ดอกไม้สีฟ้าอ่อนถูกเก็บมาจนเต็มกระบุง
นางกำนัลใช้สากไม้เล็กๆ บดดอกไม้จนแหลก
จากนั้นจึงค่อยๆ คั้นน้ำออกมา
ด้วยเพราะน้ำจากดอกไม้นี้เข้มข้นนัก กลิ่นของมันจึงออกจะฉุนไปสักหน่อย
เมื่อวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทสักพักหนึ่ง น้ำดอกไม้ก็จะเปลี่ยนเป็สีดำ ดูแล้วน่าเกลียดสุดจะทน
ตำหนักขององค์หญิงโอ่อ่ากว้างขวาง ทั้งขันทีและนางกำนัลก็มีจำนวนมาก เพราะองค์หญิงมักจะมีความคิดประหลาดมากมายมาชวนให้เหล่านางกำนัลและขันทีต้องวิ่งวุ่น
เช่นเดียวกันกับน้ำดอกไม้คั้นนี้
เมื่อก่อนองค์หญิงมักจะเสด็จไปที่ตำหนักของราชครูอยู่เป็ประจำ ทว่าหลายวันมานี้กลับไม่ได้เสด็จไป ทว่าทรงหมกมุ่นอยู่กับน้ำดอกไม้คั้นแทน
และแน่นอนว่าองค์หญิงน้อยย่อมไม่มีทางลงมือคั้นเอง
นางแค่ออกคำสั่งให้นางกำนัลไปทำให้สำเร็จดังที่ตนประสงค์เท่านั้น
นางอยากจะทำน้ำหอมดอกไม้สักชนิดที่สามารถเอาชนะน้ำหอมของคนอื่นๆ ได้
ทว่ายามที่ต้องลงมือกลับพบว่าช่างวุ่นวายนัก
เ้าน้ำดอกไม้นี่แตกต่างกับน้ำหอมดอกไม้ที่นางคิดไว้
ทั้งยังเหม็นรุนแรงนัก
อีกทั้งน้ำหอมที่นางคิดไว้ไม่เพียงแค่มีกลิ่นเดียวโดดๆ เท่านั้น นางอยากได้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรก กลิ่นกลาง และกลิ่นสุดท้ายรวมอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อดมแล้วกลับให้กลิ่นที่ต่างกัน น้ำหอมที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องตั้งตารอ
กลิ่นของมันจะต้องไม่ได้จบเพียงแค่ในกลิ่นเดียว เพราะถ้ามีเพียงกลิ่นเดียวไร้ซึ่งความซับซ้อน เพียงดมไปไม่นานก็คงจะเลี่ยนเสียแล้ว
กลิ่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
วิธีการปรับให้กลิ่นมีความหลากหลาย การควบคุมให้แต่ละกลิ่นส่งกลิ่นหอมในเวลาที่ต่างกัน เป็วิธีการที่ทั้งต้องแม่นยำและซับซ้อน
ไม่เพียงแต่จะต้องใช้น้ำดอกไม้ ยังต้องใช้สุราฤทธิ์แรง
องค์หญิงน้อยลูบคางพลางขบคิดว่าคงจะได้เวลาที่จะต้องทำสุราฤทธิ์แรงเองแล้ว
เมื่อย้อนคิดถึงบุรุษที่ตนได้พบที่หอบัณฑิตในวันนั้น รอยยิ้มบนพระพักตร์ขององค์หญิงอีพลันสว่างไสวขึ้นทันตา
ในที่สุดนางก็ได้พบกับบุรุษที่แตกต่างจากคนอื่นเสียที บุรุษทั่วไปเพียงแค่เห็นนางก็เอาแต่ก้มศีรษะคารวะด้วยความกลัว มีเพียงแค่บุรุษคนนั้นที่มีท่าทีไม่เหมือนใคร
ทั้งเขายังดูเซ่อซ่าราวกับหนิงไฉ่เฉินที่แสนทึ่ม ราวกับกัวจิ้งที่ไม่รู้อันใดเลย
แต่สถานะตระกูลของบุรุษที่นางกำลังคำนึงถึงอยู่ย่อมต้องไม่ธรรมดาเป็แน่
