Boeing777 ลำมหึมาลงจอดบนรันเวย์ของสนามบินนาริตะเดิมทีแล้วชาวจีนและชาวญี่ปุ่นมาจากถิ่นฐานเดียวกันพวกเขาแลดูผิวเหลืองและมีผมสีดำคล้ายกันให้ความรู้สึกเหมือนกับลงจอดในอีกเมืองหนึ่งใต้ฟ้าเมืองจีนเพียงแต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น น่าแปลกที่เซี่ยวอี๋พอจะฟังรู้เื่อยู่บ้างยกตัวอย่างเช่น ยาเมะเตะ (หยุดนะ) , อิคุ (จะมาแล้ว) ,มตโตะ (เอาอีก) , คิโมจี้ (ดีจังเลย) ...
ช่วยไม่ได้ก็เซี่ยวอี๋เคยเป็เ้าหน้าที่ตรวจสื่ออนาจารมาก่อนหลักฐานที่รวบรวมมาได้ในแต่ละวัน ไม่น้อยที่มีซับไตเติ้ลติดมาด้วย หรือไม่เซี่ยวอี๋ก็เดาเอาจากความรู้สึกและท่าทางของนักแสดงมันคงน่าอายที่เซี่ยวอี๋จะไปถามเพื่อนร่วมงานว่า ยาเมะเตะ แปลว่าอะไร?
สำหรับคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันเธอเรียกว่าหูดับไปเลยทั้งสองข้าง ได้แต่อมยิ้มและพยักหน้า อย่างเช่นในตอนนี้หลังที่ลงมาจากเครื่องบิน ตาลุงหัวล้านท่าทางสุภาพคนหนึ่งซึ่งกำลังลากกระเป๋าเดินทางก็มายืนข้างๆ เซี่ยวอี๋ทำเสียงอะโน อะโนไม่หยุด
เซี่ยวอี๋คิดว่าคนญี่ปุ่นมักจะเป็มิตรเช่นนี้ถ้าแสดงกิริยาเ็ามากเกินไปจะดูไม่เหมาะสม เธอจึงยืนยิ้มและพยักหน้าให้ตลอดประหนึ่งฟังรู้เื่
ใครจะไปรู้ล่ะหลังจากพูดไปพูดมาจู่ๆ ตาลุงหัวล้านนั่นก็คว้ามือของเซี่ยวอี๋ และในขณะที่เซี่ยวอี๋คิดจะยกขาขึ้นถีบมือของตาลุงหัวล้านนั่นก็ถูกเสิ่นิปัดออกไป
“売僧、嫌がらせ妻、あなたを引っ張ってあなたの狗鞭栓を自分の口!
(“ตาหัวโล้น ถ้าแกกล้าแตะต้องภรรยาของฉันอีกล่ะก็ฉันจะดึงหางสุนัขของแกออกมาแล้วยัดมันกลับเข้าไปในปากของแกซะ!”)เสิ่นิยิ้มให้ตาลุงหัวโล้นพลางพ่นภาษาญี่ปุ่นใส่ ตาลุงทำท่าราวกับเห็นผีก่อนจะรีบหอบสัมภาระของตนเองและเผ่นแนบไป
“นายพูดอะไรกับตาลุงนั่น?” เซี่ยวอี๋ถามด้วยความสงสัย
“ผมไม่จำเป็ต้องแปลให้คุณฟัง ว่าแต่คุณเถอะ ช่างกล้านะ ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นแล้วยังจะกล้ายิ้มแย้มพยักหน้าให้คนอื่นอีกคุณรู้ไหมว่าตาแก่นั่นพูดว่าอะไร?”
“พูดอะไร?”
“เขาชมว่าขาคุณสวยมาก อยากจะหารายได้พิเศษไหม เขาจะให้คืนละ 100,000?แล้วคุณก็พยักหน้าหงึกๆ ถ้าเขาไม่ลากคุณไปที่อื่นจะให้เขาปฏิบัติการที่นี่เหรอ?”
