จางเซี่ยร้องไห้ “แม่ข้าจะตายแล้ว หมอในตำบลบอกว่า ช่วยนางไม่ได้ หากเ้ารักษาไม่ได้ข้าจะไม่ตำหนิเ้าเลย เ้ารีบไปช่วยชีวิตแม่ข้าเถิด ขอร้องล่ะ”
“เ้าสาบานมาก่อน หากข้าช่วยแม่ของเ้าไม่ได้ เ้าจะไม่โทษข้าแม้แต่ครึ่งเดียว” หลี่หรูอี้เห็นจางเซี่ยที่โขกศีรษะจนปูดบวมกล่าวสาบานออกมาอย่างไม่ลังเล จึงค่อยเดินออกมาจากห้องนอน
จางเซี่ยลุกขึ้นยืน จะพาหลี่หรูอี้ไปที่บ้าน ทว่าหลี่ิ่หานยื่นมือออกมาขวางจางเซี่ยไว้ก่อน “ลุงใหญ่ของเ้าถือมีดจะฆ่าเ้าให้ได้ ตอนนี้เ้ากลับไปไม่ได้แล้ว”
หลี่อิงฮว๋าถามขึ้นว่า “ท่านแม่ ให้ข้าพาน้องห้าไปบ้านจางได้หรือไม่ขอรับ”
จ้าวซื่อไม่อยากมีความเกี่ยวข้องอันใดกับบ้านจางแม้แต่น้อย เพียงแต่จางเซี่ยขอร้องอย่างน่าสังเวช อีกทั้งหวังฮวาก็กำลังอาการหนัก จึงขมวดคิ้วกล่าวกับบุตรชายคนที่สามไปว่า “เ้ากับหรูอี้หยิบเงินสี่ทองแดงไปร่วมงานศพบ้านจาง ถึงตอนนั้นเ้าค่อยพูดกับคนบ้านจางที่อยู่ในห้องโถงว่า หรูอี้จะตรวจให้หวังซื่อแล้วกัน”
จางเซี่ยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“ตอนนี้บ้านจางกำลังสับสนอลหม่าน ครอบครัวเราห้ามเข้าไปยุ่งเด็ดขาด ข้าไม่ไป” ในโลกก่อน หลี่หรูอี้เคยประสบปัญหาทางการแพทย์มากมาย ตอนนั้นนางเป็หมอทหารอยู่ในกองทัพที่มีวุฒิปริญญาเอกแล้วด้วย ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ นางเป็หมอที่ไม่มีใบอนุญาตของราชสำนัก อีกทั้งยังอยู่ในบ้านชนบทที่ไม่มีผู้ใหญ่ผู้ชาย จะเสี่ยงไม่ได้เป็อันขาด
จางเซี่ยคิดว่าหลี่หรูอี้เปลี่ยนใจจึงรีบคุกเข่าโคกศีรษะ ร้องห่มร้องไห้พูดขึ้นว่า “หรูอี้ ขอร้องล่ะ ช่วยแม่ข้าด้วยเถิด”
“ลุกขึ้นเถิด ไม่ต้องร้อง เ้าบอกอาการของแม่เ้ามาก่อน” น้ำเสียงของหลี่หรูอี้สงบนิ่ง ในโลกก่อนนางเป็หมอทหารมาหลายสิบปี เห็นผู้ป่วยตายไปก็มาก จึงไม่มีความหวาดกลัวและกระวนกระวายใดๆ เพราะถึงจะกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้ทำใจเย็นแล้วค่อยๆ รักษาไปยังจะดีกว่า
จางเซี่ยคุกเข่าเล่าอาการของมารดาออกมา พบว่ามีอาการตกเืและร่างกายอ่อนแอมากเท่านั้น
การแพทย์ของแคว้นต้าโจวล้าหลังมาก เทียบได้กับยุคสามก๊กในโลกก่อนของหลี่หรูอี้ มนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ยไม่ถึงสามสิบปี าแเพียงเล็กน้อยก็เอาชีวิตคนได้แล้ว สตรีจำนวนมากจึงตายตอนคลอดบุตร
“ข้าจะเอายาให้เ้า เ้ากลับบ้านไปหาวิธีทำให้แม่เ้ากินยานี้เสีย แม่เ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของนางแล้ว” หลี่หรูอี้เข้าไปจัดยาในห้องเบ็ดเตล็ด
ส่วนประกอบหลักของยา เช่น ซานชี ต่างเซิน อี้หมู่เฉ่า เป็ต้น ซานชีช่วยห้ามเื ต่างเซินบำรุงเื อี้หมู่เฉ่าช่วยลดบวม
จางเซี่ยรับยามาแล้วกลับไปด้วยความซาบซึ้งใจ
หลี่อิงฮว๋ากล่าวอย่างปลงอนิจจัง “เมื่อก่อนจางเซี่ยเป็อันธพาลคนหนึ่ง ไปทำงานในตำบลมาหนึ่งปี เปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว”
หลี่ิ่หานทอดถอนใจเบาๆ “เขาเป็บุตรคนโต ต่อให้นิสัยแย่เพียงใด ครอบครัวเขาก็จบสิ้นแล้ว”
จ้าวซื่อถามอย่างกังวล “หรูอี้ ยาของเ้าจะช่วยหวังฮวาได้หรือไม่”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างเรียบๆ “ต้องดูว่านางอยากมีชีวิตอยู่มากน้อยเพียงใด และต้องดูสุขภาพร่างกายของนางด้วย”
