แส้หางหงส์ในมือมู่อวิ๋นจิ่นมีพลังวิเศษเรืองแสงสีทองเปล่งประกาย นางตวัดฟาดไปด้านหน้าใส่เหวินหย่วนและิหย่วน
ด้วยความว่องไวปานสายฟ้าฟาด พระทั้งสองรูปไหวตัวไม่ทัน ถูกฟาดเข้าไปอย่างเต็มแรงจนเืไหลซึมเป็ทาง
ศิษย์พี่เหวินหย่วนและศิษย์น้องิหย่วนก้มมองเสื้อที่ขาดเป็รอยพร้อมกับเืที่ไหลซิบ แววตาจับจ้องมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความเคียดแค้น “นี่มันแส้หางหงส์มิใช่หรอกหรือ? ทำไมมาอยู่ในมือของเ้าได้?”
พระทั้งสองรูปได้แต่หัวเราะเสียงดังลั่น ไม่สนใจาแที่ร่างกาย “ศิษย์พี่วันนี้เป็วันดีอะไรเช่นนี้ ไม่เพียงเจอคัมภีร์เฉวียนหลิง ยังได้อาวุธวิเศษอย่างแส้หางหงส์ในตำนานอีก ฟ้าดินช่างประทานให้พวกเราแล้ว”
“ถูกต้อง หลังจากฆ่านางนี่แล้ว แส้หางหงส์ก็เป็ของพวกเรา!”
เมื่อได้ยินที่พระทั้งสองเอ่ยความโลภ มู่อวิ๋นจิ่นยกแส้หางหงส์ขึ้นด้วย ด้วยไม่รู้มาก่อนว่านอกจากทรงพลังยังเป็อาวุธวิเศษอีกด้วย
ดูท่าแล้ว แส้หางหงส์อยู่ในมือนาง มิอาจสำแดงฤทธิ์เดชที่แท้จริงออกมาได้
“พวกเ้าทั้งสอง สรุปจะสู้หรือไม่ ถ้าไม่สู้ข้าจะไปแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นเสียดสีไม่ไว้หน้า
“คิดจะหนี? ฝันไปเถอะ!” สิ้นเสียงศิษย์พี่เหวินหย่วนยกกำปั้นพิฆาตพุ่งหมายปลิดชีพนาง “จัดการคนอย่างเ้า ใช้แค่สามหมัดเกินพอแล้ว!”
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาลง แสยะยิ้มมุมปาก “อย่าดีแต่พูดโอ้อวดเกินตัว มาลองก่อนแล้วจะรู้”
มู่อวิ๋นจิ่นเก็บแส้หางหงส์ ยกมือกำปั้นพุ่งใส่เหวินหย่วนที่ไม่ได้พลัง คราวนี้นางจะได้ทำลายพลังลมปราณและวรยุทธ์ที่แท้จริงของเขาให้หมดสิ้น
เหวินหย่วนยกมือพุ่งตรงหมายใส่มู่อวิ๋นจิ่น โชคดีที่นางหลบทันด้วยความปราดเปรียว และหันหลังถีบใส่เอวเขาเต็มข้อเท้า กระทั่งเหวินหย่วนต้องสะดุดถอยไปหลายก้าว
ส่วนิหย่วนที่อยู่ด้านข้าง จับสังเกตการปล่อยมือชกของมู่อวิ๋นจิ่น “ศิษย์พี่ การปล่อยมือของนางช่างแปลกพิลึก ข้ายังดูมิออกว่าใช้การต่อสู้แบบใด”
จากนั้นกำปั้นของเหวินหย่วนแทบไม่ได้ผลกับมู่อวิ๋นจิ่น ต้องใช้กำลังขาในการช่วยต่อสู้ ทว่าการต่อสู้ของนางช่างไม่เคยได้พบได้เห็นที่ไหนมาก่อนเลย
มู่อวิ๋นจิ่นจับสังเกตการปล่อยกำปั้นของเหวินหย่วน รวมทั้งกระบวนท่าต่างๆ นางอดมิได้ที่จะเยาะเย้ย ด้วยเห็นว่าแม้ใช้ขาในการช่วยต่อสู้ก็แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นยังคงสามารถป้องกันได้ จนเหวินหย่วนเตะเข้าไปที่หน้าเท้าของตนเอง
เท้าเหวินหย่วนในขณะนี้ยังถูกเข็มแทงเท้า จนต้องร้องอย่างเ็ป
เมื่อถูกเข็มแทงเข้าไปที่เท้า หน้าอกของเหวินหย่วนถูกชกเข้าอย่างแรงล้มลงกับพื้น ลำคอมีกลิ่นคาวเืคละคลุ้ง กระทั่งพ้นเืพุ่งจากปาก
“ศิษย์พี่” ิหย่วนรีบเข้าไปประคองเหวินหย่วน หลังจากนั้นเสียงของเหวินหย่วนดังขึ้นอีกครั้ง “รีบฆ่านางเร็วเข้า”
ิหย่วนพยักหน้ารับทราบ ทะยานพุ่งตัวเข้าใส่มู่อวิ๋นจิ่น มู่อวิ๋นจิ่นที่เห็นเขาใช้พลังลมปราณ จำต้องหยิบแส้หางหงส์ออกฟาดลงมือไปมา แสงสีเหลืองทองพลันเปล่งแสงขึ้นมา