องค์หญิงอีในฐานะที่เป็องค์หญิงที่ใครก็เคารพนบนอบ แน่นอนว่าจะต้องผ่านการฝึกฝนสายตาในการชื่นชมสิ่งต่างๆ
อาภรณ์บนกายของบุรุษคนนั้นย่อมต้องมีราคาไม่เบา
ข้าวของอื่นๆ ที่ใช้ก็ล้วนประณีต
คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้านข้างใช้ถ้วยใบเล็กได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ทว่าบุรุษคนนั้นกลับใช้ของที่นำมาเอง ถ้วยที่เขาใช้ดูก็รู้ว่าย่อมต้องเป็งานฝีมือ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาแพงลิบลิ่ว
ทว่าในสถานการณ์ที่แสนจะอึกทึกครานั้น มีคนผู้หนึ่งเผลอสะบัดชายเสื้อปัดถ้วยชาของเขาตกแตก แต่เขาก็ดูราวกับไม่ถือสา ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มสั่งการให้คนมาเก็บกวาดไปเสีย
รอยยิ้มของเขาราวกับแสงตะวันที่สว่างสดใสไปทุกหนทุกแห่ง
องค์หญิงอียามได้ประสบกับรอยยิ้มนั้นก็พลันเคลิบเคลิ้ม ราวกับว่าบนโลกใบนี้แท้จริงแล้วรักแรกพบมีอยู่จริง
แม้จะอยู่ห่างกันแสนไกล แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
ราวกับการรอคอยที่แสนยาวนาน
ราวกับข้ามกาลเวลาเดินทางมานานนับพันปี ราวกับว่าเพียงเพื่อจะมาพบกันในครานี้
นางทำทีเดินผ่านเขาอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วจึงลอบสูดดมความหอมบนกายเขา
กลิ่นหอมเบาบาง ทว่าก็ชัดเจนนัก แตกต่างกับกลิ่นของคนอื่นๆ ในที่นั้น นางจึงได้ประทับใจกลิ่นนั้นยิ่งนัก
กระทั่งบัดนี้นางก็ยังจำกลิ่นนั้นได้ไม่ลืม
เดิมทีกลิ่นนั้นก็ช่างแสนพิเศษ
กลิ่นของเขาทำให้นางอยากจะทำน้ำหอมที่มีกลิ่นไม่เหมือนใคร
เพียงแต่ขั้นตอนการทำไม่ค่อยจะราบรื่นนัก
คราแรกนางคิดไว้ว่าหากเจอกันคราวหน้า นางก็คงจะได้ใช้น้ำหอมชนิดนี้แล้ว ทว่าเมื่อดูจากกรรมวิธีการทำของมันแล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จเมื่อใด
เมื่อไม่เป็ไปตามแผนเช่นนี้ อารมณ์ขององค์หญิงน้อยจึงไม่ใคร่จะสู้ดีนัก
คิ้วขมวดเป็ปม เหล่าขันทีเมื่อเห็นเช่นนั้นก็พากันอกสั่นขวัญแขวน
ยามองค์หญิงเบิกบานใจ นางยังสามารถทรมานคนได้เป็กลุ่มๆ แล้วหากว่าไม่พอใจขึ้นมาเล่า…
เหล่านางกำนัลที่ต้องคอยคั้นน้ำจากดอกไม้ ยามนี้ปวดมือกันจนแทบจะยกไม่ขึ้นอยู่รอมร่อ ทว่าเมื่อเห็นองค์หญิงที่ยังคงประทับอยู่ด้านหน้า พวกนางก็จำต้องออกแรงคั้นต่อ ทั้งยังไม่อาจเร่งทำได้ แล้วก็มิอาจชักช้าได้เช่นกัน จะต้องควบคุมจังหวะให้ดี
เคราะห์ดีที่นางกำนัลจากตำหนักฮองเฮามาทูลเชิญองค์หญิงพอดี