ผ่านไปค่ำคืนหนึ่ง หวังฮวาคิดถึงลูกๆ ของตนจึงดิ้นรนรอดชีวิตมาได้ ทว่าติงซื่อกลับตกเืมากขึ้น เพราะเสียใจที่เสียบุตรชายไปจนกระทั่งนางสิ้นใจ
ในเวลาสั้นๆ เพียงสามวัน บ้านใหญ่จางเสียติงซื่อ บ้านรองจางเสียจางเอ้อร์ซาน เื่ของบ้านจางซับซ้อนกว่าเื่ราวในตำราเสียอีก
หวังฮวากินโจ๊กเสร็จก็นอนลงบนเตียง นอนหลับตาน้ำตาไหล ข้างกายมีบุตรคนเล็กที่เพิ่งคลอดออกมานอนอยู่ด้วย ตอนนี้ยังไม่มีชื่อ
นางคิดว่าตนเองจะตายเสียแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาจะยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังรู้สึกดีกว่าเมื่อวานมาก
หรือิญญาจางเอ้อร์ซานผู้เป็สามีที่อยู่บน์จะคุ้มครองนาง ให้นางมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูลูกๆ จนเติบใหญ่
ขณะที่กำลังสะลึมสะลือหวังฮวาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าจางเซี่ยเองขอรับ เมื่อวานข้าไปโขกศีรษะขอให้บ้านหลี่ช่วย หลี่หรูอี้ให้ยาข้ามา ข้าให้จางเยว่ป้อนยาท่านแล้ว ชีวิตท่านเป็ของหลี่หรูอี้ หลี่หรูอี้คือผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา ท่านอย่าบอกใครเื่นี้เล่า”
เมื่อหวังฮวาลืมตาขึ้น จางเซี่ยบุตรชายคนโตก็ไม่อยู่แล้ว
“ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว” จางเยว่อายุแปดขวบถือถ้วยยาเดินเข้ามาวางไว้ด้านข้าง จากนั้นจึงก้มลงกระซิบข้างหูหวังฮวาว่า “พี่ใหญ่ไปขอยาจากบ้านหลี่อีกแล้ว บ้านหลี่ให้ไข่ไก่มาสองฟองด้วยเ้าค่ะ ข้าจะป้อนท่านเอง”
หวังฮวานึกไม่ถึงว่า บ้านหลี่จะยื่นมือเข้ามาช่วยนาง นางไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย ทั้งยังหิวจนแทบขาดใจ แม้จะนั่งก็ยังนั่งไม่ได้ จางเยว่บุตรีของนางจึงต้องช่วยป้อนยาและไข่ไก่ให้กับนาง
จางเยว่พูดสะอึกสะอื้น “ภรรยาของลุงใหญ่โหดร้ายจริงๆ เ้าค่ะ นางบอกกับคนในหมู่บ้านว่า จะขายน้องชายของข้า พี่ใหญ่โมโหผลักนางล้ม ทำให้ลูกในท้องของนางตาย ส่วนนางก็ตกเือยู่ครึ่งคืนแล้วก็ตายไป ลุงใหญ่จะฆ่าพี่ใหญ่ให้ได้ พี่ใหญ่จึงไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเื่ขอแยกบ้าน ครอบครัวเราจะแยกออกมาอยู่ลำพัง ถึงตอนนั้นหากหัวหน้าหมู่บ้านมาถามท่าน ท่านก็ตอบตกลงไป ดีหรือไม่เ้าคะ”
บ้านใหญ่และบ้านรองของตระกูลจางเกิดเื่จนมีคนตาย เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว หากอยู่ด้วยกันต่อไปก็คงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอีก จึงทำได้เพียงแยกบ้าน โชคดีที่หลายปีมานี้หวังฮวาแอบเก็บเงินไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อรวมกับเงินทำขวัญของจางเอ้อร์ซาน ครอบครัวจึงเอาตัวรอดต่อไปได้
หวังฮวาผงกศีรษะช้าๆ
เดิมทีเื่ของบ้านจางไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านหลี่ แต่เพราะจางเซี่ยมาขอร้องให้ช่วยมารดา โขกหัวขอร้องครอบครัวหลี่ถึงบ้านจนศีรษะบวมเืออก หลี่หรูอี้จึงมอบยาให้จางเซี่ยจนรักษาชีวิตของหวังฮวาไว้ได้
หวังฮวารอดตาย แต่ชะตาชีวิตของนางและบุตรธิดาทั้งสี่ล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ชะตาชีวิตของทุกคนในบ้านจางก็ล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