มู่อวิ๋นจิ่นฟาดแส้หางหงส์ไปรัดเอวของิหย่วนยิ่งขยับก็ยิ่งแน่นขึ้น ใบหน้าของเขาสีเผือด นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้ใช้วรยุทธ์แท้จริง กลับต้องตวัดแส้หางหงส์ปล่อยิหย่วนกระเด็นเข้าข้างกำแพงอย่างแรง จากนั้นเืพุ่งออกมาจากปากแล้วสลบไสลไป
“ดูท่าวรยุทธ์และพลังลมปราณของเ้าสองคนก็แค่นี้เอง! มิน่าเล่าถึงอยากได้คัมภีร์เฉวียนหลิงนัก ฮ่าๆๆๆ” มู่อวิ๋นจิ่นไม่พร่ำเพ้อให้เสียเวลานาน พลันใช้วิชาตัวเบาหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
ศิษย์พี่เหวินหย่วนหันมองศิษย์น้องิหย่วนที่สลบไป แทบไม่อยากเชื่อว่าเป็เื่จริงที่เกิดขึ้น
สตรีคนนี้เป็ใครกันแน่ ถึงได้มีวรยุทธ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ด้วย
……
มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบาหนีไปกลับไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม ยังไม่ทันที่จะหายเหนื่อย กลับเห็นท่านอาจารย์ไฮว๋หยวน ฉู่ลี่และฉินมู่เยว่สามคน เดินเข้าห้องลับไปด้านใน
มู่อวิ๋นจิ่นใจเสียขึ้นมา หากฉู่ลี่เดินเข้าไปด้านในต้องเห็นเหวินหย่วนและิหย่วนที่าเ็แผ่อยู่บนพื้น โชคดีเหลือหลายที่นางหนีเอาตัวรอดได้ว่องไว
“ที่นี่อยู่นานมิได้ พวกเรารีบไปกันเถอะ” มู่อวิ๋นจิ่นชำเลืองเห็นฉีฉี่นั่งอยู่กิ่งไม้ใหญ่้า
ฉีฉี่พยักหน้ารับทันที พร้อมใช้วิชาตัวเบาทะยานไปด้านหน้า
ในเวลาเดียวกัน ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวน ฉู่ลี่และฉินมู่เยว่เข้าไปเห็นพระทั้งสองรูปอยู่ในห้องลับ
“ศิษย์น้องเหวินหย่วน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนเห็นรอยเืซึมออกจากจีวร มุมปากมีคราบเื
ฉู่ลี่ที่ยืนดูข้างๆ กลับเลิกคิ้วขึ้นเพียงเล็กน้อยมองไปทางพระทั้งสอง
เหวินหย่วนไม่นึกไม่ฝันว่าจะซวยได้พบหน้าท่านอาจารย์ไฮว๋หยวน จึงมองไปทางิหย่วนที่สลบไสลไร้สติ “เมื่อครู่นี้ศิษย์น้องิหย่วนกับข้าฝึกพลังลมปราณกันอยู่ที่หลังเขา เห็นสตรีคนหนึ่งลับๆ ล่อๆ ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นพวกเราจึงสงสัยเดินตามหลังนางมา จนถึงห้องลับด้านใน”
“นึกไม่ถึงว่าพอเดินเข้ามาในห้องลับ พวกเราได้เห็นสตรีอยู่ด้านในจึงตั้งใจจะจับ เพียงแต่นางคนนั้นร้ายกาจอำมหิต แม้พวกเราสองรูปรวมใจยังมิใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย
ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนฟังแล้วขมวดคิ้วเหลือบมองไปทางิหย่วน ยื่นมือไปจับชีพจรที่แขน “แค่าแนอกกาย เหวอนหย่วนพาเขากลับไปพักผ่อนก็หายแล้ว”
“ได้ขอรับ ท่านอาจารย์” เมื่อเห็นท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนมิได้สงสัยในสิ่งที่เขาเล่าแม้แต่น้อย เหวินหย่วนเตรียมพยุงิหย่วนออกไปอย่างดีใจ ทว่าท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนกลับพรวดขึ้นมาว่า “สตรีคนนั้นมีลักษณะพิเศษอะไร?”
