บทที่ 66 เกาะหลิงหวาเซียน
ด้านล่างของสตรีอาภรณ์สีม่วงทั้งสองด้าน มีคนนั่งอยู่ทั้งสองข้าง บุรุษหนึ่งคนและสตรีสามคน ทุกคนดูอ่อนเยาว์นัก ในโลกแห่งการฝึกตน ตราบใดที่ยังมีพลังยุทธ์ไม่ถึง ในเหตุจำเป็บางอย่างที่ต้องลงมือเอง ก็ไม่มีใครอยากดูเหมือนคนแก่ เพราะผู้คนในโลกแห่งการฝึกฝนโดยทั่วไปจะตัดสินอายุของผู้อื่น หากไม่ประมาณการจากพลังยุทธ์ ก็จะทดสอบอายุของอีกฝ่ายด้วยมือของตนเองจากอายุกระดูก นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีวิธีใดที่จะระบุอายุที่แน่นอนของอีกฝ่ายได้
ในนั้นที่อยู่ด้านซ้ายสุดอีกคนมีหลินเหยานั่งอยู่ด้วย เมื่อนางได้ยินที่สตรีอาภรณ์สีม่วงพูดก็เพ่งพลังจิตมองออกไปด้านนอกด้วยความสงสัย
จากนั้นไม่นาน หลินเหยาก็ถอนพลังจิตออกมาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ในนั้นอีกสองสามคนก็สังเกตสีหน้าได้ว่าต้องมีอะไรแน่นอน ดังนั้นทั้งหมดจึงละสายตาและมุ่งความสนใจไปที่หลินเหยา
“อาจารย์ ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่แล้วพวกนั้นจะเป็คนในตระกูลของศิษย์เอง อีกส่วนหนึ่งหากข้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็คนของตระกูลลู่!” พูดจบนางก็เงียบไปสักพัก จากนั้นใบหน้าของหลินเหยาก็เริ่มแดง และพูดอย่างเขินอายกับอาจารย์ว่า “อาจเป็เพราะตอนที่ออกจากตระกูลข้าไม่ได้บอกกล่าวให้ชัดเจน อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น คนตระกูลหลินก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านอาจารย์มาที่เทียนตู! แต่นายน้อยตระกูลลู่ผู้นั้นน่ารังเกียจนัก ที่มาครั้งนี้คงไม่ได้มาดีแน่ อาจารย์ หากท่านเจอกับเขาต้องแก้แค้นให้ข้าด้วย!”
สตรีในอาภรณ์สีม่วงที่นั่งอยู่ตรงกลางคืออาจารย์ของหลินเหยา นามว่าหลีชิวเยวี่ยนั่นเอง นางเป็ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่่กลางขั้นเกิดเทพเ้า บำเพ็ญเพียรและอาศัยอยู่อย่างสันโดษบนเกาะหลิงหวาเซียนกับสามีนักพรตต้วนซวี่ และเป็ที่รู้จักในนาม “หลิงหวาฮูหยิน” ในอดีตฝึกฝนและสอนบรรดาลูกศิษย์อยู่บนเกาะหลิงหวาเซียนมาตลอด เป็อิสรเสรี ฝึกบำเพ็ญเพียรมามากกว่าหกร้อยปีแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เดาออกทันทีว่าเกิดเื่อะไรขึ้น ก่อนหน้านี้หลินเหยาได้เล่าเื่ที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับนายน้อยตระกูลลู่ให้ฟังหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ยากที่จะคาดเดา
หลังจากได้ยินเช่นนั้น นางก็ส่ายหน้าช้าๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย และตำหนิหลินเหยาไปเล็กน้อย “ยังจะมีหน้ามาพูดอีก หากเ้าไม่ใจร้อนทำเื่บุ่มบ่าม จะเกิดเื่ถึงขั้นมีจวนให้กลับแต่ไม่กล้ากลับหรือ? แต่ในเมื่อตอนนี้เขามาหาถึงที่แล้ว เ้าจะเอาแต่หลบซ่อน ไม่ยอมออกไปพบหน้า อาจารย์อยู่ตรงนี้ ตระกูลลู่คงไม่กล้ามาบีบบังคับจนเกินงาม!”
