เพิ่งเข้าสู่ฤดูหนาว ทั้งตระกูลจิ่งก็ถูกหิมะสีขาวปกคลุมหนาเป็ชั้นๆ แล้ว กำแพงสีดำหลังคาแดงพอมารวมกับหิมะขาวสะอาดแล้วก็ราวกับเป็ภาพเขียนภาพหนึ่ง แล้วยังมีสีสันแต่งแต้มจากหญิงรับใช้และเด็กรับใช้ที่เดินผ่านไปผ่านมา แขนเสื้อและขากางเกงล้วนติดขนนุ่มฟูสีขาวจนกลืนไปกับสีของหิมะ หากมองจากที่ไกลๆ ก็ราวกับเป็ดอกไม้ใบไม้ที่ผลิบานอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บนี้ก็ไม่ปาน เป็ทัศนียภาพอันงดงามยิ่ง ที่น่าเสียดายก็คือคนที่ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามตอนนี้นั้นมีอยู่แค่ไม่มีคน
เด็กรับใช้ชายหญิงพวกนั้นฝีเท้าเร่งร้อน สีหน้าแววตาปราศจากซึ่งรอยยิ้มสดใสในยามปกติ แต่ละคนล้วนมีท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง พูดตามตรงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีเื่รีบร้อนอันใด แต่ในสภาพแวดล้อมที่กดดันเช่นนี้ ถ้าทุกคนไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาบ้างก็คงจะดูแตกต่างเกินไป
อีกอย่าง พวกเ้านายก็ล้วนร้อนรนไม่เป็สุข พวกคนรับใช้หากยังไม่ระมัดระวังให้มากขึ้นอีกก็เท่ากับหาเื่ถูกลงโทษแล้ว
——
หนึ่งเดือนก่อน การตายของเฉินเป่าเปรียบเสมือนสายฟ้าขนาดใหญ่อันน่าตกตะลึงที่ฟาดลงมาโดยที่ผู้คนทั้งหมดยังไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ
เด็กรับใช้ผู้นี้ที่ครึ่งชีวิตแรกล้วนใช้ชีวิตมาอย่างไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่หลังจากที่เ้านายของเขาตายไปแล้วนั้น...ไม่ใช่แค่ตอนที่เขามีชีวิตอยู่เท่านั้นที่ทำให้ทุกคนต้องคาดเดาการกระทำของเขาไปต่างๆ นานาในใจ แต่หลังจากเขาตายไปแล้วนั้น...คนทุกคนที่ได้พบเห็นศพของเขาล้วนจดจำภาพนั้นได้ติดตา
วันนั้นคนที่เข้าไปที่ห้องของเฉินเป่าไม่รู้ว่ามีกี่คน ทุกคนล้วนถูกรอยเืเป็ทางที่เสียดแทงดวงตาและรูปร่างบิดเบี้ยวที่พิงอยู่ข้างเตียงทำให้ตกตะลึงจนสั่นสะท้าน ปากและจมูกท่วมไปด้วยเื ตาเบิกกว้าง ดวงตาเหลือกขาวคู่นั้นปรากฏแววหวาดกลัวอย่างชัดเจน หน้าอกของเขายุบลงไปราวกับว่ากระดูกทั้งหมดกลายเป็นุ่นไปแล้ว ไม่สามารถค้ำยันเนื้อหนังบนร่างได้อีกต่อไปจน กลายเป็เนื้อเหลวๆ น่าขยะแขยงที่ผสมปนเปไปกับเื ทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่น ช่างน่าอเนจอนาถถึงเพียงนี้ คนทำต้องเป็คนที่โเี้ยิ่งถึงจะทำเช่นนี้ได้ คนรับใช้ตระกูลจิ่งที่ไปเรียกเขาตอนเช้านั้นก็ยิ่งตกตะลึง จนถึงวันนี้ก็ยังนอนฝันร้ายอยู่บ่อยๆ
จิตใจของหลัวฉี่ด้านชาไปนานแล้ว เขาก็นับว่าดวงซวยแล้วจริงๆ ถูกลากไปเป็ผู้ตัดสินความยุติธรรมทุกรอบ ตอนนี้คนของตระกูลหวางและเฉินทั้งสองตระกูลที่อยู่ที่นี่ก็เหลือแค่เด็กรับใช้ของหวางฮวายเหล่ยแล้ว น่าเสียดายที่เ้าเด็กนั่นคิดว่าตัวเองจะกลายเป็ผีผู้โชคร้ายคนต่อไป เมื่อได้เห็นการตายของเฉินเป่าั้แ่เช้าก็ราวกับเสียสติไปแล้ว ทั้งหมอบทั้งคลาน บอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปจากตระกูลจิ่งให้ได้ จะรั้งไว้ก็รั้งไม่อยู่
ตอนนี้คนที่พอจะเป็ตัวแทนของตระกูลผู้ตายได้ก็ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ถ้าอยากจะสืบสวนหาความยุติธรรมก็ถือเป็การสืบสวนหาความยุติธรรมให้คนตายดูเท่านั้น!
