หลี่ฮูหยินเดาถูกแล้ว ตอนนี้นายหญิงใหญ่้าสืบเื่จากนางจริงๆ
เช้าตรู่วันนี้บ่าวไพร่ในจวนได้ยินข่าวลือจากด้านนอกว่าคุณชายสี่เลี้ยงอนุเอาไว้นอกบ้าน
เื่ที่เล่าลือนั้นราวกับมีคนได้เห็นเองกับตาทีเดียว
เช่นอนุที่คุณชายสี่โจวเลี้ยงเอาไว้คนนั้นเป็บุตรสาวของขุนนางขั้นสองในเมืองหลวง เช่นอนุนอกบ้านคนนั้นคลอดบุตรชายฝาแฝดออกมาแล้ว และที่โหดร้ายยิ่งกว่าคือสกุลโจววางแผนปีนป่ายขุนนางขั้นสองท่านนั้น ตั้งใจจะสังหารนายหญิงสี่ที่กำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดให้จากไปอย่างลับๆ เพื่อเปิดทางให้อนุคนนั้นได้ย้ายเข้ามาในจวน…
ข่าวลือเหล่านี้เพียงข้ามคืนก็โด่งดังไปทั่วเมืองชิงเหลียนประหนึ่งติดปีก ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับเหวี่ยงจอกน้ำชาทิ้งไปหลายใบด้วยความโมโห
เมื่อเช้านี้ราวกับปากของฮูหยินผู้เฒ่าพ่นไฟได้อย่างไรอย่างนั้น ตำหนินางผู้ทำหน้าที่ดูแลเรือนหลังไม่หยุด
นายหญิงใหญ่โจวได้แต่ข่มกลั้นความไม่พอใจ พยายามหาทางแก้ไขกับฮูหยินผู้เฒ่า แต่กลับทำอะไรไม่ได้แล้ว
เื่ของเื่คือนางยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร แล้วจะให้หาทางแก้ได้หรือ?
คนสกุลโจวไม่มีทางนำเื่นี้ออกไปเผยแพร่แน่นอน ตอนนี้นางป้องกันจวนเอาไว้ราวกับถังเหล็ก เื่ของเ้าสี่นั่นฮูหยินผู้เฒ่าปิดบังไว้แ่า กระทั่งสาวใช้ของฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังทราบเพียงไม่กี่คน
นอกจากนั้นก็พวกนายท่านคุณชายสกุลโจวทั้งหลาย ยังมีหม่าหมัวมัวข้างกายนางกับหมัวมัวที่อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า?
ใครเป็คนเปิดเื่นี้ออกไป?
ฮูหยินผู้เฒ่าสงสัยว่าเป็ฝีมือหลี่เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ กล่าวว่าเื่เหล่านี้ไม่มีเหตุบังเอิญ สาวใช้โง่งมข้างกายเสี่ยวจิ้วไท่ไท่ออกไปนอกจวนเมื่อวาน วันนี้ตอนเช้าก็มีข่าวลือแพร่ออกไปแล้ว
ดังนั้นนางจึงได้มาทดสอบดูว่าหลี่ฮูหยินคนนั้นกับสาวใช้ทราบหรือไม่
หลี่ฮูหยินทราบว่านายหญิงใหญ่โจวไม่ใช่คนที่อยู่ๆ จะมาพูดอะไรไร้สาระ จึงได้ถามด้วยความประหลาดใจ “จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า? ฮูหยินผู้เฒ่าเกินไปแล้ว ใครจะไม่เผลอละเลยไปบ้าง? ข้าเองก็เป็คนของจวนใหญ่ ทราบดีว่างานหนักหนาเพียงใด นายหญิงใหญ่อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
ที่จริงในเวลาที่หลี่ฮูหยินใจเย็นและถือไพ่เหนือกว่าเช่นนี้ก็ฝีปากคมกริบไม่น้อย ถ้อยคำมีแต่จะฟาดฟันให้นายหญิงใหญ่โจวตัวแข็งทื่ออีกครั้ง
นี่เป็การตำหนิว่าตระกูลนี้ไม่เอื้อเฟื้อ ละทิ้งญาติ ตำหนิฮูหยินผู้เฒ่า กระทั่งวิจารณ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางแม่สามีลูกสะใภ้
ยามนี้นายหญิงใหญ่โจวเริ่มเชื่อขึ้นมาว่าข่าวลือด้านนอกนั่นอาจจะเป็ฝีมือหลี่ฮูหยินจริงๆ ทำให้คิ้วตั้งขึ้น
แต่หลี่ฮูหยินกลับกล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดี “น้องสามีข้าโชคดีนัก ดูฮูหยินผู้เฒ่ามอบของให้นางราวกับสายน้ำนั่นสิ ประเดี๋ยวคลังเก็บของต้องว่างเปล่าแน่! อย่าตามใจน้องสามีข้ามากไปเลย อย่างไรก็ควรมอบให้สะใภ้คนอื่นๆ บ้าง!”