“คืนละแสน ถือว่าตาแก่นั่นตาถึง” เซี่ยวอี๋อดภาคภูมิใจไม่ได้
“เขาหมายถึงเงินเยนของญี่ปุ่น หนึ่งแสนเยน แปลงเป็เงินหยวนก็ราวๆ 2,000หยวน ราคามาตรฐานของสาวบริการในไนต์คลับชั้นสอง”เสิ่นิยิ้มเจื่อนๆ
“ไอ้เฒ่าหัวโล้น! อย่าหนีสิ! คอยดูนะ ฉันจะควักลูกตาแกออกมา!”ทันใดนั้นเซี่ยวอี๋ก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ผู้โดยสารคนอื่นต่างก็พากันผวาถอยหนี
“เอาล่ะ ไปที่ศุลกากรได้แล้ว”เสิ่นิเข็นกรุสมบัติของบรรพชนซึ่งยังมีชีวิตอยู่ไปยังด่านศุลกากร
ในขณะต่อแถวเซี่ยวอี๋ก็ถามเสิ่นิด้วยความสงสัย “นายพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องมากและดูเหมือนว่าภาษาอังกฤษของนายก็ไม่เลวเลย สรุปแล้วนายพูดได้กี่ภาษากันแน่?”
“ถ้าไม่นับภาษาท้องถิ่น ก็น่าจะ 20 กว่าภาษากลางที่แต่ละประเทศเขาใช้กันสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ไม่มีปัญหา” เสิ่นิไม่คิดว่ามันยอดเยี่ยมตรงไหนแต่เซี่ยวอี๋กลับมองเขาเหมือนกับได้เห็นสัตว์ประหลาด
“แม่เ้า พวกนายไปอยู่ในสถานที่แบบไหนกันเนี่ยนายสามารถเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้มากมายขนาดนี้ในเวลา 10 ปีได้ยังไง?”เซี่ยวอี๋ประหลาดใจ
“การเรียนภาษานั้นมีความพิเศษมากวิธีการเรียนรู้ที่ค่ายเป็แบบรวดเร็วและสร้างสรรค์ผลการเรียนรู้จึงมีประสิทธิภาพมาก สมัยก่อนเคยมีนิรวานที่นิพพานแล้วกลับเข้าเมืองมาเขาทำบางอย่างเกี่ยวกับ ‘โรคลมบ้าหมูภาษาอังกฤษ’ สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลยซึ่งใช้ทักษะพื้นฐานการเรียนรู้ภาษาบางส่วนจากที่นั่นเท่านั้น”
“จะว่าไปโรคลมชักในปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้นก็เลยออกมาสอนพระพูดภาษาต่างประเทศอย่างนั้นหรือ?”
“เหอๆ ที่จริงแล้วที่นั่นมีความบันเทิงมากมาย ไว้มีเวลาจะเล่าให้ฟังอีกนะ!”เซี่ยวอี๋รับฟังอย่างเพลิดเพลิน
ด้วยเทคนิคการแฮ็คที่ไม่ธรรมดาของเมาส์เสิ่นิและเซี่ยวอี๋ได้วีซ่าผ่านด่านศุลกากรไปอย่างราบรื่นเสิ่นิไม่ได้เดินไปตามป้ายเพื่อไปขึ้นชินคันเซ็นเข้าโตเกียว แต่เขากลับเช่า MercedesBenz (W451) SMART รถสองที่นั่ง จากบริษัทให้เช่ารถอย่างในภาพยนตร์เื่ “The Expendables 2” ที่ Schwarzeneggerบ่นเกี่ยวกับรถ Mini Hatchback ที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่ารองเท้าของเขา