เมื่อเห็นว่าองค์หญิงเสด็จจากไปแล้ว เหล่านางกำนัลก็พากันถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งใจ
นกยูงกลางลานในตำหนักจ้าวเหอ บัดนี้กลับดูเซื่องซึม ขนหางที่เคยอวดโฉมก็ลู่ลงไปกับพื้น เมื่อเทียบกับนกยูงที่เคยเฉิดฉายในตอนแรก ยามนี้ดูอย่างไรก็ราวกับว่าไม่ใช่นกยูงตัวเดิม ดูคล้ายกับไก่ฟ้าที่ขนยาวสักหน่อยเพียงเท่านั้น ไร้ซึ่งวี่แววของหงส์อย่างที่คนอื่นๆ เคยร่ำลือกัน
เกรงว่าขันทีในตำหนักที่เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงนกก็ยังมิอาจเลี้ยงนกยูงตัวนี้ให้ดีได้เช่นกัน
แม้ว่ามันจะยังไม่ตาย แต่ขนก็ร่วงโรยไปไม่น้อยแล้วเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ขันทีที่รับหน้าที่ดูแลนกยูงโดยเฉพาะจึงถูกเปลี่ยนไปแล้วสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกต้องโทษปะาที่มิอาจดูแลมันให้ดีได้
ทั้งที่นกยูงเป็นกทางใต้ จึงไม่อาจปรับตัวกับสภาพอากาศของแคว้นเชินได้ การที่มันขนร่วงมากมายเช่นนี้จึงไม่ใช่เื่แปลกอะไร
ยามที่องค์หญิงอีมาถึง นางก็เห็นเสด็จแม่ของตนยืนอยู่หน้าสวนนกยูงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ด้านหลังยังมีนางกำนัลและขันทียืนอยู่ห่างๆ
นางไม่ชอบนกยูง ตัวมันกลิ่นเหม็นเหลือเกิน
ทว่าผู้คนที่นี่กลับบอกว่ามันคือหงส์ ทั้งยังบอกว่านางคือเทพธิดา เทพธิดาจำเป็ต้องอยู่ใกล้กับหงส์ ดังนั้นต่อให้นางไม่ชอบมันเพียงใด ก็ยังต้องแสร้งทำเป็สนิทสนมกับมันอยู่ดี
ฮองเฮาเห็นมาั้แ่ไกลแล้วว่าพระธิดาของตนกำลังเดินมา
ที่นางมายืนอยู่ตรงนี้ ความจริงไม่ใช่เพื่อมายืนชื่นชมหงส์อะไรทั้งนั้น
เพียงแต่จุดนี้เป็พื้นที่โล่งกว้าง เหมาะแก่การสนทนาเื่ลับๆ
ทุกคราที่มีเื่สำคัญนางก็จะมาหารือกันที่สวนหงส์แห่งนี้
หลายปีมานี้จากหญิงบรรณาการแคว้นจิงที่ถูกส่งมาให้เป็สนมนางหนึ่ง กลับได้กลายเป็ฮองเฮาของแคว้นเชิน จนบัดนี้ที่นางมีกองกำลังคอยหนุนหลังเป็ของตนเองแล้ว
น่าขันนักที่เหล่าขุนนางแคว้นเชินเมื่อก่อนก็ล้วนแต่กล่าวกันนางคือนางสนมปีศาจ บัดนี้เมื่อได้รับการสนับสนุนจากนางก็พากันยินดี ทั้งยังแย่งกันมาเข้าร่วมกับนางเสียด้วยซ้ำ ไม่เพียงเท่านั้น ยังช่วยกันล้างมลทินให้นาง กล่าวว่าแท้จริงแล้วนางคือชาวแคว้นเชิน ทั้งยังดันทุรังไปหานักปราชญ์ของแคว้นเชินมาช่วยกันหลอกลวง
ฮองเฮาจ้าวนึกดูแคลนชาวแคว้นเชินนัก
แม้ว่าชาวแคว้นเชินจะเป็ปัญญาชน รูปลักษณ์งดงาม ทว่าเนื้อในกลับมิอาจสู้ชาวแคว้นจิงที่กล้าทำกล้ารับ พูดคำไหนก็เป็คำนั้น
แต่ก็แน่นอนว่าความรู้สึกเช่นนี้ของนางมิมีทางแสดงออกได้