คำพูดของหลี่ฮูหยินคล้ายหนามทิ่มแทงใจนายหญิงใหญ่โจว คนโง่ๆ ก็ชอบกล่าวอวยพรโง่ๆ เช่นนี้หรือ?
สะใภ้สี่ั้แ่อยู่บ้านเดิมก็ประหนึ่งไข่ในหินไม่เคยประสบด้านมืดของมนุษย์ พอแต่งงานก็ได้รับการดูแลเป็อย่างดี ภายหลังเมื่อคุณชายสี่ลอบเลี้ยงคนเอาไว้นอกบ้าน เพื่ออนาคตสกุลโจวตอนนี้ก็ควรจะเอาอกเอาใจหลี่ซื่อต่อไป เป็สิ่งที่จำเป็ต้องทำ!
จะกินจะอยู่อย่างไรล้วนต้องคิดถึงนางก่อน กระทั่งอัญมณีเก่าแก่ล้ำค่าที่สืบทอดกันมาในสกุลโจวก็ยังถูกส่งมายังเรือนของหลี่ซื่อเช่นเดียวกับสะใภ้คนอื่นๆ กระทั่งการตกแต่งทั้งหลายในเรือนล้วนไม่ต่างกัน
แล้วหากยังไม่พอใจอีกเล่า?
ทีแรกก็ยังมองว่าง่ายดายยิ่งนัก ปล่อยไปเสียก็ได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่ทุกอย่างใกล้ผลิดอกออกผล ทว่ากลับมีคำเล่าลือเื่สกุลโจวตั้งใจฆ่าหลี่ซื่อกับเด็กในท้องเพื่อให้บุตรสาวขุนนางที่ถูกเลี้ยงไว้นอกบ้านคนนั้นได้ย้ายเข้ามา พอมีข่าวเช่นนี้แล้ว อย่างไรหลี่ซื่อกับบุตรก็ห้ามมีอุบัติเหตุเด็ดขาด!
หมอที่เคยมาตรวจหลี่ซื่อล้วนแต่เป็หมอปลอม ตอนนั้นใครจะสนว่านางเป็หรือตาย? หมอตำแยมาดูก็บอกว่าใกล้คลอดแล้วเด็กยังอยู่ในท่าไหล่ อันตรายถึงตาย นายท่านผู้เฒ่าสกุลโจวมีหรือจะไม่ยินดี?
แต่ยามนี้ล้วนเป็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ต้องเก็บหลี่ซื่อกับเด็กเอาไว้!
หาไม่ เื่สกุลโจวสังหารหลี่ซื่อเปิดทางให้อนุนอกบ้านจะต้องกลายเป็ความจริงที่ไม่น่าฟังแน่ เช่นนี้สกุลโจวมีแต่จะจบสิ้น…
นายหญิงใหญ่โจวหลับตาแล้วหลับตาอีก ขมับแทบจะปูดโปนไปหมด เื่นี้นางจะแก้ไขได้อย่างไร?