แต่ว่าต่อให้จะเป็การแสดงให้คนตายดู แต่ขั้นตอนพิธีต่างๆ ที่ต้องทำก็ยังต้องทำอยู่ดี โดยมีหลัวฉี่เป็ผู้นำ ผู้ชันสูตรตระกูลจิ่งอีกสองสามคน แล้วยังมีพวกทางเต๋อรั่วยืนดูอยู่ด้วย จากนั้นการชันสูตรก็เริ่มขึ้นอย่างเคร่งขรึมจริงจัง การตายของเฉินเป่าชัดเจนว่าแตกต่างจากเ้านายของเขาเฉินเปิ่นฉี ทั้งยังไปคล้ายคลึงกับหวางฮวายเหล่ยแต่น่าอเนจอนาถกว่า หลัวฉี่ข่มความพะอืดพะอมแล้วกดหน้าอกของเฉินเป่าจนอ่อนยวบลงไปราวกับนิ้วที่จิ้มลงไปนี้สามารถััไปถึงสันหลังของเขาได้เลยทีเดียว
“เกรงว่ากระดูกคงป่นเป็ผุยผงหมดแล้ว ไม่เพียงมีกำลังภายในมหาศาล แต่การควบคุมกำลังภายในเองก็น่ากลัวมากเช่นกัน” หลัวฉี่แววตาดำคล้ำ แท้จริงแล้วเป็ผู้ใดกันแน่? ฝีมือระดับนี้เป็คนของตระกูลใดกัน?
หรือจะมาจากตระกูลทางที่แสนจะเป็ปริศนา?
ในใจคิดเช่นนี้ สายตาก็อดมองไปยังพวกทางเต๋อรั่วไม่ได้ กลับเห็นว่าคนผู้นี้มีสีหน้ายากจะเข้าใจ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ชัดเจนว่าแตกต่างจากท่าทางอันสูงส่งยามปกติของเขาลิบลับ
หรือจะไม่ใช่ตระกูลทาง?
เช่นนั้นเป็ผู้ใด?
แผ่นดินใหญ่นี้ยังมียอดฝีมือที่แอบซ่อนอยู่ในหลืบมุมคอยจะปลิดชีพตระกูลระดับต้นๆ ในแผ่นดินใหญ่เช่นพวกเขาในพริบตาอีกเท่าไรกัน หลัวฉี่กำหมัด จะรั้งอยู่ที่ตระกูลจิ่งอีกต่อไปไม่ได้ ต้องรีบกลับให้เร็วที่สุด
หลัวฉี่คาดเดาตัวฆาตกรไม่ออก ตระกูลจิ่งเองก็งุนงง คนจากทั้งสองตระกูลมีรูปแบบการตายคนละแบบ หากเป็ฝีมือของคนสองคนที่ต่างกัน เหตุใดคนที่ฆ่าหวางฮวายเหล่ยถึงยังไปฆ่าเฉินเป่าอีก?
ตัดออกจากกันไม่ขาด ยิ่งเอามาคิดรวมกันก็ยิ่งสับสน
ทุกคนพากันทำสีหน้ายุ่งเหยิงสับสน สายตาของคนตระกูลจิ่งเองก็ไม่มีเจตนาดี หลัวฉี่สงสัยตระกูลทาง พวกทางเต๋อรั่วเองก็สาดสายตาไปยังพวกคนตระกูลจิ่งเช่นกัน จนถึงตอนนี้ทางเต๋อรั่วก็แค่หาคนมารับบทเป็คนตระกูลจิ่งแล้วมาสังหารเฉินเปิ่นฉีก็เท่านั้น เดิมทีคิดว่าเื่ทุกอย่างตกอยู่ในความควบคุมของเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็ตระกูลจิ่งหรือตระกูลเฉินก็ล้วนแล้วแต่เป็มดที่ถูกเขาเล่นไปมาอยู่บนฝ่ามือเท่านั้น
แต่ชัดเจนว่ายังมีอีกคน หรืออาจจะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่มีเป้าหมายไม่ชัดเจน ไม่เพียงแค่ล้อเล่นกับหวางเฉินจิ่งสามตระกูล แม้แต่ตระกูลทางของเขาก็เหมือนเ้ามดพวกนั้นที่ถูกปั่นหัวเข้าให้แล้วเช่นกัน
ส่วนเขานั้น...แม้แต่คนที่ปั่นหัวเขาเป็ผู้ใดก็ยังไม่รู้ คิดว่าเดิมทีตนเป็ผู้ควบคุมที่ยืนอยู่บนที่สูง แค่พลิกฝ่ามือก็สามารถจับพวกเขาวางได้ตามใจ ทว่าตอนนี้เขาไม่เพียงไม่ใช่ผู้ควบคุม แต่กลับกลายเป็ผู้ถูกควบคุมเสียเอง ทางเต๋อรั่วรู้สึกแค้นจนเข็ดฟัน ตกลงเป็ผู้ใดกันแน่ ที่ทำไปทั้งหมดนี้มีเป้าหมายอันใด? หรือจะเป็เ้าเด็กตระกูลอ๋าวตายยากนั่น?
