จวินจิ่วเฉินรู้สึกประหลาดใจที่กูเฟยเยี่ยนมาขอให้เขาช่วยทวงหนี้กะทันหัน
ปฏิกิริยาแรกของเขาคือ “การเงินขัดสนแล้ว? ”
กูเฟยเยี่ยนรีบส่ายศีรษะพลางพึมพำเบาๆ “ค้างหนี้สินต้องชำระ มันคือหลักการของฟ้าดินที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ เวลาผ่านพ้นมานานถึงเพียงนี้ หานอวี๋เอ๋อร์ไม่แม้แต่จะคืนมาหนึ่งเหรียญทอง แม้กระทั่งคำบอกกล่าวก็ไม่มี ถังจิ้งช่วยหม่อมฉันทวงมาหลายครั้งแล้ว ในตอนแรกนางยังตอบจดหมายเน้นย้ำกลับมาว่าตนเองกลับไปที่ป้อมปราการตระกูลหานเมื่อใดก็จะรีบคืนทันที ต่อมานางกลับไปที่ป้อมปราการตระกูลหานแล้ว นางก็ไม่ตอบจดหมายอีกเลย…”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยพลางนำจดหมายที่ถังจิ้งมอบให้มายื่นแก่จวินจิ่วเฉิน นางไม่ได้เจตนาใส่ร้ายป้ายสี แต่มันคือความจริง พี่ถังจิ้งทวงจนรำคาญแล้ว นางแทบอยากจะรอให้ระยะเวลาครึ่งปีสิ้นสุดลง และไปทวงหนี้ที่ป้อมปราการตระกูลหานโดยตรง!
จวินจิ่วเฉินมองจดหมายที่หานอวี๋เอ๋อร์ตอบกลับถังจิ้งด้วยความเงียบสงบ
กูเฟยเยี่ยนแอบชำเลืองตามองเขาพลางเอ่ยต่อไป “เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันจนปัญญาจริงๆ จึงมาขอให้เตี้ยนเซี่ยช่วยเหลือ”
จวินจิ่วเฉินเปิดดูพลางซักถาม “ระยะเวลาที่นัดหมายไว้ในตอนแรกยังเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด? ”
กูเฟยเยี่ยนลอบดีใจจึงรีบร้อนตอบกลับ “ยังเหลือเวลาอีกประมาณสองเดือน เพียงแต่ตอนแรกคุณหนูสามตระกูลหานกล่าวไว้ที่หุบเขาเสินหนงด้วยตนเองว่า เมื่อนางกลับไปที่ป้อมปราการตระกูลหานก็จะคืนเงินทันที แถมยังกล่าวไว้ว่าต้องใช้ระยะเวลาครึ่งปีถึงจะกลับไป ดังนั้นหนังสือรับรองหนี้สินจึงเขียนเอาไว้ว่าต้องคืนเงินภายในครึ่งปี ไม่ใช่…ติดหนี้ครึ่งปี คุณหนูสามตระกูลหานกลับไปตั้งนานแล้ว”
จวินจิ่วเฉินพยักหน้าก่อนจะเอ่ยออกมา “รอก่อน”
รอก่อน?
นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
ให้นางรอหานอวี๋เอ๋อร์คืนเงินอย่างช้าๆ หรือให้นางรอเขาไปช่วยเร่งรัด?
ั์ตาของกูเฟยเยี่ยนทอประกายถึงความเ้าเล่ห์ หญิงสาวรีบเอ่ยออกมา “ขอบพระคุณเตี้ยนเซี่ย! เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะรอข่าวดีจากเตี้ยนเซี่ย! ”
นางไม่สนใจว่าเขาจะหมายความว่าอย่างไร นางจะขอบคุณไว้ก่อน เขาคงจะไม่บอกปฏิเสธใช่หรือไม่?
แต่ใครจะไปทราบว่าจวินจิ่วเฉินกล่าวเพิ่มเติม “รอที่นี่”
เขาเดินขึ้นไป้าทันทีที่เอ่ยจบ กูเฟยเยี่ยนสับสนงุนงงเหลือเกิน
เขาหมายความว่าอย่างไรกัน?