จางเซี่ยไปคุกเข่าโขกศีรษะถึงบ้านของหวังไห่ ขอร้องให้หวังไห่ออกหน้าเื่แยกบ้าน “ลุงหวังขอรับ ลุงใหญ่จะฆ่าข้าแล้ว ท่านปู่ท่านย่าก็ไม่สนใจ ข้าจะตายแล้ว แต่ข้าเป็บุตรชายคนโตของบ้าน พ่อข้าตายไปแล้ว หากข้าตายไปอีกคน ท่านแม่และน้องๆ ของข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
คนในหมู่บ้านหลี่เข้ามามุงดูจางเซี่ย บางคนก่นด่าบอกว่า เขาไม่สมควรผลักภรรยาของลุงใหญ่ บางคนกล่าวว่า เขาทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว
ตอนนี้หวังไห่ไม่อยู่บ้าน เขาออกไปรับซื้อแป้งขาวและไข่ไก่จากนอกหมู่บ้าน เฟิงซื่อไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ไม่ดีของบ้านจาง จึงทำได้เพียงเปิดประตู แต่ไม่ให้จางเซี่ยเข้ามา
จางเซี่ยจึงนั่งรอหวังไห่อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน
หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดกลับมาจากเมืองเยี่ยน เมื่อเดินผ่านบ้านหวังไห่ เห็นว่ามีคนมุงกันอยู่จึงเข้าไปสอบถามแล้วกลับบ้านไป
เห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่ไกลๆ บ้านหลังนั้นหันหน้าสู่ทิศใต้ ด้านนอกมีรั้วสูงสามชื่อล้อมเอาไว้
ที่ลานด้านหน้ามีขนาดราวหนึ่งร้อยกว่าตารางเมตร สองข้างทางมีต้นแพร์อายุสิบกว่าปีอยู่สองต้น มีใบเขียวขจีขึ้นหนาแน่น อีกไม่นานจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อีกไม่กี่วันลูกแพร์ก็จะสุกจนรับประทานได้แล้ว
ข้างห้องครัวมีบ่อชักน้ำบาดาลอยู่แห่งหนึ่ง นี่คือบ่อน้ำบ่อที่สองของหมู่บ้าน และไม่ใช่บ่อสาธารณะด้วย
ตัวบ้านแบ่งเป็สิบห้อง ผนังสีดำกำแพงสีขาว ประตู หน้าต่าง คาน และเสาบ้านล้วนเป็ของใหม่ ไม่ว่ามองไปที่ใดก็ดูใหม่เอี่ยมไปหมด ทำให้รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก
ลานด้านหลังสร้างห้องไว้อีกสามห้อง ไม่ใช่บ้านอิฐ แต่เป็บ้านมุงหลังคา ทว่าก็เป็ของใหม่และดูแข็งแรงกว่าบ้านมุงหลังคาเก่าๆ หลังอื่นในหมู่บ้านมาก
ห้องทั้งหมดในบ้านล้วนสร้างขึ้นมาใหม่ ทั้งยังมีบ่อน้ำบาดาลอีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของบ้าน ร่ำรวยกว่าครอบครัวอื่นๆ ในหมู่บ้านมาก
ในสมองของหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังนึกถึงคำพูดของหลี่ซาน
“ขายแป้งย่างจะทำเงินได้กี่ทองแดงกันเชียว? สถานการณ์ที่บ้านคงไม่ได้ดีเช่นที่พวกเ้าพูดหรอก พวกเ้ากลัวว่าข้าจะเป็อันตรายจึงคิดหลอกให้ข้ากลับไปมากกว่า ข้าไม่ใช่คนโง่งม ไม่เชื่อพวกเ้าแน่ พวกเ้ารีบกลับไปเถิด อย่าทำให้แม่ของพวกเ้าเป็ห่วง”
บุตรชายบุตรสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบ้านหลี่ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ เพียงเดือนกว่า จะหาเงินได้มากจนปรับปรุงบ้านครั้งใหญ่และขุดบ่อน้ำบาดาลได้หรือ หากเป็คนอื่นก็คงไม่เชื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลี่ซานที่รู้สภาพของครอบครัวดีราวกับรู้ฝ่ามือของตน
หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังออกไปจากหมู่บ้านไม่ถึงสองวัน ตอนนี้กำลังเดินอยู่บนถนนดินของหมู่บ้าน เมื่อเห็นว่าบ้านมุงหลังคาเก่าๆ ของครอบครัวอื่นในหมู่บ้านขับให้บ้านอิฐของตนดูโดดเด่น ในใจก็ไม่อยากเชื่อเช่นกัน
.......................................