ชัดเจนว่าไม่ใช่ ความงุนงงตกตะลึงที่ส่งออกมาจากสายตานั้นชัดเจนว่าไม่ใช่ของปลอม
ทางเต๋อรั่วสาดสายตาไปยังแต่ละคนในที่นี้ แต่ละคนล้วนมีสีหน้าตกตะลึงเสียยิ่งกว่าเขา
แล้วสายตาก็หยุดลงบนร่างของจิ่งฝาน ทางเต๋อรั่วอึ้งไปทันใด คนผู้นี้...ใจเย็นเกินไป สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย สงบนิ่งยิ่งกว่าเขานัก ในสายตาของเขาราวกับทุกคนล้วนเป็กลุ่มท่อนไม้เดินได้ก็ไม่ปาน
ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมา เมื่อจิ่งฝานหันศีรษะมา สายตาของทั้งสองจึงประสานกันในที่สุด
ทางเต๋อรั่วมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น แต่กลับรับรู้ไม่ได้ถึงอารมณ์ใดๆ เลย ไม่ใช่เพราะเก็บงำไว้อย่างล้ำลึก แต่เพราะคนผู้นี้มองทุกอย่างด้วยความเฉยเมย
ส่วนเื่ประสานสายตากับทางเต๋อรั่วนี้...ชัดเจนว่าจิ่งฝานไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก แค่ครู่เดียวก็หันศีรษะกลับไปแล้ว เส้นผมสีดำราวกับหมึกบดบังสีหน้าเขาและมุมปากที่ยกขึ้นน้อยๆ นั่นเอาไว้ เป็รอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวที่ทั้งดูเย้ายวนและชั่วร้าย
น่าเสียดายที่ทางเต๋อรั่วมองไม่เห็น
หลังจากชันสูตรศพเสร็จ ทุกคนล้วนค่อนข้างอ่อนล้า จิ่งเฟิงกั๋วดูเหมือนจะแก่เพิ่มขึ้นอีกแล้วในเวลาเพียงไม่นาน สายตาของเขามองไปที่อ๋าวหราน แต่กลับรับรู้ไม่ได้ถึงความผิดปกติใดๆ เ้าเด็กตระกูลอ๋าวนี่ราวกับว่าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
...
หลัวฉี่หาได้สนใจจะกินข้าวเที่ยงไม่จึงปฏิเสธการเหนี่ยวรั้งจากทุกคน...จากตระกูลจิ่งไปในเที่ยงวันนั้น ขณะเดียวกันพวกทางเต๋อรั่วเองก็จากไปด้วย ต่อให้พวกเขาไม่อยากจากไป แต่ถ้ายังรั้งอยู่ไม่ยอมไปอีกก็ชัดเจนแล้วว่าแฝงเจตนาอื่นไว้ ตอนนี้ตระกูลจิ่งคิดแต่เพียงอยากจะหาตัวฆาตกรให้ได้เท่านั้น ต่อให้เป็เบาะแสเล็กน้อยสักเพียงไรก็ไม่มีทางปล่อยไปแน่ ทางเต๋อรั่วยังหาทางโต้กลับไม่ได้ ตอนนี้จึงยังไม่อยากหาเื่ให้ตัวเองมากนัก
——
เมื่อพระอาทิตย์ตกลง การแข่งขันประลองยุทธ์อันยิ่งใหญ่นี้ก็จบลงพร้อมกับทุกคนที่เดินทางจากไป ความครึกครื้นของเมื่อวานนี้ราวกับเป็เื่ของชาติที่แล้ว ไม่มีเหลือแม้แต่น้อย ส่วนตระกูลจิ่งนั้นก็เย็นเฉียบจนหนาวสั่นราวกับแสงอาทิตย์ที่เหือดหายกลายเป็ความหนาวเย็นยามค่ำคืน ให้ความรู้สึกเย็นเยียบจนน่าหวาดหวั่น
ศพของพวกเฉินหวางทั้งสองตระกูลนั้น ภายในสามถึงห้าวันนี้คนในตระกูลยังเดินทางมาไม่ถึง ศพวางอยู่ที่ตระกูลจิ่งราวกับเป็เผือกร้อนลวกมือ1 ฝังไม่ได้ เผาก็ไม่ได้ โชคดีที่อากาศเย็น จิ่งเฟิงกั๋วสั่งให้คนจัดห้องทางด้านเหนือไว้เป็ห้องพักศพ และกำชับให้คนรับใช้เตรียมน้ำแข็งก้อนใหญ่ไว้ตลอดเวลา ทำเช่นนี้จึงจะสามารถรักษาสภาพศพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ก่อนที่เฉินหวางทั้งสองตระกูลจะมาถึง