หลินเหยาเบะปากออก นางพูดด้วยความไม่พอใจ “อาจารย์ นายน้อยตระกูลลู่ผู้นั้นน่ารังเกียจจริงๆ เขาวางแผนการกับศิษย์ไม่ว่า ยังฉวยโอกาสเข้ามาโจมตีในยามที่ข้าอ่อนแอด้วย ท่านจะไม่แยแสไม่ได้นะ! ก็แค่คนปรุงโอสถขั้นห้าผู้หนึ่งเท่านั้น ทำอย่างกับใครก็เทียบไม่ติดอย่างนั้นแหละ!”
“ศิษย์น้องไม่ต้องห่วง หากเจอกับนายน้อยตระกูลลู่ ศิษย์พี่จะแก้แค้นให้เ้าเอง!” บุรุษรูปงามที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักทางด้านขวาอมยิ้มและเอ่ยออกมา ถึงแม้เขาจะนั่งหลังตรงอยู่ตรงนั้น แต่ด้วยสีหน้าที่ซีดขาวแปลกๆ แม้แต่พูดก็ไม่มีเรี่ยวแรง ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้เลยว่าคนคนนี้ได้รับาเ็ อย่าว่าแต่ลงมือเลย ขยับเพียงเล็กน้อยก็คงทรมานยิ่งนัก
“ศิษย์พี่ ท่านหยุดพูดเถิด หากไม่ใช่เพราะท่านดื้อรั้น มีหรือจะได้รับาเ็สาหัสเช่นนี้ อีกทั้งยังต้องให้ท่านอาจารย์ตระเวนทั่วเมืองเพื่อตามหายาถึงที่เทียนตู! เื่ของศิษย์น้องมีอาจารย์ออกหน้าแทนให้ ท่านไม่ต้องเป็กังวลตามไปด้วยหรอก!” ที่นั่งถัดจากบุรุษผู้นั้นคือสตรีที่มีใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากสีชมพู คิ้วบางของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อยในเวลานี้ แม้ปากจะบ่นไป ทว่ากลับมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ไม่คิดเลยว่าเขาหนิงชุยเฟิงจะมีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้ พวกเราเตรียมวัตถุดิบยามาคิดว่ามันจะเป็เื่เล็กที่ง่ายนิดเดียวสำหรับเสิ่นตานเจวี๋ยเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะถูกบอกปัดปฏิเสธ สุดท้ายแล้วมาบอกว่ามีโอกาสสำเร็จน้อย ไม่กล้าลอง! เช่นนี้เสิ่นตานเจวี๋ยยังกล้าเรียกตัวเองว่าาาโอสถอีกหรือ ไม่รู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้ในเทียนตูคิดอะไรกันอยู่!”
หลังจากนั้นนางก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปถามหลินเหยาด้วยความแปลกใจ “เ้านายน้อยตระกูลลู่ผู้นั้นเป็อะไรนะ? คนปรุงโอสถขั้นห้า? เ้าพูดจริงหรือโกหก?”
ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็ลูกศิษย์ของสองสามีภรรยา เ้าของเกาะหลิงหวาเซียน สำนักเดียวกันกับหลินเหยา กล่าวคือบุรุษที่ได้รับาเ็คือลูกศิษย์คนแรก นามว่ากู้จงเสวียน สตรีในอาภรณ์สีเขียวที่ให้ความรู้สึกดูบอบบางที่อยู่ข้างๆ นางคือศิษย์คนที่สาม นามว่าถังซินหวั่น ในขณะที่คนที่สวมอาภรณ์สีน้ำเงินที่มีใบหน้าองอาจคือศิษย์คนที่สี่นามว่า เนี่ยชิงหลวน
หลินเหยารู้ตัวว่าตัวเองเผลอหลุดปากพูดออกมา แต่ตอนนี้จะถอนคืนคำพูดคงไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเห็นท่าทางของศิษย์พี่ใหญ่แล้ว นางก็ร้อนใจเช่นกัน ปกติศิษย์พี่ดูแลตัวเองดีมาก รักเอ็นดูและตามใจนางไปเสียหมดทุกอย่าง ตอนนี้ศิษย์พี่ได้รับาเ็สาหัส หากบุรุษผู้นั้นสามารถปรุงยาอายุวัฒนะที่้าออกมาให้ได้ แล้วตัวเองได้รับความไม่เป็ธรรมสักเล็กน้อยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้!
