“เ้าเป็ใคร? จึงสามารถสร้างมวลน้ำในแดนห้วงฝันเช่นนี้?” ดูเหมือนหลังจากได้มวลน้ำเข้าไป จะทำให้เิไท่รู้สึกดีขึ้นมาก
“หัวหน้าสังกัดวารีคนใหม่แห่งหออี้ผิน ขอคารวะหัวหน้าสังกัดปฐี” กู่ไห่กล่าว
“หัวหน้าสังกัดวารี?” เิไท่หรี่ตาลง
“หึๆๆ!... ฮ่าๆๆๆ!.. เ้าคิดจะหลอกข้าหรือ บอกความจริงมา อย่าได้เล่นลิ้น!” เขาขู่
แต่ชายหนุ่มกลับกล่าว ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้ารู้ว่าท่านกำลังมีปัญหา แต่ที่พูดไปทั้งหมดเป็ความจริง จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่!”
เิไท่หรี่ตา จ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“ที่พูดมา... ข้าเชื่อเ้า!” จู่ๆ หัวหน้าสังกัดปฐีก็เปลี่ยนท่าที
ชายหนุ่มชะงัก ไม่นานก็เข้าใจว่าเป็เพราะเหตุใด มิใช่ว่าเิไท่เชื่อเขา แต่เพราะนี่เป็ฟางเส้นสุดท้าย ถึงไม่เชื่อ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น มีแต่ต้องเชื่อเท่านั้น
แม้จะรู้ว่าอาจถูกหลอก ก็ยังเลือกที่จะเชื่อใจกู่ไห่ เิไท่จำเป็ต้องเชื่อ เพราะถ้าเชื่อ ก็ยังพอมีโอกาสรอดชีวิต หากไม่เชื่อก็ต้องเสียทุกอย่างไป
กู่ไห่พยักหน้า “ข้าคือหัวหน้าสังกัดวารีคนใหม่ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อไม่นานมานี้ จึงไม่รู้เื่ของหออี้ผินมากนัก และเื่เกี่ยวกับท่าน หรือหัวหน้าสังกัดติง ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน
นี่เป็เพียงเื่บังเอิญ ข้าแค่แอบติดตามมาเท่านั้น มิใช่ทั้งสหาย หรือศัตรูของพวกเขา ท่านก็คงเห็นแล้ว ว่าข้าไม่มีพลังฝึกปรือ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ข้าก็ยินดี หากมีสิ่งใดที่สามารถช่วยท่านได้ เชิญบอก ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ”
ชายผู้อยู่กลางเปลวเพลิงที่ลุกโชติ่ หรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะกระตุกวูบ
“เ้า้าสิ่งใด?” เิไท่จ้องกู่ไห่เขม็ง
“ข้ามีเื่จะขอ เพียงข้อเดียว” ชายหนุ่มกล่าว ท่าทีขึงขัง
“หืม?” เิไท่หรี่ตาลง
“ข้าเพิ่งเห็นในความทรงจำของท่าน ว่าท่านกับหลี่เหว่ยเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน จึง้าทราบวิธีถอดหน้ากากสำริด” กู่ไห่กล่าว
“หน้ากากสำริด? เ้าสวมหน้ากากสำริดเอาไว้หรือ?” เิไท่เลิกคิ้ว และโน้มตัวไปข้างหน้า
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย เิไท่ผู้นี้ฉลาดยิ่ง หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็พยักหน้ารับ
เิไท่จ้องกู่ไห่อยู่นาน “หากที่พูดมาเป็ความจริง เ้าก็อาจหาญนัก! ที่ที่อันตรายที่สุด ก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดเช่นนั้นหรือ?”
“หัวหน้าสังกัดเิ โปรดชี้แนะ!” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำ
“แน่ใจหรือ ว่าไม่้าข้อมูลเกี่ยวกับชีพจรั?” เิไท่ถาม
“ข้าไม่รู้ว่าชีพจรัคือสิ่งใด แต่เท่าที่รู้ก็คือ มันอันตรายยิ่ง ข้าไม่้าเสี่ยง ตอนนี้ข้าแค่อยากรู้วิธีถอดหน้ากากเท่านั้น” กู่ไห่ยืนยัน
เิไท่จ้องมอง ขณะที่อีกฝ่ายโยนมวลน้ำเข้าไปอีกลูก
ชี่ๆๆๆๆ!