ชัดเจนว่าเฉินหวางทั้งสองตระกูลต้องรีบมาให้ถึงโดยเร็วที่สุด คนที่มาถึงก่อนก็คือหวางชวน เขาพาคนมาไม่มาก มีแค่เขาและผู้ติดตามไม่กี่คน แต่ความโกรธแค้นของคนผู้นี้นับว่าไม่ธรรมดา หากเป็เมื่อก่อนเมื่อเขาพบกับจิ่งเฟิงกั๋ว...แน่นอนว่าต้องเรียกอย่างเคารพนบนอบว่าผู้าุโ ไม่ว่าจะด้วยความจริงใจหรือไม่ก็ตาม แต่วันนี้กลับขมวดคิ้วเคร่งเครียด ดวงตาแหลมคม หวางชวนมีรูปลักษณ์ไม่นับว่าหล่อเหลา เมื่อเทียบกับจิ่งเฟิงกั๋วที่อายุปูนนี้แล้วกลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็คนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ว่าคนผู้นี้มีรูปร่างสูงกำยำ ดูแข็งแรงบึกบึนเป็อย่างมาก
ั้แ่ตอนที่เกิดเื่ขึ้นใหม่ๆ จิ่งเฟิงกั๋วก็ใช้ให้ห้องข่าวไวรีบติดต่อกับจิ่งเหวินเหอ รวมถึงผู้าุโรุ่นใหญ่ๆ ของตระกูลจิ่งแล้ว อย่างไรเสียเื่ที่ล่วงเกินทั้งหวางและเฉินสองตระกูลเช่นนี้ก็ไม่ใช่เื่ที่จิ่งเฟิงกั๋วจะแก้ปัญหาได้ แต่ทว่าก็เหมือนกับสำนวนโบราณที่ว่า 'พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก' ไม่เพียงติดต่อจิ่งเหวินเหอที่เป็ผู้นำตระกูลไม่ได้ บรรดาผู้าุโคนสำคัญๆ ก็ขาดการติดต่อไปหลายคนด้วยเช่นกัน!
ห้องข่าวไวของตระกูลจิ่งสืบหาสัญลักษณ์ประจำตระกูลของตัวเองไปทั่วทุกที่ บรรดาลูกหลานตระกูลจิ่งที่ออกไปด้านนอกสามารถทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้เพื่อขอความช่วยเหลือได้ แน่นอนว่าหากตระกูลจิ่งมีเื่เดือดร้อนก็สามารถสลักสัญลักษณ์แบบเดียวกันนี้ลงไปได้ โดยปกติแล้วแค่เพียงครึ่งวันก็จะสามารถติดต่อทุกคนได้ แต่ครั้งนี้ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว...ยังคงมีอีกหลายท่านที่ยังติดต่อไม่ได้
โดยเฉพาะจิ่งเหวินเหอกับภรรยาที่ราวกับระเหยหายไปอย่างไร้ร่องรอย...ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันสูญหายไร้ร่องรอย ส่วนผู้าุโหลายคนในตระกูลก็ไร้ข่าวคราว หวางชวนรีบมาอย่างยิ่งจึงพาคนมาแค่ไม่กี่คน แต่ตามข่าวที่ห้องข่าวไวของตระกูลจิ่งส่งข่าวมานั้นยังมีอีกมากที่แอบซ่อนตัวอยู่ นอกจากนั้นยังมีลูกหลานในตระกูลอีกนับหมื่นคนที่เฉียดเข้าใกล้เขตแดนภาคตะวันออกแล้วค่อยๆ บีบตระกูลจิ่งเข้ามา
ขนาดหวางชวนที่พอนับได้ว่าเป็ตระกูลเครือญาติกันยังเป็เช่นนี้ เช่นนั้นตระกูลที่ราวกับสุนัขหมาป่าซึ่งจ้องจะเอาเปรียบผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาอย่างตระกูลเฉินนั้นจะปล่อยพวกเขาหรือ?
ตระกูลจิ่งกำลังจะมีหายนะคืบคลานเข้ามาใกล้แล้ว
เผือกร้อนลวกมือ1 (烫手的山芋)หมายถึงปัญหายุ่งยากที่ไม่มีผู้ใดอยากรับไว้
