เมื่อเห็นสภาพของโจวซื่อเช่นนี้ หลินกู๋หยู่รีบก้าวไปข้างหน้า พยุงร่างของโจวซื่อเพื่อลุกขึ้นนั่ง
“ท่านแม่ ท่านจะต้องพักผ่อนให้มาก ท่านนอนลงจะดีกว่า” หลินกู๋หยู่พูดพลางพยุงร่างของโจวซื่อที่กำลังจะนอนลง
“อีกเดี๋ยวข้าค่อยนอน” โจวซื่อขยับไปที่ปลายเตียง มองดูหลินกู๋หยู่ที่อยู่ด้านข้าง ชี้ไปที่กล่องไม้กล่องนั้น “เ้าเอากล่องไม้มาให้ข้า”
หลินกู๋หยู่ไม่รู้ว่าโจวซื่อ้าทำอะไร แต่กระนั้นนางก็นำกล่องไม้มาวางตรงหน้าโจวซื่ออย่างเชื่อฟัง
กล่องไม้ยังลงกลอนอยู่ เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะมีเงินอยู่ในนั้น?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินกู๋หยู่ก็เห็นโจวซื่อถือกุญแจเพื่อเปิดกล่อง
มีเครื่องประดับสองสามชิ้นในกล่อง โจวซื่อมอบปิ่นดอกไม้ไหวทองคำให้หลินกู๋หยู่ "ตอนเ้าแต่งงานเข้ามา ข้ายังไม่ได้ให้ของขวัญเมื่อพบหน้ากันครั้งแรกแก่เ้า นี่คือของขวัญสำหรับเ้า"
“ท่านแม่ ข้าไม่ใช้” หลินกู๋หยู่รีบปฏิเสธ นางไม่้าสิ่งเหล่านี้ “ข้าไม่ใช้สิ่งเหล่านี้ ปกติข้าแค่รวบผมก็เพียงพอแล้ว"
"เ้าเอาไปเถอะ" โจวซื่อคว้าข้อมือของหลินกู๋หยู่ วางปิ่นดอกไม้ไหวทองคำไว้ในมือของหลินกู๋หยู่อย่างจริงจัง ใบหน้าของนางซีดขาวไร้สีเื ริมฝีปากของนางแห้งจนลอก
ในฝ่ามือของนางมีปิ่นดอกไม้ไหวทองคำวางอยู่ หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อปราดหนึ่ง ในที่สุดก็รับไป
จากนั้นโจวซื่อก็หยิบถุงเงินออกมาจากชั้นล่างของกล่อง ส่งให้หลินกู๋หยู่ "นี่คือเงินหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อถึงเวลานั้น เ้าให้ฉือเย่สำหรับใช้จ่าย ค่าเดินทางสำหรับไปสอบที่เมืองหลวงก็อยู่ในนี้แล้วเช่นกัน"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น มองไปที่โจวซื่ออย่างไม่เชื่อสายตา
เงินหนึ่งร้อยตำลึง
หัวใจของหลินกู๋หยู่ค่อยๆ จมดิ่งลงทีละน้อย นางวางดอกไม้ไหวทองคำไว้ในมือของโจวซื่อ "ท่านแม่ เงินค่าเรียนของน้องชายสี่ ให้เขามาขอเงินจากท่านเมื่อถึงเวลาก็ได้แล้ว"
เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่กำลังจะจากไป โจวซื่อก็คว้านางเอาไว้พลางไออย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางของโจวซื่อ หลินกู๋หยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพยุงโจวซื่อให้นอนลง วางถุงเงินและดอกไม้ไหวทองคำลงในกล่อง จากนั้นพูดอย่างเ็าว่า "ท่านแค่ป่วย ไม่ใช่ว่าไม่สามารถดีขึ้นได้แล้ว ท่านจะบอกข้ามากมายเช่นนี้ทำไม เมื่อถึงเวลาที่น้องชายสี่จะต้องไปสอบ ท่านก็ให้เขาด้วยตัวเองเถอะ”
โจวซื่อไม่เต็มใจที่จะนอนลง แต่นางไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่หลินกู๋หยู่ช่วยนางห่มผ้านวมแล้วจะออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ซ่งซื่อเห็นหลินกู๋หยู่ออกมาจากในห้อง นางมองด้วยความประหลาดใจ