“สมองนายมีปัญหาหรือเปล่า? เ้าสิ่งนี้มันเหมือนกับกล่องที่เคลื่อนที่ได้ค่าเช่าก็ไม่ถูก ไม่สู้เช่าฮอนด้าขับนะ? ขับเร็วอย่างไรก็ไม่กลิ้งเป็ลูกบอล”เซี่ยวอี๋คับข้องใจ ในเมื่อเธอเป็หญิงสาวที่คุ้นเคยกับการขับรถสปอร์ตความรู้สึกเหมือนกับแฟนเก่าเป็ประธานาธิบดี อยู่ๆ ก็เปลี่ยนมาคบกับนักแสดงตลก
“ไม่ชอบก็ให้ผมขับแล้วกัน” เสิ่นิไม่มีข้อแก้ตัวเขายิ้มและเปิดกรงแพนด้าซึ่งถูกขังมาตลอดทางแต่หลังจากที่ให้อาหารเป็ปลาแซลมอนสองตัวตามที่สัญญาไว้แล้วเขาก็ปล่อยให้นกตัวนี้บินไปอย่างอิสระ เพราะรถเล็กเกินไปบรรทุกมนุษย์สองคนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางก็ดูจะโหลดเกินไปแล้ว
SMARTคันน้อยขับไปตามทางหลวง โตเกียวอยู่ห่างไปอีกหลายสิบกิโลเมตรที่สนามบินนาริตะทุกอย่างดีเยี่ยม แค่อยู่ไกลจากตัวเมืองเกินไปต่อให้โดยสารชินคันเซ็น ก็ยังต้องใช้เวลามากกว่า 40 นาทีกว่าจะถึงการขับรถยิ่งทำให้ช้าลงไปอีก
จนกระทั่งเข้าใกล้กับเขตเมืองหลวงเซี่ยวอี๋ถึงได้รู้ว่าทำไมเสิ่นิถึงเลือกรถที่น่าอึดอัดคันนี้เนื่องจากการจราจรในโตเกียวนั้นติดขัดเหมือนกับเมืองหลวงของจักรพรรดิที่มีคำว่า“กิ่ง” อยู่ในชื่อ ถนนไม่เพียงพอกับจำนวนรถ ก็เลยทำให้ติดกันจนหามรุ่งหามค่ำ
ณขณะนี้ ด้วยแว่นตากรอบพลาสติกสีดำที่มีระบบ “เลนส์อสูร”ซึ่งเชื่อมต่อแพนด้ากับเสิ่นิไว้ ทำให้การขับ SMART คันน้อยนี้ได้เปรียบขึ้นไปอีกเขามักจะรู้สถานการณ์การจราจรล่วงหน้า ซอกแซกไปตามซอกซอยซึ่งกว้างไม่เกิน 4คนเดิน เพื่อหลีกเลี่ยงถนนเส้นที่ติดขัด
เสิ่นิเลี้ยวเก้าหนลัดเลาะเข้าสิบแปดซอยตัดผ่านถนนทุกประเภท คุ้นเคยเหมือนกับอยู่ในเมืองของตัวเอง ไม่ต้องถามในอดีตเสิ่นิคงต้องเคยมาปฏิบัติภารกิจนิรวานที่นี่แน่
เดิมทีเซี่ยวอี๋คิดจะช่วยเสิ่นิขับรถเขาจะได้เห็นคุณค่าของการดำรงอยู่ของเธอ เส้นทางที่เสิ่นิเลือกใช้นั้นแปลกมากที่นั่งคนขับของญี่ปุ่นอยู่ทางด้านขวาคาดว่าพอเซี่ยวอี๋กลับจากที่นี่ไปก็น่าจะยังไม่สามารถขับรถแบบนี้ได้
เวลา 2 ทุ่ม เสิ่นิจอดรถ SMART คันเล็กข้างถนนอันพลุกพล่านด้วยรูปร่างที่กะทัดรัดของมันรถสามารถแทรกตัวเข้าจอดตรงกลางระหว่างรถบัสสองคันได้อย่างง่ายดายใช้พื้นที่แห่งนี้ได้คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว
“ที่นี่คือ?” เซี่ยวอี๋หันศีรษะไปมองกิจการริมถนนนอกหน้าต่างมีซุ้มประตูที่ประดับโคมไฟขนาดใหญ่อย่างอลังการ
ข้อความภาษาญี่ปุ่น้าคือตัวคันจิที่เป็แบบอักษรจีนตัวเต็มเซี่ยวอี๋อ่านแล้วก็เข้าใจข้อความที่เขียนไว้บนนั้นได้ “ถนน คาบูกิโจ ชินจูกุ”
“นี่คือสถานที่ในตำนานเหรอ?”
