เสี่ยวถังค่อยๆ หันไปมองด้วยสีหน้าหงุดหงิด
พบว่าเสี่ยวอวี้ถือโคมไฟเดินลัดเลาะมาตามทางเดิน ภายใต้เสื้อคลุมหนาทว่าร่างผอมเกร็งของนางยังสั่นระริกด้วยความหนาวเย็น นางเป็บ่าวรับใช้ของฮูหยินรองและมีนิสัยเย่อหยิ่งไม่ต่างจากเสี่ยวถังนัก
“อะไรกันน่ะ เสียงเอะอะอะไร” เสี่ยวอวี้เอ่ยพลางสาวเท้าเร็วขึ้น พอเดินมาถึงก็พบร่างของซูจินนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
“ยังไม่ตายหรอก ข้าแค่สั่งสอนนางนิดหน่อย” เสี่ยวถังกล่าวพลางปัดมือไล่ฝุ่นที่ติดบนแขนเสื้อ สีหน้าไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
เสี่ยวอวี้ก้มลงตรวจชีพจรซูจินเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เสี่ยวถัง “นางยังไม่ตาย ปล่อยไว้อย่างนี้ก็พอ”
“แล้วจะไม่ดูคุณหนูของนางหน่อยหรือ?” เสี่ยวถังถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ฮึ! คนพรรค์นั้นตายไปก็ไม่ใช่เื่ใหญ่” เสี่ยวอวี้กล่าวเสียงเ็า ทว่าด้วยความอยากรู้ นางจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูในเรือนหลังเก่า
เมื่อเปิดประตูออกกลิ่นอับชื้นและความเย็นก็พุ่งเข้าใส่ทันที แสงสลัวจากโคมไฟสะท้อนให้เห็นร่างบอบบางของจ้าวเหม่ยหลินนอนนิ่งอยู่บนฟูกเก่าๆ ข้างเตียงมีถ้วยข้าวต้มวางอยู่
“เฮอะ…ช่างน่าสมเพชเสียจริง” เสี่ยวอวี้พึมพำก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ นางใช้ปลายเท้าเขี่ยร่างเหม่ยหลินเบาๆ แต่ร่างนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
เสี่ยวอวี้ขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงตรวจชีพจรที่ข้อมือเย็นของอีกฝ่าย ััที่ปลายนิ้วบอกได้ชัดเจนว่าไม่มีสัญญาณของชีวิตหลงเหลืออยู่แล้ว
“ตายแล้วหรือ?” เสี่ยวอวี้พึมพำกับตนเอง
“จริงหรือ?” เสี่ยวถังที่ตามเข้ามาในเรือนเบิกตากว้างด้วยความใ “ตายง่ายขนาดนี้เลยหรือ?”
“ข้าจะไปบอกฮูหยินรอง เ้าจัดการศพเสีย” เสี่ยวอวี้ออกคำสั่งเสียงเรียบพลางหมุนตัวออกจากเรือนอย่างไม่แยแส ทิ้งให้เสี่ยวถังยืนมองร่างไร้ชีวิตของจ้าวเหม่ยหลินด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“เ้าจะให้ข้าทำอะไรเล่า?” เสี่ยวถังบ่นพึมพำ ก่อนจะพยายามลากร่างของเหม่ยหลินออกมาจากเรือน ทว่าร่างเล็กที่ดูเหมือนไม่มีน้ำหนักกลับเย็นจนเสี่ยวถังรู้สึกขนลุก
“บ้าชะมัด!” นางสบถเบาๆ แล้วเดินออกไปตามหาถุงผ้าขนาดใหญ่เพื่อห่อศพ
ไม่นานนัก เสี่ยวถังนำร่างของจ้าวเหม่ยหลินใส่ลงในถุงผ้าแล้วลากมันฝ่าหิมะออกจากเรือนมุ่งตรงไปยังป่ารกร้างท้ายหมู่บ้าน
เมื่อมาถึงเสี่ยวถังมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ก่อนจะรีบโยนถุงผ้านั้นลงไปในพงไม้รกทึบโดยไม่แม้แต่จะกลบดินอำพรางให้ดี
“ตายไปก็เป็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง ไม่มีใครสนใจหรอก” นางแค่นเสียงเยาะพลางตบมือปัดฝุ่น แล้วหันหลังเดินจากไปอย่างไม่ใยดี โดยไม่รู้เลยว่าดวงตาสองคู่กำลังเฝ้ามองทุกการกระทำของนาง
เสี่ยวถังเดินจากไปได้ไม่นาน เงาสองร่างก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากหลังแนวต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยหิมะหนา ชายหนุ่มทั้งสองสวมชุดคลุมสีดำล้วนซึ่งช่วยกลมกลืนไปกับความมืดรอบกายได้อย่างแเี
“นั่นคือใครกัน?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงต่ำ สายตาจับจ้องไปยังถุงผ้าขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางกองหิมะ
“ไปดูกันเถอะ” อีกคนกล่าวก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้
ชายหนุ่มคนแรกค่อยๆ เปิดปากถุงผ้าอย่างระมัดระวัง กลิ่นอับชื้นและกลิ่นเืจางๆ โชยออกมา แต่มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขามากเท่ากับร่างหญิงสาวภายในถุง
แม้ร่างนั้นจะซีดเซียวและปราศจากลมหายใจ ทว่าใบหน้างามหมดจดกลับชวนให้รู้สึกะเืใจ แก้มของนางยังคงมีรอยฟกช้ำ ดวงตาที่ปิดสนิททำให้ผู้มองรับรู้ถึงความเ็ปและความทุกข์ทรมานที่นางเผชิญก่อนสิ้นลมหายใจ
“หญิงสาวคนนี้…” ชายหนุ่มคนแรกพึมพำพลางขมวดคิ้วแน่น
“ทิ้งไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก หากไม่มีใครพบศพ เกรงว่าความตายของนางจะไม่มีใครรับรู้” ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยเสียงหนัก
“ถ้าอย่างนั้นเ้าพานางไปวางไว้กลางหมู่บ้านเถอะ เช้ามาคงมีคนพบ” ชายหนุ่มคนแรกออกคำสั่ง
“แล้วเ้าล่ะ?”
“ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ชายหนุ่มผู้รับคำสั่งพยักหน้ารับ เขาก้มลงช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน แม้ร่างนั้นจะเย็นและไร้ชีวิต ทว่าความงดงามของนางกลับทำให้เขาอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้
“ช่างน่าสงสารนัก…” เขาพึมพำเสียงแ่ ก่อนจะออกเดินไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่กลางหมู่บ้าน โดยมีสายลมหนาวโหมกระหน่ำราวกับคร่ำครวญแทนหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย
รุ่งเช้า ซูจินค่อยๆปรือตาขึ้นพร้อมความรู้สึกเ็ปไปทั้งร่างกาย ความหนาวเย็นกัดกินร่างเล็กจนสั่นเทาเมื่อนางพบว่าตนเองยังคงนอนอยู่บนพื้นสีขาว ความทรงจำจากเมื่อคืนก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว นางฝืนพยุงตัวขึ้นแล้วพาร่างที่อ่อนล้าเร่งกลับไปยังเรือนเก่า
“คุณหนู อย่าเป็อะไรเลยนะเ้าคะ” ซูจินเอ่ยเสียงสั่น ดวงตาพร่าเลือนจากหยาดน้ำตา
เมื่อมาถึงเรือนเก่า นางเปิดประตูเข้าไปด้วยความใจร้อน ทว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับเป็ร่างอ้วนของเสี่ยวถังและร่างผอมของเสี่ยวอวี้กำลังนั่งกินข้าวกันอย่างสำราญ
“คุณหนูของข้าอยู่ไหน?” ซูจินเอ่ยถาม นางกวาดสายตามองทั่วเรือน แต่กลับไม่พบเงาของจ้าวเหม่ยหลินแม้แต่น้อย
เสี่ยวถังเงยหน้ามองซูจินอย่างรำคาญ “หายไปไหนแล้ว ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ไปหาที่อื่นสิ!”
“ใช่” เสี่ยวอวี้เสริมพร้อมแค่นหัวเราะ “หรือเ้าจะให้ข้าช่วยหา”
“อย่ามาทำเป็เล่นนะ! คุณหนูของข้าหายไปไหน” ซูจินน้ำตาคลอเต็มเบ้า ความกลัวจากเมื่อคืนแล่นพล่านทั่วร่าง นางกลัวว่าเ้านายจะเป็อะไรไป
“หากเ้าไม่อยากหายไปเหมือนนางก็รีบไสหัวไปซะ!” เสี่ยวถังะโเสียงแข็ง ดวงตากำลังข่มขู่
“ไม่ไปหรือ? เช่นนั้นข้าจะลากเ้าไปขายเสียเลยดีไหม” เสี่ยวอวี่ย่างสามขุมเข้ามาหาร่างเล็ก น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
ซูจินได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าขัดขืน น้ำตาไหลรินอาบสองแก้ม ทำได้เพียงหันหลังเดินออกมาจากเรือนนรกนั้นช้าๆ
“คุณหนูของข้า…อยู่ที่ใดกันเ้าคะ…คุณหนู” ซูจินพึมพำพลางก้าวเดินตามเส้นทางเดิน ดวงตาแดงช้ำ น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย
“คุณหนู” ซูจินะโเรียกอีกครั้ง ร่างกายเหนื่อยล้าจนแทบหมดแรงแต่ไม่อาจหยุดยั้งความมุ่งมั่นของนางได้ แม้ต้องพลิกแผ่นดินก็จะตามหาจ้าวเหม่ยหลินให้พบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้