“พี่สะใภ้ใหญ่” หลินกู๋หยู่เหลือบมองกลับไปที่ยาบนโต๊ะ “เมื่อสักครู่ข้าเรียกพี่แล้ว แต่พี่ไม่ได้ยินเสียงของข้า ยานี้ทานวันละหนึ่งเม็ด แค่เคี่ยวบนไฟอุ่นๆ ก็ทานได้แล้ว"
“ข้าเข้าใจแล้ว” ซ่งซื่อส่งยิ้มหวานให้หลินกู๋หยู่ “น้องสะใภ้สาม ขอบคุณเ้ามากจริงๆ”
บางทีในครอบครัวนี้ สิ่งเดียวที่โจวซื่อใส่ใจมากที่สุดคงมีเพียงฉือเย่คนเดียว
หากโจวซื่อไม่ลืมที่จะแบ่งเงินให้ฉือหางส่วนหนึ่ง เมื่อแยกครอบครัวในวันนี้ หลินกู๋หยู่คงไม่รังเกียจขนาดนี้
มอบฉือเย่ให้กับครอบครัวของพวกนาง เพียงแต่้าให้หลินกู๋หยู่และฉือหางดูแลฉือเย่อย่างดี
ซ้ำยังมีเงินหนึ่งร้อยตำลึง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของหลินกู๋หยู่ก็อัปลักษณ์กว่าเดิม
นางไม่เคยเห็นมารดาที่ลำเอียงได้มากถึงเพียงนี้มาก่อน
พอกลับจากเรือนใหญ่ หลินกู๋หยู่เห็นฉือเย่กำลังคุยกับโต้ซาในอ้อมแขน ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับโต้ซา ถึงได้ทำให้เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก
หลินกู๋หยู่ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดินไปหาฉือเย่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "น้องชายสี่ชอบทานอะไรเป็พิเศษหรือ?"
ฉือเย่เป็คนดี ตอนที่ฉือหางป่วยหนัก เขาคอยอยู่เคียงข้างคอยดูแลฉือหาง
"ข้าไม่เลือกมาก ทานอะไรก็ได้" ฉือเย่มองไปที่นั่งอยู่โต้ซาบนตักของเขาด้วยรอยยิ้ม "ั้แ่อยู่กับพี่สะใภ้สาม น้ำหนักของโต้ซาก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย!"
หลินกู๋หยู่ก้มลงเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิกพวงแก้มของโต้ซา เนื้อนิ่มััดีมาก "โต้ซาเป็เด็กดี เขาไม่จุกจิกเื่อาหารเลย"
"ท่านแม่!" โต้ซายื่นมือไปหาหลินกู๋หยู่ ทำท่าอยากจะกอดนาง
เมื่อเห็นท่าทางของโต้ซาเช่นนี้ หลินกู๋หยู่ก็ยิ้มและรับโต้ซาจากแขนของฉือเย่ "เ้าอยากกินอะไร ข้าจะเพิ่มกับข้าวให้"
เมื่อเห็นว่าฉือเย่ไม่ใช่คนหนังหน้าหนา เขาคงอายที่จะต้องอยู่กับฉือหางและนาง สาเหตุที่หลินกู๋หยู่ทำเช่นนี้ ก็แค่้าให้ฉือเย่ผ่อนคลายไม่อึดอัดมากถึงเพียงนั้น
"ดอกกะหล่ำ" ฉือเย่มองไปที่ดอกกะหล่ำบนพื้น
“ท่านแม่ ข้ากินไข่ต้มน้ำแกง” โต้ซาพูดสิ่งที่อยากทานทันที กอดคอของหลินกู๋หยู่ “ไข่ต้มน้ำแกง”
"ตกลง" หลินกู๋หยู่พยักหน้าเห็นด้วย ยกมือขึ้นแตะที่ปลายจมูกของโต้ซาเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "งั้นข้าจะทำไข่ตุ๋นให้เ้า"
“อืม” โต้ซาพยักหน้าสุดแรงเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ
“งั้นเวลานี้เ้าก็อยู่เล่นกับอาสี่ไปก่อน ข้าจะไปทำอาหารให้” หลินกู๋หยู่มองที่โต้ซาด้วยรอยยิ้ม
โต้ซาเป็เด็กที่เชื่อฟังเสมอ ดังนั้นเขาจึงออกจากอ้อมแขนของหลินกู๋หยู่ทันที
