ซูเจินโบกมือเบาๆ หญิงสาวที่มีหน้าตางดงามและสาวใช้ทั้งหมดก็เดินออกไปจากห้องอย่างรู้ความ
กลิ่นแป้งและสุราจางหายไป กลิ่นหอมบางๆ ของดอกท้อเข้ามาแทนที่ ดูเหมือนว่ากลิ่นดอกท้อจะมาจากห้องด้านใน ฮั่วฉีอวี่สูดหายใจลึกๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ซูเจิน เหตุใดเ้าถึงชอบกลิ่นดอกท้อนัก? รสนิยมเช่นนี้ทำให้เ้าดูคล้ายสตรีมากกว่าบุรุษ โชคดีที่เย่เช่อเคยบอกเื่นี้ให้ข้าฟังแล้ว เ้านี่ช่างเหลือเชื่อเสียจริง”
ซูเจินหรี่ตามองเขา “แล้วเชื่อหรือไม่?”
กลิ่นหอมของดอกท้อทำให้ฮั่วฉีอวี่รู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ อารมณ์ที่ปั่นป่วนค่อยๆ สงบลง เขายิ้มและกล่าวว่า “ตอนนั้นโจวกุ้ยเฟยปฏิเสธคำขอของท่านปู่เพราะองค์หญิงเหวินฮวายังไม่พร้อม แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข่าวลือว่าฮ่องเต้จงใจจับคู่องค์หญิงเหวินฮวากับไท่จื่อแห่งซินหลัว จะว่าไปแล้วหลังจากนั้นข้าก็ไม่ได้พบนางอีกเลย”
ซูเจินถามเสียงต่ำ “นางงดงามมากหรือไม่?”
ฮั่วฉีอวี่ยิ้ม “นางไม่ควรถูกมองว่างดงาม แต่นางเป็คนที่สดใสและสูงส่ง เหตุใดเ้าถึงถามเช่นนี้?”
ซูเจินเปลี่ยนเื่ “สิ่งที่บุรุษสนใจมากที่สุดในตัวสตรีคือความงามไม่ใช่หรือ? แต่จะว่าไปผู้คนบอกว่าโจวกุ้ยเฟยยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็เื่จริงหรือไม่?”
ฮั่วฉีอวี่กล่าวว่า “ผู้คนมักเล่าลือไปต่างๆ นานา แต่ราชสำนักได้ติดประกาศแล้ว ยังไม่แน่ว่าจะเป็เื่จริงหรือเื่เท็จ”
ซูเจินพึมพำ “ข้าจะไม่สงสัยเลยถ้ามีคนบอกว่านางยังไม่ตาย สตรีคนนี้ไม่เพียงสังหารฮ่องเต้เท่านั้น แต่ยังทำให้องค์หญิงและรัชทายาทหายตัวไปด้วย นางทำให้ตระกูลโจวก่อฏ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่านี่จะเป็เื่จริง ตอนที่เย่เช่อเล่าให้ข้าฟัง ข้ายังคิดว่าเขาล้อเล่น”
ฮั่วฉีอวี่ยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าเ้าไม่เชื่อข้า เ้าสามารถตรวจสอบได้ แน่นอนว่าย่อมต้องใช้วิธีพิเศษ”
ซูเจินพยักหน้าก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เย่เช่อเพิ่งผูกมิตรกับสหายคนหนึ่งที่ศาลาฉีอวิ๋นของหอจุ้ยฮวน เหตุใดเราไม่ขอให้นางมาเล่นกู่ฉินให้ฟังล่ะ?”
ฮั่วฉีอวี่พยักหน้าและถามว่า “เ้าเคยพาเขาไปที่ศาลาฉีอวิ๋นหรือ?”