“ที่นี่เรียกได้ว่าเป็ย่านโคมแดงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียศูนย์รวบรวมความบันเทิงแห่งเดียว ถนนชินจูกุคาบูกิโจ อันดับสามในลิสต์‘สถานที่บนโลกที่ผู้ชายต้องมาเยือนให้ได้สิบแห่งก่อนตาย’นอกจากนี้ยังเป็สถานที่แห่งความเบาะแว้งอีกด้วย” เสิ่นิเอนกายลงบนเก้าอี้พร้อมให้ข้อมูลอย่างสบายๆ
“อย่าบอกนะว่าพาฉันข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่เพื่อมาเที่ยวผู้หญิงถ้านายกล้าบอกว่าใช่ ฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้เลย”เส้นเืสีเขียวปูดขึ้นที่มุมคิ้วของเซี่ยวอี๋
“ไม่ต้องตื่นเต้นไป เป้าหมายที่เราจะต้องให้ความคุ้มครองใกล้จะมาแล้ว”เสิ่นิมองนาฬิกาบนข้อมือ 20:00 นาฬิกากลุ่มคนเริ่มรวมตัวกันถือโปสเตอร์ร้องเพลงตามสี่แยกของถนนคาบูกิโจอิจิบัง
มองแวบแรกพวกเขาไม่เหมือนคนสายบันเทิงที่มารอคอยขอจับมือกับไอดอลท่าทางเก็บกดอย่างกับเด็กเนิร์ด ในขณะที่เซี่ยวอี๋กำลังสงสัย รถตู้คันใหญ่ก็ขับมาถึงหัวมุมของถนนคาบูกิโจชินจูกุโอตาคุ1เ่าั้ส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้นขึ้นมา
“ดาราเหรอ?” เซี่ยวอี๋สงสัย
พนักงานชายสองคนและหญิงหนึ่งคนลงมาจากรถอย่างรวดเร็วพวกเขาเปิดประตูรถตู้และดึงเปิดม่านกั้นออก นอกจากนี้ ยังมีแบนเนอร์พร้อมป้ายไฟเซี่ยวอี๋ไม่เข้าใจความหมายบนป้าย เธอเห็นแค่คำสองสามคำที่เป็ตัวอักษรจีนหรือจะเป็การประชุมอะไรสักอย่าง?
โอตาคุรีบวิ่งเข้าไปล้อมรอบรถตู้คันนั้นและะโอย่างเมามันบางคนตื่นเต้นจนกระทั่งร้องไห้ ดูเหมือนว่าจะรอคอยการประชุมนี้มาตลอดทั้งชีวิต
“みなさん!お待たせいたしました!倉科加奈子選挙会見今始まる! (ทุกท่าน!ทำให้ทุกท่านต้องรอแล้ว! การประชุมหาเสียงของคุราชินะคานาโกะได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการแล้ว!) ”เด็กชายที่สวมแว่นตากรอบพลาสติกะโใส่ฝูงชนผ่านโทรโข่งแวบแรกที่เห็นยังคิดว่าเขาเป็เด็กหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบ
ชายหญิงอีกคู่หนึ่งรูปร่างอ้วนท้วมทั้งสองผลักฝูงชนที่ตื่นเต้นให้ถอยหลังกลับไปพวกเขารับผิดชอบเื่การรักษาความสงบเรียบร้อยของสถานที่
ณขณะนั้น ประตูด้านข้างของรถตู้ถูกผลักให้เปิดออก ร่างสูง 165 เิเ บนรองเท้าส้นเข็ม 10 เิเสวมถุงน้องตาข่าย คาดหูกระต่าย ผู้หญิงที่มีหางสีขาวขนาดเล็กติดอยู่ที่หลังก้นเดินออกมาจากรถ
ผิวขาวราวแสงจันทร์ของเธอบดบังแสงจากโคมไฟริมถนนรอยยิ้มโมนาลิซ่าทำให้ดอกไม้ผลิบาน ร่างกายสันทัดราวกับผลงานประติมากรรมชิ้นเอกสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ...สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มพากันคลั่งไคล้ที่สุดหน้าอกั์คู่นั้น! หน้าอกขนาดพิเศษไซส์ K ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังจะทะลักออกมาออกมาจากเสื้อ!ผู้หญิงในโลกนี้ที่ไม่ได้ผ่านการศัลยกรรมแทบจะเป็ไม่ได้เลยที่จะมีไซส์อันมหึมานี้!มันคือยอดเขาเอฟเวอเรสท์ในหมู่ผู้หญิงที่สูงเกินจะเอื้อมถึง!ต้องเป็ผลจากการกลายพันธุ์เท่านั้น มิฉะนั้นคงไม่อาจบรรยายภาพให้เป็ภาษามนุษย์ได้!