“ใช่ ข้าก็เพิ่งรู้ตอนที่กลับไปจวนครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากนัก ได้ยินมาว่าเขาเคยรักษายอดฝีมือขั้นเกิดเทพเ้าที่มีชีวิตอยู่เมื่อกว่าร้อยปีก่อนคนหนึ่ง และปรุงยาอายุวัฒนะออกมาได้อีกหลายชนิด ตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ไม่น้อยในเทียนตู แต่ไม่รู้ว่าเขาปรุงยาอายุวัฒนะออกมาเองหรือไม่ เพราะไม่มีใครได้เห็นกับตา อย่างไรเสียตอนนี้ตระกูลลู่ยังติดค้างตระกูลหลินอยู่ ต้องปรุงยาอายุวัฒนะให้ตระกูลหลินอีกสามเตาหลอม เพียงข้ากลับจวนไปพูดให้ท่านพ่อกับท่านแม่ฟัง ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร! สิ่งสำคัญอยู่ที่บุรุษผู้นี้จะมีชื่อเสียงตรงกับความเป็จริงหรือไม่”
หลินเหยาเล่าเื่คร่าวๆ ที่ได้ยินมาจากในตระกูลให้ทุกคนฟัง แต่นางใช้เวลาอยู่ที่ตระกูลน้อยยิ่งนัก จึงเพียงได้ยินที่คนพูดกันมาไม่กี่คำ ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากนัก แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ ก็ทำให้ทุกคนมีความหวังขึ้นมาไม่น้อย
เวลานี้หลีชิวเยวี่ยนำตัวลูกศิษย์สามสี่คนมาที่เทียนตูก็เพื่อมาหายารักษาอาการาเ็ให้ศิษย์คนแรก แต่ราคาที่ทางเขาหนิงชุยเฟิงเสนอมาให้มันกลับสูงมากเกินไป แพงมากเสียจนถึงขั้นทำให้เงินสะสมของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ขั้นเกิดเทพเ้าอย่างนางรับไม่ไหว เพราะเช่นนั้นหลังจากคิดวนไปวนมาอยู่หลายวัน จึงต้องออกมาจากที่นั่นด้วยความจำใจ
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ เหตุที่ทางเขาหนิงชุยเฟิงเสนอราคาสูงลิบลิ่วเช่นนี้ ก็เพราะหมดหนทางแล้วจริงๆ หลังจากเสิ่นตานเจวี๋ยตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ก็รู้ว่าตัวเขานั้นไม่สามารถปรุงยาอายุวัฒนะชนิดนี้ออกมาได้ ถึงแม้ว่ายาอายุวัฒนะนี้จะเป็เพียงยาอายุวัฒนะขั้นหก แต่สูตรมีประวัติความเป็มาที่สุดยอดนัก มันคือสูตรยาขึ้นชื่อที่เทพโอสถเป็ผู้คิดค้นขึ้นมา เขาประมาณการไว้แล้ว เพราะตัวเขาเป็เพียงคนปรุงโอสถยังไม่ถึงขั้นสี่ดี คงไม่มีทางปรุงยาออกมาให้สำเร็จได้ ดังนั้นถึงได้เสนอราคาสูงลิบลิ่ว เพื่อบีบให้บรรดาผู้ที่มาขอความช่วยเหลือจากไป เขาถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมา
หลังจากที่หลิงหวาฮูหยินออกจากเขาหนิงชุยเฟิงมาก็มุ่งหน้าตรงไปทางตระกูลหลิน เดิมทีอยากให้ตระกูลหลินช่วยคิดหาวิธีให้ แต่คิดไม่ถึงว่าหลินเหยาจะหนีออกมาเสียก่อน