ซูเจินกล่าวอย่างใสซื่อว่า “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ถ้าข้าพาเย่เช่อไปที่นั่นได้ข้าคงพาไปตั้งนานแล้ว ข้าได้ยินมาว่านางเป็หญิงสาวที่เขาพบโดยบังเอิญตอนที่เขาหลบหนีการไล่ล่าของน้องชายร่วมบิดา และดูเหมือนนางจะเป็ที่โปรดปรานของประมุขศาลาฉีอวิ๋นมาก”
ฮั่วฉีอวี่กำลังเอนหลังบนตั่งยาว
ซูเจินอยากให้ใครสักคนมาปรนนิบัติฮั่วฉีอวี่เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลาย เขาจึงสั่งให้คนไปที่ศาลาฉีอวิ๋นเพื่อตามหาหญิงสาวคนนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน เกี้ยวของอวิ๋นจื่อหยุดที่หน้าจวนผู้ว่าการอย่างนุ่มนวล
ส่วนฮั่วฉีอวี่และซูเจินกำลังดื่มชาในสวนด้านหลัง
เกล็ดหิมะบนท้องฟ้าโปรยปรายลงมาแลดูงดงาม มันปกคลุมสวนด้านหลังให้กลายเป็สีขาวโพลนราวกับผ้าฝ้ายบริสุทธิ์
ฮั่วฉีอวี่และซูเจินย้ายไปยังศาลาเล็กๆ
ฮั่วฉีอวี่มองไปที่เกล็ดหิมะซึ่งโปรยปรายลงมาและกล่าวว่า “ซูเจิน ช่างบังเอิญจริงๆ ที่หิมะตกแล้ว เ้าคิดว่านางจะมาที่นี่ได้หรือไม่?”
ซูเจินจิบชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “ด้วยชื่อเสียงของข้าในหอจุ้ยฮวน ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ”
ทันทีที่ซูเจินพูดจบ เขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมนกกระเรียนและรายล้อมด้วยกลุ่มสาวใช้กำลังเดินมุ่งหน้ามาที่ศาลา เมื่อมาถึงนางก็ทำความเคารพเขาด้วยท่าทางอ่อนช้อยและกล่าวเบาๆ ว่า
“ปี้เหยียนคำนับคุณชายซู”
ใบหน้าของนางเรียวและบอบบาง ขมับของนางมีปอยผมสีดำปลิวไสว นางดูงดงามหมดจดราวกับเทพธิดาจากสรวง์ มารยาทของนางก็อ่อนช้อย เห็นได้ชัดว่าได้รับการอบรมมาอย่างดี
ใบหน้าที่งดงามนั้นจะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากอวิ๋นจื่อ
เสียงเรียก “คุณชายซู” อันอ่อนหวานได้ทำลายความทรงจำที่อยู่ในใจของฮั่วฉีอวี่จนหมดสิ้น
ท้ายที่สุดนางก็กลายเป็สตรีในทุ่งเฟิงเยว่!
ฮั่วฉีอวี่แอบถอนหายใจ
เหวินฮวาไม่ใช่เหวินฮวาอีกต่อไปแล้ว!
ฮั่วฉีอวี่ดื่มชาด้วยความงุนงง เขาพยายามควบคุมตนเองไม่ให้แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้า
ซูเจินสั่งให้สาวใช้ประคองอวิ๋นจื่อนั่งลง จากนั้นสั่งให้คนนำสุราเข้ามาอุ่น
อวิ๋นจื่อนั่งลงได้สักพักก็เห็นว่าคุณชายทั้งสองไม่ได้สั่งให้นางเริ่มเล่นเพลง นางจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ปี้เหยียนไม่รู้ว่าคุณชายซูมีแขกในวันนี้ ไม่ทราบว่าข้าควรเรียกคุณชายท่านนี้ว่าอย่างไร?”
ซูเจินยิ้มและแนะนำว่า “คุณชายผู้นี้เป็คุณชายใหญ่แห่งจวนแม่ทัพเจิ้นหนาน ชื่อของเขาคือฮั่วฉีอวี่”
อวิ๋นจื่อแสร้งทำเป็ไม่รู้จักอีกฝ่ายและลุกขึ้นทำความเคารพอีกครั้ง
ฮั่วฉีอวี่ตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางปี้เหยียน วันนี้หิมะเพิ่งตก เหตุใดเ้าไม่เล่นเพลงย่ำหิมะตามหาดอกบ๊วย[1]ล่ะ?”
