บทที่ 149 เธอ ฉัน เขา
เย่จื่อเฉินถูมือพร้อมกับเบียดตัวเข้าไปหาซุนหงอคง ยกแขนขึ้นเกี่ยวคอของเขาแล้วยักคิ้วให้
"ท่านซุนหงอคง ท่านช่วยสอนกลยุทธ์เจ็ดสิบสองกระบวนท่าของท่านให้ข้าได้ไหม"
"เ้าทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจอยู่นะ" ซุนหงอคงเกาหัว แล้วพูด "ข้าเรียนรู้ทักษะความสามารถนี้มาจากองค์ยูไล เื่นี้พวกเ้าน่าจะรู้นะ ว่าก่อนที่ท่านอาจารย์จะปล่อยข้าไป ได้ทำข้อตกลงไว้แล้ว..."
โธ่!
แบบนี้ก็จบกัน
"งั้นก็ช่างเถอะ"
เย่จื่อเฉินไหว่ไหลอย่างเสียดาย ทันใดนั้นก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ เมื่อเปิดประตูรถได้ เ้าเด็กขงเบ้งคนนั้นก็ลงมาจากรถด้วยท่าทางร้อนรน
"ปีศาจ!"
ซุนหงอคงร้องแผดเสียง ยกนิ้วขึ้นไปจับบริเวณหู แล้วกระบองทองอันหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา จากนั้นจึงตวัดกระบองทองใส่ต้าเฮยที่อยู่ข้างหลังขงเบ้ง
"โอ๊ย! ให้ตายสิ ปล่อยให้เป็ผีอยู่เงียบๆ ได้ไหม ทำไมทุกคนถึงได้เห็นผมหมดเลยเนี่ย"
สำเนียงของคนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือดังออกจากปากของต้าเฮย พอเห็นว่ากระบองทองนั้นกำลังจะฟาดโดนตัวเอง เขาก็หายตัวพรึบลอยขึ้นไป
"เจอข้าแล้วคิดหนีงั้นเหรอ"
เมื่อเห็นว่าต้าเฮยจะหนี ซุนหงอคงก็จะะโขึ้นไป
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ที่นี่ถึงบินไม่ได้?"
ตอนอยู่บน์ ซุนหงอคงอยากบินเมื่อไรก็บินได้ทันที คิดสงสัยในใจอยู่นานว่าทำไมถึงบินไม่ขึ้น พอก้มลงมาดูถึงได้เห็นว่าขงเบ้งกับเย่จื่อเฉินกำลังกอดขาเขาเอาไว้แน่น
"สหาย เ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง"
ซุนหงอคงมองดูด้วยความไม่เข้าใจ ภูตผีปีศาจที่อยู่ต่อหน้าเขาจะต้องโดนกำจัดทั้งหมด
ผีิญญาอย่างต้าเฮย เขาเห็นแล้วก็คันไม้คันมือ อยากจะต่อยขึ้นมา
โดยเฉพาะเมื่อครู่นี้ที่เขาเห็นว่าต้าเฮยมาพร้อมกับเด็กผู้ชายคนนั้น ิญญาอยู่กับคนเป็ แถมยังไม่เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันในอดีตระหว่างคนทั้งคู่ หมายความว่าต้องมาอาศัยดูดซับพลังหยางเป็อาหารแน่นอน
ถ้าเขายังไม่จัดการเ้าผีตัวนี้ เขายังคู่ควรที่จะเป็ซุนหงอคงอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ!
รอให้จัดการได้ก่อนเถอะ จะโยนลงไปขัดเกลาในนรกเสียให้เข็ด
ได้บุญเต็มๆ เลย
"นั่นเป็ผีที่อยู่กับฉัน"
เย่จื่อเฉินกอดขาเขาเอาไว้แน่น คนคนนี้ยิ่งเป็พวกชอบเล่นใหญ่อยู่ด้วย เมื่อครู่นี้ถ้าเกิดปล่อยให้เขาหวดกระบองทองใส่จริงๆ ละก็
แบบนั้นต้าเฮยได้ตายอย่างเขียดแน่
"เ้าบอกว่าเขาเป็ผีของเ้า?" ซุนหงอคงเลิกคิ้ว แล้วไล่มองทั้งตัวของเย่จื่อเฉินกับต้าเฮย "แล้วทำไมข้าััไม่ได้ถึงความเกี่ยวข้องของพวกเ้าสองคนเลยล่ะ"
"ข้าติดยันต์ให้เขาไว้"
เย่จื่อเฉินกระซิบ ดวงตาสีทองสองข้างของซุนหงอคงลุกวาว แล้วส่ายหน้า
"ไม่เห็นมียันต์"
แม่เ้า บรรลัยแล้ว
วันนั้นตอนที่พาต้าเฮยมาด้วย เขาใช้ยันต์สะกดไว้แล้วแท้ๆ หรือว่ายันต์นี้จะมีระยะเวลาการใช้งานอยู่ แบบผ่านไประยะหนึ่งก็ไม่มีผลแล้ว?