เห็นว่าเื่ที่ปิดบังไม่อยู่นี้กลับมาเกิดเื่ในอึดใจสุดท้าย อย่างไรก็ไม่น่าฟังคำฮูหยินผู้เฒ่าที่ตั้งใจเกลี้ยกล่อมทำให้เด็กในครรภ์หลี่ซื่อขยับผิดทิศเลย…
“แค่กๆ” นายหญิงใหญ่โจวกระแอมหลายครั้ง ก่อนจะยกยิ้ม “ไม่เป็ไรเ้าค่ะ รุ่นเราสี่คนนี้สะใภ้สี่เด็กที่สุด ฮูหยินผู้เฒ่าจะรักนางมากที่สุดก็ไม่แปลก”
สิ้นคำ นายหญิงใหญ่โจวก็ตวัดสายตาไปมองหลินฟู่อินที่มองสาวใช้ขนของดีเข้ามาด้วยสายตาสนอกสนใจ
นางยิ้ม กวักมือเรียกหลินฟู่อิน “เด็กดี มานี่มา”
หลินฟู่อินโคลงหัวไปมาแล้วมองนาง ก่อนจะเดินไปหานายหญิงใหญ่โจวด้วยรอยยิ้มกว้าง “นายหญิง วันนี้จะตกรางวัลเป็ของอร่อยๆ อะไรหรือเ้าคะ?”
หากเป็เมื่อวาน นายหญิงใหญ่โจวคงลุกขึ้นไปตบหน้าอีกฝ่ายแล้ว
แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ นางมองตาหลินฟู่อินอย่างละเอียด พอมั่นใจว่าสายตาอีกฝ่ายไม่หลุกหลิกแม้แต่น้อย ก็หันไปมองหลี่ฮูหยินแล้วยิ้ม “เด็กคนนี้นี่เหตุใดจึงคิดแต่เื่กินเสียได้?”
หลี่ฮูหยินหัวเราะ พูดด้วยท่าทีอ่อนใจ “ก็ควรเป็เช่นนี้ไม่ใช่หรือ? เด็กๆ ล้วนสนใจแต่กินกับเล่นทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?”
“เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ใจดีจริงๆ” รอยยิ้มของนายหญิงใหญ่โจวกดลึก ทว่ากลับไปไม่ถึงดวงตา
หลี่ฮูหยินเองก็ยิ้มโต้ “ตระกูลเรามีคติพจน์อยู่ คือให้ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความกรุณาปรานี อีกอย่างตระกูลข้ามีคนน้อย หมัวมัวสองคน สาวใช้ติดตามไม่กี่คน จึงไม่จำเป็ต้องโหดร้ายเกินไปนัก!”
“สมกับที่เป็ตระกูลของชิงเหลียนโดยแท้” นายหญิงใหญ่โจวฝืนใจชมออกไป แต่อึดใจต่อมาก็หันไปถามหลินฟู่อิน “เด็กดี บอกได้หรือไม่ว่าเมื่อวานเ้าไปซื้ออะไร? ข้าเห็นเ้าชอบกินนัก ให้ครัวใหญ่ทำให้กินดีหรือไม่?”
ได้ยินถ้อยคำปลอบใจเด็กที่ดูฝืนเหลือเกินนั่นหลินฟู่อินก็รู้สึกรำคาญใจนายหญิงใหญ่โจวที่ดูชั่วร้ายคนนี้ขึ้นมา
จึงได้จงใจยั่วโมโหอีกฝ่าย “นายหญิงใหญ่พูดจริงหรือเ้าคะ? ข้าชอบกินขนมถั่วเหลืองกับขนมถั่วลิสง”
อยากคุยกับข้าเหรอ? ก็จัดไปสิ!
นายหญิงใหญ่โจวได้ยินก็ขมับเต้นตุบด้วยความโมโห ดวงตาเหลือกขึ้น แทบจะเป็ลม
“นายหญิงใหญ่เป็อะไรไป? กลอกตาทำไมหรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินะโถาม
นายหญิงใหญ่โจวสูดลมหายใจเข้าลึก หวังให้ตัวเองหมดสติไปจริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจะได้ไม่บังคับให้นางทำเื่บ้าเื่บอนี่อีกใช่ไหมเล่า?