ในขณะที่หลินกู๋หยู่ล้างกะหล่ำดอกเสร็จแล้ว ก็เห็นฉือหางเข้ามาจากข้างนอกพอดี
"ห้อยกระดูกซี่โครงไว้ข้างๆ รอทำน้ำแกงตอนเที่ยงพรุ่งนี้แทน คืนนี้ทำไม่ทันแล้ว" หลินกู๋หยู่วางดอกกะหล่ำที่ล้างแล้วลงบนเขียงแล้วเริ่มสับ
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่กำลังสับดอกกะหล่ำ ฉือหางก็ล้างสิ่งของข้างๆ เขาเพื่อช่วยหลินกู๋หยู่
คนสองคนทำอาหารได้เร็วกว่าคนเดียว
เมื่อทำอาหารเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่ก็เรียกให้โต้ซาและฉือเย่ไปล้างมือเพื่อเตรียมรับประทานอาหาร
หลังจากฉือเย่ล้างมือแล้วก็ตามโต้ซาเข้ามาในห้อง
บนโต๊ะมีอาหารสามจาน มันฝรั่งหั่นฝอยหนึ่งจาน ดอกกะหล่ำผัดหนึ่งจาน และหมูฝอยผัดพริกหยวกหนึ่งจาน
"ทานหมั่นโถวสิ" หลินกู๋หยู่พูดพลางยื่นหมั่นโถวร้อนให้ฉือเย่ นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ถ้าน้ำแกงไม่พอก็เติมเพิ่มได้"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือเย่ก็รับหมั่นโถวจากมือของหลินกู๋หยู่ เขานั่งระหว่างโต้ซาและฉือหาง
หลินกู๋หยู่นั่งตรงข้ามกับฉือหาง ซึ่งถัดจากโต้ซา
อาหารของโต้ซาใส่ในชามเล็กๆ เป็อาหารรสอ่อนไม่ใส่พริก
ฉือเย่มองไปที่ฉือหางด้วยความประหลาดใจ ฉือหางก็ทานอย่างเป็ธรรมชาติ โดยไม่รู้สึกว่าอาหารบนโต๊ะน้อยลงมาก
เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของฉือเย่ ฉือหางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า "น้องสี่ เ้าชอบอะไรเ้าก็ทานได้เลย"
หมูฝอย
ฉือเย่มองดูเนื้อหั่นฝอยในจานใบใหญ่ แล้วค่อยๆ หรี่ตาลง เมื่อรับประทานอาหารกับท่านแม่ หนึ่งคนทานเนื้อได้เพียงสองสามชิ้นเท่านั้น ฉือเย่มักจะเหลือเนื้อไว้ให้หลานชายสองคนของเขา
"จานนี้อร่อย" ฉือหางคีบกับข้าวยื่นให้ฉือเย่ "กินเถอะ"
"อืม" ฉือเย่พยักหน้ารับคำ ก้มลงทานอย่างเงียบๆ
เมื่อหมูฝอยเข้าปาก การแสดงออกทางสีหน้าของฉือเย่ก็ชะงักงันครู่หนึ่ง
อาหารจานนี้อร่อยกว่าร้านอาหารในเมืองมาก
ถัดจากฉือเย่ลิ้มรสอาหารที่เหลืออีกสองจาน คิ้วของเขาขมวดแน่น หรือพี่สามทานอาหารอร่อยมากเช่นนี้ทุกวัน?
มองไข่สีเหลืองในชามโต้ซาแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็ไข่ตุ๋น
ในความมึนงง ดูเหมือนว่าเขาจะฝันว่านางทำอาหารแสนอร่อยมากมายให้เขาในความฝัน
ฉือเย่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินกู๋หยู่ปราดหนึ่ง เห็นว่านางกำลังทานอย่างสง่างาม นางไม่เหมือนสตรีคนอื่นๆ ที่ทานอาหารอย่างตะกละตะกลามจนเสียภาพลักษณ์เช่นนั้น
"พี่ฉือหาง ยัง้าหมั่นโถวเพิ่มหรือไม่?" หลินกู๋หยู่วางตะเกียบในมือลง ยิ้มและมองไปที่ฉือหาง
“ขออีกลูก” ฉือหางยัดหมั่นโถวที่เหลือทั้งหมดเข้าปาก
หลินกู๋หยู่เดินไปที่เตา หันกลับไปมองที่ฉือเย่ที่ทานหมั่นโถวไปแล้วกว่าครึ่ง "น้องชายสี่ เ้า้าหมั่นโถวเพิ่มด้วยหรือไม่?"
