นางแซ่หลี่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจดูเหมือนนางจะไม่คิดว่าหลี่ฉีที่ถูกคนรังแกตามใจชอบั้แ่วัยเด็กคนนั้นถึงกับกล้าพูดกับนางแบบนี้พลันคำรามอย่างดุร้ายว่า “วาจานี้ของเ้าหมายความว่าอะไร?”
“หมายความว่าอะไรท่านป้าย่อมรู้ดีกว่าข้าเกียรติของท่านในยามปกติล้วนเป็เพราะทุกคนคิดประจบจวนอัครมหาเสนาบดี ถ้าทุกคนรู้ว่าตำแหน่งของท่านในจวนอัครมหาเสนาบดีตกต่ำเพียงใด...เกรงว่าท่านจะไม่มีหน้าออกจากประตูจวนเสียแล้ว” หลี่ฉีกล่าวอย่างเ็า ไม่ไว้หน้านางแซ่หลี่เลยสักนิด
นางแซ่หลี่บีบมือที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อคลุมไว้แน่นโกรธจนเกือบจะเป็ลมแล้ว
ครั้งนี้นางนับว่าคำนวณพลาดแล้วจริงๆไม่เพียงแต่ทำร้ายซูเฟยซื่อไม่ได้ แต่ยังเอาตนเองเข้าไปในมือของหลี่ฉีคนถ่อยคนนี้
แต่ถ้านางใช้ชีวิตผ่านไปได้ไม่ดีก็จะไม่ปล่อยให้ซูเฟยซื่อใช้ชีวิตผ่านไปได้ด้วยดีเช่นกัน
นางแซ่หลี่กัดฟันแล้วรีบจัดท่าทางแสดงให้เห็นถึงความสง่างามที่ภรรยาของจวนอัครมหาเสนาบดีในยามปกติควรเป็ออกมาทันที“ในเมื่อตอนนี้นายท่านถูกซูเฟยซื่อนังสารเลวน้อยคนนั้นปั่นจนหลงไปแล้วอย่างไร? เ้าอย่าลืมว่าโหยวเอ๋อร์ยังคงเป็พระสนมคนโปรดอยู่ในวังหลัง แม้ว่าเซียงเอ๋อร์จะเป็พระชายาของซีอ๋องแต่ข้ายังมีเถียนเอ๋อร์อีกคนหนึ่ง เพียงอาศัยสิ่งเหล่านี้ตำแหน่งนายหญิงของจวนอัครมหาเสนาบดีก็จะไม่เปลี่ยนได้โดยง่ายขอเพียงข้ายังเป็นายหญิงของจวนอัครมหาเสนาบดี เ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้กับข้าได้”
หลี่ฉีอึ้งไปแม้แต่การแสดงออกบนใบหน้าล้วนแข็งทื่อไปหมด
เมื่อครู่เขาถูกซูเฟยซื่อทำให้โกรธจนเลอะเลือนไปแล้วนางแซ่หลี่พูดถูก แม้อูฐจะผอมแต่ก็มีขนาดใหญ่กว่าม้า ต่อให้นางตกอับล้มลงไปก็ยังมีฐานะดีกว่าตนมาก
หลี่ฉีกลอกตาไปคราหนึ่งรีบหัวเราะชมเชย “ท่านป้าพูดถูกเมื่อครู่หลานถูกซูเฟยซื่อทำให้โกรธจนเลอะเลือนไปแล้วจึงพูดจาเหลวไหลแบบนั้นออกมายังขอท่านป้าอย่าได้นำมาใส่ใจขอรับ”
นางแซ่หลี่ส่งเสียงฮึ่มอย่างเ็าเสียงหนึ่งผ่านครั้งนี้ นางนับว่าเห็นไส้ในของหลี่ฉีอย่างชัดเจนแล้ว ไหนเลยยังจะเชื่อเขาอีก?
แต่สำหรับนางแล้วหลี่ฉียังพอมีค่าให้ใช้ได้ คิดแล้ว นางแซ่หลี่ก็รีบคลี่รอยยิ้มออกมา“เ้าเป็หลานชายของข้า เพียงกล่าวพลาดไปประโยคหนึ่ง ข้าจะโทษเ้าได้อย่างไรกัน? เพียงแต่เมื่อครู่เ้าว่าให้มอบซูเฟยซื่อให้เ้า? หรือว่าเ้ามีความคิดอะไรดีๆ?”