เิไท่รู้สึกสบายขึ้นมาก
“เอาละ! หน้ากากนี่มิใช่ของธรรมดา ข้าเคยเรียนวิธีการสร้างเครื่องมือทรมานมา ภายในหน้ากากเ่าั้ ใส่ข่ายอาคมเอาไว้ แต่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยี่สิบปีแล้ว ข่ายอาคมบางส่วนในหน้ากาก คงถูกหลี่เหว่ยปรับเปลี่ยนไปแล้วเป็แน่” เิไท่อธิบาย
“ข่ายอาคมถูกเปลี่ยนเช่นนั้นหรือ?” กู่ไห่ทวนเสียงเคร่ง
“ปกติแล้ว ข่ายอาคมหลักไม่อาจปรับเปลี่ยนได้ มีเพียงข่ายอาคมรองที่อยู่ด้านในเท่านั้น ที่จะถูกปรับเปลี่ยนไป ข่ายอาคมรองก็คล้ายแม่กุญแจ กลไกภายในแม่กุญแจไม่เหมือนเดิม ก็จำเป็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปในการไขมันออก” เิไท่อธิบายอย่างใจเย็น
“รหัสลับ?” ใบหน้าชายหนุ่มเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้” เิไท่เอ่ย
“เช่นนั้น มีวิธีเอาออกหรือไม่?” กู่ไห่เอ่ยถามอีก
“มีสามวิธี”
“เอ๊ะ?”
“วิธีแรก หายอดฝีมือมาช่วยเ้าถอดมันออก แต่พลังของคนผู้นั้น จะต้องสูงกว่าระดับหยวนอิง” เิไท่กล่าว น้ำเสียงราบเรียบ
“ผู้ฝึกตนที่มีระดับการฝึกปรือสูงกว่าหยวนอิง?” ชายหนุ่มมีสีหน้าปั้นยากทันที เห็นได้ชัด ว่าเขาไม่สามารถหาคนเช่นนั้นมาได้
“วิธีที่สอง รอห้าสิบปี จนพลังของข่ายอาคมในหน้ากากเสื่อมลงแล้ว ก็จะสามารถถอดออกมาได้” เิไท่บอก
ห้าสิบปี? กู่ไห่ส่ายหน้าทันที
“วิธีสุดท้าย คือขอรหัสจากหลี่เหว่ย เ้าปล่อยข้าออกไปสิ ข้าสามารถช่วยเ้าเอามันมาได้” เิไท่กล่าว
“หัวหน้าสังกัดเิไม่จำเป็ต้องลองใจ ข้าบอกไปแล้ว ว่าตนหาใช่พวกเดียวกับคนเ่าั้ หากสามารถช่วยท่านได้ ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่เวลานี้ข้าไม่มีพลังฝึกปรือ ท่านบอกข้ามาเถอะ ว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร?” ชายหนุ่มกล่าว
“ไม่จำเป็ต้องทำสิ่งใด เ้ามีป้ายหัวหน้าสังกัดวารีใช่หรือไม่? เพียงแค่สร้างน้ำ ที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งแดนห้วงฝันเช่นเมื่อครู่ ให้ข้าสิบถังก็พอ ในบรรดาธาตุทั้งห้านั้น น้ำสามารถข่มไฟได้
เพราะฉะนั้น น้ำที่เ้าสร้างขึ้นมานี้ จึงสามารถข่มเปลวเพลิงที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งแดนห้วงฝันของติงรุ่ยได้อย่างไรเล่า” เิไท่อธิบาย
“ง่ายมาก!” กู่ไห่พยักหน้า
ซ่าๆๆๆ!
ทันใดนั้น ชายหนุ่มโบกมือ ก่อนที่น้ำจะปรากฏขึ้นโดยรอบ
ฟิ้ว!
