ไป๋เจินจูเดินทางมาถึงโรงพยาบาลค่อนข้างช้า
ตอนเธอมาถึง คังเหว่ยก็พ้นขีดอันตรายแล้ว
บนศีรษะของคังเหว่ยไม่สามารถเรียกว่าถูกเย็บแผลได้ แต่ควรเรียกว่าผ่านการผ่าตัดมาคงจะดีกว่า คังเหว่ยถูกโกนผมจนหมดศีรษะ และถูกเข็นออกมาจากห้องผู้ป่วยด้วยสภาพที่ศีรษะพันผ้าพันแผลจนกลายเป็มัมมี่
ไป๋เจินจูมาถึงก็เจอเข้ากับภาพนี้พอดี
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังฟังคุณหมออธิบายอาการของคังเหว่ยอย่างละเอียด
“...ผลข้างเคียงที่อาจหลงเหลืออยู่คือสมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน อาการของเขาไม่ถือว่าร้ายแรงมาก ตอนนี้พวกเราเอาเืที่คั่งอยู่ออกหมดแล้ว หากยาชาหมดฤทธิ์เมื่อไร คนไข้จะฟื้นขึ้นมาเอง แน่นอนว่าคงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการและป้องกันไม่ให้เขาเกิดอาการบวมน้ำ แต่โอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมาก ทางโรงพยาบาลของเราจะเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด”
ไป๋เจินจูนั่งฟังอาการอยู่เงียบๆ อยู่ต่อหน้าทังหงเอินเช่นนี้ ทีมแพทย์ย่อมอธิบายอาการของคังเหว่ยให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟังอย่างละเอียด
คังเหว่ยช่างเป็เด็กโชคร้าย วินาทีนั้นศีรษะของเขากระแทกเข้ากับรถอย่างรุนแรง
แต่โชคดียิ่งนักที่สมองของเขาเสียหายไม่มาก หมอที่มาช่วยรักษาอาการของคังเหว่ยคือหมอที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาล จึงสามารถรับประกันได้ว่ามีโอกาสน้อยนิดที่จะทิ้งอาการข้างเคียงเอาไว้
สภาพจิตใจของเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง พอได้ยินว่าผลการผ่าตัดของคังเหว่ยออกมาดี อาการไม่นับว่าร้ายแรงมาก เธอก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และเพิ่งรู้สึกว่าตนใกล้หมดแรงเต็มที
ไป๋เจินจูช่วยประคองเซี่ยเสี่ยวหลาน “เธอไม่เป็ไรนะ หมอบอกแล้วว่าไม่มีอะไรร้ายแรง รอเขาฟื้นก็พอแล้ว!”
ไป๋เจินจูปลอบใจเซี่ยเสี่ยวหลาน ที่จริงตอนเดินทางมาโรงพยาบาลเธอเองก็รู้สึกเครียดมากเช่นกัน
คังเหว่ยไม่ใช่คนแปลกหน้า เขาเป็หุ้นส่วนของไป๋เจินจู ที่ร้าน ‘อันเจียวัสดุ’ ไป๋เจินจูและคังเหว่ยคือคนที่ทุ่มเทมากที่สุด ทั้งสองคนย่อมผูกมิตรกันดั่งสหายร่วมรบ
พอไป๋เจินจูได้ยินว่าคังเหว่ยรอดชีวิตแล้วก็หันไปมองตู้เ้าฮุยเขม็ง
“คุณคือคนที่ขับรถส่งเดชบนท้องถนนสินะ”
คนฮ่องกงพวกนี้เห็นว่าตัวเองเอาเงินมาลงทุนที่เผิงเฉิงแล้วไม่จำเป็ต้องกลัวอะไรสินะ แม้สูทขาวของตู้เ้าฮุยจะเปื้อนเื เส้นผมก็ไม่ได้จัดแต่งอย่างประณีต แต่ที่กระเป๋าเสื้อสูทมีผ้าเช็ดหน้าพับประดับไว้ ดูก็รู้ว่าเป็ทายาทเศรษฐี
ตู้เ้าฮุยเองก็รู้สึกหงุดหงิดแทบบ้า เพราะการปรากฎตัวของนายกเทศมนตรีทังอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา
ผู้หญิงตัวดำคล้ำอย่างไป๋เจินจู ปกติตู้เ้าฮุยไม่คิดจะใส่ใจแม้แต่น้อย ต่อให้เดินมาขวางหน้ารถก็ทำได้แค่คุยกับคนคุ้มกันของเขาเท่านั้น ทว่าตอนนี้ทังหงเอินยังไม่กลับ ตู้เ้าฮุยจึงจำต้องเล่นละครต่อ
“ขอโทษครับ คนขับรถของ...”