กูเฟยเยี่ยนรอคอยไม่นาน จวินจิ่วเฉินก็นำตั๋วเงินมากมายมายื่นให้นาง “นี่คือหนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญทอง เปิ่นหวางคืนให้เ้าแทนคุณหนูสามตระกูลหาน เ้านำหนังสือรับรองหนี้สินกับจดหมายเ่าั้มาให้เปิ่นหวาง”
อะไรนะ?
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
นางเชื่ออย่างแน่นอนว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยคือผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยควรที่จะไม่พอใจกับการกระทำของหานอวี๋เอ๋อร์สิ! ไม่นึกเลยว่าเขาจะคืนเงินแทนหานอวี๋เอ๋อร์!
จวินจิ่วเฉินเอ่ยเร่งรัด “หนังสือรับรองหนี้สินเล่า? ”
กูเฟยเยี่ยนเสียใจในภายหลังเหลือเกิน นางรับเงินหนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญทองนั่นมาด้วยความไม่เต็มใจอย่างถึงที่สุด จากนั้นจึงยื่นหนังสือรับรองหนี้สินที่พกติดกายให้เขา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่พอใจนัก แต่นางก็ยังคงแสดงออกถึงความเคารพนับถือ นางโน้มกายฝืนยิ้มอย่างมีความสุข “ขอบคุณเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
กูเฟยเยี่ยนปลีกตัวออกมาทันทีที่เอ่ยจบ นางลอบคิด ดูเหมือนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะถูกหานอวี๋เอ๋อร์มอมเมาไม่เบา! ทว่านางกับพี่ถังจิ้งยังมี “ภาระหน้าที่สำคัญและหนทางอันยาวไกล! ”
จวินจิ่วเฉินเลิกคิ้วมองแผ่นหลังของกูเฟยเยี่ยน
เขาไม่เข้าใจว่าหญิงผู้นี้มาฟ้องหานอวี๋เอ๋อร์หรือเเค่ตั้งใจมาทวงหนี้สิน? ทว่าสิ่งที่เขาไม่เข้าใจยิ่งกว่าคือคำพูดที่นางเคยเอ่ยออกมาตอนอยู่ในถ้ำ นางเอ่ยว่า “ชื่นชอบ” และเอ่ยว่า “ชื่นชอบทุกอย่าง” เขาไม่ทราบว่านางพูดออกมาจากใจจริงหรือแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น
จวินจิ่วเฉินยังคงครุ่นคิด ทว่าหมางจ้งเข้ามากระซิบแ่เบา “เตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ เหมยกงกงกำลังมา”
จวินจิ่วเฉินเลิกคิดมาก เขารีบลงไปด้านล่างกับหมางจ้งทันที ไม่ช้าเหมยกงกงก็เดินมาจากด้านหลังโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
จวินจิ่วเฉินมอบหมายงานแก่หมางจ้งก่อนที่จะขึ้นรถม้า “ตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของหานอวี๋เอ๋อร์”
เขาทราบดีกว่ากูเฟยเยี่ยนว่าหานอวี๋เอ๋อร์มีนิสัยและพฤติกรรมเช่นไร หากไม่ทราบว่าถังจิ้งเป็พยานบุคคล เขาก็จะไม่วางใจหนี้สินนี้ เดิมทีเขาคิดว่าหานอวี๋เอ๋อร์จะสามารถรวบรวมเงินได้ครบก่อนที่จะกลับป้อมปราการตระกูลหาน แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าหานอวี๋เอ๋อร์จะค่อนข้างขัดสน! มิฉะนั้นนางก็จะไม่สร้างปัญหาแก่ถังจิ้ง
