หยางเฉินลัดเลี้ยวเข้าไปผ่านซอกซอยอันเร้นลับ แล้วตรงเข้าไปในบ้านสไตล์จีนโบราณที่มีสวนเล็กๆ อยู่ตรงกลางบ้าน รอบๆ ข้างประดับด้วยต้นแปะก๊วย และหญ้าที่ขึ้นรก ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีคนดูแลทำความสะอาดมานาน
แต่ในขณะนั้นเองชายสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างภูตพราย หนึ่งคนในนั้นสวมชุดทหารสีเขียวเข้ม ด้านหลังของเขาเป็ชายที่สวมชุดจีนโบราณและเขาคือฮุยอี ผู้คุ้มกันของหลินจื้อกั๋วนั้นเอง
ั้แ่เหตุการณ์ในทิเบต ทำให้ความรู้สึกของหยางเฉินที่มีต่อหลินจื้อกั๋วนั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ และเขาก็รู้ดีว่าทำไมหลินรั่วซีและอาจารย์หยุนเหมี่ยวถึงไม่อาจยอมรับชายผู้นี้ได้
ส่วนฐานะหัวหน้ากองพลน้อยเหยียนหวงนั้น หยางเฉินไม่สนใจพวกเขาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นหลินจื้อกั๋วปรากฏตัว หยางเฉินก็ถามขึ้นว่า "ให้ฮุยอีพาผมมาที่นี่ มีเื่อะไรงั้นเหรอ?"
"นายยุ่งมากหรือไง?" หลินจื้อกั๋วจ้องมองหยางเฉินด้วยสายตาจริงจัง
"ถ้าไม่มีเื่อะไรสำคัญ งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน” หยางเฉินไม่้าที่จะพูดอะไร เขาไม่ชอบพวกคนแก่ไร้เหตุผลมาั้แ่ไหนแต่ไรแล้ว
หลินจื้อกั๋วขมวดคิ้วกล่าวว่า "หยางเฉิน ฉันเป็ผู้าุโ นายไม่มีสัมมาคารวะบ้างเลยหรือไง?”
หยางเฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวอย่างไม่แยแส "ถ้ารั่วซียอมรับในตัวคุณเมื่อไหร่ ผมก็จะยอมรับคุณด้วย”
"รั่วซีแกล้งทำเป็ไม่สนใจฉัน นายไม่เห็นหรือไง?"
"ผมเห็นแค่ว่า คุณเป็คนแก่คนหนึ่งเท่านั้น" หยางเฉินเริ่มจะหมดความอดทน "ผมไปล่ะ"
หลินจื้อกั๋วจ้องมองหยางเฉินเขม็ง บรรยากาศที่แผ่ออกมารอบกายของเขาเป็ไปด้วยความคุกรุ่น!
"ทัศนคติของนาย ทำให้ฉันผิดหวังมาก!"
หยางเฉินไม่สนใจหลินจื้อกั๋วโดยสิ้นเชิง ถ้าชายผู้นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหลินรั่วซี หยางเฉินคงตบกบาลแยกไปนานแล้ว
"คุณทำหน้าที่ของคุณไปเถอะ ความอดทนมีขีดจำกัด ทางที่ดีคุณควรอยู่เงียบๆ ไปจะดีกว่า" หยางเฉินกล่าวขึ้นอย่างเ็า
ใบหน้าของหลินจื้อกั๋วแดงก่ำ ลมหายใจถี่รัว เขา้าแสดงสถานะของผู้าุโให้หยางเฉินเห็น แต่คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินไม่เพียงไม่สนใจ แต่ยังมีท่าทีต่อต้านเขาอย่างสมบูรณ์
แล้วที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือหยางเฉินดูเหมือนจะเห็นดีเห็นงามเช่นเดียวกับหลินรั่วซี
เดิมที่หลินจื้อกั๋วคิดจะใช้ความสัมพันธ์ของเขากับหลินรั่วซีให้การเอาชนะหยางเฉิน แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะต้องล้มเลิกแผนนั้นเสียแล้ว
หรือมันจะเร็วไปหรือเปล่านะ? หลินจื้อกั๋วถามตัวเองในใจ
แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมา สายตาเต็มไปด้วยความจริงจัง
"ฮุ่ยเอ๋อร์จะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่?"