ไป๋เจินจูไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอเตะเข้าที่หน้าของตู้เ้าฮุยอย่างจัง ตู้เ้าฮุยที่ไม่ทันตั้งตัวจึงเซถลาชนกับกำแพง
“คุณชายใหญ่!”
“คุณชายตู้!”
ไป๋เจินจูโหดมาก คิดจะทำอะไรก็ลงมือทำทันที เดิมทีเธอคือสหายหญิงผู้มีรูปร่างค่อนข้างอรชร น้ำเสียงไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็ชายหรือหญิง ดูเผินๆ แล้วเหมือนผู้ชายตัวเล็กเสียมากกว่า ดังนั้นพวกลูกน้องของตู้เ้าฮุยจึงนึกไม่ถึงว่าเธอจะโหดขนาดนี้
พวกเขาพุ่งเข้าใส่ไป๋เจินจู ทว่าไป๋เจินจูไม่ออมมือแม้แต่น้อย
ศิษย์พี่ศิษย์น้องของเธอล้วนเก่งกันทุกคน แน่นอนว่าไป๋เจินจูเองก็มีฝีมือไม่ด้อยกว่าใคร แม้ความเป็หญิงจะทำให้เสียเปรียบในด้านพละกำลังไปบ้าง แต่กับพวกคนคุ้มกันของตู้เ้าฮุยเธอสามารถสู้ได้
ไป๋เจินจูล้มคนคุ้มกันได้สองคนติดต่อกัน ก่อนจะถูกคนคุ้มกันร่างผอมคนหนึ่งจับตัวไว้ได้
คนแผ่นดินใหญ่ที่ลักลอบหนีเข้าฮ่องกงล้วนมีฝีมือดีแต่หางานที่ถูกกฎหมายทำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้การเป็คนคุ้มกันให้พวกเศรษฐีจึงเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา ตู้เ้าฮุยใช้เงินซื้อใจคน คนที่ยอมตายแทนเขาย่อมได้เงินตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ ในขณะคนที่ไม่ตายแต่ต้องพิการเพื่อเขาก็จะได้รับการดูแลเช่นกัน ดังนั้นยอดฝีมือทั้งหลายย่อมอยากทำงานกับเขา
ไป๋เจินจูปะมือกับอีกฝ่ายไม่กี่ครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะเซถอยหลังคนละก้าว มองกันและกันอย่างหวาดระแวง
“พี่ไป๋!”
เซี่ยเสี่ยวหลานรอให้พวกเขาหยุดมือก่อนแล้วถึงเรียกไป๋เจินจู ราวกับเพิ่งตั้งสติได้
ทังหงเอินปรายตามองเล็กน้อย “สหายผู้นี้ มีอะไรก็ควรคุยกันดีๆ อย่าใช้กำลังแก้ปัญหาเลย”
ทังหงเอินเองก็คิดว่าความกร่างของตู้เ้าฮุยสมควรถูกสั่งสอนเสียบ้าง ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำเป็ตั้งสติไม่ทัน ทว่าลูกน้องของตู้เ้าฮุยมีกันอยู่หลายคน ไป๋เจินจูคนเดียวคงสู้กับคนเ่าั้ไม่ไหว ทังหงเอินจึงเอ่ยตักเตือนพอเป็พิธีเท่านั้น
ลูกน้องช่วยพยุงตัวตู้เ้าฮุยขึ้นมา เพราะแรงกระแทกทำให้เขารู้สึกหน้ามืดตาลายไปหมด มองอะไรก็ไม่ชัดเจน
ในปากของเขาคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเื เขาบ้วนเืออกมาพร้อมกับฟันหนึ่งซี่ เป็เพราะไป๋เจินจูควบคุมแรงเป็อย่างดี หากเธอไม่ยั้งแรงเอาไว้ตู้เ้าฮุยคงได้ไปนอนเป็เพื่อนร่วมห้องกับคังเหว่ย ห้องฉุกเฉินที่คังเหว่ยเพิ่งถูกเข็นออกมา ตู้เ้าฮุยคงได้ถูกหามเข้าไปอีกคนแน่นอน
“ห้ามทะเลาะกันในโรงพยาบาล”
“สหาย คุณต้องใจเย็นก่อน”
คนของโรงพยาบาลกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
ตู้เ้าฮุยรู้สึกตาลายไปหมด พอได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานพูดว่า ‘พี่ไป๋’ เขาถึงรู้ว่าตนถูกผู้หญิงเตะกระเด็น!
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่เตะเขากระเด็น แถมยังสามารถล้มคนคุ้มกันของเขาได้อีกสองคน เ้าพวกนี้กินขี้เป็อาหารจริงๆ ไม่ได้เื่สักตัว!