พูดถึงซูเฟยซื่อความจงเกลียดจงชังในดวงตาของหลี่ฉีก็ปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน “ท่านป้าวางใจเถิดครั้งนี้ข้าต้องให้ซูเฟยซื่อชดใช้ให้ได้ขอรับ”
“งั้นหรือ? เ้าอย่าได้ดูแคลนซูเฟยซื่อนักถ้าสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายแบบนั้น ข้าคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก” นางแซ่หลี่กล่าวพลางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นเยือก
ได้ยินน้ำเสียงของนางแซ่หลี่หลี่ฉีก็ตระหนักได้ว่าซูเฟยซื่อไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น จึงก้มลงไปกระซิบแผนการของเขาให้นางแซ่หลี่ฟัง
ดวงตาทั้งคู่ของนางแซ่หลี่พลันสว่างขึ้นทันที“ดี ให้ซูเฟยซื่อต้องมีคราที่เรียก์ ์ไม่ตอบ เรียกพสุธา พสุธาไม่สนใจ”
“คุณหนูตระกูลหลี่ส่งบัตรเชิญมาเ้าค่ะ” ยามเช้าซางจื่อก็เอาซองแดงซองหนึ่งเข้ามา
ตระกูลหลี่ส่งบัตรเชิญมา? ซูเฟยซื่อเลิกคิ้วเมื่อคืนนางเพิ่งตีหลี่ฉี เช้านี้ตระกูลหลี่ก็ส่งบัตรเชิญมาเสียแล้วด้วยฐานะของหลี่ฉีในตระกูลหลี่ นางเดาเนื้อหาในบัตรเชิญนี้ไม่ถูกจริงๆ
ตำหนิโทษอีกฝ่าย? เ้าบ้านตระกูลหลี่ไม่ได้รักหลี่ฉีมากขนาดนั้น!
ขอบคุณนางหรือ? นี่ก็เป็ไปไม่ได้!
ซูเฟยซื่อคิดเหตุผลไม่ออกจึงรับบัตรเชิญมาอ่านเสียเลย อ่านจบก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ซางจื่อเห็นเช่นนี้ก็รีบถามว่า“คุณหนู ในบัตรเชิญเขียนอะไรไว้เ้าคะ?”
“ตระกูลหลี่มาขอโทษและอ้างว่าเมื่อคืนหลี่ฉีกังวลใจมาก อยากเชิญข้าไปที่จวนเพื่อกินข้าวสักมื้อหวังให้ทั้งสองคนคืนดีกัน”ซูเฟยซื่อกล่าวจบก็โยนบัตรเชิญทิ้งไว้บนโต๊ะ
“ดูไม่ออกเลยว่าตระกูลหลี่จะมีมารยาทมากเช่นนี้นางแซ่หลี่กับหลี่ฉีคงไม่ใช่ถูกเก็บมาเลี้ยงหรอกนะเ้า” น้ำเสียงของซางจื่อแฝงแววเยาะเย้ย
ซูเฟยซื่อหัวเราะคิกออกมา“เ้าว่าใครเป็คนที่เก็บมาเล่า”
รู้ว่าที่ซูเฟยซื่อพูดเป็เื่เมื่อครั้งก่อนซางจื่ออดไม่ได้ที่จะมุมปากกระตุกอย่างกระอักกระอ่วน “คุณหนูครั้งที่แล้วเป็ซางจื่อพลั้งปาก...”
“ข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจใช่แล้ว ตระกูลหลี่นอกเหนือจากส่งบัตรเชิญมาแล้ว ยังได้พูดอะไรอีกหรือไม่?” บนบัตรเชิญไม่ได้ระบุเวลาแน่ชัดดังนั้นซูเฟยซื่อคิดว่าคนที่ส่งบัตรเชิญต้องทิ้งคำพูดเอาไว้แน่
“ไม่มีเ้าค่ะเพียงแต่รถม้าของตระกูลหลี่ได้รออยู่ที่นอกประตูจวนแล้ว คิดว่าคุณหนูจำเป็ต้องไปตอนนี้เ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อได้ยินวาจาก็อึ้งไปเล็กน้อยหลุดปากพูดออกมา “ไปตอนนี้?กินอาหารเช้าหรือกินอาหารกลางวันกัน!”
เื่นี้นับว่ามีพิรุธอยู่บ้างกล่าวกันตามเหตุผลแล้ว ตระกูลหลี่ไม่น่าจะเอ่ยคำขอโทษแทนหลี่ฉีเป็พิเศษเช่นนี้หรือว่าคำขอโทษจะเป็เพียงเื่ลวง นางคงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงของเื่นี้เสียแล้ว?
ก็จริงที่การกระทำของนางนั้นสะดุดตา!
ซางจื่อยังตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ“คุณหนู ท่านว่าคงไม่ใช่นางแซ่หลี่คิดล่อท่านออกจากจวนอัครมหาเสนาบดี จึงให้ตระกูลหลี่มาช่วยเป็พิเศษ?”