แต่จะมาเวียนหัวตอนนี้ไม่ได้ นางข่มใจเอาไว้ก่อนจะโบกมือไวๆ “ข้าไม่เป็ไร เหตุใดเ้าจึงเป็เด็กเช่นนี้นะ?”
หลี่ฮูหยินเอ่ยขัด “ก็บอกนายหญิงใหญ่แล้วว่าเด็กคนนี้ใสซื่อยิ่งนัก”
ทำให้นายหญิงใหญ่โจวคิ้วกระตุก “ข้า…”
พูดไม่ออก
นายหญิงใหญ่ซักไซ้หลายเื่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทว่าล้วนแต่ถูกหลินฟู่อินกับหลี่ฮูหยินสองคนร่วมมือกันเบนความสนใจไปมาจนคนโมโห ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้
นางลากร่างหนักๆ ของตัวเองกลับไปยังห้องในของฮูหยินผู้เฒ่าโจวด้วยใบหน้าที่กลายเป็สีเทา
ฮูหยินผู้เฒ่าภายนอกเป็คนใจดี ดูจากภายนอกใครจะคิดว่านางเป็คนโหดร้ายทารุณได้เพียงนี้?
“มาแล้วหรือ เป็อย่างไรบ้าง?” หญิงชรานั่งบนเก้าอี้ประธาน สีหน้ามืดมนมองนายหญิงใหญ่โจว
ผู้เป็สะใภ้ส่ายหน้าไปมา
“นางตัวไร้ประโยชน์! ให้ได้ความสักคำมายังทำไม่ได้เลยหรือ? แล้วยังจะทำอะไรได้อีก? หรือบ้านหลังนี้เ้าก็ไม่้าดูแลแล้ว?” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวผุดลุกจากเตียง ตำหนินายหญิงใหญ่ไม่หยุดปาก
ผู้เป็สะใภ้กลับทำอะไรไม่ได้ จึงค่อยๆ ปลอบประโลมอีกฝ่าย “ฮูหยินผู้เฒ่าอย่ากังวลไปเลยเ้าค่ะ ลูกสะใภ้เห็นว่าข่าวลือด้านนอกนั่นมิได้เกี่ยวข้องกับสกุลหลี่สองคนนั้นหรอก สาวใช้ของเสี่ยวจิ้วไท่ไท่คนนั้นโง่งมไม่ใส่ใจอะไร นอกจากกินแล้วจะรู้เื่อะไรได้?”
“ฮึ ยิ่งเกิดเื่มากปัญหายิ่งมาก!” ฮูหยินผู้เฒ่าส่งเสียงหงุดหงิดใจ “สะใภ้ใหญ่ เ้าจัดการเื่นี้ไม่ได้จริงๆ ใช่หรือไม่? หากทำไม่ได้ก็รีบบอกมา ข้าจะให้สะใภ้สามดูแลแทน!”
สีหน้าสะใภ้ใหญ่ขาวซีด สะใภ้สามกับนางต่อสู้แย่งชิงกันมาเกือบครึ่งชีวิต ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับจะให้คนผู้นั้นมาดูแลจวนแทนนาง แปลว่าโกรธมากจริงๆ ไม่ใช่หรือ?
“แต่ว่า… แต่ว่าท่านแม่เ้าคะ ต่อให้เป็ฝีมือเสี่ยวจิ้วไท่ไท่ของหลี่ซื่อจริง นางจะทราบเื่นี้ได้อย่างไรเ้าคะ?” สะใภ้ใหญ่ถามอีกครั้ง ก่อนหน้านี้นางพูดประโยคนี้ออกไปแล้ว แต่ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไรก็คิดว่าต้องเป็เพราะสตรีผู้นั้น
ฮูหยินผู้เฒ่าร้องเฮอะอีกคราว “ยังจะมาถามข้า ข้าเป็ใครกัน? ข้าบอกให้เ้าไปหาแต่กลับไม่ได้เื่ได้ราวแม้แต่น้อย!”