เิไท่สูดลมเข้า น้ำที่ปรากฏขึ้น ก็พุ่งเข้าไปในปากเขาทันที ราวกับว่าท้องของเขาเป็หลุมลึกที่ไม่มีวันเต็ม
ไม่นานนัก เิไท่ก็หยุด
“พอแล้วหรือ?” กู่ไห่ถามขึ้น
“ขอบคุณหัวหน้าสังกัดวารี พอแล้ว!... น้ำนี่สามารถยับยั้งเปลวเพลิงที่อยู่ในร่างของข้าได้ อย่างน้อยที่สุด ก็จะไม่ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญ จนจิติญญาสิ้นสูญ กลายเป็คนไร้สติ” เิไท่กล่าวเสียงขรึม
“เช่นนั้นก็ดี! ท่านยัง้าสิ่งใดอีกหรือไม่?” ชายหนุ่มถาม
“หินิญญา... ท่านมีหินิญญาหรือไม่?”
“มี!” กู่ไห่พยักหน้า
“ก่อนออกไป ท่านช่วยฝังมันไว้ใต้เถาวัลย์ในถ้ำ แล้วข้าจะชดใช้ให้… ขอมากที่สุดเท่าที่จะมากได้!” เิไท่กล่าว น้ำเสียงเคร่งขรึม
“ได้!” ชายหนุ่มพยักหน้า
“ขอบคุณท่านมาก!” เิไท่มองกู่ไห่ ด้วยแววตาซาบซึ้ง
“เื่หน้ากาก?...” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พร้อมเกริ่นขึ้น
“ออกไปแล้ว ข้าจะช่วยจัดการกับหลี่เหว่ยเอง” เิไท่กล่าว
“อย่างไร?” กู่ไห่เอ่ยถาม
“หลี่เหว่ยมีคนที่ห่วงใยหรือไม่? หลายปีมานี้ เขาได้แต่งงานหรือมีลูกหรือไม่?” เิไท่ถามเสียงเย็น
ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนพูด “เกรงว่าไม่! อย่างไรก็ตาม เยว่เหยาที่ข้าเพิ่งเห็นในแดนห้วงฝันที่สองนั้น นางยังมีชีวิตอยู่!”
“อะไรนะ? เป็ไปไม่ได้!” ดวงตาของเิไท่เบิกกว้าง ขณะพูด
กู่ไห่กล่าว พร้อมส่ายศีรษะ “เป็เื่จริง ข้ายังพอจำรูปร่างหน้าตาของหญิงผู้นั้นได้ นางมีนามว่าเยว่เหยา ข้าเคยเห็นนางมาแล้ว แต่เยว่เหยาผู้นั้น ดูไร้ชีวิตชีวา มักจะมีสายตาว่างเปล่า ราวกับหุ่นเชิด”
“ข้าบั่นศีรษะเยว่เหยา และฝังไปแล้ว นางจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เว้นแต่... เว้นเสียแต่ว่า...” พูดพลาง สีหน้าของเิไท่ปั้นยากขึ้นมาทันที
“เว้นแต่อะไร”
“จิตแห่งฟ้า และจิตแห่งปฐีของเยว่เหยาได้จากไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ มีเพียงจิตแห่งิญญาเท่านั้น หนึ่งจิตเจ็ดิญญา? นี่คือวิชาผีดิบ หลี่เหว่ยทำให้ศพของเยว่เหยาให้กลายเป็ผีดิบ?