“ในห้องมืดมาก ศิษย์น้องจึงเห็นหน้านางมิชัดเจน แต่นางเพิ่งไปได้ไม่นานนี้เอง”
อันที่จริงเหวินหย่วนอยากบอกว่านางมีแส้หางหงส์ เพียงแต่ค่ำคืนนี้ เขารวมหัวจะมาขโมยคัมภีร์เฉวียนหลิงด้วย จึงแสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้จะดีกว่า
ฉู่ลี่หรี่ตาด้วยความสงสัย และเอ่ยด้วยเสียงที่เด็ดขาด “ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนต้องเพิ่มการรักษาห้องลับนี้ให้มากกว่านี้แล้ว”
ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนทราบทันทีว่าฉู่ลี่เกิดความรู้สึกไม่พอใจเป็ยิ่งนัก จึงทำได้แต่พยักหน้ารับ
หลังจากเหวินหย่วนและิหย่วนกลับไปแล้ว ติงเซี่ยนใช้โคมไฟส่องสว่างตามทางที่ต้องเดิน เห็นรอยเืหยดตามทาง
“นึกไม่ถึงเลย ใต้หล้าแห่งนี้ยังมีสตรีที่วรยุทธ์สูงเช่นนี้ ถ้ามีโอกาสอยากประลองสักครั้ง” ฉินมู่เยว่มองภาพเบื้องหน้าและกวาดสายตาไปทางฉู่ลี่
ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนขมวดคิ้วแน่นขึ้น ราวกับนึกถึงเื่บางอย่างขึ้นมาได้ จนต้องสาวเท้าวิ่งเข้าไป
ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนรับโคมไฟจากมือติงเซี่ยน วิ่งเข้ามาบริเวณค่ายกลที่หรงเฟยอยู่ มองซ้ายมองขวาก่อนอุทานอย่างตกตะลึง “แย่แล้ว คัมภีร์เฉวียนหลิงถูกขโมยแล้ว!”
……
มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบาหนีออกมาจากวัดสุ่ยอวิ๋นแล้ว รูปขนหงส์สีทองเรืองแสงที่ข้อมือมลายหายไป พร้อมกับฉีฉี่
เมื่อเดินทางกลับมาถึงจวนองค์ชายหกเรียบร้อยแล้ว นางปิดประตูหน้าต่างแน่นสนิท เหมือนก่อนที่ยังไม่ได้แอบหนีไป
มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปนั่งจิบน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ หย่อนตัวนั่งลงเก้าอี้โยกเยก ก่อนหยิบคัมภีร์เฉวียนหลิงพลิกอ่านดู
ระหว่างพลิกกระดาษหน้าแรกเปิดออกอ่าน มู่อวิ๋นจิ่นเห็นอักษรวาดเต็มแผ่น ด้านล่างมีอักขระตัวจิ๋วที่เป็คาถาเขียนอยู่
นางเปิดหน้าถัดไปเห็นภาพวาดคนที่กำลังฝึกวรยุทธ์เป็ลำดับขั้นตอนอย่างละเอียด ส่งผลให้มู่อวิ๋นจิ่นที่เห็นคัมภีร์โบราณเป็ครั้งแรก อดมิได้ที่จะอ่านอย่างใจจดใจจ่อ
พอเปิดดูไปได้ครึ่งเล่ม มู่อวิ๋นจิ่นก็ปิดคัมภีร์ลงพักสายตา นึกถึงภาพวาดที่เพิ่งดูทีละขั้นละตอน รวมถึงความยอดเยี่ยมในการใช้วรยุทธ์แต่ละท่า
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นพักผ่อนทบทวนจนจำได้แล้ว ก็ลืมตาเปิดดูต่อจนหน้าสุดท้าย แต่นึกไม่ถึง หน้าสุดท้ายของคัมภีร์กลับเขียนประโยคหนึ่งทิ้งท้าย “Hello!เพื่อนรักของข้า ชอบของขวัญชิ้นนี้ที่ข้าทิ้งไว้ให้ไหม?”