บัดนี้หนังสือรับรองหนี้สินอยู่ในมือเขา ซึ่งเท่ากับว่าจุดอ่อนของนางก็อยู่ในมือเขาเช่นกัน เขาควรที่จะหาโอกาสไปซักถามถึงที่อยู่ของต้นหญ้าเฟิ่งหลีแล้ว
ได้ยินมาว่าระเบียบภายในป้อมปราการตระกูลหานนั้นเข้มงวดมาก ถึงแม้ว่าซูฟูเหรินจะรักและเอาอกเอาใจหานอวี๋เอ๋อร์มากที่สุด แต่เมื่อต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูล นางก็ไม่เคยไว้หน้าเช่นกัน เขาคิดว่าหานอวี๋เอ๋อร์ไม่้าให้หนังสือรับรองหนี้สินไปตกอยู่ในมือของซูฟูเหรินแน่นอน
หลังจากที่พักผ่อนแล้ว พวกเขาจึงออกเดินทาง
ทหารคุ้มกันหลายรายขี่ม้าพิทักษ์รักษาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รถม้าของเหมยกงกงอยู่ด้านหน้า รถม้าของจวินจิ่วเฉินอยู่ตรงกลาง กูเฟยเยี่ยนอยู่ท้ายสุด และหมางจ้งก็ปิดท้ายเพื่อป้องกันอีกที
การเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้เร่งรีบเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้มีเวลาเหลือล้น เส้นทางที่เหมยกงกงกับหมางจ้งเตรียมการมาเหมาะสมมาก พวกเขาสามารถค้างแรมในโรงเตี้ยม่เวลากลางคืน และออกเดินทาง่เวลากลางวันได้
เนื่องจากมีเหมยกงกงกีดขวาง ถ้าไม่มีเื่สำคัญ กูเฟยเยี่ยนก็จะไม่ไปพูดคุยกับจวินจิ่วเฉิน นางคุ้นชินกับการเดินทางอันเงียบเชียบเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
เทพบุตรนั้นเหมาะแก่การเคารพบูชาและมองดูจากระยะไกล สามารถพบเจอได้แต่มิอาจร้องขอได้ สามารถมองไกลๆ ได้แต่มิอาจจับต้องได้ การที่สามารถพบเจอเขาได้ในทุกๆ วัน นางก็พอใจมากแล้ว
กูเฟยเยี่ยนนั่งอยู่บนรถม้าคนเดียวด้วยความสะดวกสบาย นางยุ่งอยู่กับการบำเพ็ญญาณหวางเป่าติง และยุ่งอยู่กับการพิจารณาจดหมายลับบนใบสั่งยา ดังนั้นจึงไม่คิดว่าน่าเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามคือนางคิดว่าเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
ค่ำคืนวันนี้พวกเขามาถึงคูเมืองและกำแพงเมืองผิงหยางที่ใหญ่ที่สุดในใจกลางเทียนเหยียน และค้างแรมในโรงเตี้ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
เทียนเหยียนมีคูเมืองและกำแพงเมืองขนาดใหญ่สามแห่ง แบ่งออกเป็ เมืองจิ้นหยางทางตอนเหนือ เมืองผิงหยางทางตอนกลาง และเมืองกู่เยวี่ยทางตอนใต้ คูเมืองและกำแพงเมืองทั้งสามแห่งแทบจะอยู่ในเส้นทางเดียวกันที่เชื่อมโยงระหว่างเหนือจรดใต้ เมืองจิ้นหยางคือเมืองหลวง แต่เมื่อพูดถึงมุมมองทางการทหาร เมืองผิงหยางจะเป็หัวใจสำคัญที่สุด
จากเมืองผิงหยางไปทางทิศตะวันตกจะต้องผ่านป้อมปราการสำคัญสองแห่งถึงจะสามารถทะลุไปยังชายแดนตะวันตกของเทียนเหยียน ซึ่งมีพรมแดนติดกับอาณาจักรไป๋ฉู่