อวิ๋นจื่อตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงอย่างมั่นคง ปลายนิ้วอันเย็นเฉียบของนางลูบไล้กู่ฉินอย่างแ่เบา
เสียงกู่ฉินที่สงบนิ่งเหมือนผิวน้ำดังอ้อยอิ่งอยู่ในสวน
ถึงแม้ฮั่วฉีอวี่จะเติบโตในกองทัพั้แ่เด็ก แต่เขาก็มีความรู้แตกฉานด้านดนตรี ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนมีน้ำพุที่ใสสะอาดกำลังชโลมหัวใจของเขาด้วยความอ่อนหวานและสดชื่น
ซูเจินเชี่ยวชาญด้านดนตรีมาก เมื่อได้ฟังอวิ๋นจื่อเล่นกู่ฉิน เขาก็รู้สึกทึ่งกับทักษะของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เสียงกู่ฉินที่ฟังดูเยือกเย็นกลับเจือไปด้วยความเศร้าและความสุข แม้ว่าทักษะการเล่นกู่ฉินจะไม่โดดเด่นที่สุดแต่ก็ไม่มีข้อผิดพลาด นับว่าหญิงสาวผู้นี้ชำนาญในการเล่นกู่ฉินไม่น้อย ส่วนความอ่อนโยนและความสง่างามนั้นนางย่อมมีมากเกินพอ
เวลาผ่านไปนาน ในที่สุดเพลงก็จบลง
ซูเจินกล่าวว่า “ดูเหมือนแม่นางเล่นเพลงนี้ให้ใครบางคนฟัง”
อวิ๋นจื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณชายล้อข้าเล่นแล้ว ข้าไม่ได้ซ่อนใครไว้ในบทเพลง เห็นจะมีก็แต่วัวกับม้าเท่านั้น”
ซูเจินหัวเราะเบาๆ “แม่นางช่างจิตใจงดงามเสียจริง” เมื่อเห็นเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าซูเจินก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ นับว่าเสียมารยาทอย่างยิ่งที่ข้าส่งคนไปรับแม่นางมาที่นี่ สักวันหนึ่งข้าจะต้องไปเยือนศาลาฉีอวิ๋นเพื่อชดใช้ความผิดนี้อย่างแน่นอน”
อวิ๋นจื่อยิ้ม “คุณชายเกรงใจไปแล้ว ปี้เหยียนไม่ลำบากเลยสักนิด”
หิมะยังคงตกหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เมื่อเห็นว่าดึกแล้วอวิ๋นจื่อก็กล่าวอำลาชายหนุ่มทั้งสอง ซูเจินจึงให้คนของเขาส่งตัวนางกลับไปที่ศาลาฉีอวิ๋น
ทันทีที่อวิ๋นจื่อจากไป ซูเจินก็ถามฮั่วฉีอวี่ว่า “ิเจี๋ย เ้าพอใจหรือไม่?”
ฮั่วฉีอวี่พยักหน้า เขาหันกลับมาและถามขึ้นว่า “เ้ารู้หรือไม่ว่าหญิงสาวผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร? นางดูไม่เหมือนเด็กสาวที่โตมาในสถานที่เช่นหอจุ้ยฮวนเลย”
ซูเจินครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “ข้าก็คิดว่าดูไม่เหมือนเอาเสียเลย ข้าได้ยินคนเล่าว่านางเป็หลานสาวของประมุขศาลาฉีอวิ๋น ตอนแรกนางอาศัยอยู่ในเมืองฉินโจว ต่อมาก็ย้ายไปอยู่ที่เมืองอวิ๋นเมิ่งและพักอยู่ที่จวนของญาติ นางจึงมักพูดติดสำเนียงแบบชาวอวิ๋นเมิ่ง”
ดวงตาของฮั่วฉีอวี่หรี่ลง เขากล่าวว่า “ข้าไม่เคยได้ยินสำเนียงฉินโจวมาก่อน คงบอกความต่างไม่ได้”
ซูเจินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังจะมีปัญหาอะไรอีก? ข้ารู้จักสตรีทุกคนในหอจุ้ยฮวน เ้าก็รู้นี่ว่าข้ามีวิธีพิเศษของตัวเอง”
ฮั่วฉีอวี่ลอบบ่นในใจ ‘วิธีพิเศษอะไรกัน หากเ้ามีวิธีเช่นนั้นจริงๆ เหตุใดจึงไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง?’ แต่เขากลับกล่าวออกมาว่า “เมื่อครู่เราได้ฟังเพลงย่ำหิมะตามหาดอกบ๊วยแล้ว เหตุใดเ้ากับข้าถึงยังไม่แสดงความสง่างามอย่างเช่นบุรุษยุคโบราณกัน?”
------------------------
[1] ย่ำหิมะตามหาดอกบ๊วย เป็ความคิดเชิงกวีของเมิ่งฮ่าวหรานที่อธิบายถึงความพยายามอย่างอุตสาหะของปราชญ์และบัณฑิตในการชื่นชมทิวทัศน์ และแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในบทกวี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้