"ฮุ่ยเอ๋อร์ไหน?" หยางเฉินเอ่ยออกมาอย่างงุนงง
"ฮุ่ยหลินหลานสาวของฉัน"
หยางเฉินจำได้ว่า แม่ชีหยุนเหมี่ยวนั้น้าส่งมอบเื่ชวนปวดหัวมาให้เขา
"นี่คุณยังไม่ได้คุยกับแม่ชีหยุนเหมี่ยวอีกหรือไง ผมขอบอกคุณไว้เลยนะว่าผมไม่มีเวลามาดูแลแม่ชีน้อยผู้นั้นหรอก”
"แล้วนายคิดว่าหยุนเหมี่ยวจะฟังฉันหรือไง?" หลินจื้อกั๋วกล่าว
หยางเฉินเอามือก่ายหน้าผากพร้อมกล่าวว่า "คุณก็ให้ลูกน้องจัดการแทนสิ"
"หึ" หลินจื้อกั๋วดูเหมือนจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง "นายแต่งงานกับรั่วซีแล้ว ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฮุ่ยหลินอีกเป็อันขาด"
"แล้วทำไมผมต้องหาเื่ใส่ตัวด้วย อันที่จริงฮุ่ยหลินเองก็มีฐานะเป็น้องสะใภ้ของผม กระต่ายย่อมไม่กินหญ้าอ่อนอยู่แล้ว" หยางเฉินส่ายหัว
"อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่า นายแอบมีผู้หญิงข้างนอกบ้านมากมาย" หลินจื้อกั๋วกล่าวอย่างระแวงว่า "แล้วถ้าเกิดเวลานั้นมาถึง นายจะทำอย่างไรกับฮุ่ยหลิน?"
หยางเฉินกล่าวอย่างทุกข์ทนว่า "ถ้าผมรู้ ผมจะกังวลอยู่เช่นนี้ไปทำไม?"
"งั้นฉันจะให้คำแนะนำแก่นายก็แล้วกัน" หลินจื้อกั๋วกล่าว
"คำแนะนำอะไร"
"ให้ฮุ่ยหลินอาศัยอยู่กับนายและรั่วซีซะสิ"
หยางเฉินจ้องมองหลินจื้อกั๋วอย่างไม่เชื่อสายตา รั่วซีและฮุ่ยหลินสมควรเป็ ‘ศัตรูต่อกัน’ เพราะคนหนึ่งเกิดจากภรรยาหลวง อีกคนหนึ่งเกิดจากภรรยาน้อย แล้วเสือสองตัวจะอยู่ในถ้ำเดียวกันได้อย่างไร
"ฮุ่ยหลินกับหลินรั่วซีน่ะหรือ?" หยางเฉินไม่สามารถเข้าใจคำพูดของหลินจื้อกั๋วได้
แววตาของหลินจื้อกั๋วปรากฏร่องรอยของความอ่อนโยน "ฮุ่ยหลินอ่อนว่ารั่วซีไม่กี่วัน รั่วซีเกิด 5 กันยายน ส่วนฮุ่ยหลินเกิด 15 กันยายน"
"โอ้ใช่... อีกอย่าง ของฮุ่ยหลินเล็กกว่าจริงๆ" หยางเฉินกล่าว
หลินจื้อกัวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "นี่แกกล้าคิดอกุศลกับฮุ่ยหลินอย่างนั้นหรือ?!"