จากเมืองผิงหยางไปทางทิศตะวันออกจะต้องผ่านป้อมปราการสำคัญสองแห่งถึงจะสามารถทะลุไปยังชายแดนตะวันออก ซึ่งมีพรมแดนติดกับอาณาจักรว่านจิ้น
จากเมืองผิงหยางไปทางทิศใต้จะผ่านที่ราบเรียบซึ่งนำไปสู่ชายแดนใต้ของเทียนเหยียน ดินแดนเสวียนคงทางใต้ไม่มีการปกครองแบบอาณาจักร แต่เป็พื้นที่ของป้อมปราการตระกูลซ่างกวน ป้อมปราการตระกูลหาน และหอการค้าเสวียนคง
เทียนเหยียนมีสามกองทัพใหญ่ กองทัพที่หนึ่งควบคุมโดยตระกูลเฉิง ซึ่งประจำการอยู่ที่ชายแดนตะวันตก กองทัพที่สองควบคุมโดยตระกูลฉี ซึ่งประจำการอยู่ที่ชายแดนตะวันออก อีกหนึ่งกองทัพควบคุมโดยเทียนอู่ฮ่องเต้ และได้มอบให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเมื่อสามปีก่อน
กองทัพนี้ประจำการอยู่ใกล้เมืองผิงหยาง ถ้าไปทางทิศตะวันตกสามารถสนับสนุนกองทัพตระกูลเฉิงได้ ถ้าไปทางทิศตะวันออกสามารถสนับสนุนกองทัพตระกูลฉีได้ ถ้าไปทางใต้ก็สามารถปล่อยไว้ที่ชายแดนใต้ได้ แน่นอนว่าตำแหน่งนี้ยังเป็การป้องกันการก่อฏของตระกูลเฉิงกับตระกูลฉี เฝ้ารักษาเทียนเหยียนทางตอนเหนือ และรักษาป้อมปราการสำคัญของเมืองจิ้นหยาง
กูเฟยเยี่ยนตั้งใจทำการบ้านและศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเทียนเหยียนกับเสวียนคง นางทราบว่าการเดินทางในครั้งนี้ไม่เร่งรีบ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะต้องค้างแรมที่เมืองผิงหยางอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงให้ถังจิ้งส่งจดหมายไปที่เมืองผิงหยาง ทันทีที่นางมาถึงโรงเตี้ยมก็บอกกล่าวว่าเหน็ดเหนื่อยแล้วเข้าไปหลบซ่อนในห้อง
ผ่านไปไม่นานก็มีเด็กในร้านนำจดหมายมาให้ “คุณหนูใหญ่กู นี่คือจดหมายลับจากหุบเขาเสินหนง ข้าน้อยเก็บรักษาไว้สองวันแล้ว”
ครั้นกูเฟยเยี่ยนเปิดออกมาอ่าน นางก็แทบจะหัวเราะออกมา ถังจิ้งตอบกลับนางด้วยกระดาษสี่แผ่น ห้าถึงหกวิธีการ ทั้งเตรียมเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของหานอวี๋เอ๋อร์และเตรียมแนะนำตัวเลือกให้เทียนอู่ฮ่องเต้
กูเฟยเยี่ยนตั้งใจอ่านจนจบ ในตอนท้ายของจดหมายถังจิ้งเขียนถามนางว่าตกลงแล้วชื่นชอบจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยหรือไม่ และ้าที่จะแต่งงานเข้าจิ้งหวางฝู่หรือไม่
กูเฟยเยี่ยนใก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น!
นางชอบจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ชอบมากๆ แต่ไม่ได้ชอบแบบที่้าแต่งงานกับเขา!
กูเฟยเยี่ยนหยิบยกพู่กันมาเขียนตอบถังจิ้ง โดยขอให้ถังจิ้งวางแผนให้ดี รอให้นางกลับไปที่เมืองจิ้นหยางค่อยดำเนินการ
บัดนี้เหมยกงกงก็กำลังอ่านจดหมายเช่นกัน จดหมายนั้นมาจากเทียนอู่ฮ่องเต้ โดยที่เนื้อความกล่าวถึงหานอวี๋เอ๋อร์…