K ที่ผู้หญิงทุกคนต้องก้มศีรษะให้ K ที่ผู้ชายทุกคนต้องตกตายต่อหน้าผู้หญิงผู้มีั์คู่หนึ่งอยู่บนตัว เธอเป็นักแสดงสาวชื่อดังของญี่ปุ่น คุราชินะคานาโกะ!
“ไม่จริงใช่ไหม? แม่หญิงทรงโต คุราชินะ คานาโกะ!เธอคือเป้าหมายที่เราต้องคุ้มครองอย่างนั้นหรือ?” เซี่ยวอี๋สูดลมหายใจเข้าลึก
“คุณรู้จักเธอด้วยหรือ?” เสิ่นิได้กลิ่นแปลกๆ
“ตอนที่ฉันเป็เ้าหน้าที่เซนเซอร์สื่อมักจะมีอัลบั้มรูปของเธอส่งมาให้ฉันตรวจสอบแต่เธอเป็ดาราถ่ายภาพนู้ดซึ่งไม่ได้โชว์จุดล่อแหลม ดังนั้นจึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเป็สื่ออนาจาร”เซี่ยวอี๋อธิบายอย่างไม่เป็ทางการ
“คุณเคยเป็เ้าหน้าที่เซนเซอร์สื่ออนาจารเหรอ?”
เซี่ยวอี๋แข็งขืนขึ้นมาทันทีทันใดนั้นก็ระลึกได้ว่า ชีวิตที่เต็มไปด้วยภาพโมเสคนั้นเธอไม่เคยเล่าให้เสิ่นิฟังเลย ในสายตาของเสิ่นิ เธอเป็ดั่งสาวบริสุทธิ์เสมือนกับเด็กหญิงผู้อ่อนต่อโลกอยู่เสมอและแล้วจู่ๆ เธอก็จมดิ่งสู่แม่น้ำแห่งความ “อนาจาร” อย่างฉับพลัน
“ฉันพูดอะไรแปลกๆ เหรอ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยวอี๋แข็งทื่อราวกับเหล็กในขณะที่หันหน้าไปถาม
“คุณแค่บอกว่า...” เสิ่นิแค่อยากจะทวนคำพูด แต่หลังจากที่เห็นเซี่ยวอี๋หน้าบูดบึ้งเขาก็เปลี่ยนคำพูดในทันที “เมื่อกี้นี้ผมหูอื้อ ไม่ได้ยินอะไรเลยน่าจะได้ยินผิดไปใช่ไหม?”
“น่าจะอย่างนั้นแหละ เป็เื่ปกติที่จะมีอาการหูอื้อหลังจากเดินทางไกล”เซี่ยวอี๋ยิ้มฮึๆ
หลังจากความเงียบสงบลอยเคว้งภายในรถจู่ๆ เสิ่นิก็โพล่งออกมาว่า “สาวพรหมจรรย์ที่เป็เอโดะสี่สิบแปดท่าคุณคิดว่าบนโลกมีอยู่กี่คน?”
“ไอ้ฉิบหาย! นายอยากตายใช่ไหม?!” เซี่ยวอี๋เดือด
****************************
1 โอตาคุ บางทีย่อว่าโอตะ เป็คำในภาษาญี่ปุ่น ใช้เรียกบุคคลที่มีความสนใจอย่างคลั่งไคล้เกี่ยวกับแฟนดอมอนิเมะมังงะ