะ....ข้าไม่เข้าใจ แค่่เวลาสั้นๆ เขาได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์?!"
"เขาเพียงแค่ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์เพียงเท่านั้น เหตุใดจึงมีพลังงานมหาศาลเช่นนี้? ข้าอยู่ในระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางแต่ภายใต้พลังงานของเจียงเฉินนั้น ิญญาของข้ากำลังสะท้าน"
"สัตว์ประหลาด! เขาจะต้องเป็สัตว์ประหลาดเป็แน่!"
ทุกๆคนจากตระกูลเยี่ยนต่างตกตะลึง โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ที่อยู่ที่นี่ได้เห็นฉากนี้ พวกเขาได้ทะลวงเข้าแก่นแท้มนุษย์มาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งใดเหมือนวิธีการของเจียงเฉินใช้ในการทะลวง มันยากที่จะจินตนาการนัก
ฟิ้ววว...
หลังจากสร้างแก่นแท้มนุษย์แล้วมันลอยกลับเข้าในห้อง ในเวลาเดียวกันพลังงานที่แข็งแกร่งพุ่งสูงบนท้องฟ้า พัดห้องทั้งหมด ชายหนุ่มในชุดสีขาวได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ด้านหลังของเขามีปีกสีโลหิตกระพืออยู่