“แบบนั้นก็มีความเป็ไปได้”ครั้งนี้ซูจิ้งเถียนถูกเอาคืนจนน่าอนาถมากจริงๆ ซูเฟยซื่อคิดๆ แล้ว จึงกล่าวต่อไปว่า“ซางจื่อ ครั้งนี้เ้าก็อยู่ในสวนปี้หวิน ก่อนที่ข้าจะกลับมา ห้ามไปไหนทั้งนั้นอย่าให้นางแซ่หลี่คิดจะทำอะไรแผลงๆ ได้”
นางกลับไม่กลัวนางแซ่หลี่ลงมือกับนางเพียงแต่เซ่าชิงยังอยู่ในสวนปี้หวิน ถ้าบังเอิญถูกคนพบเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาก็แย่แล้ว
“เช่นนั้นบ่าวให้จือฉินตามท่านไปด้วยนะเ้าคะ?” ซางจื่อกล่าวเสนอทั้งนี้เป็ถึงคุณหนูสามแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีแท้ๆ ยามออกจากบ้านกระทั่งสาวรับใช้คนหนึ่งก็ไม่มีมันไม่สมเหตุสมผลเกินไปจริงๆ
ซูเฟยซื่อพยักหน้า“ถ้าเช่นนั้นเ้าให้จือฉินเข้ามาช่วยข้าแต่งตัวเถิด”
ตระกูลหลี่เป็ครอบครัวทางมารดาของนางแซ่หลี่แม้กล่าวว่าไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับการล้มล้างตระกูลกู้นักแต่ถ้าพวกเขาคิดลงมือต่อนาง ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษนางว่าไม่สุภาพแล้วกัน
ออกจากจวนอัครมหาเสนาบดีซูเฟยซื่อเห็นรถม้าสองคันตามคาด อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “รถม้าสองคัน? นอกจากเราตระกูลหลี่ยังเชิญใครอีก?”
“ได้ยินว่ายังเชิญคุณหนูสี่ด้วยเ้าค่ะ”จือฉินไม่คิดว่าซูเฟยซื่อจะให้นางออกไปด้วย ยังอยู่ในสภาพตื่นเต้น
“อาการบ้าคลั่งของซูจิ้งเถียนดีขึ้นแล้วหรือ?” ซูเฟยซื่อเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ไม่รอจือฉินตอบเสียงอ่อนแอของซูจิ้งเถียนก็ดังมาแล้ว “ต้องให้พี่สามเป็ห่วงเถียนเอ๋อร์เพียงแค่ได้รับความใเล็กน้อย หลับตื่นหนึ่งก็ดีขึ้นแล้วเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อมองไปตามเสียงเห็นว่าแม้สีหน้าซูจิ้งเถียนจะแย่ไปบ้าง ทว่าคำพูดจากลับดูปกติมาก อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก
ความสามารถในการรักษาตัวเองแทบทำให้ผู้คนทึ่งเสียจริงมิฉะนั้นไหนเลยมีประโยคที่ว่า คนดีชีวิตไม่ยืนยาว ทรราชเป็เภทภัยคงอยู่เป็พันๆ ปี
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปกันเถิด” ซูเฟยซื่อไม่พูดกับนางให้มากความ หันหลังพาจือฉินไปขึ้นรถม้าคันที่อยู่ข้างหน้าแล้ว
ซูจิ้งเถียนเห็นท่าทีหยิ่งยะโสแบบนี้ของนางก็กำหมัดแน่นจนแทบแหลก
อย่าคิดว่าเมื่อสักครู่นางไม่ได้ยินซูเฟยซื่อถึงกับว่านางเป็โรคประสาทต่อหน้าสาวรับใช้!
แต่นั่นไม่สำคัญวันนี้นางยืนกรานที่จะยืนหยัดลุกขึ้นจากเตียง ฝืนตามมา ก็เพื่อดูว่าซูเฟยซื่อจะตายอย่างไร
ทันทีที่ซูเฟยซื่อเสียชีวิตทุกอย่างของจวนอัครมหาเสนาบดีก็จะกลับมาเป็เหมือนเดิม ตำแหน่งปกครองตระกูลของนางแซ่หลี่และนางยังคงเป็คุณหนูสี่ซึ่งเป็ที่นิยมดุจดวงจันทร์ที่มีดารารายล้อมคนนั้น
คิดถึงตรงนี้นางยกยิ้มชั่วร้ายทันที แล้วรีบขึ้นรถม้าคันที่อยู่ด้านหลังตามไป
จือฉินมีความละเอียดอ่อนกว่าซางจื่อมากรู้ว่าซูเฟยซื่อยังไม่ได้กินอาหารเช้าก่อนที่นางจะออกมา จึงได้นำขนมอบจากครัวบรรจุไว้ในกล่องอาหารเป็พิเศษเพื่อให้ซูเฟยซื่อสามารถกินบนรถม้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้