เื่นี้ถ้ามีเวลาจะต้องไปคุยกับยมทูตขาวหน่อยแล้ว
แต่ว่า...
"ถึงอย่างนั้นเขาเป็ผีของข้า ท่านอย่าวู่วามนะ"
"ก็ได้ ข้าไม่สนใจเขาแล้วก็ได้"
ซุนหงอคงบ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับทำให้กระบองทองเล็กลง แล้วยัดเข้าไปในหูตามเดิม
ฟู่
ถอนหายใจยาวเหยียด
ในที่สุดก็กล่อมท่านเทพผู้นี้ได้สักที
พอส่งสายตาไปให้ต้าเฮย ต้าเฮยจึงได้ลอยมาอยู่ข้างเย่จื่อเฉินด้วยความหวาดกลัวอยู่นิดๆ ดวงตาก็ยังกวาดมองซุนหงอคงอยู่เป็ระยะ
แต่ซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่อกลับตะลึงไปตามๆ กัน
ซุนหงอคงตัวจริง!
ตัวเป็ๆ
"เอ่อ...ช่วยเซ็นลายเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหม?"
ซูเหยียนนับว่าใจกล้ามาก เธอวิ่งเข้าไปหาซุนหงอคงด้วยความตื่นเต้น แล้วไม่รู้ว่าไปเอาปากกามาจากไหน ก่อนจะหันหลังให้กับซุนหงอคง
เซี่ยเขอเข่อก็วิ่งเข้าไปหาพร้อมกับเลียนแบบซูเหยียน ขงเบ้งก็ทำแบบเดียวกัน...
"ซุนหงอคง เซ็นให้ผมด้วยสิครับ"
ทั้งสามคนวิ่งเข้าไปรุมล้อมซุนหงอคงแล้วส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่อย่างนั้น โดยไม่ได้สนใจว่าซุนหงอคงจะเข้าใจความหมายของคำว่าเซ็นลายเซ็นหรือเปล่า
เย่จื่อเฉินที่โดนทุกคนเมินเฉยทิ้งให้อยู่ข้างหลังทำหน้าจะร้องไห้ แล้วปรายตาไปทางหลิวฉิง
"เธอดีกว่าจริงๆ"
"ฉันก็อยากได้ลายเซ็นเหมือนกัน"
หลิวฉิงพึมพำเสียงแ่
...
อยากจะกระอักเืออกมาจริงๆ อะไรกันเนี่ย เขาช่วยชีวิตผู้หญิงสองคนนี้เอาไว้โดยไม่ห่วงชีวิตของตัวเอง กับหลิวฉิงเขาก็เต็มใจให้เธออยู่ด้วย
แล้วทำไมตอนนี้ ความชอบถึงได้เปลี่ยนไปแล้วล่ะ
"เซี่ย...เอ๊ะ! เธอคือยัยเซี่ยคนนั้น..."
ในขณะที่ทั้งสามคนยังคงแย่งกันจะเอาลายเซ็นอยู่นั้น จู่ๆ ขงเบ้งก็ยกมือขึ้นชี้เซี่ยเขอเข่อแล้วก็ะโขึ้น
"นายเป็ใครเนี่ย ไม่มีมารยาทเอาซะเลย เซี่ยอะไรของนาย..."
เซี่ยเขอเข่อมองค้อน ยู่ปากขึ้น และเมื่อเธอหันไปมองผู้พูดอย่างหมดความอดทน...
"นะ...นาย...นายมาที่นี่ได้ยังไง? นาย..."
"ฉันจะเป็บ้าจริงๆ แล้วนะ ฉันอุตส่าห์หนีเื่หมั้นมาจนถึงปิงเฉิง แล้วทำไมถึงยังมาเจอเธอที่นี่อีกเนี่ย เธอบอกความจริงฉันมาเลยนะ เธอตั้งใจวิ่งโร่มาหาฉันถึงที่นี่ใช่ไหม? ฉันขอบอกเธอไว้เลย เื่ของเราสองคนไม่มีทางเป็ไปได้!"