นางสูญเสียสองดวงจิตไปแล้ว เวลานี้จึงกลายเป็ผีดิบ! เขาไม่ยอมปล่อยให้เยว่เหยาได้พักผ่อนอย่างสงบ” เหมิ่งไท่กล่าว คิ้วขมวดมุ่น
“ข้าก็ไม่แน่ใจ!” ชายหนุ่มส่ายหน้า
“เช่นนั้น... เช่นนั้นท่านเคยเจอเฟิงหลิงหรือไม่? ท่านรู้จักนางหรือไม่?” เิไท่จ้องกู่ไห่ด้วยความคาดหวัง
“ข้าเพิ่งเห็นนางในแดนห้วงฝันที่สอง ข้ามาที่พรรคต้าเฟิงได้ไม่นานนัก และไม่เคยได้ยินนามเฟิงหลิงมาก่อน” ชายหนุ่มส่ายหน้า
“ปีนั้นหลี่เหว่ยใช้เฟิงหลิงขู่ข้า ทำให้สามารถจับข้ามาขังที่นี่ได้ เขารู้ว่านางคือชีวิตของข้า จึงใช้เฟิงหลิงขู่ข้า ดังนั้นนางน่าจะถูกจับตัว และกักขังไว้ที่ใดที่หนึ่งในพรรคต้าเฟิงเป็แน่” เิไท่กล่าวเสียงเคร่ง
กู่ไห่ส่ายหน้า พลางเอ่ย “ข้าก็ไม่ทราบ”
ดวงตาของเิไท่พลันเปลี่ยนไปทันที
“ข้าต้องช่วยเฟิงหลิง วางใจเถอะ ข้าจะช่วยท่านถอดหน้าแน่ แต่ท่านต้องช่วยข้าทำสิ่งหนึ่งในลานประลอง ทนลำบากเพียงครั้ง จากนั้นทุกอย่างจะคลี่คลาย”
“เช่นนั้น ก็บอกมาเถอะ”
เิไท่อธิบายบางอย่างให้ชายหนุ่มฟัง
“ใช่แล้ว! สุดท้ายนี้ ท่านบอกข้าเกี่ยวกับหน้ากากสำริดนี่ได้หรือไม่?” กู่ไห่ถาม
“ได้!”
ชายหนุ่มไม่กล้าอยู่ที่แดนห้วงฝันแรกนานเกินไป เพียงชั่วครู่ ก็เข้าสู่แดนห้วงฝันที่สองอีกครั้ง
ภายในแดนห้วงฝันที่สอง ภาพเหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปอีกแล้ว
พริบตา เกาะขนาดั์ก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา พื้นด้านล่างเต็มไปด้วยูเาและป่าไม้ รวมทั้งศาลาอาคารจำนวนมาก
เิไท่และเฟิงหลิง ยืนอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนหนึ่ง ด้วยท่าทางนบนอบ
“ถังจู่ เป็ที่นี่ขอรับ!... ชีพจรัอยู่ด้านล่างขอรับ” เิไท่เอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ในที่สุดก็หาพบ! เิไท่ เ้าทำได้ดีมาก พอข้ากลับมาพร้อมหยกั เราก็จะสามารถนำชีพจรัออกมาได้” บัดนี้ หญิงผู้นั้นดูจะมีความสุขยิ่ง
“ขอรับ!”
ทั้งสามคนรีบทะยานออกจากเกาะ
ติงรุ่ยที่อยู่อีกด้าน มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “สำนักติงหลง? เกาะลอยฟ้าของสำนักติงหลง?”
“ไม่ผิดแน่! หัวหน้าสังกัดติง นั่นคือเกาะลอยฟ้า สำนักติงหลงเป็หนึ่งในห้าสำนักหลักแห่งเกาะจิ๋วหวู่ ผู้ควบคุมสำนักนั้น เป็ญาติห่างๆ ของท่านมิใช่หรือ?” สีหน้าของหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย พลันเปลี่ยนไปเช่นกัน
“ในที่สุดก็เจอ... ฮ่าๆๆ!” ดวงตาของติงรุ่ยเปล่งประกายเรืองโรจน์
...
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครา
เิไท่ได้รับจดหมาย พร้อมเสื้อผ้าของภรรยา หลี่เหว่ยใช้เฟิงหลิงที่หายตัวไป มาข่มขู่อีกฝ่าย จากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของหัวหน้าสำนักซ่งเจีย และติงรุ่ย เขาก็ได้วางกับดักเพื่อจับเิไท่
สุดท้ายเพราะเฟิงหลิง เิไท่จึงถูกจับตัว นำมาขังไว้ที่ถ้ำแห่งนี้
เหตุการณ์ต่อมา ก็คือภาพที่เขาถูกทรมานอย่างเหี้ยมโหด
ครืนๆ!