นายหญิงใหญ่โจวกล่าว “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ เื่นี้หลุดออกไปแล้ว หาตัวผู้อยู่เื้ัไปก็ไร้ประโยชน์ ควรจัดการรับมือกับข่าวลือข้างนอกก่อน”
อันที่จริงเื่นี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้บังคับให้สะใภ้ใหญ่เป็คนลงมือสืบเื่ราวแก้ปัญหา
ยามนี้เห็นสะใภ้ใหญ่พูดเื่นี้อีกครั้ง นางก็หงุดหงิดขึ้นมา “อย่ามัวแต่พูดร่ำไร จะแก้ปัญหาอย่างไรก็ว่ามา?”
ฟังน้ำเสียงสั่งการเช่นนี้ของแม่สามี นายหญิงใหญ่ก็คิดอยากหมุนตัวจากไปทันที ทว่าความจริงนั้นทำไม่ได้
เพราะเกิดเื่บ้านเ้าสี่ขึ้น บุรุษสกุลโจวจึงพาลโชคร้ายไปด้วย เื่นี้ไม่ใช่เพียงเื่ของคุณชายสี่ แต่เป็เื่ของทั้งตระกูล
หรือฮูหยินผู้เฒ่าโจวผู้ยิ่งใหญ่จะเริ่มเลอะเลือนเสียแล้ว เื่ภายในจวนล้วนเป็ฮูหยินผู้เฒ่าโจวที่ดูใจดีทว่าไร้ปรานีผู้นี้ตัดสินใจ หากคนกล่าวว่านางต้องเป็คนเสนอหนทางแก้ไข นางจะทำอะไรได้อีก หรือจะต้องสละอำนาจในมือทิ้งไปเล่า?
นายหญิงใหญ่โจวหลับตาลง จนเมื่อตัดสินใจได้ก็มองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยสายตาล้ำลึก “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ ในความเห็นของสะใภ้ เื่ภายนอกครั้งนี้แก้ไขง่ายดายนัก”
นางเคลื่อนไหวมือเป็ท่าทางปาดคอ
ฮูหยินผู้เฒ่าโจวแค่นเสียงเย้ยหยัน “ก็รู้ว่านางเป็ใครแต่ยังกล้าสังหาร? อีกอย่างนางยังคลอดหลานแฝดตัวอ้วนๆ ให้ข้าถึงสองคน สองคนเชียวนะ!”
นายหญิงใหญ่พูดไม่ออก ฮูหยินผู้เฒ่าคงมิได้ถูกผีเข้ากระมัง? ยังคิดถึงความร่ำรวยเกียรติยศอะไรนั่นอยู่อีกหรือ?
ไม่ทราบหรืออย่างไรว่านับแต่เ้าสี่นั่นก่อเื่ ไม่ช้าก็เร็วเื่ย่อมไปถึงหูของนายท่านผู้เฒ่าหลี่อยู่แล้ว?
ก่อนหน้านี้เื่ถูกปิดเอาไว้แ่าจึงไม่จำเป็ต้องเกรงกลัวนายท่านผู้เฒ่าหลี่หรือคนสกุลหลี่แต่อย่างใด
แต่ยามนี้เื่ที่สกุลโจวทำรั่วไหลออกไปแล้ว สกุลหลี่จะยังยอมให้อภัยสกุลโจวอีกหรือ?
ไม่ทราบหรืออย่างไรว่าหากสกุลโจวยังไม่อาจเกาะขาขุนนางขั้นสูงผู้นั้นได้ คนสกุลโจวอย่างไรก็ไม่อาจเทียบเคียงคนสกุลหลี่!