ตู้เ้าฮุยโยนฟันที่หักทิ้งไป
“นายกทัง เื่นี้ท่านจะจัดการอย่างไรผมก็ยินดีรับผิดชอบทั้งสิ้น ผมทราบดีว่าสหายและญาติของผู้าเ็อารมณ์พลุ่งพล่าน ผมเข้าใจพฤติกรรมที่เกินเลยของเธอครับ...”
เซี่ยเสี่ยวหลานลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินตู้เ้าฮุยพูด “คุณพูดผิดแล้วค่ะ ตอนนี้ญาติของผู้าเ็ยังมาไม่ถึง คุณชายตู้ รถของคุณขับด้วความเร็วเกินกว่ากำหนด วันนี้ถ้าไม่ชนพวกเราก็คงชนคนอื่นแน่นอน คนเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง คุณควรดีใจที่หมอสามารถช่วยชีวิตคังเหว่ยเอาไว้ได้นะคะ”
ตู้เ้าฮุยคิดว่ามีเงินแล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างสินะ แต่เขาต้องดูด้วยว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไหน และคิดจะใช้กับใคร
คำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานทำเอาตู้เ้าฮุยหน้าเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะทังหงเอินอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงไม่สนอีกแล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมีหน้าตาสะสวยหรือไม่
เขาไม่สนว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ลูกสาวของเซี่ยต้าจวิน แม้เซี่ยต้าจวินจะช่วยชีวิตเขาไว้ก็จริง แต่เขาก็ให้ค่าตอบแทนไปแล้วเช่นกัน
ไหนจะยังผู้หญิงที่เหมือนผู้ชายคนนั้นอีก กล้ามากที่เตะเขาจนฟันหักไปหนึ่งซี่เช่นนี้
ตู้เ้าฮุยทำสีหน้าอ่อนเพลีย “หมอครับ ผมรู้สึกเวียนหัว ให้คนมาตรวจทีสิครับ”
ตู้เ้าฮุยถูกพาไปที่ห้องอื่น ก่อนที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะรีบหันมาขอโทษทังหงเอินทันที
“ขอโทษด้วยนะคะคุณอาทัง ฉันทำให้คุณอาต้องลำบากใจเช่นนี้ แต่ที่พี่ไป๋ทำไปก็เป็เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น”
หากเซี่ยเสี่ยวหลานมีฝีมือเหมือนไป๋เจินจู เธอก็คงต่อยหน้าตู้เ้าฮุยไปนานแล้ว
การใช้กำลังแก้ปัญหาไม่ได้ก็จริง แต่สำหรับคนบางคนสมควรแล้วที่จะถูกต่อย หากไม่ต่อยก็คงไม่หายแค้น
ถึงทางแยกยังไม่รู้จักลดความเร็ว วันนี้โชคดีที่ขับชนคังเหว่ยกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็มีรถเป็เกราะกำบัง แต่หากเป็คนเดินถนนทั่วไปมีหรือที่จะรอดชีวิต?
เครือเชิงหรงทำธุรกิจสีเทาหรือเปล่า ตู้เ้าฮุยมือเปื้อนเืหรือไม่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ เธอรู้แค่ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นชีวิตคนอื่นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
คิดว่าที่นั่นเป็หมู่บ้านชาวประมงหรืออย่างไร ถึงได้กล้าขับรถตามใจชอบแบบนั้น?
ชีวิตของประชาชนตาดำๆ มันไม่มีค่าอย่างนั้นหรือ!
“คราวหน้าห้ามวู่วามแบบนี้อีก ถ้าไม่ทำร้ายเขา ตระกูลคังก็จะสามารถเอาเื่ได้มากกว่านี้ ว่าแต่เธอบอกครอบครัวของเขาแล้วหรือยัง”
การผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว หมอบอกว่าอาการของคังเหว่ยไม่เป็อะไรมาก ทว่าก่อนอาการของคังเหว่ยจะคงที่ สภาพร่างกายของเขามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้นก็ไม่อาจทราบได้ ทังหงเอินคิดว่าควรแจ้งกับญาติของคังเหว่ยให้รู้ จะให้คังเหว่ยรักษาตัวที่เผิงเฉิงต่อหรือรับตัวกลับปักกิ่ง เื่พวกนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถตัดสินใจเองได้
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกกลุ้มใจเช่นกัน
แม่ของคังเหว่ยเป็คนอ่อนแอ คุณปู่กับคุณย่าก็อายุมากแล้ว เธอจะสามารถแจ้งข่าวของคังเหว่ยกับใครได้อีก?
คุณอาของคังเหว่ยก็เหมือนจะไม่สนิทกัน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ค่อยรู้เื่ภายในของตระกูลคังจึงทำได้เพียงติดต่อกวนฮุ่ยเอ๋อเท่านั้น
เธอโทรไปที่บ้านตระกูลโจวอีกครั้ง ครั้งนี้มีคนรับสายแล้ว!