หากคิดดูแล้วในเทียนตูก็ยังมีคนปรุงโอสถขั้นห้าอีกหลายคน แต่คนเ่าั้ยังมีความสามารถสู้เสิ่นตานเจวี๋ยไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่ก็มีนิสัยแปลกๆ หลบออกจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรและอยู่อย่างสันโดษ อาจไม่รับคำขอของหลีชิวเยวี่ย ดังนั้นตอนนี้พวกนางก็ตกอยู่ในความลังเลว่าจะเดินต่อหรือถอยหลังดี แต่อาการาเ็ของลูกศิษย์ก็อยู่ได้ด้วยยาอายุวัฒนะเท่านั้น ดังนั้นจึงจะล่าช้าไม่ได้แม้แต่น้อย
ดังนั้นตอนนี้เมื่อได้ยินว่าลู่อวี่บุรุษที่มีใจให้ลูกศิษย์ตัวเองเป็ถึงคนปรุงโอสถขั้นห้า อีกทั้งยังรักษายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ขั้นเกิดเทพเ้าหายดีได้ จึงทำให้พวกนางรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง นางยังรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในตัวลู่อวี่ แต่ในเมื่อเื่มันมาถึงขั้นนี้แล้ว เจอกันสักหน่อยคงเป็วิธีที่ดีที่สุด
หลิงหวาฮูหยิน หลีชิวเยวี่ยหรี่ตาลง และมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้า หลังจากที่ฟังหลินเหยาบรรยายให้ฟัง ก็คาดการณ์อยู่ในใจ ไม่ว่าเื่นี้จะเป็จริงหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องลองดูก่อน ดีกว่าไม่มีเบาะแสอะไรเลย
ครั้งนี้เพราะลูกศิษย์คนแรกช่วยชีวิตสหายไว้ และได้ต่อสู้กับปีศาจขนาดมหึมา ที่มีพลังยุทธ์อยู่ใน่ปลายขั้นตงซวนตัวหนึ่งในกลางทะเล แต่สู้ไม่ไหวจึงได้รับาเ็แล้วหลบหนีมา หากเขาไม่ฉวยโอกาสหนี ก็คงจะถูกปีศาจนั้นกินเป็อาหารและถูกย่อยสลายไม่เหลือซาก เมื่อหลีชิวเยวี่ยรู้ข่าว เวลานั้นปีศาจใหญ่ในทะเลตัวนั้นก็ได้หลบหนีและจากไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
และด้วยความ้าช่วยชีวิตลูกศิษย์ นางถึงได้เดินทางอย่างยาวนานเป็พันลี้มาที่เทียนตูเพื่อหาคนปรุงโอสถช่วยชีวิต คิดไม่ถึงว่าจะหาคนปรุงโอสถไม่เจอ ตอนนี้มีโอกาสนี้แล้ว นางย่อมมีความหวังเป็ธรรมดา เมื่อเหลือบมองลูกศิษย์ที่รักของนาง จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “เช่นนั้น พวกเราก็ไปหาเขากันเถิด เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดกัน เช่นนั้นคงดูไม่ดี เหยาเอ๋อร์ไม่ต้องเอาแต่ใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจารย์ก็จะออกหน้าแทนเ้าเอง”
หลินเหยาเบะปากออกอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เพราะอย่างไรเสียอาการาเ็ของศิษย์พี่ก็สำคัญที่สุด เื่ของตัวเองนางมั่นใจว่าลู่อวี่ไม่มีทางบีบบังคับนางได้จริงๆ แน่ เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเหยาก็แอบครุ่นคิดในใจว่า นางควรจะหาโอกาสสั่งสอนบุรุษที่หยิ่งผยองผู้นี้ดีหรือไม่ ถึงกล้าคิดร้ายต่อนาง ตัวนางเป็ถึงคุณหนูสามของตระกูลหลิน เหตุใดจะเป็นายหญิงน้อยของตระกูลลู่ไม่ได้ นี่กลับคิดจะให้นางไปเป็อนุภรรยาของเขา มันมีเช่นนี้ด้วยหรือ!