ก่อนที่ฉือเย่จะกลืนหมั่นโถวในปากลงไป เขายังไม่ทันได้พูด ก็ได้ยินฉือหางพูดว่า "เอาเพิ่มให้น้องสี่อีกหนึ่งลูก"
หลินกู๋หยู่หยิบหมั่นโถวสองลูกยื่นให้สองพี่น้อง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
ฉือเย่รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เขาแทรกเข้ามาในบ้านนี้เหมือนคนนอกคนหนึ่ง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ฉือหางก็เก็บจานไปล้าง
หลินกู๋หยู่ทำความสะอาดโต๊ะ วางกับข้าวที่เหลือไว้ข้างๆ วางจานไว้้าเพื่อปิดไม่ให้ฝุ่นเกาะ
โต้ซาไถลตัวลงจากเก้าอี้ จับมือของฉือเย่แล้วเดินออกไปข้างนอก
“ท่านอาเล็ก หลังจากทานอาหารจะต้องออกไปเดินข้างนอก”
ฉือเย่อยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา เขาเดินตามโต้ซาออกไป
ฉือเย่เดินเข้าไปในลานบ้าน พูดกับฉือหางที่อยู่ข้างๆ ว่า "พี่สาม ข้าจะกลับแล้ว"
"อืม" ฉือหางคิดอยู่ครู่หนึ่ง "กลับไปพักผ่อนก่อน ถ้าอยากอ่านหนังสือ พรุ่งนี้เช้าค่อยอ่านเถอะ"
ฉือเย่พยักหน้าและจากไป
หลังจากทำความสะอาดโต๊ะและเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าอึดอัดในท้องเล็กน้อย
หรือเพราะนางทานมากเกินไป?
หลินกู๋หยู่ก็เดินในลานบ้านสักพักหนึ่ง อาการปวดท้องของนางก็ไม่รู้สึกปวดมากอีกต่อไป
หลังจากต้มน้ำสำหรับอาบน้ำแล้ว หลินกู๋หยู่และฉือหางสองคนก็ปิดประตูแน่น ในห้องเต็มไปด้วยไอน้ำอบอุ่น
หลินกู๋หยู่และฉือหางอุ้มโต้ซาลงในถังไม้ซึ่งเติมน้ำร้อนไว้ มันอุ่นมาก
เนื่องจากอาบน้ำให้โต้ซาทุกวัน โต้ซาตัวก็ไม่สกปรกแล้ว หลังจากชำระล้างง่ายๆ หลินกู๋หยู่ก็รีบเช็ดตัวโต้ซาให้สะอาด ทันทีที่เช็ดตัวแห้งแล้ว ฉือหางก็กางผ้านวมห่อโต้ซาโดยตรง
มือใหญ่คู่หนึ่งห่อโต้ซาไว้ข้างใน นำโต้ซาใส่ลงในกล่องไม้
เมื่อเห็นการกระทำที่ทั้งเรียบง่ายของฉือหาง หลินกู๋หยู่ก็อดยิ้มไม่ได้
ภายใต้ผ้าห่ม หลินกู๋หยู่ช่วยโต้ซาแต่งตัว ยิ้มและมองไปทางฉือหาง "ไปเอาน้ำ ข้าจะอาบน้ำในอีกสักพัก"
ฉือหางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าพลางเดินออกไปข้างนอก
ทุกครั้งที่อาบน้ำ เ้าโต้ซาน้อยมักจะอาบน้ำก่อน จากนั้นหลินกู๋หยู่ สุดท้ายคือฉือหาง
หลินกู๋หยู่เก็บข้าวของของนางและอาบน้ำ เมื่อนางกำลังจะอาบน้ำ นางก็เห็นรอยแดงบนกางเกงในของนาง และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น
หลินกู๋หยู่ล้างตัวง่ายๆ ห่อตัวเองด้วยผ้านวมบางๆ เปิดม่าน แล้วเดินไปที่เตียง
ผิวของหลินกู๋หยู่นั้นขาวมาก หลังจากอาบน้ำก็มักจะกลายเป็สีดอกกุหลาบ ฉือหางก็รู้สึกว่าปากของเขาแห้งผาก
“ข้าจะไปอาบน้ำ” ฉือหางพูดแล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอก
“อย่าเพิ่งไป” หลินกู๋หยู่คว้าแขนของฉือหาง ผิวของเขาขาวราวกับหิมะ “เ้าช่วยเรียกพี่สะใภ้ใหญ่ให้ข้าได้หรือไม่?”
ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างงงงวย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้