ขงเบ้งเชิดหัวเล็กๆ ขึ้นปฏิเสธเสียงแข็ง เซี่ยเขอเข่อถึงกับหลุดขำพรืด แล้วพูดขึ้น
"นี่น้องชาย นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันเรียนอยู่ที่ปิงเฉิงมาั้แ่แรกแล้วเถอะ อีกอย่างนะ ฉันก็บอกกับที่บ้านฉันแบบชัดเจนไปแล้ว ว่าฉันจะไม่ยอมเป็ตัวแทนเสียสละเื่หมั้นเด็ดขาด แล้วนายมาที่นี่ทำไม? อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว นายไม่พอใจก็เลยอยากมาขอคำอธิบายจากฉันสินะ? เหอะ ถ้าแบบนั้นฉันก็จะสนองให้!"
เซี่ยเขอเข่อหลุดขำ เธอไม่สนใจลายเซ็นของซุนหงอคงแล้ว เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเย่จื่อเฉินแล้วก็พูดขึ้น
"เห็นหรือยัง นี่แฟนฉัน นายรีบกลับไปซะ ฉันไม่ได้มีรสนิยมชอบเด็ก!"
"พี่เย่ เธอบอกว่าเธอเป็แฟนพี่?"
ขงเบ้งทำหน้าใ เซี่ยเขอเข่อยกสองมือขึ้นเท้าเอวพร้อมกับด่าเขา
"พี่เย่อะไร นายกับเขา...เดี๋ยวนะ นายรู้ได้ไงว่าเขาแซ่เย่ นาย...นายสองคน..."
...
ทุกคนที่อยู่รอบๆ อึ้งกันหมด!
ซึ่งคนที่อึ้งที่สุดแน่นอนว่าคือเย่จื่อเฉิน
"เธอ...ฉัน...เขา..."
เย่จื่อเฉินหัวเราะแห้งพร้อมกับชี้เซี่ยเขอเข่อกับขงเบ้งสลับไปมาไม่หยุด ใช้เวลาอยู่นานถึงได้เข้าใจในความสัมพันธ์อย่างถ่องแท้
"คู่หมั้นที่นายบอกว่าอายุมากกว่านายคนนั้นคือเขอเข่อ?"
"เธอนั่นแหละครับ" ขงเบ้งผงกศีรษะเล็กโดยไม่ปฏิเสธ เซี่ยเขอเข่อเองก็กัดริมฝีปากแล้วพูดขึ้น "เย่จื่อเฉิน นายรู้จักเ้าเด็กบ้านี่เหรอ!"
"ใครเด็กบ้า เธอน่ะสิเด็กบ้า!"
คิ้วบนใบหน้าเล็กๆ ของขงเบ้งขมวดมุ่น
"นายนั่นแหละ ทำไม นายมันเด็กบ้า ไม่บรรลุนิติภาวะ!"
เซี่ยเขอเข่อแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ซูเหยียนก็เลิกขอลายเซ็นซุนหงอคงแล้วก็ยืนมองมาทางเย่จื่อเฉิน
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือสหาย?"
ซุนหงอคงเกาหัว ซูเหยียนก็ส่ายหัวและกระซิบตอบอย่างมึนงง
"ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะร้ายแรงน่าดู"
คนกลางอย่างเย่จื่อเฉินเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ ฟังสองคนนั้นทะเลาะกันไปมาเขาชักจะหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน
เย่จื่อเฉินเข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน แล้วพูดขึ้น
"หยุด!"
ทั้งคู่ถลึงตาใส่อีกอีกฝ่ายด้วยความโมโห แล้วหยุดทะเลาะกัน จากนั้นขงเบ้งก็เดินไปกระซิบข้างหูเย่จื่อเฉิน
"พี่เย่ พี่ดูท่าทางของผู้หญิงคนนี้สิ ผู้หญิงบ้าพลัง ผมโชคดีมากเลยที่ตอนนี้มีสมองพอที่จะไม่เอาเธอ จะบอกให้นะ พี่อย่าไปเป็แฟนเธอเลย บ้านเธอนะ..."
"ขงเบ้ง!"
เซี่ยเขอเข่อแผดเสียงขึ้นมาทันที ขงเบ้งชะงักไปนิด ก่อนจะรีบปิดปาก
"บ้านเธอทำไม?"
พูดไม่ออกไปทันที ความอยากรู้ของเย่จื่อเฉินสุมอยู่เต็มอก เขามองขงเบ้งกับเซี่ยเขอเข่อด้วยใบหน้าสงสัย แต่เพียงครู่เดียวก็เลิกคิ้วถามขึ้น
"จริงสิ นายมาที่นี่ได้ยังไง?"