“ฮูหยินผู้เฒ่า เช่นนั้นก็อย่าเคลื่อนไหวใดเ้าค่ะ สิ่งสำคัญยามนี้คือรักษาหลี่ซื่อเอาไว้ให้ได้ ต่อให้หลี่ซื่อไม่รอด อย่างน้อยเด็กในท้องนางก็ต้องเก็บเอาไว้ให้ได้!” นายหญิงใหญ่สูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดเสียงเบา “หาไม่แล้วสกุลโจวย่อมต้องโดนตำหนิถึงบรรพบุรุษแน่นอน!”
“นางโง่ คิดได้แค่นี้หรืออย่างไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าเหยียดหยาม ดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉียบคม “เื่เ้าสี่เป็เส้นทางสู่ความสำเร็จที่เร็วที่สุดของตระกูลเรา เื่นี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาขวางแน่! กระทั่งสกุลหลี่ก็อย่าหวัง!”
นายหญิงใหญ่พูดไม่ออก ฮูหยินผู้เฒ่ายืนกรานเสียงแข็งเช่นนี้นางยังจะพูดอะไรได้อีก?
ฉับพลัน ฮูหยินผู้เฒ่าโจวก็ยิ้มแปลกประหลาด มองนายหญิงใหญ่แล้วถาม “สะใภ้ใหญ่ ทราบหรือไม่เหตุใดข้าจึงไม่คิดส่งเสี่ยวจิ้วไท่ไท่ผู้นั้นกลับบ้าน?”
“สะใภ้โง่งม ท่านแม่โปรดชี้แนะด้วยเ้าค่ะ” นายหญิงใหญ่โจวรีบตอบด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อมทันที
ที่จริงแม้ว่าแม่สามีคนนี้จะไร้ปรานีไปบ้าง แต่คนก็เฉลียวฉลาดยิ่งนัก ชีวิตนี้นางไม่อาจรับมือได้สักครั้ง ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าแม้จะส่งมอบหน้าที่ดูแลจวนให้นางแล้ว แต่ก็ยังคงสั่งการนางได้ไม่เลิกรา
ฮูหยินผู้เฒ่ามองนายหญิงใหญ่ด้วยสายตาดูถูก ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งผยอง “ข้าเตรียมการเอาไว้แล้ว หากมีอะไรผิดพลาดไป เช่นนั้นเสี่ยวจิ้วไท่ไท่ย่อมกลายเป็แพะรับบาปที่ดีที่สุด! หึหึ… พี่สะใภ้ทำร้ายน้องสะใภ้ เื่ใหญ่โตเช่นนี้ผู้คนล้วนคาดไม่ถึง ถึงยามนั้นข้าจะไปหาผู้เฒ่าหลี่ ให้เขาช่วยข้าดูแลลูกสะใภ้คนดีกับหลานชายตัวอ้วนๆ!”
ฟังคำของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว นายหญิงใหญ่ก็ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง!
เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าจึงโหดร้ายได้เพียงนี้…
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลโจวมองหน้านายหญิงใหญ่ที่ยามนี้สายตาปรากฏร่องรอยหวาดกลัว ราวกับนางเป็คนที่ถูกวางแผนทำร้ายเสียเอง
ฮูหยินผู้เฒ่ามองสีหน้าผวาของลูกสะใภ้ ในใจดูถูกอีกฝ่ายก่อนจะสบถด่า “ดูเ้าตกตะลึงเข้า ลูกไม้เล็กน้อยเพียงเท่านี้นับเป็อะไรได้? อีกหน่อยหากตระกูลเราทะยานสู่ฟ้า ได้ย่างเท้าเข้าเมืองหลวง เื่แค่นี้มีหรือจะไม่ต้องลงมือ?”
หัวใจของนางแข็งทื่อ คำว่าย่างเท้าเข้าสู่เมืองหลวงช่างยั่วยวนใจนัก
แน่นอนว่าในยามนี้แผนการของฮูหยินผู้เฒ่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว!
“ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ เื่นี้ให้ข้าจัดการอย่างไรดีเ้าคะ?”