"ก็แล้วไงล่ะ! ผมเป็ลูกผู้ชายมากพอ กล้าทำ กล้ารับ ไม่เคยปิดบังเหมือนคุณ ที่แม้แต่หลานสาวยังไม่ยอมเรียกปู่" หยางเฉินกล่าว
"แก!" หลินจื้อกั๋วกัดฟันกรอด แต่ยังคงไม่อยากเถียงกับเด็กรุ่นเยาว์ในเื่ไร้สาระ!
หยางเฉินรู้ว่าหลินจื้อกั๋ว้าให้หลานสาวทั้งสองรักใคร่สมานฉันท์กัน และลืมเื่ราวในอดีตไป
เขาคิดว่าวิธีนี้ค่อนข้างเป็ไปได้ยาก ไม่ช้าก็เร็วหลินรั่วซีย่อมต้องรู้ถึงตัวตนของฮุ่ยหลิน และนั่นอาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้ในภายหลัง
"มีเื่อื่นอีกหรือเปล่า?" หยางเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
หลินจื้อกั๋วครุ่นคิดสักครู่ก่อนกล่าวว่า "ศิลาเทพเ้ายังอยู่ในมือนายใช่หรือเปล่า?"
ดวงตาของหยางเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที "บุปผาพิรุณไม่ได้บอกคุณหรือไง ว่าผมโยนหินนั่นให้พวกนินจาไปแล้ว"
"นั่นเป็ของปลอม" หลินจื้อกั๋วจ้องมองหยางเฉินและสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่างๆ รวมทั้งการแสดงออกทางสีหน้า แต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้ประโยชน์
หยางเฉินกล่าวตามตรงว่า "ผมผลักภาระไปให้พวกนินจาแล้ว และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมันอีก"
"ถึงปากของนายจะพูดว่ามันไร้ค่า แต่ใจนายย่อมเข้าใจดีว่าถ้ามันตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น โลกนี้จะไม่สุขสงบอีกต่อไป แน่นอนว่านายคงไม่อยากให้เกิดเื่แบบนั้นขึ้นเป็แน่" หลินจื้อกั๋วกล่าวต่อว่า "ดังนั้นนายจึงส่งศิลาเทพเ้าของปลอมไปให้พวกนินจา และทำให้พวกนั้นตกเป็ที่หมายตาจากทุกองค์กรทั่วโลก ฉันพูดถูกหรือเปล่า?”
หยางเฉินหัวเราะกล่าวว่า "นี่เป็แค่การคาดเดาของคุณเท่านั้น โทกุงาวะ โชวจิ ไม่เพียงแต่ฝึกฝนศาสตร์แห่งการสังหารจนถึงขั้นสุดยอด แต่เขายังทำให้องค์กรแปดนินจากลายเป็องค์กรชั้นนำของโลก"
หลินจื้อกั๋วหัวเราะขึ้นกล่าวว่า "แต่เท่าที่ฉันรู้ ตอนนี้โทกุงาวะกำลังประสบปัญหาใหญ่ เพราะกลุ่ม ''ทาคามากาฮาระ'' ของญี่ปุ่นนั้นเตรียมตัวบุกโจมตีนิกายยามาตะแล้ว"
"ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าศิลาเทพเ้าไม่ได้อยู่ที่ผม ดังนั้นกองพลน้อยเหยียนหวงก็อย่าได้มารบกวนชีวิตส่วนตัวของผมอีก ผมกลับมาที่นี่เพราะ้าจะพักผ่อนเท่านั้น ไม่้าต่อสู้กับพวกคุณ แต่ผมขอบอกตามตรงพวกคุณยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม" หยางเฉินกล่าวอย่างเ็าพลางหันหลังเตรียมเดินออกจากบ้านไป
เมื่อหยางเฉินจากไปแล้ว ฮุยอีที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้นว่า "นายท่าน ศิลาเทพเ้านั่นเป็ของปลอมจริงๆ หรือขอรับ?"