มู่อวิ๋นจิ่นสะดุ้งตัวโหยง ทั้งน้ำเสียงและลายมือเป็ของท่านอาจารย์คงซื่อไม่ผิดเพี้ยน
หรือว่าเขาคาดการณ์อนาคตได้ คัมภีร์เล่มนี้ต้องตกมาถึงหมือของนาง?
มู่อวิ๋นจิ่นคิดได้ดังนี้ พลันเกิดความแปลกใจ ปากขมุบขมิบขึ้นมา “ท่านอาจารย์คงซื่อละสังขารไปแล้ว ทำไมยังััได้ถึงว่าท่านยังอยู่ในทุกที่ที่นางไป!”
มู่อวิ๋นจิ่นปิดคัมภีร์เฉวียนหลิง กวาดสายตามองไปรอบห้อง ก่อนนำคัมภีร์ไปซ่อนไว้ในที่ปลอดภัย โดยยัดไว้ใต้หมอน
……
หลังจากผ่านไปไม่นานนัก ประตูห้องมีเสียงเคาะดังขึ้นจากด้านนอก “คุณหนูตื่นหรือยังเ้าคะ?”
“ตื่นแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงเรียกของจื่อเซียง ลุกขึ้นจับอาภรณ์ให้ดูดี ก่อนเดินออกไปด้านนอก
นางเปิดประตูออก จื่อเซียงบอกว่า “องค์ชายใช้ให้บ่าวมาตามคุณหนูไปทานอาหารเย็นด้วยกันเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับทราบ ระหว่างก้าวเท้าข้ามธรณีประตู ได้พรวดถามขึ้น “ฉินมู่เยว่อยู่ด้วยหรือไม่?”
“ไม่อยู่เ้าค่ะ มีองค์ชายเพียงคนเดียวเ้าค่ะ” จื่อเซียงยิ้มกรุ้มกริ่ม
มู่อวิ๋นจิ่นเดินตรงไปที่ห้องอาหารเห็นฉู่ลี่นั่งเรียบร้อยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ติงเซี่ยนยืนอยู่ด้านข้าง ส่วนแม่นมเสิ่นกำลังรินน้ำชาให้ฉู่ลี่
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวเท้าเข้าไปในห้องอาหาร ััได้ถึงสายตาประหลาดจับจ้องมา พอเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็ฉู่ลี่
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มจางๆ เหมือนปกติ หยิบตะเกียบนั่งทานข้าว โดยไม่ได้พูดกับฉู่ลี่
ฉู่ลี่ส่ายหน้ามองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยรู้สึกว่านางไม่เอาไหนเลยจริงๆ
ระหว่างที่ฉู่ลี่หยิบน้ำชาขึ้นจิบอีกครั้ง เหลือบเห็นปกเสื้อของมู่อวิ๋นจิ่น ถึงกับผงะไปชั่วขณะ ด้วยสีหน้านิ่งขรึม
“เมื่อบ่ายอยู่ที่จวนทำอะไรบ้าง?” ฉู่ลี่วางถ้วยน้ำชา เลื่อนระดับสายตาขึ้นไปที่หน้านาง
มู่อวิ๋นจิ่นกลับก้มหน้าก้มตาคีบอาหารเข้าปาก โดยไม่เงยหน้าขึ้นมองและตอบกลับว่า “นอนพักอยู่ในห้อง”
“อ่อ” ฉู่ลี่พยักหน้ารับรู้ ก่อนเพ่งไปมองปกคอเสื้ออีกแวบหนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้