จู่ๆ แดนห้วงฝันที่สองก็เริ่มสั่นะเื
ปัง!
เกิดเสียงดังสนั่น แดนห้วงฝันที่สองกำลังพังทลาย
คนทั้งกลุ่มรีบกลับมายังแดนห้วงฝันแรกทันที
ภายในแดนห้วงฝันที่หนึ่ง เวลานี้เิไท่ที่อยู่ในทะเลเพลิงนั้น ทั้งร่างไหม้เกรียม ดูเหมือนใกล้ตายแล้ว
“เ้าไม่บอกเช่นนั้นหรือ?... หึ!” ติงรุ่ยแค่นหัวเราะ ก่อนสะบัดมือหนึ่งที
ปัง!
แดนห้วงฝันแรกพังทลาย จิตของทุกคนกลับคืนสู่ร่าง พวกเขาย้อนกลับมาอยู่ในถ้ำที่อีกครั้ง
เวลานี้ ร่างของเิไท่สิ้นไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าซีดเผือด ดูราวกับไร้ลมหายใจไปแล้ว
“เิไท่ ตายแล้วหรือ? หึ! เ้ายังตายไม่ได้ ข้ายังทรมานเ้าไม่หนำใจเลย” หลี่เหว่ยเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย และตบเขาอย่างแรง
เพียะ!
ร่างของเิไท่กระตุก แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้สติอยู่ดี
“ยังหายใจอยู่... เขายังไม่ตาย! แต่ดูเหมือนจะกลายเป็คนไร้สติไปแล้ว” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยกล่าว พลางยิ้มเย็น
“ไร้สติสัมปชัญญะก็ดี เสียสติก็ช่าง... ถึงอย่างไร เราก็รู้ตำแหน่งแล้ว... ฮ่าๆๆ! พวกเรา... ไป!” ติงรุ่ยะเิเสียงหัวเราะ
“หึ!” หลีเว่ยแค่นหัวเราะ เยาะหยันเิไท่
คนทั้งกลุ่มค่อยๆ เดินออกจากถ้ำ
กู่ไห่รั้งอยู่ท้ายขบวน เมื่อสังเกตเห็นร่องเถาวัลย์ร่องหนึ่งเข้า ชายหนุ่มก็สะบัดมือ
แกรกๆๆๆ!
หินิญญาส่วนใหญ่ในช่องว่างมิติ ถูกโยนเข้าไปในร่องเถาวัลย์ดังกล่าวทันที
เมื่อคนทั้งหมดเดินออกจากถ้ำ
ตูม!
หินต้วนหลงขยับลงมาปิดทางเข้าถ้ำไว้อีกครั้ง
“เฝ้าไว้ให้ดี!” หลี่เหว่ยะโสั่งผู้คุ้มกันที่เฝ้าถ้ำ
“ขอรับ!” กลุ่มผู้คุ้มกันผสานเสียงตอบรับ
ติงรุ่ยเดินจากไปอย่างรีบร้อน เวลานี้นางลิงโลดยิ่ง ในที่สุดก็พบมันแล้ว จึงไม่อยากอยู่ที่พรรคต้าเฟิงอีก แม้แต่เค่อเดียว
คนทั้งกลุ่มรีบก้าวไปยังห้องโถงที่อยู่ห่างไกล
ขณะที่พวกเขากำลังเดินกันอยู่นั้น กู่ไห่ก็ค่อยๆ ปลีกตัวออกมา
...
ในเวลานี้ ระหว่างที่กลุ่มผู้คุมกันกำลังเฝ้าอยู่นอกถ้ำ เิไท่ที่หายใจรวยรินก็ลืมตาขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
เมื่อมองไปยังสถานที่ที่กู่ไห่ทิ้งหินิญญาไว้ให้ เหมิ่งไท่ก็อ้าปาก และสูบลมเข้าไปอย่างแรง
ซู้ด!
หินิญญาที่อยู่ห่างออกไป ถูกดูดเข้าปากเขาในพริบตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้