หลินจื้อกั๋วส่ายหัว "...ฉันก็ไม่รู้ แต่หลังจากพวกกลุ่มนินจาได้ศิลาเทพเ้าไป พวกมันก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก จิ้งจอกเฒ่าโทกุงาวะเ้าเล่ห์ยิ่งนัก บางทีมันเองก็ไม่รู้ว่าเป็ของจริงหรือของปลอม ดังนั้นเลยใช้แผนเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหว"
"ถ้ามันเป็ของปลอมจริงๆ แล้วศิลาเทพเ้าของจริงอยู่ที่ไหนล่ะขอรับ?" ฮุยอีถาม
"หยางเฉินเป็คนเดียวที่รู้ว่าศิลาเทพเ้าอยู่ที่ไหน" หลินจื้อกั๋วกล่าวอย่างเหนื่อยล้าว่า "ไปเถอะ พวกเราต้องกลับไปที่ปักกิ่ง จงไห่ไม่สามารถรับมือกับพวกนินจาได้เพียงพอ เรียกสมาชิกกลุ่มัที่สองกลับมา เราต้องเตรียมกำลังรบไว้ให้พร้อม”
"นายท่าน ผมคิดว่าหยงเย่ยังไม่เหมาะสมจะเป็ผู้นำของกลุ่มัที่สองขอรับ” ฮุยอีกล่าว
หลินจื้อกั๋วถอนหายใจพลางกล่าวว่า "ฉันเองก็รู้เื่นี้ดี แต่ประเทศของเราแตกต่างจากยุโรปและอเมริกา แม้ว่าเราจะมีกลุ่มแปดพิสดารที่เป็อิสระจากรัฐบาล แต่พวกเราก็ยังไม่อาจตัดขาดจากรัฐบาลได้ หยงเย่ยังอายุน้อย เขายังขาดประสบการณ์อยู่มาก ค่อยๆ สอนเขาไป ไม่ช้าเขาจะเป็ผู้นำที่ดีได้"
ฮุยอีก้มหน้ากล่าวว่า "ขอรับนายท่าน"
"แล้วการเคลื่อนไหวกำลังทหารของหยางพั่วจวิน จากตระกูลหยางมีความผิดปกติหรือไม่?" หลินจื้อกั๋วถาม
ฮุยอีพยักหน้าและกล่าวว่า "ใช่ครับ ตระกูลหยางกับตระกูลหยวนเกี่ยวดองกัน นั่นทำให้หยางพั่วจวินส่งกำลังทหารมาช่วยจัดการกับแก๊งตงซิ่งที่กำลังมีปัญหากับตระกูลหยวนอยู่"
"หยางกงิไม่ธรรมดาจริงๆ อีกไม่นานกำลังทหารทั้งหมดคงตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา" หลินจื้อกั๋วมีใบหน้าที่เศร้าหมองลง
"ตระกูลหยางกับตระกูลหลินของเราแข่งขันกันมาตลอด แต่ตอนนี้ตระกูลหยางมีทายาท โดยมีหยางพั่วจวินเป็เสาหลัก แต่ตระกูลหลินนี่สิ ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ"
"นายท่าน ข้าได้ข่าวเกี่ยวกับหยางพั่วจวินมาโดยบังเอิญ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยันแน่นอน แต่ดูเหมือนเื่นี้มีจะความเป็ไปได้อยู่พอสมควร..." ฮุยอีมีท่าทางลังเลเล็กน้อย
"เื่อะไร?" หลินจื้อกั๋วกล่าว
ฮุยอีกระซิบที่ข้างหูหลินจื้อกั๋วอย่างแ่เบา ไม่ยอมให้ผู้ใดได้ยินนอกจากเ้านายของตน...
ทันใดนั้นเองใบหน้าของหลินจื้อกั๋วก็ตกตะลึงขีดสุด จากนั้นจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็สงบนิ่ง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้