วันนี้นางเป็ถึงฮองเฮาแคว้นเชินที่ปกครองคนทั้งใต้หล้า
นางได้ยินเหล่านางกำนัลเล่ากันว่ายามนี้ราชครูปรากฏตัวแล้ว แท้จริงแล้วเขาหลบอยู่ในพื้นที่รกร้าง ทั้งยังผ่านาครั้งใหญ่มาแต่กลับยังมีชีวิตอยู่ ช่างอายุยืนเสียจริง
บัดนี้ฝ่าาไม่เพียงอภัยโทษให้ราชครู แต่ยังพระราชทานตำแหน่งให้ หากนางยังดึงดันจะส่งคนออกไปตอนนี้ย่อมเป็การกระทำที่ประมาทเลินเล่อเกินไป ทั้งยังอาจทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้
ทว่าหากราชครูกลับมาจริงๆ ก็เท่ากับว่าั้แ่ต้นจนจบ นางไม่อาจกำจัดเสี้ยนหนามที่ตำใจชิ้นนี้ออกไปได้เลย
นางไม่อาจลงมือเอง จึงต้องให้คนอื่นลงมือแทน นางเองก็มิรู้จะทำอย่างไรเช่นกัน…
ฮองเฮายังคงจับจ้องอยู่ที่เ้านกยูงหลังรั้วไม้ ดวงตาพลันปรากฏแววรังเกียจขึ้นมา
จวบจนกระทั่งองค์หญิงเสด็จมา พระพักตร์ของฮองเฮาจึงได้ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา
“ได้ยินมาว่าพักนี้องค์ชายน้อยของแม่กำลังเล่นดอกไม้อยู่หรือ ดอกไม้มีพอหรือไม่เล่า หากไม่พอในสวนอวี้แห่งนี้ก็ยังมีดอกไม้อีกมาก”
“เสด็จแม่เห็นลูกซนถึงเพียงนั้นเลยหรือเพคะ เสด็จพ่อกับเหล่านางสนมน้อยๆ โปรดการชื่นชมดอกไม้ในสวนอวี้แห่งนี้ที่สุด”
เพราะ่นี้องค์หญิงมีเื่ราวในใจ จึงมิได้สนใจพระมารดาของตนเท่าใดนัก
ทว่าเมื่อได้เห็นแผ่นหลังที่แสนอ้างว้างของนางยืนอยู่ในสวนหงส์แห่งนี้ก็พลันรู้สึกปวดใจขึ้นมา ทั้งยังละอายเหลือเกิน
เสด็จพ่อจะว่าดีก็ดีอยู่บ้าง ทว่าเขาหลายใจนัก ั้แ่พระสนมเอกเล่อมีครรภ์ก็เสด็จไปที่นั่นแทบจะทุกวัน ในวังหลวงแห่งนี้สถานที่ใดจะขึ้นสูงหรือตกต่ำก็ล้วนแล้วแต่เพราะเสด็จพ่อของนาง
ยามนี้ตำหนักของเสด็จแม่ยังไม่อาจครึกครื้นเท่าตำหนักของพระสนมเอกเล่อด้วยซ้ำ
ยามนี้เพียงแค่ในท้องมีเด็กก็ยังกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ หากรอจนมีองค์ชายน้อยขึ้นมาจริงๆ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็เช่นไร
เมื่อคิดถึงเื่นี้ องค์หญิงอีก็พลันยิ้มเยาะขึ้น
นี่หรือความรักจากฮ่องเต้ ช่างน่าขันนัก องค์หญิงเช่นนางชาตินี้ขอเพียงได้ดวงใจของใครสักคนแล้วแก่ชราไปด้วยกันก็พอ
นางไม่ได้ยืนข้างกายเสด็จแม่อย่างเคารพเช่นที่ผ่านมา ทว่ากลับกางวงแขนโผเข้ากอดเสด็จแม่ของนางแทน
เสด็จแม่ผอมลง ผ่ายผอมกว่าเมื่อก่อนเสียด้วยซ้ำ ทั้งนางยังดูไม่เบิกบานใจ
องค์หญิงน้อยจึงเงยหน้าขึ้นถามเสด็จแม่ของตน “เสด็จแม่ ลูกส่งดอกไม้ไปให้พระสนมเอกเล่อได้หรือไม่เพคะ”