ในที่สุดสะใภ้ใหญ่ก็มีประโยชน์เสียที ฮูหยินผู้เฒ่าโจวพยักหน้าให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีอ่อนลง ก่อนจะนั่งขัดสมาธิบนที่นั่งอีกครั้งแล้วพูดเสียงเบา “เื่นี้เ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเอง…”
เป็เพราะฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่เชื่อนาง นายหญิงใหญ่ตัวแข็งทื่อ
อีกฝ่ายโบกมือให้นางด้วยท่าทีหมดความอดทน “เอาละ ไปทำหน้าที่เ้าเสีย อย่าแสดงสีหน้าท่าทีอะไร ดูแลเสี่ยวจิ้วไท่ไท่ให้ดี”
ในยามที่นายหญิงใหญ่โจวจากห้องของหลี่ซื่อไปด้วยสีหน้าหม่นครึ้มตอนนั้น เส้นเชือกในใจหลินฟู่อินจึงคลายลง นางทราบว่าตอนนี้สกุลโจวเหลืออยู่แค่สองทางเลือกเท่านั้นแล้ว
หนึ่งคือจัดการเื่อนุภรรยานอกบ้านให้เรียบร้อยเสียภายในวันนี้ ซึ่งอาจหมายถึงการสังหารคนด้วยก็ได้
อีกทางหนึ่งคือการฆ่าปิดปาก แต่เป็การสังหารหลี่ซื่อ จากนั้นสังหารพี่สะใภ้ของหลี่ซื่อหรือก็คือหลี่ฮูหยิน แล้วค่อยแจ้งเ้าหน้าที่ทางการว่าหลี่ฮูหยินมีปากเสียงกับน้องสามีของตัวเองแล้วบังเอิญพลั้งมือสังหารคน กลายเป็หนึ่งศพสองชีวิต
จากนั้นฆาตกรจึงฆ่าตัวตายหลบหนีความผิด…
อย่างหลังนับได้ว่าชั่วร้ายเกินบรรยาย แม้อาจจะทำให้ผู้อื่นตั้งข้อสงสัยและเกิดข่าวลือขึ้นมา ขอเพียงสกุลโจวปฏิบัติตัวดีไม่พลั้งปากออกไป รักษาชื่อเสียงและสนิทสนมกับเ้าหน้าที่ทางการของชิงเหลียนเอาไว้ แปดถึงเก้าในสิบส่วนย่อมคล้อยตามว่าคนฆ่าตัวตายเอง
เมื่อมีหลักฐานกางออกมา ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลืออย่างไรก็ไม่กระทบต่อสกุลโจวไปอีกพักใหญ่
แต่สกุลโจวไม่มีทางคิดถึงว่าฝ่ายนางจัดแจงเขียนจดหมายแจ้งสกุลหลี่ไปแล้ว มีตัวแปรนี้เข้ามาเื่ก็ง่าย
หลินฟู่อินจึงตัดสินใจลงมือ
เมื่อนางทราบว่าสกุลโจวคิดสังหารคน นางเองก็อยากจะให้คนบ้านนี้ได้เห็นฝีมือนางโดยไวเช่นกัน
แน่นอนว่าตอนนี้นางออกนอกจวนสกุลโจวไม่ได้ แต่คนด้านนอกยังเข้ามาได้อยู่
อย่างเช่นหลิวฉิน
ถึงเวลาอาหารกลางวันอีกแล้ว ครั้งนี้นายหญิงใหญ่โจวเป็ผู้นำคนให้ยกอาหารมาให้ด้วยตนเอง ทั้งยังเชิญหลี่ซื่อและหลี่ฮูหยินให้ไปร่วมโต๊ะกัน
หลินฟู่อินยืนอยู่เื้ัหลี่ฮูหยิน เมื่อเห็นอาหารที่หลั่งไหลมาบนโต๊ะ หลี่ซื่อยิ้มแย้มพูดคุยกับหลี่ฮูหยิน ในใจนางก็เกร็งเขม็งอีกครั้ง
ดูไม่ค่อยปกติ เท่าที่นางทราบ อาหารของหลี่ซื่อล้วนจัดเตรียมเป็พิเศษจากครัวใหญ่ของจวนสกุลโจว นายหญิงใหญ่โจวไม่ปล่อยให้หลี่ซื่อร่วมรับประทานอาหารกับคนอื่นๆ กล่าวว่าหลี่ซื่อชอบความสงบ เกรงว่ามีคนมากจะทำให้นางรู้สึกไม่ดี
แต่เหตุใดวันนี้กฎจึงเปลี่ยนไปเสียแล้ว? ไม่มีสัญญาณล่วงหน้ามาก่อนเสียด้วย
สายตาของเด็กสาวเย็นเยียบ จับจ้องอาหารบนโต๊ะ อาหารเหล่านี้คงไม่มีอะไรผิดปกติกระมัง? หรือจะเป็ ‘งานเลี้ยงหงเหมิน’ กันแน่!