เวลานี้ลู่อวี่ก็ได้รับสารจากตู้เสวียนเฉิงเช่นกัน “สหายลู่ คนที่มาอาจเป็คนจากเกาะหลิงหวาเซียนแห่งทะเลตงไห่ เรือเหาะเงินลำนี้ข้ารู้จักดี เ้าของเกาะสองคนนี้ล้วนแล้วแต่เป็ยอดฝีมือของขั้นเกิดเทพเ้า มีโอกาสน้อยยิ่งนักที่จะเดินทางมาที่เทียนตู แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงมาที่เทียนตู สหายน้อยระวังตัวไว้สักนิดก็ดี”
ลู่อวี่พยักหน้าตอบรับ เพราะรู้ว่าเรือเหาะลำใหญ่ที่มาต้องมียอดฝีมือขั้นเกิดเทพเ้ามาด้วยแน่ เขาจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น
แต่เมื่อสังเกตเห็นหลินเหยาที่ออกมาจากเรือเหาะด้วยนั้น ก็เข้าใจขึ้นมาทันที สำหรับเื่ของคุณหนูสามตระกูลหลินถึงแม้เขาจะรู้อะไรไม่มาก แต่ระหว่างทางที่มาก็ได้ฟังที่ตระกูลหลินพูดถึงมาบ้าง บอกว่าหลินเหยาฝากตัวเป็ศิษย์กับยอดฝีมือต่างแดนผู้หนึ่ง คิดได้ว่าหลินเหยาน่าจะฝากตัวเป็ศิษย์กับสำนักของเกาะหลิงหวาเซียนแห่งทะเลตงไห่แน่นอน
เพราะการมาปรากฏตัวของหลินเหยา คนของทั้งสองตระกูลถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก นายหญิงตระกูลหลินเซี่ยจวินทั้งดีใจและโมโห ดีใจที่บุตรสาวไม่เป็อะไร และทุกอย่างเป็เพียงความเข้าใจผิด แต่ที่โมโห เพราะนางทำให้ทั้งตระกูลหลินและตระกูลลู่ทั้งสองตระกูลต้องมาระดมกำลังออกตามหานาง เพราะเหตุนี้จึงต้องมาติดหนี้บุญคุณตระกูลลู่อีกไม่น้อย
หากอาจารย์ของหลินเหยาไม่อยู่ที่นี่ด้วย นายหญิงตระกูลหลินเซี่ยจวินคงตวาดด่าบุตรสาวไปแล้ว แต่เมื่อตอนนี้เห็นอาจารย์ของบุนางอยู่ในเรือเหาะข้างๆ และมีคนนอกอยู่ด้วยไม่น้อย นางจึงต้องฝืนใจอดกลั้นไว้ และเหลือบมองบุตรสาวด้วยสายตาขึงขัง พลางพูดทิ้งท้ายว่า “กลับจวนเมื่อไร แม่จะจัดการกับเ้า ยังไม่พาพวกเราไปทักทายอาจารย์ของเ้าอีกหรือ?”
หลิงหวาฮูหยินถึงแม้จะมีพลังยุทธ์สูงส่ง แต่ก็มาจากสองในเจ็ดตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเทียนตู นางจึงไม่ได้วางมาดอะไร หลังจากทักทายกับทุกคนในที่นี้แล้ว ก็เริ่มพูดคุยกันตามปกติ
จากนั้นก็พูดคุยเื่จิปาถะไปตามประสาจนค่อยๆ เข้าสู่จุดประสงค์ที่หลีชิวเยวี่ยมาในครั้งนี้ จากนั้นนางก็แอบชำเลืองมองพินิจพิเคราะห์ลู่อวี่ ชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่ทางด้านขวา ในใจก็อดกังวลไม่ได้ บุรุษที่อายุน้อยเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็คนปรุงโอสถขั้นห้า หากเทียบกับคนปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงมานานเ่าั้ก็คงไร้ประสบการณ์และไม่ได้สั่งสมความรู้อะไรมากนัก สูตรยานี้ของนาง ปรมาจารย์โอสถผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งคิดค้นขึ้นมาให้โดยเฉพาะ แล้วคนปรุงโอสถธรรมดาๆ หน้าใหม่เช่นเขาจะมีความสามารถปรุงยาออกมาให้ได้อย่างไร มันน่าเหลือเชื่อนัก
หลีชิวเยวี่ยมีความกังวลผุดขึ้นมาบนใบหน้า ก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “เดินทางมาเทียนตูเซียนในครั้งนี้ ก็เพื่อลูกศิษย์ที่ได้รับาเ็ผู้นั้นของข้า เขามีนิสัยหัวรั้นมาั้แ่เกิด มักจะเป็เดือดเป็ร้อนแทนคนที่อ่อนแออยู่เสมอ ดังนั้นจึงมีสหายไม่น้อย ก่อนหน้านี้ไม่นาน เพื่อช่วยชีวิตสหายผู้หนึ่ง จึงเกิดต่อสู้กับปีศาจใหญ่ตัวหนึ่งกลางทะเล และถูกพลังจิตวิเศษหนึ่งทำร้ายเอา ทำให้จิตใจได้รับาเ็ หากไม่ใช่เพราะสูตรยาในมือของสหายผู้หนึ่งที่ได้มาจากท่านผู้าุโ ข้าก็อับจนหนทางแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้