นายหญิงใหญ่โจวนั่งลงแล้ว หลี่ฮูหยินนั่งที่ตำแหน่งประธาน หลี่ซื่อนั่งรองลงมา ส่วนนายหญิงใหญ่โจวนั่งตรงที่นั่งสุดท้าย
คนยิ้มแย้ม ยกเอากาสุรากระเบื้องขาวขึ้นมาแล้วลุกขึ้นรินสุราให้หลี่ซื่อด้วยตัวเอง “เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ วันนี้ข้าขอร่วมดื่มกับท่านสักหลายจอก ถือเป็การขออภัยในความละเลยของข้าที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้!” นางรินสุราให้หลี่ฮูหยินเต็มแก้ว
แม้ไม่ทราบว่าในสุราอีกฝ่ายจะใส่อะไรไว้ แต่ก็ยังยิ้มรับไม่ตบหน้าคนที่ยิ้มให้ “เคร่งเครียดเกินไปแล้ว”
นายหญิงใหญ่โจวมองหน้าหลี่ฮูหยินแล้วพูดอีกครั้ง “สะใภ้สี่ เ้ากำลังท้องกำลังไส้จึงดื่มสุราไม่ได้ จะดื่มชาก็ไม่ดีอีกเช่นกัน สิ่งนี้เป็น้ำกุหลาบที่ฮูหยินผู้เฒ่าซื้อมาจากพ่อค้าเป่ยหรงในราคาสูง สิ่งนี้เ้าดื่มได้เล็กน้อย จะได้ร่วมดื่มกับพี่สะใภ้ได้ ถือเป็การขอโทษจากข้าด้วย”
สะใภ้สี่จากสกุลหลี่มองหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยสีหน้างุนงง นางยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพี่สะใภ้ผู้นี้ไปล่วงเกินผู้อื่นเข้าแล้ว
ดังนั้นสีหน้าจึงแข็งทื่อไป
อีกอย่าง นางไม่ชอบน้ำกุหลาบแม้แต่น้อย สมัยอยู่บ้านเดิม นางล้วนดื่มมาหมดแล้วทั้งสิ้น
แต่จะกล่าวในยามนี้ย่อมไม่เหมาะสม
นางอายเกินกว่าจะกล่าว
หลินฟู่อินหัวเราะแล้วพูด “ดูสิเ้าคะ นายหญิงสี่ไม่ชอบดื่มน้ำกุหลาบ นายหญิงใหญ่ให้ข้าดื่มแทนเป็อย่างไรเ้าคะ?”
“จะได้อย่าง…” สีหน้านายหญิงใหญ่โจวเปลี่ยนทันควัน ทว่านางหยุดกลางคัน
หลี่ซื่อหัวเราะ “หากเด็กคนนี้ชอบก็ยกให้นางเถอะเ้าค่ะ ข้าไม่เป็ไร ประเดี๋ยวดื่มน้ำเปล่าร่วมกับพี่สาวทั้งสอง”
หลินฟู่อินรับขวดสีแดงที่บรรจุน้ำกุหลาบมาด้วยสีหน้ายินดี รีบเปิดจุกไม้แล้วยกขึ้นดม ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้